ซาวด์บาร์ (Soundbar) มักถูกใช้งานในรูปแบบของโฮมเทียเตอร์ ด้วยรูปลักษณ์ และคุณภาพที่ดี เสียงดี มีการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก แถมรุ่นที่ออกมาใหม่ๆยิ่งมีเสียงดีมากขึ้น ราคาไม่แพงแบบสมัยก่อน ลองเปิดใจให้ลำโพงประเภทนี้ดูจะติดใจแนะนำให้คนอื่นๆมาใช้ตาม
สำหรับหมวดหมู่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่น่าสนใจอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์เช็ดกระจก ,หุ่นยนต์ดูดฝุ่น , android box , ปลั๊กไฟอัจฉริยะ , ถังขยะอัจฉริยะ , เครื่องฟอกอากาศ , เครื่องดูดไรฝุ่น , เครื่องดูดความชื้น , เครื่องซักผ้าฝาหน้
ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
ซาวด์บาร์ (Soundbar) คืออะไร
คือ ลำโพงประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาลักษณะจะเป็นลำโพงแท่งยาวๆ ดีไซน์แบบเรียบๆติดตั้งง่าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบหรือประเภทของแต่ละรุ่นด้วยว่ามีลักษณะแบบไหน
ภายในจะประกอบด้วยลำโพงแยกหลายตัว เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับทีวีด้วยบลูทูธหรือสัญญาณอื่นๆ แล้วจะรู้สึกได้ว่าคุณภาพเสียงดีขึ้น ซึ่งในบางรุ่นจะมีระบบจำลองเสียงรอบทิศทาง
โดยใช้หลักการคล้ายกับเสียงที่สะท้อนจากกำแพง และบางรุ่นจะแยกส่วนประกอบอย่างลำโพงซับวูฟเฟอร์ออกจากกัน แต่จะให้เสียงเบสที่ค่อนข้างดังและได้อรรถรสกว่าแบบชิ้นเดียว ทั้งนี้แต่ละรุ่นนั้นจะมีราคาที่แตกต่างกัน โดยจะมีตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น
ซาวด์บาร์ แตกต่างจากลำโพงไร้สายอย่างไร
ลำโพงไร้สาย (Wireless Speaker) เป็นลำโพงที่ใช้ในการเล่นไฟล์เสียงจากอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน , แท็บเล็ต ซึ่งสามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ, WiFi และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดังกล่าว แต่ในด้านการให้เสียงนั้นยังด้อยกว่าซาวด์บาร์ จะเห็นได้ว่าลำโพงทั้ง 2 ประเภทมีความแตกต่างกัน SoundBar นั้นออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับทีวีโดยเฉพาะ ส่วนลำโพงไร้สายสามารถเชื่อมต่อได้สะดวกและหลากหลาย ไม่ต้องพึ่งพาสายในการเชื่อมต่อ แต่คุณภาพเสียงยังเป็นรองอยู่
จุดเด่นของซาวด์บาร์
1. กระจายเสียงได้ดีสม่ำเสมอ
ช่วยเพิ่มมิติของเสียงให้กับทีวี ซึ่งเป็นการกระจายเสียงแบบรอบทิศทาง ทำให้เสียงของทีวีในบ้านดังไปทั่วบริเวณ
2. มีขนาดกะทัดรัด ไม่กินพื้นที่
โดยส่วนใหญ่นั้นเป็นลำโพงที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด สามารถหยิบจับใช้ได้ง่าย และมีน้ำหนักค่อนข้างเบา ซึ่งการนำมาติดตั้งหรือเชื่อมต่อกับทีวีนั้นจะไม่ได้ใช้พื้นที่มากนัก โดยสามารถวางไว้ที่ใดก็ได้ที่อยู่ใกล้กับทีวี เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่จัดวางได้หลายรูปแบบ
3. ประหยัด คุ้มค่าการใช้จ่าย
ราคาของซาวด์บาร์มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นไป ขึ้นอยู่กับแบรนด์และองค์ประกอบของรุ่นนั้นๆ แต่โดยทั่วไปแล้วถือเป็นอุปกรณ์ที่ให้เสียงอย่างมีคุณภาพ สำหรับใครที่มีเงินไม่มากก็สามารถซื้อตามกำลังของตนเองได้ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มการรับชมทีวีให้สนุกและมีอรรถรสมากขึ้น
4. ติดตั้งง่าย
การติดตั้งเข้ากับทีวีเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายมีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนนัก เพราะถูกออกแบบมาให้มีสายเดียว ซึ่งสามารถเชื่อมต่อโดยการเสียบเข้ากับรูเสียบของทีวีที่ออกแบบมาให้ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งในปัจจุบันยังมีแบบไร้สายด้วย
5. ดีไซน์สวยงาม
โดยทั่วไปแล้วจะมีดีไซน์แบบเรียบๆแต่ดูสวยงามและทันสมัยซึ่งลักษณะดังกล่าวนั้นสามารถเข้าได้กับทุกสถานที่ ไม่ว่าบ้านหรือสถานที่ของคุณจะมีลักษณะหรือรูปแบบใด
วิธีการเลือกซื้อซาวด์บาร์
1. เลือกตามประเภท
โดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่ แบบชิ้นเดียวและแบบแยกชิ้น ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน สำหรับผู้ที่มีพื้นที่ขนาดเล็กหรือพื้นที่แคบอาจเลือกแบบชิ้นเดียว เพราะจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ ส่วนผู้ที่ต้องการมิติเสียงรอบทิศทางแบบคุณภาพดีและมีพื้นที่ติดตั้งค่อนข้างเยอะก็สามารถเลือกซื้อแบบแยกชิ้นได้
2. เลือกจำนวนแชนเนล
แชนเนลนั้นจะเป็นจำนวนช่องลำโพงซึ่งเป็นองค์ประกอบที่อยู่ภายใน สามารถสังเกตได้จากตัวเลขแรกที่ระบุไว้ ส่วนตัวเลขถัดมาที่อยู่หลังจุดจะบอกจำนวนของซับวูฟเฟอร์ ถือเป็นดอกลำโพงที่จะมอบเพิ่มให้เสียงมีความทุ้มมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วจะมีตั้งแต่ 2.0 แชนเนลขึ้นไป
3. เลือกจากขนาดและดีไซน์การออกแบบ
โดยทั่วไปแล้วซาวด์บาร์จะออกแบบมาให้มีลักษณะยาวแต่มีขนาดเล็กหรือใหญ่แตกต่างกันส่วนมากแล้วจะมีดีไซน์แบบเรียบๆ โดยใช้สีดำเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่ง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันก็จะออกแบบมาให้มีขนาดและดีไซน์แตกต่างกันไป หากจะเลือกให้ตอบโจทย์ต้องพิจารณาจากพื้นที่ติดตั้งและความชอบของตนเองเป็นหลัก
4. เลือกจากคุณภาพเสียง
ทุกคนที่เลือกใช้อุปกรณ์ประเภทนี้ต่างก็ต้องการให้คุณภาพเสียงดีขึ้น เพราะฉะนั้นควรพิจารณาคุณสมบัติของแต่ละรุ่นว่าระบบเสียงมีคุณภาพดีมากน้อยแค่ไหน ในกรณีที่ต้องการเน้นเสียงเบสและมิติเสียงรอบทิศทางแบบ 360 องศา ก็ต้องพิจารณาจากซับวูฟเฟอร์เป็นหลัก
5. เลือกจากการเชื่อมต่อ
โดยจะมีทั้งแบบมีสายที่ใช้เสียบกับโทรทัศน์เพื่อเชื่อมต่อเข้ากัน และจะมีแบบไร้สายที่สามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธและอื่นๆ ได้ ซึ่งจะให้ความสะดวกสบายกว่า ในกรณีที่จะเลือกใช้แบบมีสายก็ควรเลือกซื้อแบบที่มีพอร์ตเยอะหน่อย เพื่อให้เชื่อมต่อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
6. เลือกจากความสะดวกสบายในการสั่งการฟังก์ชั่นต่างๆ
แต่ละรุ่นจะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกัน เนื่องจากมีการออกแบบที่หลากหลายที่จะช่วยตอบโจทย์คนได้หลายๆ กลุ่ม ดังนั้นถ้าหากต้องการความสะดวกสบายก็ควรเลือกฟังก์ชั่นที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้ง่ายมีระบบการสั่งการที่ไม่ซับซ้อน เพื่อให้การเชื่อมต่อเป็นไปอย่างไม่ยุ่งยาก
7. เลือกจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้
หากไม่มั่นใจหรือไม่ทราบว่าควรจะเลือกซื้อคุณภาพที่เหมาะสมกับราคา แนะนำให้เลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหรือแบรนด์ที่ดูเชื่อถือได้ และที่สำคัญแบรนด์นั้นจะต้องมีการรับรองมาตรฐานเรื่องเสียงด้วย เพื่อการันตีว่าสินค้าที่จะได้รับนั้นมีคุณภาพสมกับราคาและเหมาะกับการใช้งานของตนเอง
คำถามที่พบบ่อย
1. กินไฟไหม
ขึ้นอยู่กับการใช้งานและแต่ละรุ่นว่าจะกินไฟมากน้อยเพียงใด
2. ดียังไง
ให้เสียงกระหึ่ม เสียงดัง และเสียงทุ้มแบบไม่แตก เมื่อนำมาเชื่อมต่อกับสมาร์ททีวีก็จะช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้น เนื่องจากจะช่วยเพิ่มมิติเสียงให้กับสมาร์ททีวีแบบรอบทิศทาง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละแบบด้วยว่ามีคุณสมบัติและความสามารถมากน้อยเพียงใด
3. จำเป็นไหม
ถ้าคุณพึงพอใจหรือคิดว่าทีวีที่บ้านเสียงดีอยู่แล้ว Sound Bar ก็อาจจะไม่จำเป็นก็ได้
ตัวอย่าง soundbar ยี่ห้อไหนดี
1.Samsung ซาวด์บาร์ รุ่น HW-R450/XT
ยี่ห้อแบรนด์ดัง มีกำลังขับ RMS 200 วัตต์ ระบบเสียงแบบ Dolby Surround 2.1 CH มีระบบรับสัญญาณ Bluetooch และมีน้ำหนักเพียง 3.6 กิโลกรัม ใครที่ชอบเสียง Bass แน่น ๆ ลำโพงตัวนี้ยังมีระบบ Power Bass ที่ช่วยให้สัมผัสกับเสียงเบสแบบหนัก ๆ แน่น ๆ อย่างที่ต้องการอย่างแน่นอน
2.Garnab Jardib SB20
ลำโพงดีไซน์ดูสวยงาม มีระบบเสียงที่ดีมาก ๆ สมกับราคาระดับหลักหมื่น ไม่ว่าห้องจะกว้างแค่ไหนก็สามารถได้ยินกันได้ทั่วทั้งห้อง สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง WiFi และ Bluetooch ภายในตัวประกอบไปด้วยไดร์เวอร์ถึง 6 ตัวแบ่งได้ตามการใช้งานเลย .ใครต้องการลำโพงที่ใช้ในระยะยาวมาก ๆ แนะนำรุ่นนี้
3.LG รุ่น SJ4.DTHALLK
แสดงรายละเอียดแบบ HL-res ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ WAV, FLAC, ALAC ก็สามารถรับฟังได้แบบปกติ สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ ลำโพงจะปรับเสียงอัตโนมัติตามรายการที่รับฟังและให้เสียงมีความบาลานซ์กันอยู่เสมอ สามารถเล่นเสียงระดับ 4K ได้สามารถเชื่อมต่อทั้ง HDMI, Optical, Portable In และบลูทูธ
วิธีเลือกซื้อ SoundBar ฉบับสมบูรณ์
สรุป
ซาวด์บาร์เป็นลำโพงประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ทีวีมีคุณภาพเสียงดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้การรับชมข่าวสาร และความบันเทิงต่างๆ เป็นไปอย่างสนุกสนานและเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น เพราะสมาร์ททีวีมีข้อจำกัดทางด้านระบบเสียง
ถึงแม้ว่าจะมีภาพและเสียงที่คมชัดก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพของเสียงนั้นยังทำได้ไม่ดีพอ การเชื่อมต่อ Sound Bar เข้าไปจะช่วยให้เสียงของสมาร์ททีวีมีมิติและได้อรรถรส แต่อย่างไรก็ตามก็ควรเลือกซื้อให้เหมาะสม ก็จะยิ่งตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน