ทรีทเม้นท์ผมทุกวันนี้สามารถใช้ได้บ่อย มีทั้งในรูปแบบที่ต้องล้างออก และไม่ต้องล้างออกให้เราเลือกใช้ตามสะดวก และมีบางสูตรไม่ผสมเคราติน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมแห้งเสีย, ผมแตกปลาย, ผมชี้ฟู และผมไม่มีน้ำหนักใช้ได้บ่อยในทุกวัน
ก่อนอื่นเราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่สุขภาพของเส้นผมมีดังนี้ ครีมหมักผม , แชมพูลดผมมัน , แชมพูลดผมร่วง , ครีมนวดผม , ยาสระผมแก้ผมร่วง , ยาสระผมแก้ผมมัน , น้ำยาดัดผม , ยาสระผมแก้รังแค , แชมพูปลูกผม , แชมพูย้อมผม
ครีมกำจัดขน , แชมพูออแกนิค , ครีมกัดสีผม , แชมพูสำหรับผมดัด , ครีมยืดผม , น้ำยายืดผม , ครีมจับลอน , ครีมเปลี่ยนสีผมชั่วคราว , โฟมเปลี่ยนสีผม , มูสไส่ผม , เซรั่มปลูกคิ้ว , ครีมหมักผมเคราติน
สำหรับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้กับเส้นผม มีดังนี้ หมวกอบไอน้ำ , เครื่องม้วนผม , ที่หนีบผม , ไดร์เป่าผม , ปัตตาเลี่ยน , ที่ม้วนผม , กรรไกรตัดผม , โรลม้วนผม , กรรไกรซอยผม , หวีไฟฟ้า
อาหารเสริมสำหรับการบำรุงผม เช่น วิตามินบำรุงผม , วิตามินแก้ผมร่วง ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
ทรีทเม้นท์ผม คืออะไร
คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ด้วยส่วนประกอบที่เป็นสารอาหารของเส้นผม อย่างเช่น น้ำมันจากดอกสึบากิ, น้ำมันมะพร้าว หรืออาร์แกน ออยล์ ร่วมกับเคราติน และวิตามินบี5 สูตรเข้มข้น
โดยเน้นในการบำรุงเส้นผมที่แห้งเสีย, ฟื้นฟูเส้นผมไม่มีน้ำหนัก ให้ดูมีสปริงและเป็นธรรมชาติ, ช่วยให้ผมนุ่มสลวย เรียบลื่น ใช้ได้บ่อย รวมถึงมีแบบไม่ต้องล้างออกอีกด้วย
ทรีทเม้นท์ผม มีกี่แบบ
แบบไม่ต้องล้างออก
ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานมาก คือ แค่ชโลมตัวผลิตภัณฑ์ หรือฉีดในรูปแบบสเปรย์ลงปลายผม เพื่อช่วยบำรุง ซึ่งให้คุณสมบัติในการช่วยบำรุงผมแห้งเสีย ให้กลับมามีสภาพผมนุ่มสลวยและเรียบลื่น อีกทั้งยังมีส่วนประกอบ ทั้งสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด
แบบล้างออก
เรามักจะใช้หลังจากสระผม มีความเข้มข้นในเนื้อครีมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องระวังการใช้ที่ถี่มากจนเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะเกิดความมันขึ้นมาได้ โดยขั้นตอนการหมักผม ถึงแม้จะเพียงแค่ 5-10 นาที แต่ก็ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก หากเราเปรียบเทียบกับ ทรีทเม้นท์บำรุงผมในแบบแรก
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ คือ โฟมเปลี่ยนสีผม , มูสใส่ผม , ครีมจับลอน , ครีมยืดผม , ที่หนีบผม , โรลม้วนผม , หมวกอบไอน้ำ , หวีไฟฟ้า , ที่ม้วนผม , กรรไกรซอยผม ท่านผู้อ่านสามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้
ทรีทเม้นท์ผม กับประโยชน์ที่ได้รับ
ช่วยให้นุ่มสลวย
ด้วยเนื้อของผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์บำรุงผม มีเนื้อเข้มข้น และมีส่วนประกอบของน้ำมันจากธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยในการปรับสภาพเส้นผมให้ดูนุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ
เรียบลื่น
ผู้ที่ต้องเจอกับปัญหาเส้นผมชี้ฟู โดยเฉพาะผมที่ขาดการบำรุงอย่างต่อเนื่อง หรือผู้ที่มีลักษณะผมดัด หรือผมหยิกหยักศก สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ ในแบบไม่ต้องล้างออกนี้ได้ เพื่อช่วยให้เส้นผมมีสภาพเรียบลื่น และไม่ชี้ฟู ที่หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดปัญหาผมแห้งแตกปลายได้
มีวอลุ่ม
การใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์น้ำ จะช่วยให้เส้นผมไม่มีน้ำหนัก กลับมาจัดทรงได้อย่างสวยงาม รวมถึงมีโคนผมยกขึ้น ไม่ว่าจะทำทรงไหนก็ดูเป็นธรรมชาติ เส้นผมไม่ดูลีบเหมือนเดิม
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม
สารบำรุงที่สำคัญ คือ หรือ แพนโทเทนิก (Pantothenic) จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม รวมถึงลดการขาดร่วงของเส้นผม เมื่อเส้นผมแข็งแรง ก็จะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย หรือ ปัญหาผมแห้งกรอบด้วยสารอาหารผมตัวนี้ จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมจากเกล็ดผมด้านนอกเข้าสู่เนื้อผม
เพิ่มความเงางาม
ช่วยบำรุงและฟื้นฟู
เป็นการตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังเจอกับปัญหา เส้นผมแห้งเสีย, แตกปลาย หรือผมช็อต อันเนื่องมาจากสาเหตุความร้อน, สารเคมี เพียงแค่ใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผมอย่างต่อเนื่อง ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ก็จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผมเหล่านี้ไปได้
วิธีใช้ทรีทเม้นท์ผมให้ผมสลวยเรียบลื่น
กรณีเป็นทรีทเม้นท์ผมแบบที่ไม่ต้องล้างออก
- สระผมและเช็ดผมให้หมาด ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผม
- หากเป็นเนื้อเซรั่ม, เนื้อเจล หรือเนื้อน้ำมันนั้น ให้ใช้การกดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
- แบ่งผมเป็นส่วนๆ เพื่อให้มีการชโลมได้ทั่วถึง
- การชโลมเน้นความสำคัญลงที่ปลายผม เว้นโคนผมไว้เพราะเป็นส่วนที่ติดหนังศีรษะ
- หากเป็นสเปรย์ที่มีความใสในลักษณะของน้ำ และบางเบากว่า ให้แบ่งผมเป็นซีกซ้ายและซีกขวา
- จากนั้นให้ฉีดสเปรย์ลงส่วนที่เป็ปลายผม เว้นส่วนโคนผมไว้
- จากนั้นเราสามารถที่จะใช้ไดร์เป่าผมด้วยลมเย็น หรือลมร้อน
การเป่าผมไม่จำเป็นต้องให้ผมแห้งสนิท เพราะตัวทรีทเม้นท์บำรุงผม ได้เคลือบชั้นนอกของเส้นผมไว้แล้ว และเหตุผลที่ไม่ควรลงบริเวณโคนผมคือ หลีกเลี่ยงไม่ให้หนังศีรษะโดนความมันจากทรีทเม้นท์ เพราะบริเวณโคนผมจะมีน้ำมัน หรือซีบัมผลิตออกมาตลอด จะทำให้หนังศีรษะมีความมันจนเกินไป ซึ่งจากขั้นตอนในการใช้นั้น เราจะเห็นได้เลยว่ามีความสะดวกสบาย แต่มีข้อดีอยู่ตรงที่ เนื้อและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความจำเป็นที่ควรชโลมหรือฉีดตัวทรีทเม้นท์นี้ ก่อนการไดร์ผม หรือเป่าผมให้แห้งก็คือ จะช่วยให้ไม่เกิดละอองของฝุ่นที่ลอยตามอากาศ มาจับกับเส้นผม เพราะในหลายครั้งหลังจากการชโลมทรีทเม้นท์ลงบนเส้นผมแล้ว มีส่วนเกินของผลิตภัณฑ์ที่เคลือบเส้นผมภายนอกหนาเกินไป การเป่าด้วยลมเย็น หรือลมร้อน ก็จะช่วยให้แห้งไปกับเส้นผม
ในส่วนที่จำเป็นต้องเช็ดผมให้แห้งหมาดๆ ก่อนที่จะลงผลิตภัณฑ์บำรุงผม ในรูปแบบ Leave In หรือแบบไม่ต้องล้างออก เหตุผลที่สำคัญก็คือ หากผมยังชุ่มน้ำอยู่ ครีมบำรุงผมไม่สามารถจะจับเกาะ หรือเคลือบเส้นผมภายนอกได้ โดยเฉพาะหลังจากที่เราชโลมทรีทเม้นท์ไปแล้ว มีการนำเอาผ้าขนหนูมาเช็ดผมอีกรอบ ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะหลุดออกมาพร้อมกับการเช็ด และอาจทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผม และไม่สามารถป้องกันเส้นผมจากความร้อนได้ดีพอ
วิธีเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผม
รูปแบบ
เลือกแบบไม่ต้องล้างออก หรือแบบล้างออก
การใช้งานที่แบบไม่ต้องล้างออกจะมีความสะดวกรวดเร็ว และง่ายสำหรับเวลาเช้าๆ ที่เราทุกคนต้องรีบเร่งไปทำงาน และไปเรียน เพียงแค่ชโลมผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ ในแบบไม่ล้างออก จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเล็กน้อย ก็สามารถช่วยเซ็ตทรงผม ร่วมไปกับการป้องกันเส้นผมจากความร้อน และยังช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์
เนื้อผลิตภัณฑ์
มีหลากหลายเนื้อสัมผัสให้เราได้เลือกตามความต้องการแต่หลักๆ แล้วเน้นในเรื่องการบำรุงเส้นผม, ซ่อมแซมฟื้นฟูผมแห้งเสีย และช่วยจัดเซ็ตทรงผมได้ไปพร้อมกัน
- เนื้อเซรั่ม มีความเข้มข้นสูง เนื้อสีขาว ใช้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นได้
- เนื้อบาล์ม ลักษณะเนื้อข้น สำหรับผมที่ขาดการบำรุงและแห้งเสียเป็นอย่างมาก
- เนื้อน้ำแบบสเปรย์ ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผมที่มีการบำรุงต่อเนื่อง
- เนื้อน้ำมันหรือเจล หยดเพียงเล็กน้อยหรือเม็ดถั่วเขียว แล้วชโลมตามเส้นผม จะช่วยเคลือบผม และช่วยให้ผมนุ่มสลวย ไปพร้อมกับจัดเซ็ททรงผมไปด้วย
กลิ่นหอม
ในแต่ละยี่ห้อก็จะเน้นกลิ่นที่มีความหอมที่บางเบา อย่างเช่น กลิ่นกุหลาบ, กลิ่นธรรมชาติจากออยล์ หรือกลิ่นคล้าย Baby Powder หรือแป้งเด็ก รวมถึงยังมีกลิ่นหอมจากพืชพรรณธรรมชาติอีกหลากหลาย ให้ผู้ใช้ได้พิจารณาเลือกตามความเหมาะสมกับตัวเอง
ส่วนประกอบจากธรรมชาติ
เลือกส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอกจากสควาเลน หรือ Squalane Olive Oil, น้ำมันจากแมคคาเดเมีย, น้ำมันจากอาร์แกน ออยล์ และ โจโจ้บา ออยล์ รวมถึงสารสกัดจากพืชธรรมชาติ อย่างเช่น สารสกัดจากสาหร่ายทะเล
บรรจุภัณฑ์
- ขวดสเปรย์ จะเป็นทรีทเม้นท์บำรุงผม ที่มีเนื้อเป็นของเหลว มีลักษณะบางเบา ใช้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- ขวดกด ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเป็นเนื้อเซรั่ม หรือส่วนประกอบที่เป็นเคราตินเข้มข้น
- หลอดบีบ ลักษณะเป็นเนื้อเจล ที่มีความพอดี ไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป เน้นการให้เส้นผมมีความนุ่มลื่น และช่วยจัดเซ็ตทรงผมไปด้วยในตัว
คำถามที่พบบ่อย
ทรีทเม้นท์ผมใช้ได้ทุกวันไหม
ในแบบที่ต้องล้างออกควรใช้เพียงแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น หากใช้ถี่จนเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะมัน และทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมอื่นๆ ตามมาอีกได้
ในแบบที่ไม่ต้องล้างออก สามารถใช้ได้ทุกวันโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหาหนังศีรษะมีความมันมากจนเกินไป เพราะในการใช้งานจริง เราควรชโลมทรีทเม้นท์ Leave In นี้ให้มีระยะห่างจากโคนผมอยู่แล้ว และเน้นการชโลมหรือฉีดลงในส่วนของปลายผมมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหากเป็นรูปแบบขวดสเปรย์ ที่มีลักษณะเป็นเนื้อของเหลวที่บางเบา
ควรที่จะมีการสระผมทุกวันด้วยเช่นกัน ไม่ควรค้างไว้บนเส้นผม เพราะตลอดวันที่เราออกไปนอกบ้าน ต้องเจอกับความร้อน, ฝุ่นละออง หรือสารพิษต่างๆ อย่างเช่น ควันรถ หรือควันต่างๆ การสระผมทุกวันจะช่วยในการดูแลเส้นผม, ดูแลหนังศีรษะ และช่วยดูแลใบหน้าของเราด้วย
และแนะนำว่าให้ดีที่สุดควรใช้ในตอนเช้า เพราะจะช่วยให้ตัวทรีทเม้นท์ไม่ติดปลอกหมอน และเป็นการเซ็ตผมในตอนเช้าไปพร้อมกันทีเดียว
รีวิวทรีทเม้นท์ผมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น
สรุป
ทรีทเม้นท์ผมปัจจุบันได้ผลิตมาเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบที่ต้องล้างออก และแบบที่ไม่ต้องล้างออก ซึ่งแต่ละแบบต่างมีความสะดวกใช้ที่แตกต่างกันไป แต่ผลจากการใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำยาวนานมากพอแล้วจะทำให้ผมคุณนุ่มสลวย เรียบลื่น หมดปัญหาเส้นผมแบบเดิมๆ
ยุ้ย พิมพ์ฉัตร การศึกษาปริญญาตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ มีประสบการณ์และเป็นนักค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นนักทดสอบผลิตภัณฑ์ออกใหม่เพื่อดูแลเส้นผมแบรนด์ดังหลายแบรนด์
