อาหารลูกแมวเป็นอาหารที่ทำมาเฉพาะให้ลูกแมวกินตั้งแต่แรกเกิด 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน เป็นต้น จะมีสารอาหารบำรุงร่างกายเหมาะสมกับวัย มีเป็นแบบเม็ด หรือแบบเปียก และยังมีอาหารเสริมเฉพาะสำหรับบำรุงลูกแมวอีกด้วย
สำหรับใครที่อยากเลี้ยงแมวสัก 1 ตัว สิ่งที่ต้องตระเตรียมมีดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น ทรายแมว , ที่นอนแมว , กระบะทรายแมว , กรรไกรตัดเล็บแมว , ปลอกคอแมว , ลูกกลิ้งเก็บขนแมว , อาหารเสริมแมว , ยาสีฟันแมว , ยาหยอดหูแมว , เครื่องเป่าขนแมว , กระเป๋าใส่แมว , น้ำพุแมว , แชมพูอาบน้ำแมว , ที่ใส่อาหารแมว , ห้องน้ำแมว
เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับสุนัขที่เราคัดมาเป็นอย่างดีไว้ใช้เลี้ยงน้องหมาที่เรารัก ได้แก่ อาหารเปียกสุนัข , ที่นอนสุนัข , ยาสีฟันสุนัข , อาหารเม็ดสุนัข , ขนมหมา , เครื่องให้อาหารสุนัข , สายจูงสุนัข , แผ่นรองฉี่สุนัข , กรรไกรตัดเล็บสุนัข , แชมพูสุนัข , อาหารลูกสุนัข , คอกหมา
อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ได้แก่ กรงกระต่าย , ตู้ปลา , อาหารปลาคาร์ฟ เป็นต้น ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
อาหารลูกแมว มีแบบไหนบ้าง
หลังจากที่ลูกแมวคลอดออกมาแล้วประมาณ 6-9 สัปดาห์ หรือ 1.5-2 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาที่ควรฝึกให้ลูกแมวปรับตัวมากินอาหารลูกแมว เพราะเริ่มจะเป็นช่วงที่แม่แมวจะมีน้ำนมที่ค่อยๆ ออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าลูกแมวที่คลอดออกมาหลายตัว เกิดการแย่งกินน้ำนมจากแม่แมว ก็จะทำให้ลูกแมวมีสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาดังกล่าวผู้เลี้ยงควรที่จะเริ่มฝึกลูกแมว โดยตัวอาหารที่เหมาะกับลูกแมว แบ่งออกได้เป็น 3 แบบคือ
1.รูปแบบเม็ด
รูปทรงเม็ดของอาหารแมวชนิดนี้ จะมีหลากหลายมาก แต่จะเน้นที่รูปทรงกลม, ทรงรี และอาจจะมีแบบสามเหลี่ยม และรูปทรงต่างๆ ที่เน้นปลายมน และมีขนาดที่เล็กกว่าอาหารสำหรับแมวทั่วไป ส่วนรสชาติจะเน้นที่ปลาเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่น ปลาทู, ปลาทะเล, ปลาทูน่า, และปลาแซลมอน รวมถึงจะมีคละกับเม็ดอาหารที่เป็นสีเขียว ที่เป็นส่วนผสมของผักที่แมวสามารถกินได้
การเริ่มต้นให้ลูกแมวปรับเปลี่ยนจากน้ำนมจากแม่แมว เป็นอาหารในรูปแบบที่ต้องเคี้ยว หรืออาหารหนักนั้น เราอาจจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการเทอาหารเม็ดพร้อมกับน้ำสะอาด หรือนมลงไป เพื่อให้เกิดความนิ่มของตัวอาหารเม็ด และช่วยให้ลูกแมวเคี้ยวได้ง่ายมากขึ้น ในช่วงอายุที่ยังมีฟันขึ้นไม่สมบูรณ์
ข้อควรระวังก็คือ การเทน้ำ หรือนมไม่ควรที่จะเทลงไปจนล้นชามอาหาร หรือท่วมอาหารเม็ดมากจนเกินไป เราอาจจะกะปริมาณในการเทของเหลวกับสัดส่วนของอาหารเม็ดคือ 1:1 หรือสามารถเพิ่มของเหลวอย่างน้ำสะอาด หรือนมได้มากขึ้นเพียงเล็กน้อย สิ่งที่เราต้องการหลักๆ คือ ต้องการให้อาหารเม็ดมีความอ่อนตัว และนุ่มเพื่อให้ลูกแมวกินได้ง่าย
ถ้าเทน้ำสะอาด หรือนมมากจนเกินไป จะทำให้ลูกแมวมีปริมาณการกินอาหารต่อมื้อ ที่มากจนเกินพอดี และเป็นผลเสียต่อช่วงเวลาแรกที่กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้ลูกแมวเกิดอาการอาหารไม่ย่อย หรือท้องอืดร่วมด้วย จึงเน้นเรื่องการให้ลูกแมวได้กินอาหาร แต่ไม่ควรเน้นเรื่องปริมาณที่มาก ด้วยวัยยังน้อย และอยู่ในช่วงการปรับตัวในการกินอาหาร
โดยการฝึกให้ลูกแมวของเรากินอาหารเม็ดเ็นประจำเป็นหลักจนติดเป็นนิสัยจะทำให้แมวของเราอ้วนได้ดีกว่าน้องแมวที่ชอบกินแต่อาหารเปียกเพราะว่าสารอาหารของอาหารเม็ดมีสมบูรณ์ครบถ้วนกว่าในอาหารเปียกนั่นเอง แต่ถ้าพูดถึงความอร่อยอย่างเดียวอาหารเปียกสำหรับน้องแมวจะกินอร่อยกว่าอาหารเม็ดนะ
2.อาหารเปียกแบบเนื้อเจลลี่, น้ำเกรวี่
บรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยให้เราสังเกตได้ง่ายมากขึ้นคือ อาหารเปียกจะใส่ในรูปแบบซองมากกว่า รูปแบบอื่นๆ มีรสชาติให้เลือกที่หลากหลาย คล้ายกับตัวอาหารเม็ด แต่ส่วนใหญ่จะเน้นในส่วนของเนื้อปลา, เนื้อไก่ และผัก เนื้อสัมผัสของตัวอาหารลูกแมวแบบนี้จะเป็นเจลลี่ ผสมกับเนื้อสัตว์เป็นชิ้นๆ เนื้อสัตว์ชิ้นไม่ใหญ่เกินไป
เหตุผลสำคัญในการทำหีบห่อแบบซองคือ เน้นการฉีกให้ลูกแมวกินในครั้งเดียว หรือมื้อเดียวให้หมด ไม่นิยมให้แบ่งเก็บ เพราะอุณหภูมิ และความชื้นในการแช่ในตู้เย็น อาจทำให้เนื้อเจลลี่ละลาย หรือมีสภาพไม่เหมือนเดิมได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์ในอีกรูปแบบหนึ่งคือ แบบถาดอลูมิเนียม ที่มีความสะดวกในการเทให้ลูกแมวกินได้มากกว่า ไม่ต้องหาภาชนะ เหมาะในการพกพาไปนอกสถานที่
3.อาหารเปียกแบบเนื้อมูส, เนื้อครีมข้น
เป็นลักษณะอาหารเปียก สำหรับลูกแมวที่กำลังหย่านม แต่หากดูในคุณภาพของเนื้ออาหาร และวัตถุดิบที่นำมาผลิตนั้น จะมีระดับที่ดีกว่าอาหารเปียกแบบเนื้อเจลลี่ หรือแบบน้ำเกรวี่ รวมถึงตัวเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตร่วมด้วย จะมีคุณภาพ, กลิ่น และรสชาติที่ดีกว่า
เนื้อสัมผัสอาหารมีความแตกต่างจากอาหารเปียกแบบเจลลี่ หรือแบบน้ำเกรวี่ คือ มีความละเอียดมาก หากเป็นซองบางยี่ห้อ โดยเฉพาะยี่ห้อที่นำเข้าจากญี่ปุ่น จะมีเนื้อเป็นครีมข้น ลูกแมวที่ยังไม่ชินกับการเคี้ยวอาหาร สามารถปรับตัวด้วยการเลียอาหารในรูปแบบนี้ได้ง่ายๆ
หากเป็นลูกแมวที่เริ่มหัดกิน แนะนำเนื้ออาหารมูสที่เป็นแบบครีมข้นก่อน อาหารเปียกที่เป็นเนื้อครีมแบบนี้ จะเน้นเป็นรสปลา อย่างเช่น ปลาทะเล, ปลาทูน่า เป็นต้น
อีกหนึ่งข้อดีที่แตกต่างจากอาหารเปียกในแบบเนื้อเจลลี่คือ ความสามารถในการเก็บอาหารเปียกชนิดนี้ได้ ซึ่งรูปแบบของอาหารเนื้อมูลนี้นั้น ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบของกระป๋องขนาดเล็ก ส่วนรูปแบบที่เป็นซองก็มีให้ลูกแมวกินหมดในครั้งเดียวได้ ให้เลือกซื้อแบบเป็นซอง เพราะจะมีปริมาณที่น้อยกว่า มีราคาที่ถูกกว่าแบบกระป๋อง
ถ้าเราต้องเก็บแช่ในตู้เย็นในส่วนอาหารที่กินไม่หมด ควรเลือกซื้อแบบที่เป็นกระป๋อง เมี่อเราแบ่งส่วนที่จะให้ลูกแมวในมื้อนี้แล้วนั้น ส่วนที่เหลือเราสามารถที่จะปิดด้วยพลาสติกแรป หรือนำย้ายไปชามแก้ว
หรือภาชนะที่เป็นแก้วที่มีฝาปิดที่มิดชิด กันอากาศเข้า การใช้พลาสติกแรปชั้นแรก แล้วค่อยปิดฝา เป็นวิธีการเก็บที่จะช่วยให้อาหารเปียกชนิดนี้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น การแช่ในตู้เย็นนั้น สามารถเก็บได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น
อาการตาแฉะของน้องแมว
บางครั้งอาหารที่น้องแมวกินอยู่จะเป็นสาเหตุให้น้องแมวตาแฉะได้โดยที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึงเลยก็เป็นได้ เพราะสารอาหารที่อยู่ในอาหาร บางครั้งน้องแมวเราแพ้สารอาหารตัวนั้นจึงทำให้มีอาการตาแฉะเกิดขึ้น วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหยุดอาหารตัวต้องสงสัยดู และลองเปลี่ยนยี่ห้ออาหารไปเรื่อยๆ และคอยสังเกตุว่าอาหารเหล่านั้นจะหายไปหรือไม่
วิธีเลือกซื้ออาหารลูกแมว
1.เลือกจากส่วนผสม
จะเน้นส่วนผสมที่เป็นเนื้อปลาเป็นหลัก มากกว่าเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อวัว แต่ก็มียี่ห้อที่มีให้เลือกรสชาติที่เป็นเนื้อวัว หรือไก่งวง การพิจารณาเลือกจึงเน้นที่การดูส่วนผสม ที่เป็นโปรตีนเป็นหลัก และควรจะมีโปรตีนอยู่ที่ 35-40% สำหรับลูกแมว หรือแมวที่โตแล้วก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากสุนัข จะเน้นโปรตีนเพียงแค่ 25-30% เพียงเท่านั้น
ส่วนผสมอื่นๆ อย่างเช่นกรดไขมัน, DHA ที่จะช่วยในเรื่องระบบประสาท และการมองเห็น, การเสริมสร้างพัฒนาการในทุกด้านของลูกแมว และการบำรุงขนให้เงาสวยตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงแร่ธาตุ สารอาหารเสริมต่างๆ อย่างเช่น แคลเซียม ที่เป็นส่วนที่สำคัญสำหรับลูกแมว ที่ยังต้องบำรุงในเรื่องของกระดูก และฟันร่วมไปด้วย
2.เลือกจากความปลอดภัย
โดยที่เน้นในเรื่องไม่มีสารปรุงแต่ง, ไม่เจือสี, ไม่มีสารสังเคราะห์ และไม่มีสารกันบูด ซึ่งหากเป็นสินค้านำเข้า เราสามารถที่จะสังเกตได้จากการระบุที่ว่า no preservation, no GMO, no synthetic และ no hormone เป็นต้น ซี่งทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่าจะมีการผลิต และส่วนผสมที่ปลอดภัย
3.เลือกจากเนื้อสัมผัสของอาหาร
อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออาหารในรูปแบบเจลลี่, น้ำเกรวี่, มูส หรือแบบเม็ดนั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้เลี้ยงที่มองดูว่า เหมาะสมกับลูกแมวในช่วงวัยตอนนั้นแค่ไหน ซึ่งในระยะเริ่มต้นที่หย่านมนั้น อาจจะดูเป็นอาหารเปียกในรูปแบบครีมข้นไปก่อน แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นมูสแบบกระป๋อง จากนั้นจะให้กินเป็นอาหารเม็ดเลยก็ได้ แต่ควรจะใส่น้ำสะอาด หรือนมตามสัดส่วนที่ได้บอกไป
4.เลือกจากของถูกและดี
มีหลากหลายยี่ห้อแตกต่างกันไป แต่ละอย่างก็จะมีข้อดี ข้อเสีย คุณภาพ สารอาหารหรือความอร่อยที่แตกต่างกัน โดยมากที่มีคุณภาพดีกินอร่อยราคาจะค่อนข้างสูง แต่เราจะมีโอกาสดีๆอยู่เสมอที่จะได้ของถูกและดีมาให้น้องแมวของเรานั่นก็คือ โปรโมชั่นนั่นเอง
โดยในปีๆนึงหลายยี่ห้อมักทำโปรโมชั่นลดราคา หรือได้เบิ้ลคูณสอง ให้พวกเราได้เลือกซื้อกันโดยการซื้อของตามโปรโมชั่นนี่เองทำให้เราได้ของถูกและดีต่อน้องแมวของเรามาครอบครอง
เลี้ยงลูกแมวต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง?
สรุป
อาหารลูกแมวเป็นสูตรจำเพาะสำหรับลูกแมวที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด ไปจนถึงหลักเดือน จะมีสารอาหารบำรุงมากเป็นพิเศษ กินอร่อย ติดใจ การดูแลในระยะช่วงวัยนี้นั้นควรที่จะมีความใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะลูกแมวอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างภูมิต้านทาน ดังนั้นการระวังในเรื่องอาหาร และความสะอาดทั้งเรื่องอาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย และความสะอาดภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ หรือที่อยู่อาศัยก็ไม่ควรที่จะมองข้าม
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน