10 อันดับ บลัชออน ยี่ห้อไหนดี 2024 ใช้ดี เนื้อเนียนละเอียด สีสวย ติดทน

การแต่งหน้าของผู้หญิงนั้น อาจไม่ใช่เพียงแค่การทาแป้งเพียงเท่านั้น แต่ต้องมีการเติมแต่งในทุกส่วนของใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคิ้ว, เขียนขอบตา, ทาแป้ง, ทาลิปสติก รวมถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียวคือ การปัดแก้มด้วยบลัชออน เพราะหากเรามองว่าลิปสติก เป็นส่วนที่ทำให้ผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดแล้วนั้น การปัดแก้มก็เป็นส่วนที่ช่วยให้ผู้หญิง ดูสวยงาม และน่าเอ็นดู รวมถึงยังช่วยในการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้หญิงได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

บลัชออน คืออะไร

คือ เป็นหนึ่งไอเท็มในกลุ่มเครื่องสำอาง ที่เน้นการเติมแต่งสีสันบนแก้ม ให้ดูมีความสว่างสดใส และเน้นให้ดูมีสุขภาพผิวที่ดี Blush on หรือRouge นั้นส่วนใหญ่ที่จะเน้นปัดกันในเฉดสีชมพู, แดงอ่อนๆ หรือส้ม โดยเน้นสร้างความกระจ่างใสให้กับผิวส่วนที่เป็นแก้ม มีหลากหลายรูปแบบ สามารถกันน้ำ และกันเหงื่อได้

บลัชออน มีกี่แบบ

ถึงแม้ว่ารูปแบบการใช้เครื่องสำอางชนิดนี้ จะเน้นการใช้ที่สาวๆ อาจดูเหมือนง่าย เพียงแค่การเติมเฉดสีที่แก้ม เพื่อให้ดูมีความสดชื่น และถือว่าเป็นไอเท็มเครื่องสำอางชิ้นสำคัญทีเดียว ที่หากขาดไปในการแต่งหน้าครั้งนั้น ทำให้การแต่งหน้าของเราเหมือนขาดอะไรไป ซึ่งหลักๆ แล้วนั้น นอกจากบลัชออนจะมอบความสวย, สดใส และความกระจ่างให้กับการแต่งหน้าแล้ว คุณสมบัติที่ควรมีก็คือ เนื้อละเอียดและเกลี่ยง่าย, ทาแล้วให้สีสันและดูบางเบา

ซึ่งรวมถึงความสามารถในการกันน้ำ และกันเหงื่อร่วมด้วย เพราะด้วยเพราะบ้านเราอากาศส่วนใหญ่จะร้อนชื้น ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอทั้งความร้อนที่มาพร้อมแสงแดด หรือความอบอ้าวที่อาจทำให้เครื่องสำอางเลอะได้หากไม่กันน้ำ เรามาดูกันว่า เครื่องสำอางชนิดนี้นั้น มีการแยกย่อยออกมาเป็นกี่รูปแบบ หรือกี่เนื้อ ทำให้มีผลต่อการแต่งหน้า และความสวยที่แตกต่างกันอีกด้วย

แบบเนื้อครีม

รูปแบบของเนื้อครีมนั้น ถือว่าเป็นความคุ้นเคยในการใช้งานของผู้หญิงทุกคน ที่เน้นการใช้นิ้วเกลี่ย มีการทำออกมาในรูปแบบตลับ เนื้อครีมมีลักษณะที่ถึงแม้จะมีการเกลี่ยง่าย และให้ความบางเบา แต่อีกมุมหนึ่งก็ให้การติดทนนานตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องเติมซ้ำ ด้วยลักษณะเนื้อครีมนั้น ทำให้เฉดสีที่แต่งแต้มบนแก้ม ให้สีที่เด่นชัด พร้อมกับความฉ่ำของเนื้อครีมอีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทุกวันนี้ยังมีผู้หญิงที่นิยมใช้รูปแบบเนื้อครีมกันอยู่มาก

แบบแท่ง

ลักษณะเนื้อของ Blush on นี้นั้น จะเรียกว่าเป็นลูกครึ่งระหว่างเนื้อครีม และแบบเนื้อฝุ่นที่อัดแข็ง ที่เน้นเรื่องความฉ่ำวาวของเนื้อครีม และการดูดซับความมันที่เกิดขึ้นกับผิวหน้าในระหว่างวัน ดังนั้นในการใช้งานในรูปแบบแท่งนี้ ไม่ต้องกลัวกับการเติมซ้ำ รวมถึงเหมาะกับผู้หญิงที่มีผิวมัน ทำให้ไม่ต้องคอยกังวลว่า เครื่องสำอางที่แต่งไปจะมีความมันเยิ้ม

แบบฝุ่น

ลักษณะเป็นตลับเหมือนรูปแบบเนื้อครีม แต่จะเมื่อเราใช้ที่ปัดแก้ม หรือใช้นิ้วเราปาดตัวเนื้อบลัชออนนี้ดู จะรู้ว่ามีความแห้งกว่าเนื้อครีมมาก แต่เป็นการทำออกมาให้มีความง่ายในการใช้งาน โดยอัดแข็งให้อยู่ในรูปแบบตลับแทน เพื่อไม่ให้มีการปลิวในระหว่างการแต่งหน้า ซึ่งมีคุณสมบัติเหมือนในรูปแบบแท่งคือ มีความแห้งในเนื้อของเครื่องสำอาง ใช้งานได้ดีด้วยเนื้อที่บางเบา และเกลี่ยแต่งเฉดสีได้ง่าย

คุณสมบัติที่ดีของแบบฝุ่นนี้ก็คือ เราสามารถที่จะกำหนดตำแหน่งในการไฮไลต์ จุดที่ต้องการเน้นสีเข้ม และสีอ่อนได้แบบง่ายๆ ด้วยคุณลักษณะเป็นฝุ่นนั้น จึงทำให้มีเนื้อละเอียด และเราสามารถเลือกได้ทั้งแบบที่เป็นเนื้อแมตต์ คือเนื้อสีด้าน หรือสร้างความชัดเจนของสีที่ปัด และเนื้อชิมเมอร์ ที่เน้นความสว่าง และไม่ใช่สีแบบกากเพชรที่แวววาวเกินไป

สำหรับรูปแบบฝุ่นนี้นั้น เราสามารถที่จะใช้แปรงปัด หรือใช้นิ้วเกลี่ยในแบบที่คล้ายกับการใช้เนื้อครีมได้หมด ซึ่งรูปแบบทางเลือกในการผลิตออกมา ก็จะมีทั้งแบบสีเดียว, แบบหลายสีแต่แบ่งช่องไว้แยกจากกัน หรือแบบที่อยู่ในตลับเดียวกัน แต่มีการทำเฉดสีให้เลือกหลากหลายภายในตลับเดียวกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ในการแต่งหน้าตรงที่ว่า เราสามารถมีเฉดสีไว้เลือกใช้หลากหลาย ทำให้มีหลายเฉดสีในการเลือกแต่งหน้า มากกว่าการซื้อในแบบสีละตลับ

แบบน้ำ

เราสามารถเรียกได้ว่าเป็นแบบน้ำ หรือแบบทินท์ก็ได้ ลักษณะเด่นของแบบน้ำก็คือ ความบางเบาของเนื้อเมื่อทาลงบนแก้ม รวมถึงให้ความเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า จะมีสาวๆ ในวัยรุ่น หรือวัยที่หัดเริ่มแต่งหน้านั้น นิยมในรูปแบบนี้เป็นพิเศษ ที่ไม่เน้นการแต่งหน้าที่จัดจนเกินไป แต่เน้นให้เห็นเป็นสีสันสดใส แสดงออกถึงสุขภาพที่ดีที่ออกสีสันบนแก้ม

เราสามารถเติมได้บ่อยครั้งต่อวันเลยทีเดียว สำหรับรูปแบบน้ำนี้ แต่ในการปัดแก้มแบบต้องการเฉดสีอ่อนเข้มอย่างชัดเจนนั้น อาจทำได้ไม่ดีพอเทียบเท่ากับแบบเนื้อครีม หรือรูปแบบฝุ่น และหากเป็นผิวที่มีการบำรุงและดูแลด้วย ครีมรกแกะ , ครีมบำรุงผิวหน้า , เจลว่านหางจระเข้ , สบู่ล้างหน้า , ครีมกระชับรูขุมขน , มาร์คใต้ตา , เซรั่มเกาหลี , คลีนซิ่งออย , น้ำแร่ฉีดหน้า เป็นอย่างดีแล้วด้วยนั้น จะยิ่งทำให้ผิวหน้าดูอิ่มน้ำ ช่วยให้ดูมีสุขภาพผิวที่ดีมากขึ้น

แบบเนื้อคุชชั่น

เราคงจะชินกับเนื้อคุชชั่นแบบรองพื้น หรือแบบเนื้อบีบี ที่ใช้ในการรองพื้นก่อนที่จะลงแป้ง และเป็นการเกลี่ยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอและเท่ากัน แต่ในความผสมผสานเมื่อเนื้อครีมแบบคุชชั่นนั้น มาปรับทำออกมาเป็นการแต่งแต้มสีบนแก้ม ก็จะทำให้ได้การใช้งานในแบบเครื่องสำอางมาเพิ่มคือ สามารถรวมการใช้งานทั้งการเป็นเนื้อครีมยึดติดผิวหน้าได้นาน และการเติมสีสันบนแก้มไปด้วยพร้อมๆ กัน

ถึงแม้จะเป็นบลัชออนเนื้อคุชชั่นนั้น แต่เราก็ยังคงต้องลงรองพื้น หรือรองบีบีครีมก่อน เพื่อเป็นการปรับสีผิวก่อนที่จะลงเฉดสีบนแก้ม คุณสมบัติของเนื้อคุชชั่นอย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า มีลักษณะเนื้อครีมที่เกลี่ยง่าย และมีเนื้อที่ละเอียด สาวๆ ที่ผิวแห้งสามารถใช้ได้ดีทีเดียวกับเนื้อคุชชั่นแบบนี้ อีกทั้งคุณสมบัติเสริมที่พิเศษในแบบบีบีครีม หรือครีมรองพื้นแบบคุชชั่นคือ สามารถกันน้ำ และกันเหงื่อได้ และอยู่ติดทนนานได้ตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องเติมซ้ำกันเลย

แบบผง

หากเราจะจับคู่ความเหมือน คงต้องให้ความคล้ายในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ ทั้งแบบผง และแบบที่เป็นน้ำ เพราะเฉดสีรวมถึงความบางเบาที่ปัดแก้มออกมา จะให้ความรู้สึกอ่อนโยน และสามารถปัดแก้มออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติ เทียบเท่ากับแบบน้ำเลยทีเดียว แต่ในทางกลับกัน ก็ให้สีที่จางลงได้ในระหว่างวัน ซึ่งข้อดีก็คือให้ความแห้ง และดูดซับความมันบนผิวหน้าระหว่างวัน ที่มีคุณสมบัติเหมือนแบบแท่ง หรือแบบฝุ่นนั่นเอง

ลักษณะตัวบรรจุภัณฑ์จะมีความแตกต่างไปจากแบบฝุ่น, แบบครีม หรือในรูปแบบอื่นๆ คือ จะเป็นผงที่ใส่อยู่ในกระปุกทรงลึกเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะทำออกมาเป็นกระปุกขนาดเล็ก เพื่อให้สามารถพกพาไปใช้นอกสถานที่ได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นทางเลือก ให้เราสามารถที่จะมีได้หลายเฉดสีในการเลือกใช้ สำหรับการพกติดตัวไปข้างนอก

ในการใช้งานรูปแบบผงนี้นั้น เราไม่ต้องกลัวเลยว่า จะมีการปลิวออกมาในเวลาที่เราต้องการแต่งหน้า เพราะจะมีฝาปิดกรองด้านบน และมีรูเล็กๆ พร้อมกับฟองน้ำ เพื่อแตะผงบลัชออน ให้ติดกับฟองน้ำ แล้วนำมาปัดที่แก้ม ลักษณะเนื้อสีของรูปแบบผงนี้ จะเป็นสีแมตต์ ที่ให้สีด้าน แต่ให้ความชัดเจนในเวลาที่ปัดแก้มแล้ว จึงให้สีสันที่สดใส และดูเป็นธรรมชาติในครั้งเดียวที่ปัด

คุณสมบัติของบลัชออน ที่ดีๆ เป็นอย่างไร

แม้ว่าจะเป็นเครื่องสำอางที่ใช้เพียงแค่ การเติมแต่งสีบนแก้มเท่านั้น แต่ก็ใช่ว่าความสำคัญจะไม่มีเลยทีเดียว เพราะคุณสมบัติที่ดีของเครื่องสำอางชนิดนี้ที่ใช้ในการปัดแก้ม เพื่อสร้างสีสันให้ดูน่าสนใจและให้ดูมีสุขภาพผิวที่ดีนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งหน้าโดยรวมอีกด้วย เพื่อให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ และมีความสมดุลของสีที่ปัดบนแก้ม เราตามมาเช็คลิสต์กันว่า มีอะไรบ้างที่เราควรเก็บไว้พิจารณาในเวลาที่เลือกใช้กัน

เนื้อเนียนละเอียด เกลี่ยง่าย

ความที่มีเนื้อที่ละเอียด และเนียนทำให้มีการใช้งานที่ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการเกลี่ย และการวางจุดตำแหน่งที่ต้องการเน้นสีอ่อน หรือสีเข้มก็ตาม การไฮไลต์เพื่อเน้นการเสริมจุดเด่นบนใบหน้า ดังนั้น Blush on ในรูปแบบของเนื้อครีม โดยเฉพาะเนื้อคุชชั่นนั้น จะมีลักษณะเด่นในเรื่องของเนื้อที่ละเอียด และเกลี่ยง่าย ด้วยความที่มีความเป็นครีมคล้ายกันนั่นเอง แต่หากให้เปรียบเทียบการใช้จริงๆ แล้ว ต้องยกคะแนนนำให้กับรูปแบบคุชชั่น

กันน้ำ

เราจะเห็นความจำเป็นอย่างมาก เมื่อถึงหน้าฝนแล้วอาจต้องมีการเปียกฝน ในขณะที่เราแต่งหน้าในแบบจัดเต็มด้วย คงจะดูไม่ดีอย่างแน่นอน เมื่อเครื่องสำอางที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่ตัว Blush on เท่านั้น ที่จำเป็นต้องเลือกในรูปแบบกันน้ำ ไม่ว่าจะเป็นอายไลน์เนอร์, แป้งทาหน้า, อายแชโดว์ หรือแม้แต่ลิปสติกก็ตาม จำเป็นที่จะต้องเลือกคุณสมบัติพิเศษอย่าง การกันน้ำร่วมด้วยเสมอ

กันเหงื่อ

เครื่องสำอางไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่เป็นเบส, รองพื้น หรือแม้แต่ แป้งพัฟคุมมัน ทาหน้าก็ตาม จะมีคุณสมบัติในการกันเหงื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้หน้าเยิ้มระหว่างวัน เพราะเมื่อไหร่ที่มีเหงื่อเกิดขึ้น เครื่องสำอางต้องมีการลดและจางลงไปอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่ทำให้เนื้อบลัชออนแต่ละรูปแบบสามารถที่จะกันเหงื่อได้ ก็จะทำให้การปัดแก้มในทุกครั้งนั้น เพิ่มความสดใสไปพร้อมๆ กับผิวที่ดูสุขภาพดี

ติดทน

คุณสมบัติในการติดทนนานตลอดทั้งวัน ซึ่งอาจจะเป็นผู้หญิงที่ทำงานทั้งในออฟฟิศ และนอกสถานที่ร่วมด้วย อาจจะไม่มีเวลามาเติมเครื่องสำอางบ่อยๆ การเลือกใช้ Blush on ในรูปแบบของเนื้อครีม หรือเนื้อฝุ่น ที่เราอาจจะเรียกอีกรูปแบบคือ เนื้อแป้งนั่นเอง เพื่อเพิ่มเฉดสีบนแก้ม รับรองถึงชั่วโมงการติดทนนานตลอดทั้งวัน และสร้างสีสันบนแก้มแบบไม่ซีดจางกันเลย

บางเบา

หากเราต้องการให้เฉดสีที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีเนื้อ Blush on ที่บางเบา ควรเลือกแบบน้ำ, แบบผง หรือแบบเป็นแท่ง ที่สีไม่เข้มจนเกินไปแต่ให้ความสวย, สดใส และกระจ่างที่แก้มเรืองๆ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทั้งผู้หญิงทำงาน หรือวัยรุ่นที่เริ่มหัดแต่งหน้าใหม่ๆ การใช้ในรูปแบบทั้งน้ำ, แบบผง หรือแบบแท่งนั้น จะมีการปัดและการลงเฉดสีที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องเน้นการใช้สีอ่อนเข้มไล่กัน โดยที่สามารถปัดให้เฉดสีเท่ากันทั่วแก้มได้อย่างสวยงาม

ชุ่มฉ่ำ

เนื้อแบบครีมจะมีความฉ่ำและแวววาว ในกรณีที่เป็นการแต่งหน้าเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้าไปทำงาน หรือไปงานสำคัญๆ โดยเน้นในการเลือกเนื้อ Blush on ในแบบครีม ที่มีเนื้อละเอียดและเข้มข้น สามารถป้ายลงตำแหน่งบนแก้มที่ต้องการ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วจึงเกลี่ยให้ทั่วบริเวณตั้งแต่แก้มจนถึงโหนกแก้มด้านบนได้แบบง่ายๆ

วิธีใช้บลัชออน

เราจะเห็นว่าการปัดแก้มนั้น จะเน้นไปทางด้านสีออกชมพู ที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมีผิวสุขภาพดี และเป็นสีที่สร้างความสดใสให้กับการแต่งหน้า แต่หากเน้นในรายละเอียดในการปัดแก้มนั้น อาจจะไม่ได้มีรายละเอียดมากนั้น แต่เน้นหลักใหญ่ในการลดจุดเหลี่ยม สำหรับผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าที่มีกราม หรือเป็นหน้ารูปทรงสามเหลี่ยม หรือสี่เหลี่ยม รวมถึงการบอกจุดที่ควรเน้นในการลงเฉดสีบนแก้ม

แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เราควรที่จะลงรองพื้น, เบส, บีบีครีม, คอนซีลเลอร์ หรือบรอนเซอร์ให้เรียบร้อย และรอให้เนื้อเครื่องสำอางทั้งหมดแห้งเป็นเนื้อเนียนกับผิวหน้าก่อน อีกทั้งการลงเครื่องสำอางเหล่านี้ จะเป็นผลดีต่อการปัดแก้ม เพื่อให้เนื้อในแต่ละรูปแบบของ Blush on มีการเกลี่ยที่ง่ายมากขึ้น และยังเนียนไปกับผิวหน้าอีกด้วย

รูปแบบการปัดแบบทั่วไป

หลักทั่วๆ ไปนั้นที่ถือว่าเป็นหลักตั้งต้นง่ายๆ สำหรับการใช้บรัชออน คือ เน้นตำแหน่งกลางดวงตา ซึ่งเราสามารถตั้งจุดโฟกัสที่ตรงกลางใต้ดวงตา ไปจนถึงตำแหน่งโหนกแก้มด้านบน หรือกระดูกโหนกแก้ม เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน การปัดแก้มที่เราเห็นส่วนใหญ่ก็คือ จะเน้นการลงเฉดสีที่เข้มตรงตำแหน่งเริ่มต้นคือ แก้มตรงจุดกลางตา แล้วค่อยๆ ไล่ให้มีเฉดสีอ่อนไปเรื่อยๆ ไปจนถึงบริเวณโหนกแก้มด้านบน

ส่วนหากเป็นกรณีผู้หญิง ที่มีใบหน้าด้านข้างมีเนื้อมากเกินไป หรือต้องการลบเหลี่ยมใบหน้า เราสามารถทำได้หลังจากปัดแก้ม ด้วยการใช้คอนทัวร์สีเข้มให้เข้ากับสีผิวหน้า ลงเฉดสีเข้มด้านข้างแก้ม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ใบหน้าดูเรียว มีจุดโฟกัสแล้ว ยังช่วยสร้างมุมมองเป็นสามมิติอีกด้วย

รูปหน้าเหลี่ยม

หากใครมีทรงใบหน้าเป็นเหลี่ยม การเน้นปัดแก้มให้เน้นส่วนที่เป็นโหนกแก้มด้านบน เป็นวงกลม ซี่งเป็นการลบเหลี่ยมของใบหน้าได้ รวมถึงการใช้คอนทัวร์ลงเฉดสีเข้มบริเวณกราม หรือมุมเหลี่ยมของใบหน้าร่วมด้วย หลังการปัดแก้มเสร็จแล้ว สามารถเลือก Blush on เป็นแบบครีม, แบบฝุ่น, แบบคุชชั่น หรือแบบแท่งก็ได้ แต่หากต้องการให้ลงเฉดสีที่เห็นได้ชัดเจน ก็ควรเลือกในแบบครีม, แบบฝุ่น และแบบคุชชั่นจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากขึ้น

รูปหน้าไข่

สำหรับผู้หญิงรูปหน้าไข่นั้น สามารถปัดแก้มได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปัดเฉียงจากแก้มตรงตำแหน่งกลางดวงตา ไปจนถึงโหนกแก้มด้านบน หรือเป็นการปัดวนโดยเน้นจากแก้มไปจนถึงขมับก็ได้ ซึ่งหากจะเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้ามากขึ้นนั้น ควรเน้นใช้ Blush on ในรูปแบบน้ำหรือแบบทินท์, แบบผงเนื้อแมตต์, หรือแบบแท่ง จะช่วยให้มีความเป็นธรรมชาติ และดูกลมกลืนไปกับผิวหน้า

การเลือกซื้อบลัชออน

สำหรับคนผิวแพ้ง่าย

ควรเลือกเนื้อแบบผงที่ประกอบไปด้วยแร่ธรรมชาติ 100% ที่มีความบางเบาในการเกลี่ยทาได้ง่าย หรือสามารถเลือกได้ในแบบน้ำ หรือแบบที่เป็นแท่ง โดยที่เนื้อไม่มีความมัน ที่จะส่งผลเข้าไปอุดตันในรูขุมขน และเกิดผื่นหรือสิวขึ้นได้ โดยเฉพาะควรดูในส่วนประกอบรายละเอียดอย่างอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารกันเสียอย่างพาราเบน หรือเน้นส่วนประกอบที่ไม่เจือสารเคมี

สำหรับคนเป็นสิว

ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถเลือกใช้ได้ทุกรูปแบบ แต่ควรเว้นแบบเนื้อครีม หรือเนื้อคุชชั่น ที่ให้เนื้อที่มีความมันมากเป็นพิเศษ อาจจะทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน หากมีการล้างหน้าหรือทำความสะอาดเครื่องสำอางออกไม่หมด โดยเฉพาะหากเป็นเลือกใช้แบบน้ำ ก็จะปลอดภัยมากกว่า เพราะไม่ติดฝังแน่นกับผิวหน้า อีกทั้งยังสามารถทำความสะอาดออกง่ายกว่ารูปแบบอื่นๆ

สำหรับคนทั่วไป

การเลือกสามารถเปิดกว้างใช้ได้ทุกรูปแบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบการแต่งหน้าในแต่ละครั้งมากกว่า อย่างเข่น หากเป็นการแต่งหน้าที่ต้องจัดเต็ม และเน้นความโดดเด่น โดยที่ไม่ต้องเติมเครื่องสำอางบ่อยๆ แล้ว ควรที่จะเลือกเนื้อครีม หรือแบบฝุ่น ที่ตัวสีจะเน้นความสว่างและเป็นเนื้อชิมเมอร์ หรือหากเป็นวันทำงานสบายๆ ไม่เน้นอะไรมากมาย ก็สามารถเลือกใช้แบบน้ำ หรือแบบคุชชั่นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ รวมถึงสามารถที่กันน้ำ และกันเหงื่อได้อีกด้วย

วิธีปัดบลัชออน 5แบบ 5ลุค

ขอบคุณช่องยูทูป mininuiizz

สรุป

ท้ายสุดนี้แม้ว่าวิธีการปัดแก้มจะไม่มีอะไรที่น่ายุ่งยาก และไม่มีขั้นตอนมากมาย แต่สิ่งที่เราควรใส่ใจสำหรับบลัชออนนี้ก็คือ การเลือกใช้ให้ถูกกับสภาพผิวหน้าของเรา อีกทั้งยังต้องดูให้เหมาะสมกับการแต่งหน้าในแต่ละครั้ง ว่าเราต้องการแต่งหน้าในแบบสบายๆ ดูเป็นธรรมชาติ สามารถที่จะเลือกใช้แบบน้ำ หรือแบบผงที่เน้นความบางเบา แต่หากเป็นการแต่งหน้าที่เน้นความสะดุดตา และความโดดเด่นแล้วนั้น ควรที่จะเลือกรูปแบบเนื้อครีม หรือแบบผง

รวมถึงคุณสมบัติเสริมพิเศษอื่นๆ สำหรับบรัชออนที่เราควรใช้ในการพิจารณาเลือกก็คือ รูปแบบที่กันน้ำ และกันเหงื่อได้ เพื่อการปัดแก้มในครั้งนั้นๆ จะช่วยในการเติมความสว่างให้กับแก้ม เพราะผู้หญิงทุกคนเกิดมาคู่กับความสวยและสดใส และเครื่องสำอางก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนขาดไม่ได้