วิตามินบำรุงผิวที่เป็นอาหารผิวโดยตรงโดยมีวิตามินหลายตัวที่มีคุณสมบัติทั้งช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง, ผิวเนียนเด้ง และดูขาวใสแบบมีออร่าไปพร้อมๆ กัน ผิวดูมีออร่าคำที่ใครๆ หลายคนอยากได้ รวมถึงเราต่างรู้ดีว่า เมื่อมีผิวดีแล้ว ทุกอย่างก็จะดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าได้ง่าย, ทาแป้งบางๆ ในวันหยุดก็ดูสวยได้แบบธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญ ที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง
ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่น่าสนใจอื่นๆ อย่างเช่น เจลว่านหางจระเข้ , ครีมกระชับรูขุมขน , คลีนซิ่งออย , น้ำแร่ฉีดหน้า , คอลลาเจน , ครีมบำรุงผิวหน้า , มาร์คใต้ตา , เครื่องดูดสิว , สบู่ล้างหน้า , ครีมกันแดดผู้หญิง
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าอื่นๆ เช่น โฟมล้างหน้าลดสิว , วิตามินซีทาหน้า , ครีมลดรอยสิว , เจลแต้มสิว , มาร์คหน้าเกาหลี , โฟมล้างหน้าผิวแพ้ง่าย , น้ำตบ , เซรั่มเกาหลี
หรือจะเป็นหมวดหมู่ผิวกายที่น่าสนใจ ได้แก่ โัลชั่นผิวขาว , สบู่ลดสิวที่หลัง , ใยบวบ , ครีมทาส้นเท้าแตก , ครีมทาผิววาสลีน , ครีมกันแดดผู้ชาย , แฮนด์ครีม , ครีมอาบน้ำตัวหอม
สำหรับหมวดหมู่เพื่อสุขภาพที่เราคัดมา ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ , สปอร์ต บรา , ดัมเบล , ไบโอติน , วิตามินซี , ขิงผง , หมอนขนเป็ด , หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ , วิตามินบำรุงสายตา , น้ำมันมะพร้าว , นมผึ้ง , แผ่นลดไข้ , โสมเกาหลี , grape seed , แมสเกาหลี , ยาสีฟันฟันขาว , face shield , หมอนรองคอ , เข็มขัดพยุงหลัง ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
วิตามินบำรุงผิว คืออะไร
คือ อาหารเสริมหลากหลายชนิดที่เป็นวิตามินที่ช่วยดูแลผิวพรรณ และสารอาหารเสริมอื่นๆที่เน้นในเรื่องการดูแล, บำรุง, ซ่อมแซม และป้องกันผิวหนัง ซึ่งก่อนอื่นเราอาจจะต้องเน้นในเรื่องการโภชนาการหลักให้ครบถ้วนก่อน แล้วจึงค่อยเสริมวิตามินในการดูแลผิวเพิ่มขึ้น หากเห็นว่าเราขาดตัวไหนบ้าง
วิตามินบำรุงผิว กินยังไง
ควรจะเน้นการกินเป็นช่วงเวลา และกินก่อนมื้อหรือหลังอาหารดีที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้นั้นจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ วิตามินที่เรากินเข้าไปออกฤทธิ์ในการช่วยดูแลผิวขาวใส, เปล่งปลั่ง, และช่วยให้ผิวเนียนเด้ง อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.กินช่วงเช้า
เน้นว่าควรที่จะกินอาหารเช้าในทุกวันแต่การกินวิตามินก็จะมีการเน้นหลักที่มื้อเช้าร่วมด้วยซึ่งมีทั้งวิตามินที่กิน 1 เม็ดต่อวัน และมีอีกหลายตัว ที่จำเป็นต้องกินมากกว่า 1 เม็ดต่อวัน และเราจะสังเกตได้ว่า มื้อหนึ่งที่สำคัญและเป็นมื้อหลักคือ มื้อเช้าที่จำเป็นต้องมีอยู่ในช่วงเวลาที่กินวิตามินกลุ่มนี้ เพื่อช่วยเสริมการทำงานของอาหารเผิวที่เรากิน ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานช่วยให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
2.เวลาในการกิน
ลำดับในการกิน/มื้ออาหาร | วิตามิน |
ก่อนอาหาร | กรดอะมิโน และสังกะสี |
หลังอาหารหรือพร้อมอาหาร | เอ, ดี,ซี, บี, อี, เค, แคลเซียม, คิว 10, น้ำมันปลา |
กินเมื้อไหร่ก็ได้ | Grapeseed และเปลือกสน |
3.เน้นน้ำเป็นส่วนสำคัญ
ในการกินวิตามินต่างๆเราควรที่จะกินน้ำตามมากๆ โดยเฉพาะตัววิตามินที่ละลายในน้ำได้อย่าง วิตามินซีและบี ซี่งหากมีการกินวิตามินเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จะเป็นผลดีในการขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะ ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดสารสะสมในร่างกายในอนาคต
ประโยชน์ของวิตามินบำรุงผิวที่ดี
ผิวขาวใส
คือ วิตามินซีที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า และช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว หรือสารที่เรียกว่า เมลานินที่จะทำให้ผิวมีความหมองคล้ำ หรือสีผิวเข้มขึ้นเมื่อต้องโดนแสงแดด
ส่วนวิตามินบี 3 นั้นถึงแม้อาจจะไม่ได้มีส่วนในการสร้างผิวขาวใส โดยตรงก็ตามแต่มีส่วนในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ หากมีการกินร่วมกัน ก็จะเป็นการทำงานที่เสริมกันในเรื่องช่วยให้ผิวขาวกระจ่างอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากนั้นวิตามินบี 3 นั้นยังช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น และการเพิ่มคอลลาเจนและอิลาสติน หรือความยืดหยุ่นให้กับผิว เพื่อให้ผิวเนียนเด้งและเปล่งปลั่ง เป็นของแถมอีกด้วย
เด้ง เปล่งปลั่ง
ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณของคลอลาเจน และอิลาสตินเพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับใต้ผิวหนัง วิตามินอีช่วยในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยให้ผิวมีความเนียนเด้ง, ฟื้นฟูผิวที่มีความแห้งกร้านให้มีความเปล่งปลั่งขึ้นได้ อีกทั้งผลพลอยได้คือ วิตามินอีตัวนี้ยังช่วยในการป้องกันสารก่ออนุมูลอิสระ หรือสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย
ส่วนคอลลาเจนและกรดอะมิโนมีส่วนช่วยในการเติมความยืดหยุ่นให้กับผิวโดยตรง ซี่งจะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และป้องกันความเหี่ยวย่นในวัยที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อเรามีการเติมคลอลาเจนและสารอิลาสตินมากขึ้น ก็เหมือนการเติมความยืดหยุ่นให้กับเซลล์ผิวหนังด้านใน ให้เปล่งปลั่งและมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิม
ผิวเรียบเนียน
วิตามินอีถือว่าเป็นตัวเด่นที่มีคุณสมบัติหลากหลายสำหรับการดูแลผิว และช่วยให้ผิวเรียบเนียน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการให้ความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวเด้งเปล่งปลั่งได้อีก ดังนั้นวิตามินในการช่วยดูแลผิวหลายตัว ที่เป็นวิตามินรวมจึงมีส่วนประกอบของวิตามินอีตัวนี้เข้าไปด้วย และมีวิตามินบี 3ที่ช่วยในเรื่องการปรับผิวให้มีความกระชับ, ชุ่มชื้นและเรียเนียนเหมือนกับวิตามินอี
รูขุมขนเล็กลง
2 ตัวหลักๆ คือ วิตามินบี 3 หรือเราเรียกกันอีกชื่อว่าNiacinamide และวิตามินอี ไอคอนของวิตามินที่ช่วยในการบำรุงผิว ซึ่งจะช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง และในส่วนของ วิตามินบี 3 นั้นยังช่วยในเรื่องลดการสร้างเม็ดสีผิว หรือลดการทำงานของสารเมลานิน และลดจุดด่างดำที่กล่าวมาในคุณสมบัติของ ผิวขาวใสที่ทำงานร่วมกับวิตามินซีอีกด้วย
แนะนำวิธีเลือกซื้อวิตามินบำรุงผิว
1.เลือกตามสภาพปัญหาผิว
ซึ่งเราสามารถเลือกกินได้ตามสภาพปัญหาของผิว อย่างเช่น ผิวมีความหมองคล้ำ ที่อาจเกิดจากการโดนความร้อนจากแสงแดด การเลือกกินวิตามินซี ที่จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่า และช่วยในการสร้างความกระจ่างใสให้กับผิว หรือต้องการเน้นในเรื่องการป้องกันสารอนุมูลอิสระ และการเกิดริ้วรอยจากวัยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ควรที่เน้นเลือกสารไลโคปีน และโคเอนไซม์คิว 10 ที่มีคุณสมบัติเด่นในด้านนี้โดยเฉพาะ
2.เลือกตามปริมาณที่ควรกินต่อวัน
ในส่วนของวิตามินที่ละลายในไขมัน อย่างเช่น วิตามินเอ, วิตามินดี, วิตามินอี และวิตามินเค นั้น ที่เราควรระวังในการกินต่อวัน ที่อาจจะต้องควบคุมปริมาณที่พอเหมะ อย่างเช่น วิตามิน เอ ที่ควรเน้นการกิน 600 ไมโครกรัมต่อวัน หรือในกรณีของผู้หญิงที่ตั้งท้องอยู่ ควรเน้นเพิ่มมากขึ้นอีก 200 ไมโครกรัมต่อวัน
โดยเฉพาะส่วนของวิตามินซี ที่ถึงแม้จะละลายในน้ำ ที่จะขับออกมาทางปัสสาวะ หากเรามีการกินที่เกินปริมาณที่ร่างกายต้องการก็ตาม ก็ควรที่จะกินในปริมาณอย่างน้อยคือ 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน ที่อาจจะแบ่งเป็นมื้อเช้า และมื้อเย็น เพื่อที่จะครอบคลุมการทำงานของตัววิตามินได้ตลอดทั้งวัน
3.เลือกดูวันหมดอายุ
ต้องสังเกตและดูรายละเอียดในเรื่องของวันหมดอายุของตัววิตามิน ซึ่งเราอาจจะคิดว่า ส่วนใหญ่ที่เคยซื้อมาก็มีอายุที่สามารถกินได้นาน และส่วนใหญ่ก็จะกินหมดก่อนวันหมดอายุ จนทำให้เราหลายคนไม่ค่อยได้สังเกตวันหมดอายุสักเท่าไหร่
ซึ่งตรงนี้มีส่วนอย่างมาก เพราะในวันที่เราซื้อนั้นอาจจะยังไม่หมดอายุ แต่ด้วยบางคนอาจจะมีการซื้อตุนเก็บไว้, มีระยะในการกินที่นาน หรือซื้อเป็นขวดใหญ่มีจำนวนหลายเม็ด ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือนในการกินจนหมดขวด ทั้งหมดนี้อาจะทำให้วิตามินหมดอายุโดยที่เราคิดไม่ถึง ซึ่งตัวอักษรย่อในการระบุวันหมดอายุ หรือวันที่ในการผลิตก็ตาม คือ
- EXP: Expiry Date วันหมดอายุตามที่ระบุไว้
- EXD:Expiration Date วันหมดอายุตามที่ระบุไว้
- MFG:Manufacturing Date วันที่ระบุไว้เป็นวันผลิตสินค้านั้น
- MFD:Manufactured Date วันที่ระบุไว้เป็นวันผลิตสินค้านั้น
- BB:Best Before ควรกินก่อนวันที่ระบุไว้
- BBE:Best Before End ควรกินก่อนวันที่ระบุไว้
ซึ่งทั้ง Best Before, Best Before End, Expiry Date หรือ Expiration Date นั้นจะไม่มีปัญหาคือ เราสามารถกินวิตามินตัวนั้นๆ ได้ถึงวันที่ระบุ แต่หากเป็น Manufacturing Date หรือ Manufactured Date มีความหมายเพียงแค่ วันผลิตเพียงเท่านั้น ซึ่งหากเราไม่เปิดซีลขวด หรือเปิดกินสามารถที่จะเก็บกินได้ในระยะเวลา 2-3 ปี หรือมีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งแตกต่างจากที่กำหนดวันหมดอายุ เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วจะครอบคลุมเพียงแค่ 1-2 ปี
คำถามที่พบบ่อยของวิตามินบำรุงผิว
ผิวหน้าแห้งมากขาดวิตามินอะไร
วิตามินดี
วิตามินดีร่างกายของเราจะสังเคราะห์ได้เอง และยังทำงานร่วมกันกับแคลเซียม ที่ช่วยให้ร่างกายสามารถนำแคลเซียมไปใช้ได้เมื่อเราได้รับแสงตอนเช้า แต่ในอีกทางหนึ่งวิตามินดีตัวนี้ ก็สามารถช่วยในเรื่องการรักษาผิวหนังที่มีความแห้ง และแตกลอกเป็นขุยได้อีกด้วย โดยเฉพาะผิวแห้งที่ไม่ได้เกิดจากอากาศหรืออุณหภูมิที่เย็นเท่านั้น แต่จะมีลักษณะผิวตัว, มือและปากลอกเป็นขุยตลอดทั้งปี ซึ่งอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตได้
วิตามินอี
วิตามินอีถือว่าเป็นวิตามินที่มีผลในการดูแลผิวพรรณโดยตรง ด้วยการเน้นการบำรุงและสร้างความชุ่มชื้น เพื่อให้ผิวเนียนและดูไม่แห้ง อีกทั้งยังช่วยในการลดรอยเหี่ยวย่นและลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
วิตามินบี
วิตามินบี 5 หรือบีรวมนั้น นอกจากสามารถช่วยในเรื่องช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณแล้วนั้น ยังช่วยรักษาอาการริมฝีปากหรือมือที่ลอกเป็นขุยได้อีกด้วย โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวด้วยแล้ว อาการมือลอกปากลอกเป็นขุยนี้ ไม่สามารถให้หายได้เพียงแค่การหาโลชั่น หรือครีมบำรุงมาทาเพียงเท่านั้น เพราะอาจจะต้องพึ่งตัววิตามินบีรวมนี้ ในการปรับสภาพความสมดุล และเพิ่มการกักเก็บน้ำไว้ภายใต้ผิวอีกด้วย
สุดยอดวิตามินบำรุงผิว by หมอแอมป์
สรุป
วิตามินบำรุงผิวปัจจุบันนี้ทำออกมาหลายตัว หลายยี่ห้อ จะเน้นในเรื่องการเสริมทั้งการบำรุง, ดูแลและฟื้นฟูผิวให้มีสภาพที่แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยให้ผิวขาวใส, เรียบเนียน และดูมีชีวิตชีวาร่วมด้วย เราควรศึกษาหาทานตามปัญหาสภาพผิวของเรา และทานเป็นเวลาที่ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดรวมทั้งทานอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นระยะเวลาหนึ่ง
อ้างอิง
Supplements for Healthy Skin : WebMD
Do You Need Supplements for Better Skin? Here’s What the Science Says : healthline
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี