ครีมกัดสีผมเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ฟอกสีผมรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม ถูกผลิตขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกและเปลี่ยนสีผมจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่งเนื่องจากการย้อมผมแบบธรรมดาไม่สามารถเปลี่ยนสีผมเดิมแบบ 100% ได้
ในเนื้อหาจะพาไปทำความรู้จักกับครีมนี้เพื่อให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้คืออะไร เหมาะกับใคร มีวิธีการใช้อย่างไร หลังใช้เสร็จแล้วควรดูแลผมอย่างไร รวมไปถึงวิธีเลือกซื้อ และข้อควรระวังในการใช้ ซึ่งความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการกัดสีผมได้ทราบถึงข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง และจะช่วยให้สามารถตัดสินใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น
ก่อนอื่นเราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่สุขภาพของเส้นผมมีดังนี้ ครีมหมักผม , แชมพูลดผมมัน , แชมพูลดผมร่วง , ครีมนวดผม , ยาสระผมแก้ผมร่วง , ยาสระผมแก้ผมมัน , น้ำยาดัดผม , ยาสระผมแก้รังแค , แชมพูปลูกผม , แชมพูย้อมผม
ครีมกำจัดขน , ทรีทเม้นท์ผม , แชมพูออแกนิค , แชมพูสำหรับผมดัด , ครีมยืดผม , น้ำยายืดผม , ครีมจับลอน , ครีมเปลี่ยนสีผมชั่วคราว , โฟมเปลี่ยนสีผม , มูสไส่ผม , เซรั่มปลูกคิ้ว , ครีมหมักผมเคราติน
สำหรับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้กับเส้นผม มีดังนี้ หมวกอบไอน้ำ , เครื่องม้วนผม , ที่หนีบผม , ไดร์เป่าผม , ปัตตาเลี่ยน , ที่ม้วนผม , กรรไกรตัดผม , โรลม้วนผม , กรรไกรซอยผม , หวีไฟฟ้า
อาหารเสริมสำหรับการบำรุงผม เช่น วิตามินบำรุงผม , วิตามินแก้ผมร่วง ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
ครีมกัดสีผม คืออะไร
คือ ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีมสำหรับการกัดสีผม จุดประสงค์หลักของผลิตภัณฑ์นี้คือการฟอกสีผมเดิมให้มีสีที่อ่อนหรือจางลง เพื่อให้เปลี่ยนสีผมใหม่จากการย้อมผมได้ ซึ่งการย้อมผมแบบธรรมดานั้นยังไม่สามารถเปลี่ยนสีผมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 100%
หลักการทำงานของครีมจะผสมสารประเภทอัลคาไลน์และตัวไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้าด้วยกัน เมื่อถูกนำไปใช้กับผมก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น โดยสารดังกล่าวจะเริ่มเข้าไปเปิดเกล็ดผมเพื่อให้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบหลักเข้าไปฟอกเม็ดสีเมลานินในเส้นผม ส่งผลให้สีผมอ่อนหรือจางลง และเมื่อสีผมเดิมจางลงแล้ว การย้อมสีผมก็จะได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การฟอกสีผมกับกัดสีผม แตกต่างกันอย่างไร
ทั้งคู่นั้นเป็นกระบวนการที่ทำให้สีผมที่แท้จริงดูอ่อนลงเพื่อที่จะได้มีสีที่ติดทนและเด่นชัดตามที่เราต้องการเช่นเดียวกัน และทั้งสองอย่างก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพผิวหนังศีรษะไม่แข็งแรง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
ฟอกสีผมนั้นถือเป็นตัวช่วยให้สีผมของเรานั้นดูอ่อนลงทำให้สีที่เราต้องการย้อมสีลงไปติดทนและมีสีที่ชัดตามความต้องการของเรา และก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะของเราไม่น้อย ดังนั้นแล้วเราจึงไม่ควรที่จะทำบ่อยครั้ง และควรให้ความสำคัญกับการบำรุงเส้นผมหลังการฟอกสีด้วย
กัดสีผมเป็นตัวที่ทำให้สีผมอ่อนลงทำหน้าที่เดียวกันจะมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่จะเป็นตัวกำหนดสีและความเข้มอ่อน โดยจะมีไฮโดรเจนเปอร์ 3 เปอร์เซ็นต์ไปจนถึง 12 เปอร์เซ็นต์ สามารถกำหนด ระดับความสว่างของสีผมได้ จึงต้องเลือกระดับให้เหมาะสม เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไม่ทำลายสุขภาพของเส้นผม
คุณสมบัติของครีมกัดสีผมที่ดี
1. ไม่ข้นหนืดจนเกินไป
ควรมีสภาพที่ไม่ข้นหนืดจนเกินไป และควรเป็นสูตรที่เกลี่ยได้ง่าย เนื่องจากการกัดสีผมหรือการเปลี่ยนสีผมนั้นจำเป็นต้องทำอย่างเร่งรีบ หากเลือกครีมที่มีสภาพไม่ข้นหนืดมากและเกลี่ยง่าย จะทำให้ขั้นตอนการเปลี่ยนสีผมทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
2. ติดทน
สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใช้แล้วติดทน และไม่ทำให้เส้นผมดูเหลืองหลังจากการกัดสี ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งานหลายท่านมักจะเผชิญอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่มีคุณภาพดีมากพอ
3. บำรุงเส้นผม
มีสารสำคัญที่ช่วยในการบำรุงเส้นผมไปในตัว เพราะการกัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมบ่อยๆ นั้น ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะทางตรง หากครีมเปลี่ยนสีผมมีสารที่ช่วยบำรุงผม ก็จะช่วยฟื้นฟู และบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพที่แข็งแรงได้เร็วขึ้น
4. ทำแล้วผมไม่เสีย
ควรเป็นสูตรที่มีคุณภาพสูง และไม่ทำร้ายสุขภาพผมและหนังศีรษะ
5. ทำง่าย
ทำง่ายที่บ้านสะดวกและใช้เวลารวดเร็วไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากไม่จำเป็นต้องกัดสีหลายครั้งเพื่อทำลายเส้นผมก็ได้สีผมที่ต้องการและถูกใจได้ง่าย ๆ ทำเองได้เลย
6. กลิ่นไม่ฉุน
มีกลิ่นที่ไม่ฉุน อยู่ในระดับที่ผู้ใช้สามารถรับได้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผมโดยเฉพาะไม่ควรมีกลิ่นฉุนจนเกินไป หรือถ้าไม่มีเลยก็ยิ่งดี เพราะกลิ่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้
7. มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ
ให้ความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ทำให้แสบขณะใช้ เพราะการกัดสีผมถือเป็นการใช้สารเคมีอยู่แล้ว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้
ขั้นตอนและวิธีกัดสีผม
- ตรวจสอบเส้นผมของตัวเองก่อนว่า มีสภาพอย่างไร มีความแข็งแรงพร้อมที่จะทำการกัดสีผมหรือไม่
- เมื่อทราบว่าสภาพเส้นผมยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำการกัดสี ให้ดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงจนกว่าสภาพเส้นผมจะแข็งแรงขึ้น
- ควรทดสอบก่อนเริ่มกัดสีผมว่าแพ้สารอะไรหรือไม่ ให้ใช้ทาบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วพบว่าไม่มีอาการแพ้หรือความผิดปกติใด ๆ ก็สามารถเริ่มขั้นตอนการกัดสีผมได้เลย
- เตรียมเส้นผมให้แห้งและสะอาด จากนั้นแบ่งเส้นผมเป็นช่อเล็กๆ เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการกัดสีผม
- เริ่มลงครีมกัดสีผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะก่อน ทำการลงครีมรอบที่สอง โดยให้เริ่มลงสีที่บริเวณโคนผมและเก็บรายละเอียด
- ฉีดน้ำใส่ผมเพื่อลดความเข้มข้นของครีมและยืดเวลาการฟอกให้สีสว่างขึ้น
- สระผมด้วยแชมพูเพื่อล้างครีมออกให้สะอาด ในขั้นตอนนี้แนะนำให้ลง ครีมหมักผมเคราติน นวดไปด้วย เพื่อทำการชำระล้างครีมที่เกาะอยู่ตามเกล็ดผมออกให้หมด
- หลังสระผมควรเช็คสภาพผมดูด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในกรณีที่ทำครั้งแรกแล้วมีความรู้สึกว่าผมเสียหรือเกิดการเปราะขาดก็ควรพักการทำผมไว้ก่อน
- เพื่อใช้เวลาฟื้นบำรุงให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น แต่ถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถทำสีผมต่อไปได้
วิธีเลือกซื้อครีมกัดสีผม
1. เลือกซื้อที่มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ควรเลือกซื้อครีมที่มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ให้เหมาะกับสภาพของเส้นผม และมีคุณภาพดี เนื่องจากว่าหากมีปริมาณเปอร์ออกไซด์ที่เข้มข้นเกินไป จะทำให้ส่งผลเสียต่อเส้นผม และหนังศีรษะไหม้ได้
2. เลือกซื้อประเภทที่ไม่หนืดข้นจนเกินไป
ความหนืดข้นของตัวครีมที่เยอะจนเกินไปจะส่งผลให้การเปลี่ยนสีผมทำได้ยาก ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมที่มีสภาพไม่หนืดข้น เกลี่ยง่าย จะทำให้การฟอกสีผมทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
3. เลือกซื้อครีมสำหรับกัดสีผมที่มีกลิ่นไม่ฉุน
กลิ่นถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าขั้นตอนในการเปลี่ยนสีผมต้องใช้เวลาพอสมควร หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีกลิ่นฉุน จะทำให้เกิดอาการเหม็นจนทนไม่ได้ หรือบางรายอาจจะเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นควรเลือกครีมสำหรับกัดสีผมที่ไม่มีกลิ่นฉุนจะดีที่สุด
4. เลือกซื้อที่มีแชมพูสำหรับฟอกผมมาโดยเฉพาะ
ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่มีแชมพูสำหรับฟอกผมมาโดยเฉพาะ หากเลือกได้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างมาเป็นชุดจะดีที่สุด และบำรุงด้วย แชมพูออแกนิค จะทำให้การดูแลหลังการกัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมมีประสิทธิภาพ และเส้นผมสามารถฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น
5. เลือกซื้อประเภทที่สามารถลดเม็ดสีเหลืองบนเส้นผมได้
เพราะการกัดสีผมหรือการเปลี่ยนสีผม อาจไม่ประสบความสำเร็จในบางครั้ง ซึ่งผลข้างเคียงที่มักพบเจออยู่บ่อยๆ ก็คือเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีจะดูเหลือง แต่ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากพอก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้
6. เลือกซื้อประเภทที่มีการระบุปริมาณและวิธีการใช้อย่างละเอียด
เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้กัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมได้อย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการนำไปใช้อย่างผิดวิธีได้ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อต้องตรวจสอบรอบๆ บรรจุภัณฑ์ และอาจวิธีการใช้อย่างละเอียด รวมถึงมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่กัดสีผมด้วย เนื่องจากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอยู่
ข้อควรรู้ก่อนกัดสีผมด้วยตนเอง
1. บำรุงผมให้แข็งแรงก่อน
หากอยากจะทำการเปลี่ยนสีผมแนะนำว่าให้ควรบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะก่อนอย่างน้อย 1 เดือน เพราะว่าสารเคมีที่ผสมอยู่ในครีมมีปฎิกิริยาที่ค่อนข้างรุนแรงต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างมาก เลือกใช้เป็น ครีมหมักผม ที่เป็นสูตรธรรมชาติ หมักเป็นประจำทุก
2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดี
ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มียี่ห้อมีราคาแพงหน่อย อย่าเห็นแก่ของถูกเพราะยิ่งมีราคาถูกเท่าไหร่ ก็ยิ่งใส่สารเคมีเยอะเท่านั้น ทำให้กัดสีผมได้รวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่คุ้มเลย และเกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมตามมาอีกมากมายได้ในอนาคต
3. อย่าฟอกผมนานเกินไป
ก่อนทำการกัดสีผมด้วยตนเอง ควรอ่านรายละเอียดและวิธีการใช้งานก่อน ที่สำคัญไม่ควรที่จะกัดสีทิ้งไว้นานๆ เพราะคิดว่าจะทำให้ได้สีที่ต้องการรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลากัดหลายรอบ ไม่เป็นความจริงเลย โดยเฉพาะใครที่มีเส้นผมบางและเล็ก หากกัดทิ้งไว้นานๆ จะทำให้เกิดผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะอักเสบได้
4. อย่าฟอกสีผมบ่อย
เทรนด์การเปลี่ยนสีผมกำลังมาแรงก็จริง แต่ทางที่ดีเราไม่ควรที่กัดสีผมบ่อยๆ หากอยากเปลี่ยนจริงๆ ก็ควรเน้นช่วงสักประมาณ 3 เดือน เพื่อให้เส้นผมได้ฟื้นฟูและได้พักบ้าง เพราะหากยังฝืนที่จะเปลี่ยนตลอดเวลา จะเกิดปัญหาทั้งเส้นผมขาดร่วงง่าย เส้นผมแห้ง และที่สำคัญหนังศีรษะติดเชื้อได้ง่าย
วิธีดูแลเส้นผมหลังการใช้ครีมกัดสีผม
- หลังจากทำการกัดสีผมแล้ว ไม่ควรสระผมเลยทันที รอสักประมาณ 48 ชั่วโมง แล้วค่อยสระ ที่สำคัญต้องใช้แชมพูและครีมนวดสูตรธรรมชาติจะดีที่สุด
- บำรุงด้วยการหมักผมด้วยทรีทเมนท์มาส์ก สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และใช้เซรั่มบำรุงผม เพื่อช่วยซ่อมแซมเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง และนุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ
- เส้นผมที่ผ่านการฟอกสีมักจะมีความอ่อนแอมากกว่าปกติ ดังนั้นหากต้องการตกแต่งทรงผมด้วยความร้อน ไม่ว่าจะหนีบหรือไดร์ แนะนำว่าให้ฉีดสเปรย์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง
- หลังกัดสีผมควรพักฟื้นเพื่อให้เส้นผมมีความแข็งแรง โดยเว้นระยะเวลาในการทำสีหรือกัดสีในครั้งต่อไปเพื่อให้ผมได้ฟื้นฟูอย่างน้อย 1 เดือน
ลองกัดสีผมเองด้วย mise en scene tone up bleach
สรุป
ครีมกัดสีผมคือผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้สำหรับการกัดสีผมเดิมให้อ่อนหรือจางลง เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการย้อมสีผม ซึ่งการกัดสีผมนั้นถือเป็นกระบวนการทางเคมี ที่จะมีปฎิกิริยาต่อเส้นผม โดยจะมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ทำให้สีผมอ่อนหรือจางลง โดยสารเคมีนั้นจะทำปฏิกิริยากับผมหรือไปทำลายโปรตีนในเส้นผม มีความเสี่ยงทำให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเกิดปัญหาได้ เพราะฉะนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง และควรพิจารณาเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมและปลอดภัยกับสภาพเส้นผมด้วย
ยุ้ย พิมพ์ฉัตร การศึกษาปริญญาตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ มีประสบการณ์และเป็นนักค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นนักทดสอบผลิตภัณฑ์ออกใหม่เพื่อดูแลเส้นผมแบรนด์ดังหลายแบรนด์