หนึ่งในอุปกรณ์ไอทีที่ใช้ประจำคู่กับโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ คือ สายชาร์จ type c หรือที่เรียกว่า USB Type-C นั่นเอง ซึ่งพอร์ตในการเชื่อมต่อที่ทรงประสิทธิภาพสูง ด้วยความที่ใช้งานได้หลากหลาย ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งาน ควรเลือกซื้อสินค้าที่เป็นของแท้ แบรนด์แท้เนื่องจากจะมีคุณภาพที่ดี การใช้งานที่ยาวนาน ทนทาน
สำหรับหมวดหมู่ gadget อุปกรณ์มือถือ หรืออื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ไมค์ตั้งโต๊ะ , ปากกาทัชสกรีน , ปากกาเขียนไอแพด , สายชาร์จเร็ว , หัวชาร์จเร็ว , คีย์บอร์ดเกมมิ่ง , พาวเวอร์แบงค์ , หูฟังไร้สาย , เก้าอี้เกมมิ่ง
หรือจะเป็นถ้าเป็นหมวดหมู่คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค อุปกรณ์ไอทีที่น่าสนใจ เช่น ตัวขยายสัญญาณ wifi , เครื่องพิมพ์ฉลากสินค้า , เครื่องปริ้นพกพา , สาย lan , เครื่องปริ้น wifi , เครื่องสแกนเอกสาร , keyboard ไร้สาย , เครื่องอ่านบาร์โค้ด , ไมค์คอม , พัดลมระบายความร้อน notebook , เมาส์ไร้สาย , โต๊ะคอมเกมมิ่ง , จอติดรถยนต์ android ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
สายชาร์จมีกี่ประเภท
สายชาร์จ type c คืออะไร
คือ สายชาร์จที่มีมาตรฐานสูง เป็นสายชาร์จอีกแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น สามารถเสียบได้ทั้ง 2 ด้าน ใช้ชาร์จโทรศพัท์มือถือ หรืออุปกรณือิเลคโทรนิคต่างๆ ซึ่งมีความแตกต่างจากสายชาร์จประเภทอื่น ๆ เช่น Lightning หรือ Micro USB
โดยกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยอุปกรณ์ที่มีพอร์ต USB Type-C ส่วนมากเป็น USB มาตรฐาน 3.2 Gen 2 ซึ่งเป็นสายที่มีความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 10Gb/s
สายชาร์จ type c มีกี่แบบ
ปัจจุบันแบ่งออกเป็นอีก 4 ประเภทดังนี้
1.Type-C แบบทั่วไป
ไทป์ซีทั่วไปสามารถเสียบด้านไหนก็ได้ เราเรียกเป็นหมายเลขเวอร์ชันคือ 2.0 3.0 3.1 3.1 Gen 2 และล่าสุด 3.2 ตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวระบุความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ ซึ่งความเร็วได้สูงสุดถึง 20 Gt/s เลยทีเดียว เราพบแบบทั่วไปนี้ในโน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน ซึ่งการใช้งานที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับทางผู้ผลิตว่าออกแบบให้ตัวเครื่องมีระบบชาร์จด้วยความเร็วเท่าไร
2.Power Delivery
USB PD ว่าด้วยเรื่องการใช้งานไม่ต่างกับ Type-C แบบทั่วไป ที่แตกต่างคือความสามารถในการจ่ายไฟทีเพิ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่ 5V-20V ทำให้เอาไปใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบัน USB PD มีการพัฒนาสู่เวอร์ชัน 3.0 เทคโนโลยี PD คือทำให้เอาไปใช้ชาร์จได้ตั้งแต่โทรศัพท์มือถือจนถึงโน๊ตบุ๊ค
3.Display Port
พบได้บ่อยบนคอมพิวเตอร์แบบพีซี และ โน๊ตบุ๊ค dell ,โน๊ตบุ๊ค Lenovo ,โน๊ตบุ๊ค asus ซึ่งพอร์ตนี้เป็นพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับหน้าจอแยกที่รองรับพอร์ตแบบ Type-C แต่ด้วยยังไม่เป็นที่นิยมทำให้มีน้อยแถมมีราคาแพง แต่ข้อดีสามารถใช้ชาร์จไฟให้โน๊ตบุ๊คได้เลย
4. Thunderbolt 3
เป็นพอร์ตที่ครบครันที่สุดในบรรดา USB รูปแบบไทป์ซี การรวมความสามารถต่าง ๆ เข้าด้วยกันทำให้ใช้งานได้หลายอย่าง ซึ่ง Thunderbolt 3 ผู้ใช้งานแบบเต็มศักยภาพมีเพียง Apple ของแท้เท่านั้น ส่วน โน๊ตบุ๊ค HP โน๊ตบุ๊ค Lenovo จะมีการให้พอร์ต Thunderbolt 3 มาเพียง 1 พอร์ต และอยู่ในเครื่องที่ราคาสูง
Thunderbolt 3 สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วกว่า USB 3.2 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดถึงสองเท่า ทำความเร็วได้ 40Gb/s โดยความแตกต่างกับ Thunderbolt 3 คือ Thunderbolt 3 มีรูปสายฟ้าข้าง ๆ พอร์ต Type-C
Thunderbolt 3 สามารถเชื่อมต่อหนาจอ 4K 60 Hz สองจอด้วยสายเส้นเดียว จ่ายไฟสูงสุด 100W. สามารถเชื่อมจากการ์ดจอภายนอก การ์ดเสียงภายนอก เชื่อมต่อแบบ Daisy Chaining สูงสุดถึง 6 อุปกรณ์ และรองรับโปรโตคอล Thunderbolt, USB, Display Port, PCI Express
สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น
- ใช้เสียบชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ
- ใช้รับส่งข้อมูล
- ใช้เป็นพอร์ตสำหรับรับส่งสัญญาณภาพและเสียง HDMI
สายชาร์จ type c กับ สาย lightning ต่างกันอย่างไร
สายชาร์จ Type-C – เป็นมาตรฐานใหม่ของวงการไอที เป็นการเปลี่ยนแปลงจาก USB ของเก่าให้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า USB รุ่นเก่า ๆ ให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งสองด้าน ไม่ว่าจะพลิกด้านบนหรือด้านล่าง ก็สามารถเสียบได้อย่างง่ายดาย
สายชาร์จ Lightning – เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อของแอปเปิ้ล เปิดตัวครั้งแรกใน Iphone5 ในปี 2012 เมื่อแรกที่เปิดตัว Lightning ได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีขนาดเล็กกว่าหัวแบบ 30-pin แถมยังพิเศษกว่าพอร์ตอื่น ๆ
และจาก Lightning สู่เทคโนโลยีที่ปัจจุบัน USB-C เริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยฝั่ง Android เริ่มใช้ USB-C ตั้งแต่ปี 2015 ใน Le1 สมาร์ทโฟนจากแบรนด์ LeTV ก่อนที่ในปี 2016 จะมาด้วยแบรนด์หลักอย่าง Samsung Huawei ที่เริ่มใช้ USB-C กันอย่างแพร่หลาย
USB-C มีความเหนือกว่า Lightning ทุกด้านทั้งความเร็วในการเชื่อมต่อ โอนถ่ายข้อมูลเร็ว จ่ายกระแสไฟได้มากกว่า ทำให้ชาร์จอุปกรณ์ได้เร็วกว่า เพราะ USB-C มีพินสำหรับในการส่งข้อมูลและกระแสไฟภายในถึง 24 พิน เทียบกับ Lightning มีเพียง 8 พินเท่านั้น
และหากผู้ผลิตข่ายไหนต้องการผลิตสายที่ใช้กับ Lightning ของแอปเปิ้ล จะต้องผ่านมาตรฐาน MFi หรือ Made for Iphone เพื่อได้รับสิทธิ์ใช้งาน ด้วยมาตรฐานของ Lightning กำหนดอุปกรณ์หรือในสายมีชิปควบคุมตัวเล็ก ๆ เพื่อการทำงานที่สมบูรณ์
สายชาร์จ type c กับ micro usb ต่างกันอย่างไร
สาย Micro USB เป็นสายชาร์จโทรศัพท์มือถือ Android รุ่นเก่าและข้อมูลที่ทำได้ไม่ดีเท่า สายชาร์จ Type C
วิธีเลือกซื้อสายชาร์จไทป์ซี
1.พิจารณาถึงความเร็วในการส่งไฟสูงสุด
เพราะหากคุณมีอแดปเตอร์ที่มีความเร็วในการส่งออกไฟในระดับสูง แต่ใช้งานสายชาร์จได้ไม่เต็มที่ ก็อาจทำให้ตัวอุปกรณ์ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
2.ประเภทวัสดุที่ใช้ในการผลิต
วัสดุในการผลิตสายชาร์จ Type-C มีผลต่อการใช้งานในระยะยาว ควรมองหารุ่นที่ใช้งานวัสุดการผลิตที่ทนทานในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3.พิจารณาความยาวของสายชาร์จ
ขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก โดยการใช้งานออกนอกสถานที่ก็มักจะใช้ความยาวของสายที่ไม่ต้องยาวมากนักเพื่อสามารถพกพา หรือจัดเก็บได้สะดวกกว่า หรือหากใช้งานในสถานที่เฉพาะก็อาจชอบความยาวของสายที่ยาวที่สามารถใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า
คำถามที่พบบ่อยของสายชาร์จไทป์ซี
ของแท้ดียังไง
ของแท้จะมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ไม่ต้องเสี่ยงคอยพะวงว่าจะเกิดการระเบิดหรือไฟฟ้าลัดวงจรขณะใช้งาน หรือถ้ามีโอกาสเกิดจะน้อยมาก
ของแท้ดูยังไง
แนะนำให้สังเกตที่ปลายของขั้วต่อ USB สายของแท้บริเวณหัวต่อ USB จะมีหัวต่อทั้งสองอัน เว้นระยะห่างจากขอบเท่ากัน เมื่อสัมผัสหัวต่อแล้วจะรู้สึกผิวเรีบเนียน ไม่หยาบ ชิปด้านในเป็นสีทอง ไม่มีรอยแหว่ง โดยจะมีราคาขายที่สูงสมเหตุสมผลกับคุณภาพที่ได้รับ
สายไทป์ซี มีกี่ประเภท ? ต่างกันยังไง ?
สรุป
สายชาร์จ Type-C เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ยอดนิยม เป็นรุ่นใหม่ ณ ปัจจุบันนี้ แล้วแต่ว่าอุปกรณ์อิเลคโทนิคแบบไหนที่จะรองรับได้ เราแนะนำให้ซื้อของแท้ ที่อาจมีราคาสูงขึ้นนิดหน่อยแต่รับรองคุณภาพได้ว่าจะได้สินค้าที่ดีใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
นักชำนาญการเทคนิคด้านคอมพิวเตอร์ ไอที การศึกษาเอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผู้ชำนาญการด้านความรู้เกี่ยวกับไอที และคร่ำควอดเทคโนโลยี gadget มือถือ ชื่นชอบและติดตามวงการข่าวสารไอทีประสบการณ์มากกว่า 7 ปี