แอร์เพดานเป็นหนึ่งในประเภทที่นิยมติดกันการติดตั้งจะติดบริเวณบนฝ้าเพดาน ซึ่งเราจะเห็นแต่เพียงหน้ากากแอร์ที่โผล่ออกมาเท่านั้น ซึ่งประสิทธิภาพการทำงานในการส่งความเย็นจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง กระจายลมเย็นได้อย่างเหมาะสมทั่วทุกพื้นที่ ได้รับแอร์เย็น ๆ กันอย่างทั่วถึงทำความเย็นได้อย่างสดชื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกขนาด BTU ด้วย
ได้รับความนิยมที่สุดในการติดตั้งห้องทำงาน ห้องอาหารขนาดเล็ก สำนักงานขนาดเล็ก เพราะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะสมกับความเย็นที่ส่งมอบออกมา แต่ก็ต้องดูขนาดของ BTU ที่จะนำมาติดตั้งด้วยนะว่าจะต้องเข้ากัน
สำหรับหมวดหมู่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่น่าสนใจอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ไดร์เป่าผม , พัดลมทาวเวอร์ , เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว , เครื่องรีดผ้าไอน้ำ , แก้วปั่นพกพา , เครื่องนวดไฟฟ้า , เครื่องปั่นสมูทตี้ , ซาวด์บาร์ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
แอร์เพดานคืออะไร
คือแอร์ที่ติดไว้บนผ้าเพดานเหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ได้ความสวยงาม เพราะตัวเครื่องแอร์จะซ่อนตัวเครื่องไว้ได้เพดาน ส่วนมากจะถูกติดไว้ที่กลางห้อง แรงลมกระจายหลายทิศทางทั่วห้อง ไม่ดูเกะกะ ลมกระจายสี่ทิศทาง
โดยตัวเครื่องเมื่อติดตั้งเสร็จจะมีความหรูหราในตัวมันเอง โดยเราจะเห็นคนนิยมใช้ที่เน้นในเรื่องความสวยงาม เพียงแต่มีข้อเสียคือราคาในการติดตั้งมีราคาสูงกว่า ช่างที่มาติดตั้งจะต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
ส่วนเรื่องการบำรุงรักษา การล้างแอร์ ระบบระบายน้ำค้างออกไป ต้องมีการปั๊มเดรนน้ำทิ้งต่างหาก ไม่ได้เป็นท่อระบายน้ำทิ้งแบบแอร์ทั่วไปที่ทำให้ต้องอาศัยช่างที่ชำนาญการเป็นพิเศษ ซึ่งแอร์เพดานนี้จะไม่เหมาะกับห้องที่มีเพดานสูง ส่วนใหญ่ถ้าเพดานห้องสูงกว่า 3.5 เมตร จะติดไม่ได้
คุณสมบัติของแอร์เพดานที่ดี
1.ควรมาพร้อมระบบฟอกอากาศ
ชุดคอยล์เย็นแบบฝังฝ้าเพดาน ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันฟอกอากาศ ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพสูง ผ่านการรับรองจาก CAC มอบอากาศที่สะอาดและเย็นสดชื้นแม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
2.ระบบแผ่นกรองอากาศเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
ระบบฟอกอากาศ 5 ขั้นตอน ช่วยขจัดกลิ่น เชื้อโรค และฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง PM 1.0 ที่มองไม่เห็น โดยแผ่นกรองนี้จะสามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำได้ ใช้งานได้อย่างยาวนาน
3.สามารถทำความเย็นได้ในพื้นที่ขนาดใหญ่
ทำความเย็นและฟอกอากาศบริสุทธิ์แม้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 147 m2 สร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและดีต่อสุขภาพในพื้นที่หลากหลายเช่น ในโรงเรียนอนุบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า
4.เทคโนโลยีตรวจจับผู้ใช้งาน
มีการตรวจสอบระดับความชื้นของพื้นที่ภายในอาคาร เพื่อรองรับการทำความเย็นอย่างเหมาะสมสำหรับสภาพอากาศที่หลากหลาย เช่นในฤดูรอ้นที่ความชื้นสูง แอร์จะปล่อยลมที่เย็นกว่าเพื่อให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนในฤดูร้อนที่อากาศแห้งความชื้นต่ำ แอร์จะปล่อยลมเพียงเบา ๆ เพื่อรักษาความชื้นภายในห้อง มีฟังก์ชันตรวจจับความชื้นช่วยแก้ไขปัญหา อาการเจ็บป่วยทีเกิดจากการใช้แอร์ ตาแห้ง โรคผิวหนังแห้งได้
5.โหมดเพดานสูง
โหมดเพดานสูง ให้การระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความร้อนได้สูงถึง 4 .2 เมตรจากเพดานถึงพื้น สามารถเพิ่มความแรงของลมได้โดยการปรับความเร็วพัดลม
6.การควบคุมใบพัดอย่างอิสระ
มีล้กษณะการทำงานใบพัดที่อิสระ โดยใช้มอเตอร์ที่แยกส่วน ทำให้สามารถควบคุมใบพัดได้ทั้งสี่ทิศได้อย่างอิสระ
7.การออกแบบหน้ากาก
การออกแบบมุมที่สามารถถอดออกได้ จะช่วยให้ง่ายต่อการปรับและตรวจสอบการรั่วไหลในท่อระบายน้ำ ซึ่งหน้ากากจะถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการติดตั้งและการใช้งาน
8.มีตะแกรงยกขึ้นลงโดยอัตโนมัติ
ตะแกรงยกขึ้นลงอัตโนมัติ จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาดแผ่นกรอง ด้วยประสิทธิภาพของโครงสร้างรับน้ำหนักได้ถึง 4 จุด พร้อมฟีเจอร์ปรับระดับอัตโนมัติ และหยุดอัตโนมัติ รวมถึงการบันทึกความจำเกี่ยวกับระดับความสูงของผู้ใช้
วิธีเลือกซื้อแอร์เพดาน
1.โหมดการทำงาน
เลือกจากโหมดการทำงานที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะกับสิ่งที่ต้องการได้ทันที ไม่ว่าจะโหมดการควบคุมลม การปรับอุณหภูมิ การปรับความชื้น เพราะเราต้องปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เข้ากับอากาศในแต่ละวัน หากแอร์ไม่มีโหมดให้เราได้ปรับความเย็ฯที่ปล่อยออกมาอาจไม่เย็นตามต้องการ
2.ดูที่ค่าบีทียู
แอร์ตัวไหนมีค่าบีทียูมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อนให้หายไปยิ่งเร็วมากขึ้น ดังนั้นควรเลือกค่า BTU ให้เหมาะกับขนาดของห้อง หากเลือกค่า BTU ที่ผิดค่าอาจทำให้ห้องเกิดความร้อนไม่ได้ความเย็นที่สมดุล ดังนั้นควรเลือกค่าบีทียูดังต่อไปนี้
- ห้องทำงานขนาดเล็กที่มีขนาด 9-28 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 5000 BTU
- ห้องนอนขนาดกลาง 23-37 ตารางเมตร เลือกแอร์ 7000-8500 BTU
- ห้องรับแขกที่เปิดกว้าง 32-60 ตารางเมตร ควรเลือกแอร์ 9800-13500 BTU
- สำนักงานขนาดใหญ่ พื้นที่คนอยู่จำนวนมาก ควรเลือกแอร์ 33,000 BTU ขึ้นไป
การเลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับห้อง
ใช้สูตรดังนี้
ขนาด BTU = ความกว้างของห้อง (เมตร) x ความยาวของห้อง (เมตร) x ค่าตัวแปร
ค่าตัวแปรจะเป็นดังนี้ :
600 – 800 .=ใช้กับห้องที่ร้อนน้อย
800 – 900 = ใช้กับห้องที่ร้อนปานกลาง
900 – 1000 = ใช้กับห้องที่ร้อนมาก
1000 – 1200 = ใช้กับร้านค้าที่มีการเปิดประตูบ่อยๆ
วิธีคำนวณ คือ ให้เอาไปแทนที่สมการ จะได้เท่ากับขนาด BTU
TIP : เราสามารถเผื่อได้นิดหน่อยโดยให้เลือก BTU ที่มากกว่าที่คำนวณเพื่อความชัวร์ว่าที่คำนวณมาจะเย็นจริง แต่ต้องไม่เผื่อขนาดมากจนเกินไปเพราะจะมีผลต่อการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ จะทำให้ไม่เย็น
3.มีระบบฟอกอากาศ
เลือกแอร์เพดานที่มีระบบฟอกอากาศติดมาด้วย นอกจากจะได้ความเย็นแล้วยังได้รับอากาศที่บริสุทธิ์อีกด้วย ช่วยให้คนเป็นโรคภูมิแพ้ เป็นหวัดบ่อยได้อย่างดี ถือว่าสำคัญมากที่ควรเลือกระบบฟอกอากาศติดในตัวเครื่อง
4.การติดตั้ง
เรื่องที่สำคัญของการติดแอร์จะต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพราะขั้นตอนยุ่งยากกว่าแอร์ทั่วไป ดังนั้นตอนเลือกซื้อควรเลือกที่มีบริการติดตั้งให้ด้วย หรืออาจจะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มเติมนิดหน่อย
5.เลือกผลิตภัณฑ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
ควรเลือกผลิตภัณฑ์ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เสมอ เพราะที่ทราบกันดีว่าแอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าเยอะ ดังนั้นต้องเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดไว้ด้วย
คำถามที่พบบ่อยของแอร์เพดาน
แพงไหม
– แพงกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
เย็นไหม
– เย็นฉ่ำทั้งนี้ต้องเลือกขนาดของจำนวน BTU ให้ถู฿กต้องเหมาะสมด้วย ให้ช่างที่จะมาติดตั้งคำนวนจะดีมากๆ
ดูแลยากไหม
– ดูแลไม่ยาก ถ้าเกิดปัญหาขึ้นให้โทรเรียกช่างที่รับผิดชอบมาดูแลให้
วิธีคำนวณ BTU แอร์ ให้เหมาะกับห้อง
สรุป
แอร์เพดานเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับงานนี้สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับการใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ตัวอย่างในห้องประชุมขนาดใหญ่ ห้องสัมมนา ภัตตาคาร ห้องจัดเลี้ยง โรงพยาบาล โรงแรม โรงภาพยนตร์ การเลือกติดตั้ง
เพราะเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ กระจายความเย็นจากด้านบนสู่ด้านล่างได้อย่างทั่วถึง สามารถติดกับเพดานได้สบาย ให้ความหรูหรา ไม่เกะกะตา ให้ความสะดวกสบายได้อย่างดี
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน