รางปลั๊กไฟปัจจุบันมีให้เลือกหลายช่องตั้งแต่ 3 ช่อง, 4 ช่อง, 5 ช่อง, 6 ช่องหรือมากกว่านั้น มีหลากหลายตัวเลือกที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน มอก. รวมถึงบางรุ่นมีสวิตซ์เปิดปิด เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังสามารถเสียบชาร์ทผ่านช่องเสียบ usb ได้อีกด้วย ถือว่าเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้รับความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่เราสามารถใช้ร่วมกับรางปลั๊กไฟได้ อย่างเช่น เครื่องซักผ้า , แอร์เคลื่อนที่ , ตู้เย็น 5 คิว , ไมโครเวฟ , เครื่องฟอกอากาศ , เครื่องรีดผ้าไอน้ำ , เครื่องซักผ้าฝาหน้า , พัดลมไอเย็น , เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว เราจำเป็นต้องมีการใช้งานที่เน้นในเรื่องของความปลอดภัย และรวมถึงจะช่วยดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้า และตัวปลั๊กพ่วงให้มีอายุการใช้งานได้นานๆ
สำหรับหมวดหมู่ของใช้ภายในบ้านอื่นๆที่น่าสนใจนอกเหนือจากนี้ มีดังต่อไปนี้ เช่น พรมปูพื้น , น้ำยาเช็ดกระจก , ที่เช็ดกระจก , ไฟแช็ค , กริ่งไร้สาย , เครื่องบดกาแฟ , สบู่เหลวล้างมือ , เตียงพับ , เก้าอี้โยก , ยาสีฟัน , น้ำยาบ้วนปาก , เต็นท์ , เตาแก๊สปิ้งย่าง , จักรยายไฟฟ้าพับได้ , เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย , ปลั๊กไฟอัจฉริยะ , เทียนหอม ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
รางปลั๊กไฟ คืออะไร
คือ อุปกรณ์หรือเต้าเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มีความยาวสายเสียบแตกต่างกัน หรือที่เรานิยมเรียกกันว่า ปลั๊กพ่วง หรือ Power Strip คุณสมบัติที่โดดเด่นของอุปกรณ์ไฟฟ้านี้ก็คือ ความสามารถรองรับการเสียบใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายชิ้น บางรุ่นมีเบรกเกอร์ช่วยตัดกระแสไฟ
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆกินไฟเท่าไร่
เครื่องใช้ไฟฟ้า | จำนวนวัตต์ |
ตู้เย็น | 70-175 |
โทรทัศน์ | 80-180 |
ไมโครเวฟ | 100-1,000 |
ไดร์เป่าผม | 100-1,000 |
เครื่องชงกาแฟ | 200-600 |
หม้อหุงข้าว | 450-1,500 |
เตารีดไฟฟ้า | 700-2,000 |
เครื่องปิ้งขนมปัง | 800-1,000 |
เครื่องซักผ้า | 3,000 |
เครื่องอบผ้า/เครื่องซักผ้าและอบผ้าในตัว | 3,000 |
มาตรฐาน มอก. คืออะไรในรางปลั๊กไฟ
คือ คำย่อที่มาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่เป็นสัญลักษณ์ และตรารับรองที่ช่วยประกันคุณภาพของสินค้าชิ้นนั้นๆ จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ที่จะช่วยให้ผู้ซื้อสินค้าได้มั่นใจในสินค้า อย่างเช่น การกำหนดมาตรฐานสินค้าที่เป็นปลั๊กพ่วงเพื่อที่จะมีการใช้งานได้ปลอดภัย และตัววัสดุที่ทำต้องไม่ติดไฟ เป็นต้น
ประเภทของรางปลั๊กไฟ มีอะไรบ้าง
1.ประเภท 2 ขา
เป็นรูปแบบหรือประเภทที่มีความนิยมใช้กันทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตามบ้านอยู่, คอนโด หรือออฟฟิศสำนักงานก็ตาม มีการใช้งานที่สะดวกสบาย อย่างเช่น มีสวิตซ์เปิดปิดการใช้งานของตัวปลั๊กพ่วง
และยังสามารถเลือกการใช้งานได้ตั้งแต่ 3 ช่อง, 4 ช่อง, 5 ช่อง และ 6 ช่อง เป็นต้น และยังรวมถึงความยาวของตัวสายไฟ ที่มีความยาวหลายเมตรให้เลือก ส่วนใหญ่จะมีการรองรับความปลอดภัย ในการติดตั้งเบรกเกอร์ไว้ที่ตัวปลั๊กพ่วง และได้รับมาตรฐาน มอก.
2.ประเภทบล็อกยางสนาม
เรามักจะเห็นการใช้งานปลั๊กพ่วงในรูปแบบนี้ ผ่านงานช่าง หรืองานที่ต้องเกี่ยวกับสถานที่กลางแจ้ง ที่มีตัวสายไฟที่มีความหนา รองรับการใช้ไฟฟ้าได้มาก และมีความทนทานต่อการลากและการเก็บรักษาที่ง่าย สามารถรองรับการใช้งานไฟฟ้าได้มากถึง 3500 วัตต์ หรือแล้วแต่รุ่นของแต่ละปลั๊กพ่วง
3.ประเภทโรลสายไฟ
คุณสมบัติเด่นคือ การเน้นใช้งานนอกสถานที่ หรือ outdoor โดยที่มีตัวเลือกที่โดดเด่นไม่ว่าจะเป็นความยาวของสายไฟที่มาก และการรองรับการใช้ไฟได้มากถึง 2500-3500 วัตต์ รวมถึงยังสามารถใช้งานร่วมได้ทั้งแบบหัวปลั๊กที่มี 2 ขา และ 3 ขา
4.ประเภทกรองไฟ
หากบ้านอยู่หรือที่ทำงานไหน มักจะเกิดไฟกระชากอยู่บ่อยๆ ตัวเลือกของประเภทปลั๊กพ่วงนี้ น่าจะเป็นที่สนใจ และเหมาะสม เพราะนอกจากจะมีคุณสมบัติเด่น ในเรื่องการกรองสัญญาณภาพและเสียงไม่ให้มีคลื่นรบกวนให้น่ารำคาญใจแล้วนั้น ยังช่วยป้องกันเรื่องไฟกระชากได้อีกด้วย มีช่องเสียบได้มากถึง 8 ช่อง ซึ่งถึงแม้อาจจะมีราคาสูงก็ตาม แต่ในการใช้งานจริงเรียกได้ว่าคุ้มค่าทั้งประสิทธิภาพ และระยะเวลาใช้งานก็ยาวนาน
5.ประเภทกันไฟกระชาก
การเลือกใช้ประเภทปลั๊กพ่วงแบบนี้จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของเรา ที่เสียบเชื่อมต่อกับปลั๊กพ่วงนั้นยังสามารถใช้งานได้ หากเทียบกับไม่ได้ใช้ปลั๊กพ่วงรูปแบบนี้ ตัวปลั๊กพ่วงรูปแบบอื่นๆ อาจจะมีการตัดไฟที่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้งานไม่ได้จนกว่าจะมีการจ่ายไฟส่งมาจากหม้อแปลงหลัก
วิธีการเลือกซื้อรางปลั๊กไฟ
1.ตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพ
สิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยืนยัน และช่วยในการตรวจสอบสินค้าให้กับเราได้อีกทาง เพราะเมื่อเราได้เห็นตราสัญลักษณ์มาตรฐาน มอก. หรือ เครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมแล้วนั้น ทำให้เราได้มั่นใจและวางใจ ในสินค้าชิ้นนั้น รวมถึงตัวปลั๊กพ่วงชิ้นนั้นด้วยว่า เราจะสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
2.สวิตซ์เปิดปิด
ในการพิจารณาเลือกซื้อของเรา ควรที่จะมีสวิตซ์ในการเปิดปิดตัว Power Strip หรือปลั๊กพ่วงร่วมด้วย เพราะถือว่าเป็นตัวกั้นการเกิดอันตรายของกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ทั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า และภายในปลั๊กพ่วงร่วมด้วย ที่สำคัญการใช้งานสวิตซ์เปิดปิดปลั๊กพ่วงนี้นั้น ไม่ควรที่จะกดปิดเพียงแค่ที่สวิตซ์ปลั๊กพ่วงเท่านั้น แต่ควรที่จะปิดที่ตัวเครื่องใช้ไฟฟ้า เมื่อเราไม่ใช้งานแล้ว
4.เบรกเกอร์ตัวตัดไฟ
โดยส่วนใหญ่แล้วหากเรามีจุดที่ใช้พิจารณาว่า ปลั๊กพ่วงชิ้นไหนที่เป็นสินค้ามาตรฐานแล้วนั้น ต้องมีตัวเปิดปิดสวิตซ์ สิ่งที่จะตามมาด้วยคือ ปลั๊กพ่วงที่มีช่องเสียบตั้งแต่ 3 ช่องขึ้นไป อย่างเช่น ช่องเสียบ 4, 5 ช่อง และ 6 ช่อง เป็นต้น
ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่คนส่วนใหญ่นิยมซื้อกัน มีช่องเสียบรองรับหัวปลั๊กไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ไม่น้อยและไม่เยอะจนเกินไปและ ควรที่จะมีการติดตั้งตัวเบรกเกอร์ Circuit Breaker) หรือตัวตัดไฟร่วมด้วยถือว่าเป็นตัวคุมการใช้ไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้าน และเป็นตัวป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรอีกด้วย
5.มาตรฐานสายไฟ
วัสดุสายไฟ
เราควรเลือกวัสดุด้านในสายไฟที่เป็นทองแดงมาเป็นอันดับแรก และรองลงมาคือ เงิน, ทองแดงผสม, อลูมิเนียม และเหล็ก ส่วนประกอบของรางปลั๊กไฟอย่างหนึ่ง ที่เป็นตัวกำหนดราคา นอกจากการออกแบบ
ช่องเสียบที่มาก 4 ช่อง 5 ช่อง 6 ช่อง, สายไฟที่มีความยาวหลายเมตร และฟังค์ชั่นการใช้งานเสริมใหม่ๆ แล้วนั้น วัสดุที่อยู่ภายในสายไฟของตัวปลั๊กพ่วง คือตัวที่ทั้งกำหนดราคาที่ทำให้ปลั๊กพ่วงนั้น อาจมีราคาสูงอย่างเช่น วัสดุที่เป็นทองแดง แต่แลกมาด้วยการใช้งานที่ทนทาน, ได้รับมาตรฐาน มอก. และมีการใช้งานที่คุ้มค่า
ความยาวของสายไฟ
สายไฟของรางปลั๊กไฟนั้น มีให้เลือกได้ตั้งแต่ความยาวไม่มาก จนถึงความยาว 30 เมตร ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งความยาว และการรองรับการใช้งานของกระแสไฟฟ้า มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันอยู่
อย่างเช่นคือ หากเป็นสายไฟของปลั๊กพ่วงที่รองรับ การใช้งานไฟฟ้าได้เพียง 0.75 ตารางมิลลิเมตรเท่านั้น ก็จะมีการผลิตออกมาเพียงแค่ความยาว 5 เมตร ในทางกลับกัน หากเป็นสายไฟของปลั๊กพ่วง ที่มีการรองรับไฟฟ้าได้มากถึง 1.0 ตารางมิลลิเมตร ก็จะมีการผลิตออกมาในความยาว 30 เมตร
ความหนาสายไฟ
สายไฟที่มีความหนา มีความเกี่ยวข้องกับความยาวและการรองรับการใช้ไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะไปในแนวทางเดียวกัน อย่างเช่น สายไฟมีความหนา ก็จะมีความยาวเพิ่มขึ้นและมีการรองรับการใช้ไฟฟ้าที่มากตามไปด้วย ดังนั้นสายไฟของปลั๊กพ่วงที่ยิ่งมีความหนาเท่าไหร่ นอกจากจะมีความยาวเพิ่มตามด้วยนั้น ยังเป็นการเข้าใจกันด้วยว่า สายไฟนั้นจะมีการรองรับกระแสไฟฟ้าที่มากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
ตัวอย่างเช่น สายไฟปลั๊กพ่วงที่มีความหนาของสายไฟ 0.5 ตารางมิลลิเมตรนั้น รองรับการใช้ไฟได้ไม่เกิน 1200 วัตต์เท่านั้น แต่ในทางกลับกัน สายไฟที่มีความหนาเพิ่มขึ้นเป็น 1.0 ตารางมิลลิเมตร กลับสามารถรองรับการใช้ไฟฟ้าได้มากถึง 2200 วัตต์เลยทีเดียว
ซึ่งการดูความหนาของสายไฟปลั๊กพ่วงนั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการพิจารณาทั้ง การรองรับการใช้ไฟฟ้าได้มากแค่ไหนของปลั๊กพ่วง และบอกถึงความยาวของสายไฟ
ข้อควรระวังเมื่อต้องใช้รางปลั๊กไฟ
ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการใช้ไฟเกิน อันเนื่องมาจากการเสียบปลั๊กไฟ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายประเภท ที่เกินการรองรับของตัวปลั๊กพ่วงนี้ หรือเราอาจจะซื้อปลั๊กพ่วงในขนาดที่มีการรองรับของสายไฟไม่ครอบคลุม ที่เราสามารถดูได้ง่ายๆ จากขนาดของสายไฟที่ต้องมีความหนาเพียงพอกับกระแสไฟฟ้า และรองรับจำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราเสียบใช้งานร่วมด้วย
เลือกรางปลั๊กไฟยังไงดี
สรุป
รางปลั๊กไฟเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดมีการใช้งานได้ง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยข้อจำกัดของปลั๊กไฟที่ติดผนัง และไม่สามารถที่จะเคลี่อนย้ายได้
อุปกรณ์ชนิดนี้มีเต้ารับสำหรับการเสียบปลั๊กของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายชนิด ซึ่งมีหลากหลายช่องให้เลือก รวมถึงบางรุ่นมีสวิตซ์เปิดปิด และตัวเบรกเกอร์ตัดไฟ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรอีกด้วย
นักชำนาญการเทคนิคด้านคอมพิวเตอร์ ไอที การศึกษาเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผู้ชำนาญการด้านความรู้เกี่ยวกับไอที และคร่ำควอดเทคโนโลยี gadget มือถือ ชื่นชอบและติดตามวงการข่าวสารไอทีประสบการณ์มากกว่า 7 ปี