พรมปูพื้นที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่จะเป็นพรมจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ สำหรับเส้นใยธรรมชาตินั้นมักจะนำขนสัตว์หรือวัสดุอื่นๆ จากธรรมชาติมาถักทอ
ในขณะเดียวเส้นใยสังเคราะห์ในปัจจุบันก็ได้ถูกพัฒนาให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับเส้นใยธรรมชาติ แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่า และผลิตได้ง่ายกว่าอีกด้วย แต่ละประเภทนั้นจะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป การจะนำมาใช้ให้ตอบโจทย์ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย
เพิ่มเติม : โดยเราสามารถเลือกให้เข้ากับสีของ ผ้าม่าน ในห้องต่างๆได้ ซึ่งจะเพิ่มความสวยงาม ความน่าอยู่ให้กับห้องนั้นๆเป็นอย่างมาก
สำหรับหมวดหมู่อื่นๆที่น่าสนใจนอกเหนือจากนี้ มีดังต่อไปนี้ เช่น น้ำยาเช็ดกระจก , ที่เช็ดกระจก , ไฟแช็ค , กริ่งไร้สาย , เครื่องบดกาแฟ , สบู่เหลวล้างมือ , เตียงพับ , เก้าอี้โยก , ยาสีฟัน , น้ำยาบ้วนปาก , เต็นท์ , เครื่องรีดผ้าไอน้ำ ,
เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว , เตาแก๊สปิ้งย่าง , จักรยายไฟฟ้าพับได้ , รางปลั๊กไฟ , เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย , ตู้เย็น 5 คิว , เครื่องซักผ้า , เครื่องซักผ้าฝาหน้า , ปลั๊กไฟอัจฉริยะ , เทียนหอม , กลอนประตูดิจิตอล , เครื่องตั้งเวลารดน้ำ ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
ประเภทของพรมปูพื้น
1. พรมไนล่อน
ถือเป็นพรมใช้ปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร จะเห็นได้ว่าหลายๆ บ้านมักจะใช้พรมประเภทนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความทนทาน ความสามารถในการกันน้ำ กันรอยขีดข่วน รวมถึงป้องกันเชื้อราอันเกิดจากสารเคมีชนิดต่างๆ อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่สูงมากด้วย ทั้งนี้ไม่ควรปูพรมประเภทนี้ไว้บริเวณหน้าบ้านที่มีแสงแดดส่องถึง เพราะสีจะซีดจางได้ง่าย
2. พรมโพลีโพรไพลีน
มีคุณสมบัติที่ไม่เก็บฝุ่นและช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรกได้ หากมีฝุ่นเกาะอยู่ตามพื้นบ้านก็สามารถจัดการทำความสะอาดได้ค่อนข้างง่าย อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วน และเชื้อราบางชนิดได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ต้องรับน้ำหนักมาก โดยเฉพาะในห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนกลางของการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนราคานั้นจะถูกกว่าพรมไนล่อน
3. พรมโพลีเอทิลีน
จะมีสีสันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะพรมประเภทนี้ผลิตจากพลาสติกหรือฝาขวดรีไซเคิล โดยมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ เพราะจะไม่เก็บฝุ่นและสะสมเชื้อโรคเอาไว้ จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้และผู้รักษ์โลก แต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกไม่สบายเท่ากับวัสดุอื่นๆ
4. พรมโพลีเอสเตอร์
เป็นพรมที่มีดีไซน์หรูหรา เนื้อสัมผัสนุ่มสบาย อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ด้วย แต่ข้อเสียของพรมประเภทนี้ก็คือทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก หากปล่อยให้โดนแดดเป็นเวลานานก็จะส่งผลให้สีซีดจางลงได้ เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแดด แนะนำให้นำพรมประเภทนี้ไปใช้ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือพื้นที่ภายในบ้านที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ห้องนอน เป็นต้น
5. พรมทริเอกซ์ต้า
มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพรมโพลีเอสเตอร์ แต่คุณภาพจะดีกว่าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มสบาย ความทนทาน ความยืดหยุ่น รวมไปถึงการป้องกันน้ำและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ถือว่าดีกว่าพรมโพลีเอสเตอร์
6. พรมอะคริลิค
มีอายุการใช้งานสั้น และไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าบ้านหรือห้องนั่งเล่นที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ จัดเป็นพรมที่เหมาะกับการใช้ตกแต่งห้องนอนหรือห้องอื่นๆ ที่ต้องการความสวยงาม โดยคุณสมบัติของพรมประเภทนี้จะคล้ายกับพรมขนสัตว์ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากเป็นเส้นใยสังเคราะห์
7. พรมขนสัตว์
ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ โดยผลิตจากขนสัตว์แท้ 100% ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นขนแกะ นับเป็นพรมปูพื้นที่มีดีไซน์หรูหรา เนื้อหนาและนุ่มมากๆ เมื่อนำเท้าไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกนุ่มสบาย อีกทั้งยังสามารถป้องกันคราบและรอยเปื้อนบนพื้นได้ด้วย ถือเป็นพรมที่มีความทนทานมากที่สุด แต่ข้อเสียคือราคาแพง และทำความสะอาดได้ยาก
8. พรมเส้นใยธรรมชาติ
จะใช้วัสดุจากพืชในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นใยมะพร้าว หญ้าทะเล ต้นปอ หรือต้นป่าน โดยจะนำวัสดุดังกล่าวมาถักสานเป็นพรมที่สามารถใช้ปูพื้นได้ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามและโดดเด่นอยู่พอสมควร แต่จะไม่นุ่มสบายเท่าพรมประเภทอื่นๆ
ประโยชน์ของพรมปูพื้น
1. มีความสวยงาม
ควรให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนาด ลักษณะและประเภทของพรม หากเลือกให้เข้ากับองค์ประกอบภายในห้องก็จะยิ่งส่งเสริมให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
2. ป้องกันรอยขีดข่วน
มีออกมาหลากหลายให้มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วน รวมถึงกันน้ำและเชื้อราได้ เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้ปูพื้น ซึ่งจะต้องรองรับน้ำหนักของคนในบ้านอยู่พอสมควร อีกทั้งใครที่มีสัตว์เลี้ยง พรมใช้ปูพื้นก็อาจต้องถูกใช้งานหนักหน่อย อย่างไรก็ตามพรมบางประเภทจะช่วยลดรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนบนพื้นห้องได้ดี
3. ดักจับฝุ่นละออง
ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ใครหลายคนหันมาใช้พรมเพราะบางประเภทสามารถดักจับฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนที่มีการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ฝุ่นละอองจากข้างนอกก็จะเข้ามาได้ง่าย หากปูพรมไว้บนพื้นก็จะช่วยดักจับฝุ่นละอองได้ ทั้งนี้หากห้องใครที่มีฝุ่นมากเป็นพิเศษ ควรเลือกพรมที่ไม่เก็บฝุ่น และมีสีเข้มหรือสีกลางเพื่อให้พรางสิ่งสกปรกได้
4. ให้ความอบอุ่น
นอกจากเพิ่มความสวยงามให้กับห้องแล้ว ยังเป็นวัสดุที่ให้ความอบอุ่นอีกด้วย เพราะพรมส่วนใหญ่จะผลิตจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ โดยจะเน้นให้มีความหนาแน่นและสัมผัสนุ่มสบาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นคุณสมบัติที่ควรจะมี เนื่องจากพื้นห้องมักจะมีความเย็นอยู่แล้ว หากนำพรมมาปูแล้วช่วยให้ความอบอุ่นได้ก็จะดีมาก
5. ช่วยลดอุบัติเหตุ
การนำมาตกแต่งในบริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน นอกจากจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับบริเวณนั้นแล้ว ยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะพื้นกระเบื้องที่ไม่กันลื่น เมื่อมีน้ำหรือความชื้นเปียกบนพื้นห้องก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนอาจได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าหากมีพรมก็จะช่วยรองรับน้ำหนักและลดอุบัติเหตุดังกล่าวได้อยู่พอสมควร
วิธีเลือกซื้อพรมปูพื้น
1. เลือกจากวัสดุของพรม
วัสดุของพรมถือเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเพราะแต่ละประเภทนั้นใช้วัสดุแตกต่างกัน แต่โดยหลักๆ แล้วจะผลิตจากเส้นใยจากธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ สำหรับเส้นใยธรรมชาติจะมีราคาสูงกว่าเส้นใยสังเคราะห์ เนื่องจากมีคุณภาพที่สูงกว่านั่นเอง ทั้งนี้ควรเลือกพรมคุณภาพดี ทำความสะอาดง่ายและไม่เก็บฝุ่นไว้มากจนเกินไป
2. เลือกซื้อให้เหมาะสมกับพื้นที่
ก่อนจะเลือกซื้อ เจ้าของบ้านทุกคนควรทราบขนาดของพื้นที่ที่จะนำพรมมาปูพื้นก่อน เพื่อให้ทราบว่าควรจะเลือกขนาดและลักษณะใดที่เหมาะแก่การนำมาใช้ปูพื้น เช่น ห้องนอน ต้องเลือกที่นุ่มฟู ขนหนาแน่น และด้านข้างเตียงทั้งสองข้างจะต้องมีพรมมารองรับอย่างเต็มพื้นที่ตลอดแนว เพราะเป็นบริเวณที่เท้าต้องสัมผัสกับพื้นอยู่บ่อยๆ
3. ขนาดของพรม
การนำพรมมาปูพื้นในบริเวณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน จะต้องเลือกขนาดของพรมให้เหมาะกับพื้นที่ของห้องนั้นๆ ด้วย ก่อนเลือกซื้อแนะนำให้พิจารณาขนาดของห้องที่จะใช้ปูพื้นก่อนว่าจำเป็นจะต้องติดตั้งพรมไว้ในแนวไหน และตัวพรมจะต้องครอบคลุมพื้นที่ใดบ้าง เมื่อทราบรายละเอียดดังกล่าวแล้วก็ให้เลือกขนาดของพรมที่เหมาะสม
4. ความทนทาน
พรมใช้ปูพื้นที่ดีควรจะมีความทนทาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้ปูพื้น ซึ่งต้องรองรับน้ำหนักของคนในบ้านอยู่พอสมควร หากใช้ที่ไม่มีมาตรฐานก็อาจทำให้ชำรุดหรือเสียหายได้ง่าย แนะนำให้เลือกซื้อที่มีความทนทานและคุณภาพสูง จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
5. ทำความสะอาดง่าย
ส่วนใหญ่พรมจะมีความทนทานและให้สัมผัสนุ่มสบาย มักจะทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นหากต้องการพรมใช้ปูพื้นที่สามารถดูแลรักษาได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้ประเภทใดก็ได้ที่ไม่เก็บฝุ่น สามารถกันน้ำ รอยขีดข่วนและเชื้อราได้ เพื่อให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดด้วย
วิธีทำความสะอาดพรมปูพื้น
1. ทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่น
ขั้นตอนแรกเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยู่บนพรมออกให้หมด จากนั้นเริ่มทำการดูดฝุ่นให้ทั่วบริเวณพรม แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือถ้าหากบ้านใครมีสัตว์เลี้ยงก็จะควรดูดฝุ่นทุกวัน ในกรณีที่พรมเปียกชื้นและมีกลิ่นอับ แนะนำให้เปิดหน้าต่างในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนเพื่อระบายอากาศ จากนั้นโรยเบคกิ้งโซดาลงบนพรมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง และดูดฝุ่นออก
2. ทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง
ในกรณีที่มีของเหลวหกรดพรม ควรหลีกเลี่ยงการเช็ดและถูไปมา เพราะจะทำให้รอยเปื้อนขยายวงกว้างมากขึ้น แนะนำให้ใช้ผ้าแห้งกดซับของเหลวดังกล่าวออกแทน จากนั้นทำความสะอาดพรมด้วยน้ำยาทำความสะอาดให้เรียบร้อย โดยน้ำยาที่ใช้นั้นควรเป็นน้ำยาทำความสะอาดพรมโดยเฉพาะ
3. ทำความสะอาดด้วยก้อนน้ำแข็ง
ถ้าหากพรมเป็นรอยกดทับจากการวางเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก แนะนำให้ใช้ก้อนน้ำแข็งวางลงบนรอยกดทับดังกล่าว ปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำแข็งละลายและแห้งไปเอง หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มแปรงบริเวณที่มีรอยกดทับอยู่ เพื่อให้พรมฟูขึ้นอีกครั้ง และควรหลีกเลี่ยงการนำพรมไปตากแดด เพราะจะทำให้สีซีดจางได้ง่ายและเร็วขึ้น
4. ทำความสะอาดด้วยการซัก
พรมบางประเภทสามารถทำความสะอาดด้วยการซักได้ แต่ก็ยังมีพรมบางประเภทที่ไม่แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยการซัก ดังนั้นก่อนจะนำมาซักก็ควรศึกษาวิธีการทำความสะอาดของพรมที่ใช้ก่อน สำหรับพรมที่สามารถซักได้ก็ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดของพรมโดยเฉพาะ หากซักในเครื่องจะต้องใช้น้ำน้อยกว่าปกติ เพื่อลดโอกาสที่พรมและเครื่องจะเสียหาย และควรตากให้แห้งในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อพรม
สรุป
พรมปูพื้น นอกจากจะสามารถนำมาตกแต่งบ้านได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย อาทิ ช่วยให้เรามีพื้นที่นั่งเล่น นอนเล่น หรือพื้นที่รองรับน้ำหนักเท้าที่นุ่มสบาย ให้ความอบอุ่น กันพื้นลื่น ช่วยลดอุบัติเหตุ และดักจับฝุ่นละอองภายในห้องได้
จะเห็นได้ว่าพรมช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนในบ้านมากพอสมควร และไม่ว่าจะปูพรมไว้บริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือพื้นที่ใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคุณสมบัติของพรมให้เหมาะสมกับพื้นที่ดังกล่าว
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน