YSL ลิปแต่ละสีมีเม็ดสีที่คมชัด เต็มอิ่ม เมื่อได้ทาลงบนริมฝีปากบนและล่างแล้ว จะให้สีที่สวยเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากเต็มอิ่ม โดดเด่นและสวยแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องลิปสติกแบรนด์ ที่สาว ๆ ทั่วโลกต่างยอมรับในคุณภาพ และเฉดสีที่หลากหลาย
เป็นลิปสติกที่สาว ๆ ต่างหลงรักจะต้องมีติดกระเป๋ากันแท่งสองแท่งกัน แล้วคำว่า YSL อ่านว่าอย่างไร คือแบรนด์จากประเทศอะไรกัน ทำไมสาว ๆ ต่างหลงรักกัแบรนด์นี้กัน ไม่ว่าจะลิปสติก กระเป๋า น้ำหอม เรียกได้ว่าผลิตสินค้าอะไรมากก็โด่งดังเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกกันอย่างต่อเนื่อง
เครื่องสำอางความสวยความงามอื่นๆที่นอกจากนี้ ได้แก่ ไพรเมอร์ , มาสคาร่า , บลัชออน , รองพื้น , แป้งฝุ่น , น้ำแร่ฉีดหน้า , ลิปมัน , ขนตาปลอม
YSL ลิป คืออะไร
YSL ชื่อเต็มคือ Yves Saint Laurent แบรนด์ชั้นนำสัญชาติฝรั่งเศส โดยผู้ก่อตั้ง Yves Henri Donat Mathieu-Saint Laurent ซึ่งชื่อแบรนด์ก่อมาจากชื่อของเขานั่นเอง โดยเขาเคยเป็นหัวหน้าดีไซน์เนอร์ในปี 1957 ร่วมงานกับแบรนด์แฟชันตำนานอย่าง Christian Dior และหลังจากนั้นเขาก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ YSL ขึ้นมา ซึ่งเปิดตัวได้ดีมากได้รับความนิยมในหมู่แฟชันคนชั้นสูงจนมาถึงปัจจุบัน
ysl ลิป หรือลิปสติกทั่วๆไปจะมีส่วนประกอบหลัก ๆ 3 ส่วนดังนี้
1.แว๊กซ์ หรือ ไขแข็ง Wax
ทำหน้าที่ในการช่วยทำให้ลิปสติกสามารถขึ้นรูปเป็นแท่งได้
2.น้ำมัน Oil
น้ำมันในลิปสติก ทำหน้าที่เป็นตัวหลอมละลาย เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทำให้แว็กซ์ สีส่วนผสมอื่น ๆ รวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ ลิปสติกจะอ่อนนุ่ม ช่วยให้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกเป็นขุย น้ำมันที่นิยมใช้มีดังนี้
- น้ำมันเมล็ดแมคคาเดเมีย Macadamia nut oil – เป็นน้ำมันที่มีองค์ประกอบที่ใกล้เคียงกับผิวหนัง มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูงถึง 80% เช่น กรดปาลมิโตเลอิก กรดโอเลอิก กรดไลโนเลอิก และกรดไลโนเลนิก มีคุณสมบัติในการซึมสู่ผิวได้ง่าย
- น้ำมันโจโจ้บา Jojoba Oil – เป็นน้ำมันที่ฮิตในวงการเครื่องสำอาง สกัดจากเมล็ดของโจโจ้บา เป็นไม้พุ่มพื้นเมืองในทวีปอเมริกา เป็นตัวช่วยบำรุงผิวพรรณ ทั้งลดเลือนริ้วรอย กักเก็บความชุ่มชื้นของผิว อ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- น้ำมันเมล็ดองุ่น Grape seed oil – ในเมล็ดองุ่นจะมีสาร OPC (Oligomeric Proanthrocyanidin) ที่อยู่ในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซีถึง 20 เท่า มีคุณสมบัติในการซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย และบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น
3.สีย้อม
กฎหมายห้ามใช้สารปรอทในเครื่องสำอาง ผู้ผลิตจึงหันมาใช้สีสังเคราะห์ที่ผ่านมาตรฐานการรับรองที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เหมือนกับสีที่ใช้ทำอาหาร เช่น
- สีสกัดจากผักและผลไม้ – เช่นสีแดงจากบีทรูท ทับทิม
- สีสกัดจากดอกไม้ – เช่นสีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเหลืองจากดอกดาวเรือง
- สีสกัดจากแมลง – เช่น ผงสกัดจากแมลงปีกแข็ง จะให้สีแดงเลือดหมู ผลสกัดจากเกล็ดปลาให้สีเงินประกายมุกให้กับลิปสติก
ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงในลิปสติกและควรพิจารณาใน ysl ลิป
- สารกลุ่มเรตินอยด์ส Retinoids – เป็นสารที่มีปฎิกิริยาต่อแสงแดด ส่งผลร้ายต่อ DNA ในร่างกาย เสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง
- สารสังเคราะห์วิตามินอี Tocopheryl Acetate – ทำให้ริมฝีปากระคายเคือง เป็นขุยและแห้งแตก สารสกัดจากน้ำมันในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ก่อให้เกิดสิวอุดตัน
- สารกันเสีย – ส่งผลให้อวัยวะภายในร่างกายเสี่ยงเป็นพิษเรื้อรัง
- สารปนเปื้อน – ธาตุที่เป็นพิษต่าง ๆ เช่น สารหนู ตะกั่ว แคดเมียม โคบอลท์ อะลูมินัม ไทเทเนียม แมงกานีส โครเมียม ทองแดง นิกเกิล
ysl ลิป และลิปสติกทั่วไปมีกี่แบบ
1.เนื้อแมตต์ Matte Lipstick
ลิปสติกเนื้อแมตต์จะมีความเข้มข้นของสีมาก มีเนื้อด้านที่ไร้ความมันวาว ติดทนนาน ทาแล้วริมฝีปากจะแห้งได้ง่าย อาจไม่เหมาะกับสาวที่มีปัญหาปากแห้งเพราะจะทำให้ตกร่องและเป็นคราบได้ ดังนั้นแนะนำให้ทาลิปบาล์มก่อนเพื่อความชุ่มชื้น
2.เนื้อครีม Creamy Lipstick
ลิปสติกเนื้อครีมจะเป็นเนื้อครีมเนียนนุ่ม มีเม็ดสีที่มีสีสันชัดเจน ทาแล้วริมฝีปากมันวาว ไม่ทำให้ปากแห้ง แต่ติดทนนานโดยไม่ต้องทาซ้ำ เหมาะสำหรับสาวที่มีริมฝีปากสวยได้รูป ทาแล้วทำให้ปากดูอวบอิ่มมากขึ้น แต่อาจไม่เหมาะกับสาวที่มีรูปปากหนา เพราะจะยิ่งทำให้ปากดูหนายิ่งขึ้น
3.เนื้อกลอส Glossy Lipstick
ลิปสติกเนื้อกลอสจะมีลักษณะเป็นเนื้อเหลว มีเนื้อสีบาง ๆ ให้ความมันวาว ช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้น อวบอิ่ม ทาแล้วเนียน หมดปัญหาปากแห้งแตกเป็นร่องเป็นขุยไปได้เลย
4.เนื้อทินท์ Tint Lipstick
ลิปสติกเนื้อทินท์มีลักษณะเป็นเนื้อเหลว คล้ายกับลิปกลอส แต่จะหนืดน้อยกว่า ใช้ทาเพื่อเพิ่มสีสันให้กับริมฝีปาก นิยมทาริมฝีปากบาง ๆ ด้านใน ใช้ทาคู่กับลิปกลอน จะทำให้ริมฝีปากดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ
5.เนื้อลิควิด หรือลิปจิ้มจุ่ม Liquid Lipstick
ลิปสติกประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นเนื้อเหลวแลลลิควิด สาว ๆ มักเรียกว่า ลิปจิ้มจุ่ม เพราะมีเม็ดสีที่ชัดเจน ติดทนนาน มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นเนื้อมันวาวหรือเนื้อแมตต์
6.เนื้อเชียร์และซาติน Sheer and Satin Lipstick
ลิปสติกประเภทนี้มีลักษณะคล้ายกับลิปเนื้อครีม แต่จะมีเม็ดสีที่บางเบากว่า ไม่มันวาวมากจนเกินไป มีสีสันที่บางเบา ไม้เข้มเหมือนกับลิปเนื้อครีม เหมาะกับสาวที่ไม่ชอบทาลิปสติกสีจัดแต่อยากให้ริมฝีปากดูเนียนสวย
7.ไลเนอร์ Lip Liner
ลิปสติกประเภทนี้มาในรูปแบบดินสอ ใช้สำหรับเขียนขอบปากให้ชัดขึ้น มักจะใช้เป็นสีที่ใกล้เคียงกับลิปสติก ช่วยเน้นให้เรียจวปากดูคมชัด ช่วยทำให้ทาลิปสติกได้ง่ายกว่าเดิม
8.เนื้อกำมะหยี่ Velvet Lipstick
ลิปสติกประเภทนี้มีลักษระคล้ายกับลิปเนื้อแมตต์ ติดทนนาน ทาแล้วปากไม่แห้งตึง เพราะยังคงความชุ่มชื้นไว้ ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ดูสุขภาพดี ไม่ต้องห่วงเรื่องปากแห้งลอก
9.เนื้อบาล์ม หรือลิปมัน Lip Balm
ลิปสติกประเภทนี้เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก จะไม่ค่อยมีสี แต่บางยี่ห้อทาแล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพู เป็นลิปแก้ปัญหาริมฝีปากแห้ง แตกเป็นขุยได้ดี นิยมทาก่อนลงลิปสติกเพื่อช่วยให้ริมฝีปากดูชุ่มชื้นมากขึ้น
10.เนื้อฟรอสตี้ Frosted Lipstick
ลิปสติกประเภทนี้มีเนื้อสีเข้มข้นผสมกลิตเตอร์ มีความประกายมุกวิบวับ ทาแล้วทำให้ริมฝีปากดูเปล่งปลั่ง มีประกาย เม็ดสีชัด ไม่มันวาวเกินไป เหมาะกับคนที่ไม่ชอบให้ริมฝีปากแห้ง และสาวริมฝีปากบาง
11.เนื้อเมทัลลิค Metallic Lipstick
ลิปสติกประเภทนี้มีเนื้อแบบเมทัลลิก มีความเข้มข้นของสี มีประกายของเนื้อมุก ทำให้ริมฝีปากแวววาว ไม่มันเหมือนเนื้อกลอส ช่วยทำให้ริมฝีปากสวยดูอวบอิ่ม ไม่มันวาว
เทคนิคทาysl ลิปให้สวยดูอวบอิ่ม
เริ่มที่กึ่งกลางริมฝีปากบน โดยใช้มุมฉากของแท่งลิปสติกสร้างรอยหยักที่เด่นชัด จากนั้นลากเส้นออกไปยังมุมปาก โดยใช้ด้านข้างชองสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อให้ได้เส้นขอบปากที่ชัดเจน คมเฉียบ เนื้อเป๊ะ ทั้งริมฝีปากบนและล่าง การเน้นรูปปากตามธรรมชาติทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้น
การเลือกซื้อ ysl ลิป
1.พิจารณาถึงโทนสีผิว
ก่อนเลือกซื้อ YSL ลิป ควรพิจารณาถึงโทนสีผิวหนังของเราก่อนว่ามีสีผิวเข้ม ผิวขาว ผิวสีเหลือง โดยทั่วไปสีผิวมี 4 ประเภท คือผิวโทนอุ่น ผิวโทนเย็น และ ผิวโทนกลาง
- สีผิวโทนอบอุ่น – ผิวโทนเหลืองควรเลือกลิปสติกสีชมพูอ่อน หรือ สีนู้ดพืช
- สีผิวโทนเย็น – ผิวขาว หรือ ผิวสีอ่อน ควรเลือกลิปสติกสีนู้ด ผิวขาวปานกลางควรเลือกสีชมพู ผิวสีขาวอมชมพูควรเลือกลิปสติกสีทับทิม
- สีผิวโทนกลาง – เหมาะสำหรับลิปสติกทุกสี
- สีแทน หรือผิวสองสี – คนที่เลือกเฉดสีลิปสติกได้ค่อนข้างหลากหลาย เกณฑ์การเลือกสีลิปสติกขึ้นกับสไตล์การแต่งหน้า และการแต่งตัวของแต่ละคน
2.สังเกตจากริมฝีปาก
หากใครริมฝีปากอวบอิ่ม ควรใช้ลิปสติกสีอ่อนที่ริมฝีปากล่าง และทาริมฝีปากบนให้เข้มขึ้น หรือหากริมฝีปากล่างอวบอิ่มให้เลือกสีเข้ากับโทนสีผิวของคุณ เพิ่มเฉดสีนู้ดสีอ่อนตรงกลางริมฝีปากบน ริมฝีปากบางให้หลีกเลี่ยงสีปากที่เข้ม และมีสีสันซึ่งจะทำให้ริมฝีปากบางลง
3.พิจารณาถึงสีของฟันและตา
หากมีสีตาเป็นสีธรรมชาติ หรือสีตาจากการใส่คอนแทคเลนส์ หากคุณมีดวงตาสีน้ำตาล ควรเลือกลิปสติกสีแดงสด น้ำตาลแดง สีชมพูสดใส ขณะดวงตาสีฟ้าเข้ากับลิปสติกสีม่วงแดง และสาวตาสีเทา ควรเลือกสีนู้ด
หากมีฟันขาว สามารถเลือกสีลิปสติกสีใดก็ได้ หากฟันเหลืองควรใช้ลิปสติกสีส้มอ่อน สีแดงอ่อน หลีกเลี่ยงสีม่วง สีน้ำตาล สีม่วงแดง
4.เลือกจากเนื้อสัมผัส
คำถามที่พบบ่อยของ ysl ลิป
ดีไหม
ลิปสติก YSL เป็นลิปสติกแบรนด์ดังระดับ High-end จากประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมจากสาว ๆ ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน เป็นลิปสติกคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เม็ดสีเข้ม มีเฉดสีหลากหลาย ติดทนนาน
ส่วนผสมในการฟื้นบำรุงริมฝีปากให้สุขภาพดี จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสาว ๆ ทั่วโลกต่างยอมรับในคุณภาพของลิปสติก YSL ซึ่งใครไม่มีติดในกระเป๋าถือว่าพลาดมากเลย
ลิป Ysl 3 รุ่น เลือกรุ่นไหนดี
ของคุณยูทูปช่อง Pang Chayuda
สรุป
YSL ลิปได้รับการยอมรับที่ตอบโจทย์ให้ริมฝีปากสวยเต็มอิ่ม กับเฉดสีสรรงดงาม เม็ดสีเต็มอิ่ม ดูสวยเป็นธรรมชาติ สาว ๆทั้งโลกต่างยอมรับในคุณภาพของแบรนด์ YSL ที่ให้สีของลิปสติกที่มีเม็ดสีไม่เหมือนแบรนด์อื่น
มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถเข้าได้กับการแต่งตัวของสาว ๆ ทุกสไตล์ ซึ่งหากคุณหลงรักในแบรนด์ YSL จะต้องไม่พลาดลิปสติก YSL ที่จะต้องมีติดกระเป๋ากันสักแท่งสองแท่งกันอย่างแน่นอน
ขอบคุณภาพจาก
เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญทดลอง และเป็นนักรีวิวเครื่องสำอางตัวยง ถนัด และชื่นชอบการแต่งหน้า และลองเครื่องสำอางใหม่ๆอยู่เสมอ