10 ที่นอนสปริง ยี่ห้อไหนดี 2024 นุ่ม นอนสบาย หลับดี ไม่ปวดหลัง

ที่นอนสปริง

สารบัญ

ที่นอนสปริงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นอนที่ดีที่สุดของหลายๆคนแล้วแต่ความชอบภายในจะประกอบด้วยสปริง หรือขดลวด ทำให้มีความเด้ง ภายนอกรองรับด้วยความนุ่มของฟูก รองรับสรีระของร่างกาย มีอายุการใช้งานยาวนาน

เครื่องนอนอื่นๆที่นอกเหนือจากนี้ ถ้าใครสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยจ้า

ชุดเครื่องนอน , ผ้าปูที่นอน , ที่นอนยางพารา , ที่นอน 3.5 ฟุต , ที่นอนเป่าลม , หมอนขนเป็ด , หมอนขนห่าน , หมอนรองคอ , topper , เตียง 2 ชั้น , ที่นอนสปริงตัวท็อป , เครื่องดูดไรฝุ่น , ถุงนอน , ผ้านวม , หมอนยางพารา

และยังมีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ยกตัวเอย่างเช่น ประตูบานเลื่อน , ชั้นวางทีวี , เก้าอี้พับนอน , เก้าอี้โยก , เตียงพับ , Bean bag , เก้าอี้สำนักงาน , โซฟาเดี่ยวปรับนอน , โต๊ะข้างเตียง , โต๊ะกลางโซฟา , โต๊ะรับแขก , โต๊ะญี่ปุ่น , โต๊ะหมู่บูชา , ผ้าคลุมโซฟา , ตู้ยา ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า

ที่นอนสปริง คืออะไร

ที่นอนสปริงคืออะไร

คือ ที่นอนที่มีส่วนประกอบเป็นตัวสปริง หรือขดลวดที่แกนกลางด้านในของที่นอน เป็นส่วนสำคัญที่ทั้งรับน้ำหนัก และกระจายน้ำหนักให้ทั่วที่นอน ส่วนด้านบน และด้านล่างของตัวขดลวดภายในนั้น

จะมีชั้นต่างๆ ที่ในแต่ละยี่ห้อจะมีการจำนวนชั้นด้านในไม่เท่ากัน แต่จะเน้นหลักๆ ในการช่วยในการรองรับน้ำหนัก และให้เกิดความสบายต่อผู้ใช้งาน รวมถึงช่วยเพิ่มความแน่นให้กับตัวที่นอนในขณะที่มีการลงน้ำหนักลงบนที่นอน

ที่นอนสปริงมีคุณสมบัติอย่างไร

จุดเด่นหลักคือ มีการกระจายน้ำหนักของผู้นอนได้ทั่วเตียง รวมถึงการรองรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ทำให้นอนสบายไม่ปวดหลัง ด้วยขดลวดภายในมากกว่า 400 ขดลวดที่ยึดกับตัวโครงเหล็กชั้นใน รวมถึงการวางแผ่นเสริมภายในที่นอนตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป

ส่วนประกอบของที่นอนสปริง

1.ชั้นแรกแกนตาข่าย และไฟเบอร์

เป็นส่วนที่อยู่ชั้นนอกสุด และเป็นชั้นที่สัมผัสกับผู้ที่นอนได้โดยตรง อีกทั้งเป็นชั้นที่ควบคุมรูปทรงของโครงเตียงภายนอกเอาไว้ และป้องกันไม่ให้ตัวสปริงเมื่อใช้ไปนานหลายปี ทะลุออกมาด้านนอก หรือมีการเลื่อนตัวโผล่ขึ้นมาให้ผู้นอนสัมผัสได้ ส่วนตัวตาข่ายผ้าที่หุ้มด้านนอกจะมีการเคลือบสารป้องกันไรฝุ่น, ภูมิแพ้ และเชื้อรา

2.ชั้นที่สองแผ่นไฟเบอร์ หรือโฟม

ทำหน้าที่เป็นเสมือนเบาะที่รองรับน้ำหนัก ผ่านตัวโฟมอัดที่จะช่วยให้เวลานอนมีความรู้สึกสบาย มีความแน่นของที่นอน หากมีการใช้งานที่นอนในระยะเวลาที่อยู่ในการใช้งานได้ดีนั้น จะสัมผัสได้ถึงความแน่น และยืดหยุ่นของตัวสปริงด้านใน

3.ชั้นที่สามแผ่นไฟเบอร์ หรือแผ่นโฟมอัดอย่างบาง

ส่วนนี้จะใช้ในการกระจายน้ำหนักของผู้นอน ให้ลงไปบนขดลวดสปริงตรงกลางเท่าๆ กัน เพราะหากมีการลงน้ำหนักไปทางด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป ก็จะทำให้ขดลวดส่วนนั้น มีการเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น จะมีปัญหาที่นอนที่ไม่มีความสมดุล มีความยวบไม่เท่ากัน

อ้างอิงแหล่งที่มา

ที่นอนสปริง vs ที่นอนยางพารา

สปริงของที่นอน

1.การรองรับน้ำหนัก

หากพูดถึงเรื่องการรับน้ำหนักตัวนั้น เราอาจจะต้องยอมรับที่นอนยางพารา ที่ให้คะแนนสูงกว่า ด้วยความเป็นเนื้อยางพารา ที่มีความหนา และแน่นของเนื้อใน ยิ่งทั้งหากใครที่มีน้ำหนักมากนั้น แนะนำให้เลือกใช้ที่นอนแบบที่เป็นยางพาราเท่านั้น เพราะนอกจากรองรับน้ำหนักได้ดีกว่าแล้ว ยังกระจายน้ำหนักได้ทั่วทั้งเตียงได้มากกว่า อีกทั้งยังมีอายุการใช้งานที่นานกว่า ไม่ต้องเจอกับปัญหาเตียงยุบ และไม่ต้องเสี่ยงต่อการปวดเมื่อยกระดูกสันหลังอีกด้วย

2.ความยืดหยุ่น

ในเรื่องของการยืดหยุ่น หรือการสปริงตัวของที่นอนๆ ที่เป็นแบบขดลวดสปริงด้านในจะมีมากกว่าที่นอนแบบยางพารา ซึ่งหมายความว่า หากเราไม่ใช่คนที่มีน้ำหนักตัวเยอะจนเกินไปนั้น การแนะนำให้เลือกใช้ที่นอนสปริง ก็จะดีในด้านของความแน่นของที่นอนส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็คือการทำงานของขดลวดด้านในตัวที่นอน ที่ช่วยให้ความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี

3.การเคลื่อนไหว พลิกตัว

หากเป็นการนอนที่มากกว่า 1 คนแนะนำให้มีตัวเลือกอีกหนึ่งทางคือ ที่นอนแบบยางพารา เพื่อที่แต่ละคนจะไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ด้วยความแน่นของเนื้อยางพารานั่นเองถึงแม้จะเป็นที่นอนแบบพ็อกเก็ตสปริงก็ตาม ที่มีการสัมผัสถึงการเคลื่อนไหว ของคนที่นอนด้วยบนเตียงเดียวกันน้อยมาก แต่ก็ยังสามารถรับรู้ได้ ในเวลาที่อีกฝ่ายพลิก หรือขยับตัว ซึ่งจะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การนอนหลับไม่สนิท หรือนอนไม่หลับเลย

4.ราคา

จะมีระดับราคาที่ถูกกว่าที่นอนยางพารา แต่ในบางยี่ห้ออาจจะมีราคาที่สูงมากกว่าระดับราคาที่นอนแบบสปริงเดียวกันก็เป็นได้ และรวมถึงมีระดับราคาที่สูงเท่าๆ หรือมากกว่าที่นอนยางพารา ซึ่งเกิดจากการบุชั้นด้านใน ทั้งด้านบน และด้านล่างของที่นอนให้มีหลายชั้น เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นาน และมีการยุบตัวของที่นอนได้ช้า

ที่นอนสปริง กับ พ็อกเก็ตสปริงต่างกันอย่างไร

หลักๆ แล้วจะต่างกันในเรื่องของเสียงขดลวดที่ดัง ในเวลาที่นอนลงบนที่นอนเท่านั้น ด้วยความที่มีโครงสร้างการวางขดลวดที่แตกต่างกัน

1.แบบบอนแนลล์ (Bonnell Spring Mattress)

การวางขดลวดภายในจะยึดเกี่ยวสัมพันธ์กันหมด และเกี่ยวยึดกับตัวโครงเหล็กของเตียง ดังนั้นเมื่อเรานอนลงบนที่นอน การรองรับน้ำหนักจะกระจายไปทั่วเตียง และเป็นสาเหตุของการที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงการขยับตัว หรือพลิกตัวของคนที่นอนข้างๆ ได้

2.แบบพ็อกเก็ต (Pocket Spring Mattress)

ที่นอนพ็อคเก็ตสปริง

รูปแบบการวางขดลวดที่เป็นอิสระซึ่งกันและกัน ไม่มีการเกี่ยวยึดต่อกันระหว่างขดลวด รวมถึงการหุ้มด้วยผ้าอีกชั้น ดังนั้นในเวลาที่มีใครคนหนึ่งนอนลงบนที่นอน ก็จะมีการลงน้ำหนักที่ขดลวด ณ ตำแหน่งนั้นที่เดียว แต่ด้วยความเป็นวัสดุขดลวด ที่มีความยืดหยุ่น ดังนั้นการรับรู้ถึงการขยับตัวของอีกฝ่าย ที่นอนบนเตียงเดียวกันก็อาจจะน้อยกว่าแบบแรก

คำถามที่พบบ่อยของที่นอนสปริง

คำถามของที่นอนสปริง

Q ควรนอนด้านไหน

A นอนด้านไหนก็ได้แต่ข้อแนะนำคือ ควรที่จะมีการพลิกที่นอนในช่วงระยะเวลา 3 เดือนหลังจากการใช้งานไปแล้ว โดยการพลิกที่นอนจากด้านบนให้ลงไปด้านล่าง และให้สลับส่วนหัวนอนมาที่ปลายเตียงแทน การทำในแบบนี้นั้น ถือว่าเป็นอีกวิธีที่ช่วยถนอมการใช้งานที่นอนแบบขดลวด อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย

Q เสียงดังไหม

A ในการซื้อมาใช้งานในช่วงแรกๆ นั้น เสียงของขดลวดสปริงอาจจะไม่ดังเท่าไหร่ สำหรับเวลาที่เรานอนพลิกตัว หรือขยับตัวบนที่นอน แต่ด้วยความเป็นที่นอนที่มีขดลวดด้านในแล้วนั้น ย่อมมีเสียงเวลานอน หรือเวลาขยับพลิกตัวบนเตียงอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าหากเราเลือกในแบบพ็อกเก็ตสปริงแล้ว เสียงก็จะดังน้อยกว่าที่นอนสปริงแบบธรรมดา หรือ บอนแนลล์สปริง

แต่เราอาจจะต้องรู้ข้อจำกัดของที่นอนในรูปแบบนี้ว่า  ในระยะเวลาจำนวนปีการใช้งานเพิ่มมากขึ้นนั้น เสียงที่เกิดจากสภาพการใช้งานของขดลวดทุกวัน ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนปี

โดยเฉพาะหากมีการใช้งานที่เกินกว่า 7 ปีขึ้นไปแล้ว ขดลวด หรือตัวสปริงภายในก็จะเสื่อมสภาพการใช้งานไปเรื่อยๆ จนอาจจะไม่เพียงแค่เสียงดังเท่านั้น การผิดรูปทรงของตัวที่นอน  ไม่ว่าจะเป็นการยุบตัวของที่นอน หรือมีส่วนของขดลวดสปริงนูนออกมาทางใดทางหนี่งของตัวที่นอนก็ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น

Q อายุการใช้งาน

A เราจะดูที่ตัวขดลวดสปริงด้านในเป็นส่วนสำคัญ เพราะเมื่อไหร่ที่ขดลวดด้านในเสื่อมสภาพแล้วจะมีความยวบ, ไม่มีความยืดหยุ่น รวมถึงเตียงมีการเสียทรงที่อาจจะบุบทั้งด้านนอก หรือบนที่นอน อายุการใช้งานของที่นอนปริงจะอยู่ที่ 5-7  ปีโดยประมาณ

เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นอนสปริง

เกร็ดความรู้ของที่นอนสปริง

1.หากเลือกที่นอนที่เป็นขดลวดสปริงแล้วนั้น ควรเลือกที่นอนที่มีความสูงอย่างน้อย 8 นิ้วขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีความสูงมาตรฐานอยู่ที่ 9-10 นิ้วจะทำให้นอนสบายมากยิ่งขึ้น

2.ที่นอนที่เป็นขดลวดสปริงเหมือนกัน แต่ระดับราคาอาจจะมีความแตกต่างกันมาก หรือน้อยก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ การเสริมตัวขอบทั้งด้านนอกตัวที่นอน รวมถึงระดับชั้นด้านในที่มีการเสริมไฟเบอร์ และแผ่นอัดโฟม

ซึ่งอาจมีจำนวนชั้นที่ไม่เท่ากัน และจำนวนของขดลวดภายในที่มีไม่เท่ากันในแต่ละยี่ห้อ และแต่ละรุ่นอีกด้วย ซึ่งโดยปกตินั้นจะมีขดลวดตั้งแต่ 400 ขดลวดขึ้นไป ทั้งหมดนี้มีผลต่ออายุการใช้งานที่มากหรือน้อยร่วมด้วย

3.ที่นอนสปริงถึงแม้จะมีคุณสมบัติ ที่สามารถทั้งรองรับน้ำหนัก และมีความยืดหยุ่นสูงในขณะที่เราทิ้งตัวลงนอน นอนสบาย ไม่ปวดหลังแต่หากเป็นที่นอนที่ผ่านการใช้งานมานานแล้ว ตัวสปริงด้านในย่อมจะมีคุณสมบัติที่ไม่สมบูรณ์ มีผลทำให้เกิดการยุบตัวของเตียง และขอบด้านข้างมีส่วนของสปริงยื่นออกมา อีกทั้งที่นอนอาจมีการเสียทรง โครงสร้างตัวที่นอนที่ไม่เหมือนเดิม

หากที่นอนมีสภาพดังกล่าวแล้ว เราไม่ควรที่จะใช้ต่อไป เพราะอาจสร้างความปวดเมื่อยให้กับร่างกายมากกว่าเดิม หรือทำให้โครงสร้าง และสรีระร่างกายของเรา โดยเฉพาะในส่วนของกระดูกสันหลังทำให้เกิดการคดงอ หรือผิดรูปได้

4.ด้วยคุณสมบัติเด่นของที่นอนประเภทนี้ เราจึงมักคิดว่า สปริงด้านในตัวที่นอน มีความแข็งแรง และสามารถรองรับน้ำหนักเท่าไหร่ หรือรับการกระแทกมากแค่ไหนก็ได้ การกระโดดบนที่นอนบ่อยครั้ง เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้โครงสร้างลวดสปริงด้านใน จะเกิดการเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น

5.หากที่นอนมีความยืดหยุ่นมากเกินไป เราอาจจะต้องดูในเรื่องของความแน่นของตัวที่นอนร่วมด้วย หมายถึงตัวเสริมขอบของที่นอน และแผ่นชั้นเสริมด้านในที่นอน ที่เป็นตัวกั้นระหว่างขดลวดสปริงด้านในตรงกลาง

กับพื้นผิวสัมผัสตัวที่นอน ที่ผู้ใช้จะสัมผัสได้โดยตรง เมื่อนั่งหรือนอนลง ต้องให้ความรู้สึกแน่น และมีความยืดหยุ่นของตัวสปริงที่ไม่มากจนเกินไป

เพราะหากตัวที่นอนมีความยืดหยุ่นมาก แต่แผ่นรองชั้นที่นอนมีความบาง จนสามารถรับรู้ได้ถือ ความยืดหยุ่นของตัวสปริงด้านในที่นอนมากจนเกินไป จะทำให้เกิดปัญหาที่นอนเสื่อมสภาพได้เร็ว นั่นหมายถึงที่นอนยี่ห้อนั้น มีการรองแผ่นเสริมด้านในที่เป็นตัวกลางระหว่าง ผู้นอนกับขดลวดสปริงที่บาง และมีจำนวนชั้นที่น้อยจนเกินไป

วิธีเลือกที่นอนง่าย ๆ

ขอบคุณช่องยูทูป Klong9furniture

สรุป

ที่นอนสปริงเหมาะสับหรับผู้ที่ชื่นชอบความเด้ง ที่นอนจะมีความยืดหยุ่น รองรับน้ำหนักตัวได้ดี มีความนุ่ม ไม่แข็งเวลาล้มตัวลงนอน ซึ่งมีหลายประเภทของขดลวดให้เลือกแล้วแต่รุ่นๆไป

อ้างอิง

ลาซาด้าลดคุ้ม

ยี่ห้อ Midas

ไมดาส
-ความหนาของที่นอน 9 นิ้ว
-ผิวสัมผัสนุ่ม ไม่ละคายเคืองผิว
-ระบายอากาศได้ดี ช่วยลดอาการปวดหลัง

ยี่ห้อ Solomon

โซโลม่อน
-ความหนาของที่นอน 9 นิ้ว
-สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี
-ไม่ยวบเป็นแอ่ง แน่น เด้ง ฟู
-วัสดุทำมาจากเส้นใยคุณภาพสูง

ยี่ห้อ Intrend Furniture

-ความหนาของที่นอน 9 นิ้ว
-หุ้มด้วยผ้าซาติน ลื่น ไม่ระคายเคือง
-ลดการก่อตัวของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา

ยี่ห้อ Ucomfort

ยูคอมฟอร์ด
-ความหนาของที่นอน 10 นิ้ว
-เนื้อแน่น นุ่ม ไม่ทำให้ปวดหลัง
-ดีไซน์หรูหรา ระบายอากาศได้ดี
-สปริงมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน

ยี่ห้อ Pandora

แพนโดร่า
-ความหนาของที่นอน 8 นิ้ว
-แข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
-เนื้อผ้านุ่ม นอนสบาย สามารถรองรับสรีระได้ดี

ยี่ห้อ Thames

-ความหนาของที่นอน 10 นิ้ว
-ป้องกันไรฝุ่น และเชื้อแบคทีเรีย
-ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เกรดพรีเมี่ยม
-ไม่สะสมความร้อน ระบายความชื่นได้ดี

ยี่ห้อ HomeBest Product

โฮมเบส
-ความหนาของที่นอน 10 นิ้ว
-สปริงมีความคงทน แข็งแรง
-มีความยืดหยุ่นสูง ไร้ขอบ นอนหลับสบาย

ยี่ห้อ Lotus

โลตัส
-ความหนาของที่นอน 12 นิ้ว
-ลดแรงกดทับกระจายน้ำหนักได้ดี
-ผิวสัมผัวกำมะหยี่ นุ่ม ไม่ระคายเคือง
-วัสดุทำมาจากสปริงและโฟมคุณภาพสูง

ยี่ห้อ Satin

ซาติน
-ความหนาของที่นอน 9 นิ้ว
-ที่นอนไร้ขอบ นอนสบาย
-ไม่เก็บความร้อน ระบายได้ดี
-แข็งแรง ทนทาน ไม่ขาดง่าย

ยี่ห้อ Index Living Mall

-ความหนาของที่นอน 8 นิ้ว
-สามารถป้องกันไรฝุ่นและเชื้อรา
-วัสดุทำมาจากเส้นใย Polyester
-สปริงชนิดพิเศษ มีความยืดหยุ่นสูง

Best Choice ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า