ตู้แช่ไวน์จะรักษา และคงอุณหภูมิของไวน์ที่เก็บไว้ให้คงรสชาติ กลิ่น สี ความนุ่มละมุน รสชาติดีทุกครั้งเวลาที่ได้ดื่ม ซึ่งหลายคนชื่นชอบไวน์เป็นชีวิตจิตใจก็มักจะสะสมไว้เป็นคอลเลกชันถือได้ว่าเป็นรสนิยมอย่างหนึ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้ดี
และแน่นอนว่าการจะได้ดื่มไวน์ที่รสชาติละมุนได้แบบนี้ ต้องเกิดจากการหมักที่นานเป็นแรมปี เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีเยี่ยมมาก ๆ แต่ก็ตามมาด้วยราคาไวน์ที่สูง แต่ถึงอย่างไรคนที่รักในการดื่มไวน์ก็พร้อมที่จะจ่ายแม้จะราคาสูงก็ตาม
สำหรับหมวดหมู่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่น่าสนใจอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องปั่นไฟ , ไมโครเวฟ , แอร์เคลื่อนที่ , เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย , รางปลั๊กไฟ , พัดลมดูดอากาศ , จักรยานไฟฟ้าพับได้ , จักรเย็บผ้าไฟฟ้า , พัดลมไอเย็น
ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
ตู้แช่ไวน์ คืออะไร
เป็นตู้ที่สร้างขึ้นมาไว้สำหรับเก็บรักษาไวน์โดยเฉพาะ ซึ่งตู้ที่ดีควรมีระบบสร้างสภาพการเก็บรักษาที่สมบูรณ์ การดูแลรักษาคุณภาพไวน์มีข้อจำกัดยิบย่อย เพราะสำหรับไวน์แล้วการให้กลิ่นหรือรสชาติจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเก็บรักษา และอุณหภูมิที่ถูกต้อง
ควรมีอุณหภูมิคงที่ระหว่าง 12-15 องศาเซลเซียส ซึ่งระบบการควบคุมอุณหภูมิทำหน้าที่ในการผลิตความเย็น ส่งผลให้อุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถดึงรสชาติ กลิ่น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไวน์ออกมาได้เต็มที่ รวมถึงส่วนของระบบความชื้นสัมพัทธ์คงที่อยู่ระหว่าง 50-70%
ตู้แช่ไวน์ ต่างจากตู้เย็น ยังไง
โดยหลักการคือตู้แช่ไวน์จะถูกตั้งค่าไว้ที่อุณหภูมิที่สูงกว่าตู้เย็นหรือตู้แช่เครื่องดื่มเสมอ เพราะปกติแล้วการเก็บรักษาไวน์ไม่ควรเก็บไว้ให้เย็นเหมือนทั่วไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วตู้ไวน์จะไม่อนุญาตให้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 6 องศาเซลเซียส
ตู้แช่เครื่องดื่มมักจะไม่มีชั้นวางหรือตู้แช่แข็ง และมักจะไม่มีประตูเป็นกระจก แต่ตู้ไวน์มีชั้นวางไวน์ในตัว ขณะที่ตู้แช่เครื่องดื่มจะมีชั้นวางที่สูงสำหรับวางกระป๋องและขวด
นอกจากนี้ตัวทำความเย็นเครื่องดื่มมักมีไฟ LED เพื่อส่องแสงในตู้ แต่ชั้นวางไวน์มักจะไม่มีไฟเพราะแสงเป็นตัวร้ายที่ทำให้เกิดปฏิกิริยากับสารประกอบบางอย่างในไวน์ ส่งผลกระทบต่อรสชาติ
อุณหภูมิที่เหมาะสมที่ใช้ในการเก็บไวน์
ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุของบ้านเรา อุณหภูมิห้องย่อมไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการเก็บไวน์ หากเราเก็บไวน์ที่อุณหภูมิห้อง 25 องศาเซลเซียส ไวน์จะแก่ขึ้นกว่าการเก็บที่ดีถึง 4 เท่ากันเลย ดังนั้นการเก็บไวน์ในอุณหภูมิเท่าไหร่นั้น ยังมีอีก 4 ปัจจัยในการเก็บไวน์
1.ความเย็น
ส่วนใหญ่แล้วไวน์มักจะผลิตในเมืองหนาว ดังนั้นการเก็บที่ดีก็ควรจะเก็บที่อุณหภูมิที่เย็นด้วยเช่นกัน ดังนั้นอุณหภูมิที่ดีที่สุดควรจะเป็นระหว่าง 12-15 องศาเซลเซียส หรือเป็นคล้าย ๆ กับอุณหภูมิในห้องใต้ดินของผู้ผลิตไวน์ส่วนใหญ่นั่นเอง
2.ความมืด
การที่ไวน์โดนแสงแดดนั้นจะมีแสง UV อยู่ จะทำให้พวกสารต่าง ๆ ในไวน์หายไปได้ และส่งผลให้คุณภาพของไวน์แย่ลงได้อีก ฉะนั้นควรเก็บจากที่ห่างไกลจากแสงแดดนั่นเอง
3.ความชื้น
ความชื้นที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 55-75% (ความชื้นที่ดีที่สุดคือ 60%) ซึ่งหากแห้งกว่านี้จะส่งผลให้ฉลากหรือจุกคอร์กแห้งได้ หากมีความชื้นมากกว่านี้แล้วจะส่งผลให้มีเชื่อรามาเกาะที่ขวดได้นั่นเอง
4.วางขวดแนวตั้งหรือแนวนอน
การวางขวดไวน์ในแนวนอนคือทางที่ดีที่สุด เพราะในการเก็บรักษาไวน์นั้น สิ่งสำคัญคือ การรักษาสภาพของจุกคอร์กนั่นเอง การวางนอนจะทำให้มีไวน์ไปสัมผัสกับจุกคอร์กตลอดเวลาทำให้จุกคอร์กไม่แห้ง ถ้าหากจุกคอร์ก แห้งแล้วละก็อาจจะเกิดการคอร์กแตกได้ และส่งผลให้อากาศเข้าไปในไวน์ได้ และเปลี่ยนจากไวน์กลายเป็นน้ำส้มสายชูได้เลย
วิธีเลือกซื้อ ตู้แช่ไวน์
1.คุณภาพการผลิตและการประกอบ Quality
ควรเลือกจากคุณภาพการผลิต ซึ่งดีไซน์ของบางรุ่นเป็นผิวโลหะ ด้วยเหตุผลของความเงางามและคงทน แต่ด้วยความที่ตู้เก็บไวน์มักจะเจอกับความชื้นและไอน้ำ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการ Oxidation กับเนื้อโลหะจนเกิดสนิมขึ้นมา
ซึ่งนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังส่งผลต่อความคงทนและความปลอดภัยด้วย ขณะที่ตัวเครื่องผิวจากพลาสติก ก็มีโอกาสเกิดรอยขีดข่วนและรอยสกปรกตกค้างได้ จะไม่ต่างจากตู้เย็นตามบ้านทั่วไปเลย
ดังนั้นในการเลือกซื้อถ้าชอบผิวโลหะควรดูเป็น Stainless Steel เพราะนอกจากทนทานแล้ว ยังเป็นสนิมได้ยาก เหมาะกับห้องสไตล์ Minimal Luxury แต่ถ้าชอบผิวพลาสติกมากกว่า รุ่นที่เคลือบผิว Epoxy ก็มีให้เลือกด้วยเช่นกันและยังคงความคงทนในแบบ Stainless อีกด้วย
2.ระบบควบคุมความเย็น Temperature Control System
อุณหภูมิที่เหมาะสมสามารถดึงรสชาติ กลิ่น และเอกลักษณะเฉพาะตัวของไวน์ออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดด้วยว่าไวน์แบบไหนควรเก็บในอุณหภูมิเท่าใด เช่นไวน์แดงควรเก็บในอุณหภูมิ 12-18 องศาเซลเซียส ขณะที่ไวน์ขาวควรอยู่ระหว่าง 6-12 องศาเซลเซียส
จากการศึกษาในการเก็บไวน์ สำหรับไวน์แดงไม่ควรเก็บในอุณหภูมิต่ำกว่า 12 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้ไวน์แดงไม่สามารถแสดงกลิ่นและรสออกมาได้ และเมื่ออุณหภูมิมากกว่า 18 องศาเซลเซียส จะทำให้เกิดรสฝาดแหลม และมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรงเกินไป
ขณะที่ไวน์ขาว เมื่อเก็บไว้ต่ำกว่า 6 องศาเซลเซียส หรือเย็นจัดจนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง จะไม่สามารถรับรสชาติของไวน์ได้ เนื่องด้วยความเย็นที่มากเกินทำให้ปุ่มรับรสไม่สามารถรับรสชาติได้ และในขณะที่อุณหภูมิมากกว่า 12 องศาเซลเซียสจะเสียคาแรคเตอร์ความสดชื่นของไวน์ขาวไปได้
3.ระบบการควบคุมกลิ่น Odour Management
กลิ่น (Odour) แม้จะมีผลกระทบกับไวน์น้อยที่สุด แต่ปัจจัยของการเก็บไวน์ยิ่งเป็นไวน์ใหม่ที่ยังไม่เปิดขวดมาก่อน แต่กลิ่นอับที่เกิดขึ้นในตู้เก็บไวน์เป็นพื้นที่ปิดนั้น จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีและลังเลที่จะเปิดตู้หยิบไวน์ออกมา
เนื่องจากลักษณะพื้นที่ปิด เมื่อเกิดการหมุนเวียนในอากาศที่ไม่เพียงพอ และไม่ได้ระบายออกสู่ภายนอก จะทำให้เกิดกลิ่นอับสะสมขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นจากความชื้นในอากาศสะสมกัน เมื่อเปิดตู้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จะโชยออกมา
บางครั้งสาเหตุก็มาจากวัสดุชิ้นส่วนของตู้ได้ เช่น Rack ไม้ที่มีกลิ่นต่าง ๆ ออกมา แม้จะไม่มีผลกระทบต่อไวน์ในขวดที่ปิดสนิทก็ตาม แต่อาจจะทำให้เสียความรู้สึกที่ได้กลิ่นจากตู้เก็บไวน์ก็ได้
ตู้แช่สำหรับเก็บรักษาไวน์ที่ดี ควรมีระบบการควบคุมกลิ่นต่าง ๆ โดยเฉพาะในระบบหมุนเวียนอากาศที่ต้องมีอุปกรณ์กรองอากาศ เพื่อช่วยในการลดและควบคุมกลิ่นได้ ตัวกรองอากาศที่มีคุณสมบัติในการกรองและดูดซับกลิ่นต่าง ๆ
4.ป้องกันรังสี UV Filter
ในการรักษาไวน์ให้คงคุณภาพและรสชาติอร่อยเหมือนเดิม ควรหลีกเลี่ยงให้มากคือ แสงแดด โดยเฉพาะแสงอาทิตย์ ซึ่งมาพร้อมกับรังสี UV รวมถึงแสงไฟจากหลอดไส้และหลอด Fluorescent ในตู้แช่เย็นทั่วไป
สาเหตุที่รังสี UV และความร้อนที่มากับแสงนั้นส่งผลต่อคุณภาพของไวน์ ในไวน์มีสารประกอบเอสเทอร์และฟีนอลอยู่ เมื่อแสงอาทิตย์นั้นทะลุขวดเข้ามาสัมผัสกับน้ำไวน์ให้เกิดสารซัลเฟอร์ จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติ กลิ่น สี ได้
เช่นไวน์แดงมีสัมผัสของแทนนิน Tannin และแอลกอฮอล์มากขึ้น ขณะที่ไวน์ขาว จะเสียรสสัมผัสที่สดชื่นไป ทำให้ไวน์บางฉลากเลือกใช้ขวดสีเขียวเข้ม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ป้องกันแสง 30-50% เมื่อเทียบกับขวดสีเหลืองอำพันหรือสีน้ำตาลแล้ว กลับสามารถป้องกันได้ถึง 90% สำหรับขวดสีเขียวของผู้ผลิตไวน์เป็นเหตุผลในด้านความสวยงามและต้นทุนที่ประหยัดกว่า
โดยรุ่นโชว์ฉลากด้านหน้า ควรมีการเคลือบกระจกด้วยสารป้องกันแสงอาทิตย์ที่มาจากภายนอกตู้ และระบบแสงสว่างภายในสำหรับตรวจสอบฉลากไวน์ควรใช้ระบบไฟแบบ LED ที่ให้แสงสว่างมากกว่าหลอดไส้หรือหลอด Fluorescent และแผ่ความร้อนออกมาน้อยกว่า
ตู้แช่ไวน์มีกระจกนิรภัย Tempered Glass สามชั้น พร้อมเคลือบสารป้องกันรังสี UV อีกทั้งระบบไฟ LED ที่สามารถเปิดดูได้จากภายนอกโดยไม่จำเป็นต้องเปิดตู้เพื่อเช็คสภาพไวน์อีกด้วย
ตู้แช่ไวน์จำเป็นไหม
มีความสำคัญอย่างมากต่อการรักษาไวน์ขวดโปรดของคุณ เพื่อช่วยเก็บรักษาไวน์ให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดก็จะช่วยให้แสดงรสชาติออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
วิธีเก็บไวน์ที่เปิดแล้ว กับ ไวน์ที่ยังไม่ได้เปิด
เมื่อเปิดไวน์แล้วก็อยากจะดื่มให้หมดกันใช่ไหม แต่ถ้าคุณดื่มไม่หมดแล้วทิ้งมันไว้ล่ะ จะยังดื่มต่อได้หรือเปล่า แน่นอนว่าสภาพของไวน์ทั้งสี กลิ่น และรสชาติย่อมเปลี่ยนไปแน่นอน แต่มันจะเปลี่ยนไปอย่างไร และเราจะมีวิธีการดูแลไวน์ในขวดให้ดื่มได้ยาวนานได้อย่างไร
1.อุณหภูมิ
อุณหภูมิที่เหมาะสมในการเก็บไวน์ อยู่ที่ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียล จะทำให้ไวน์ mature เร็วขึ้นจนกลายเป็นน้ำส้มสายู ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความเย็นจัด แม้ว่าจะไม่ทำให้เสียแต่ความเย็นมากเกินไปอาจทำให้กลายเป็นน้ำแข็งได้
2.แสง
ควรเก็บให้พ้นจากความร้อนและแสงแดด ซึ่งการเก็บไวน์ในห้องเก็บไวน์ไม่ควรมีแสงสว่างมากเกินไป จะทำให้มีผลเสียต่อรสชาติ ดังนั้นไวน์แดงจึงนิยมผลิตขวดที่มีสีเข้มหรือสีดำ และนิยมห่อด้วยกระดาษ
3.ความชื้น
ความชื้นมีผลต่อการเก็บรักษาไวน์ยิ่งไวน์ที่มีจุกคอร์ก เพราะถ้าความชื้นในอากาศน้อยกว่า 50% จุกคอร์กจะแห้งกรอบและหดตัวได้ อากาศจากภายนอกเข้าไปสัมผัสจนเกิดการ Oxidation รสชาติจะเปลี่ยนไปและเสียเร็วขึ้น
แต่ถ้าความชื้นมาเกินไปก็จะทำให้ฉลากของไวน์เปื่อยยุ่ยจนเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นการเก็บไวน์ที่ดีควรเก็บไว้ในที่มืดและเงียบ และเวลาเก็บควรวางในแนวนอนเพื่อป้องกันจุกคอร์กแห้ง
สำหรับการเก็บไวน์ที่ยังไม่เปิด มีวิธีการอย่างไร
การเก็บไวน์ที่ดีควรจัดเรียงไวน์ในตู้แช่โดยหัวปากขวดเข้าไปด้านใน หันก้นขวดออกมาด้านนอก เพื่อเมื่อเวลาเปิดตู้และดึงชั้นไวน์ออกมา จะได้เห็นฉลากไวน์โดยไม่ต้องไปขยับเขยื้อนขวด เพราะการขยับเขยื้อนขวดบ่อย ๆ ส่งผลต่อคุณภาพของไวน์ได้ด้วย
หรือหากไม่มีตู้แช่ ก็สามารถเก็บได้ในตู้เย็นธรรมดานี่แหละ เพียงแต่ขอให้คุณภาพดี ๆ หน่อย เพราะสมัยก่อนตู้เย็นธรรมดานั้น คอมเพรสเซอร์จะสั่นเป็นศัตรูตัวร้ายที่ส่งผลค่อคุณภาพของไวน์ ซึ่งปัจจุบันตู้เย็นทำงานราบเรียบดีขึ้น จึงสามารถเก็บไวน์ได้อย่างสบาย ๆ โดยเฉพาะไวน์โลกใหม่หรือไวน์โลกเก่า
อย่างไรก็ตาม ตู้เย็นไม่สามารถทำได้เหมือนตู้แช่ไวน์ คือ เรื่องของความชื้นที่ทำให้ฉลากไวน์มีน้ำเกาะจนทำให้ฉลากเสียหาย หากเป็นไวน์ประเภทซื้อมาดื่มทั่วไปโดยไม่ต้องการเก็บไว้เป็นสิบ ๆ ปี ส่วนใหญ่เป็นไวน์ราคาไม่สูงนัก ไวน์พวกนี้ส่วนใหญ่ฉลากจะเป็นกระดาษผสมที่ไม่ยุ่ยเปื่อยเมื่อถูกความชื้น
ไวน์ที่ดื่มแล้วเหลือในขวด ท่านที่มีเครื่องดูดอากาศก็จัดการดูดออกแล้วใส่ตู้เย็นไว้ด้วยการตั้งตรงด้านในของตู้เย็น จะสามารถอยู่ได้ 5-7 วัน แต่ถ้าไม่มีเครื่องดูดอากาศก็ปิดจุกคอร์ก หรือฝาเกลียวให้แน่นแล้วตั้งไว้เหมือนกัน แต่อาจอยู่ได้ประมาณ 3-4 วัน
เปิดไวน์แล้วควรจะเก็บไว้ได้อีกกี่วัน
ไวน์แต่ละชนิดมีอายุการเก็บที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับมวลไวน์และประเภทของไวน์ที่ส่งผลต่างกัน ซึ่งคุณควรดื่มให้หมดภายใน 3 วันจึงถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดไม่ว่าจะกับไวน์ประเภทไหนก็ตาม หลังจากเปิดขวดแล้วคุณต้องรีบปิดก๊อกแช่เย็นทันที
สำหรับสปาร์กกลิ้งไวน์ คุณจะต้องห่อพลาสติกไว้บนปากขวด เพื่อเก็บกักไม่ให้ฟองระเหยไปหมดก่อนนำไปแช่ แต่สำหรับไวน์ขาวมวลเบา และโรเซ่ไวน์สามารถมีอายุการดื่มได้ถึง 5 วันเพราะรสชาติของมันจะเจือจางข้ากว่าไวน์ชนิดอื่น ๆ
วิธีเลือกตู้แช่ไวน์ที่เหมาะสม
สรุป
การเก็บไวน์ที่ดีจึงควรเก็บไวน์ในที่มืดอย่างห้องใต้ดิน หรือในตู้แช่ไวน์ และเก็บในอุณหภูมิที่ 12-15 องศาเซลเซียส และมีความชื้นระหว่าง 55-75% และที่สำคัญคือวางขวดไวน์ในแนวนอน ถึงแม้จะฟังดูยากอยู่สักหน่อยกับสภาพอากาศบ้านเราที่จะทำได้ แต่ปัจจุบันมีตู้แช่ชั้นเลิศออกมาขายมากมาย ซึ่งราคาก็จับต้องได้ง่ายอีกด้วย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน