10 อันดับ คาร์ซีท ยี่ห้อไหนดี 2024 อย่างดี นั่งสบาย ราคาไม่แพง

คาร์ซีท

สารบัญ

คาร์ซีทหรือที่นั่งเด็กที่วางเสริมภายในรถยนต์ นอกจากจะเป็นการช่วยให้เด็กนั่งสบายระหว่างการเดินทาง โดยเฉพาะรถนั่งเด็กอย่างดีที่สามารถปรับเป็นรูปแบบนอนได้ รวมถึงยังมีการติดตั้งไม่ยุ่งยากทำให้ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในระยะทางใกล้ๆ หรือระยะทางไกล ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็กมากขึ้น

อุปกรณ์เลี้ยงเด็กอื่นๆ ที่เราคัดมาอย่างดีเพื่อท่านผู้อ่าน ได้แก่ คอกกั้นเด็ก , ที่คว่ำขวดนม , เครื่องอุ่นนม , ที่ดูดน้ำมูกทารก , จุกนมหลอก , ผ้าคลุมให้นม , นมผง , ขวดนม , รถหัดเดิน , แก้วหัดดื่ม , ผ้าอ้อมเด็ก , อาหารเสริมเด็ก , ที่กั้นบันได , น้ำยาล้างขวดนม , เอนชัวร์ , ผ้าคลุมให้นม , หมอนคนท้อง ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า

คาร์ซีท Car Seat คืออะไร

คาร์ซีท คืออะไร

เป็นเบาะนั่งของเด็กใช้สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์และสามารถปรับนอนและหมุนได้ เป็นไอเท็มที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการเดินทาง หากครอบครัวมีเด็กเล็กที่ต้องเดินทางร่วมกัน โดยกฎหมายได้มีการระบุไว้หากเป็นเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง 6 ปี หรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตรนั้น จำเป็นที่จะต้องให้เด็กนั่งหรือนอนในอุปกรณ์

วิธีเลือกซื้อคาร์ซีท

การซื้อคาร์ซีท

เลือกตามรูปแบบ

แบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward Facing Seats)

คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ

สังเกตกันง่ายๆ คือ เบาะที่นั่งนิรภัยของเด็กนั้น จะหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ชินตา ก็อาจจะไม่เข้าใจในการออกแบบที่นั่งสำหรับเด็กในรูปแบบนี้ แต่ในความจริงแล้วนั้น การออกแบบที่นั่งสำหรับเด็กไว้ในการใช้งานในรถยนต์นี้ จะเป็นการใช้งานเฉพาะกับเด็กแรกเกิด หรือเด็กที่มีอายุ 0-2 ปี

รูปแบบ Rear Facing หรือแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ จะมีความปลอดภัยเป็นอย่างสูง จึงมีการเน้นใช้กับทารกแรกเกิด จนถึงอายุ 2 ปี โดยโครงสร้างของ Car Seat จะป้องกันส่วนด้านบนตั้งแต่อวัยวะส่วนศีรษะ ลงมาถึงคอ และเลยมาที่กระดูกสันหลังของเด็กร่วมด้วย ซึ่งนอกจากเข็มขัดนิรภัยจะช่วยป้องกันระดับหนึ่งแล้ว การเลือกคาร์ซีทให้พอดีกับตัวเด็ก จะเป็นการช่วยป้องกันความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น

แบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะ (Forward Facing Seats)

คาร์ซีทแบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะ
ภาพจาก target.com

สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 2-7 ขวบ ซึ่งทั้งในแบบ Rear Facing และ Forward Facing นั้น จะมีลักษณะที่ดีคือ โครงสร้างที่ใหญ่, มั่นคง และแน่นหนา รวมถึงตัวเบาะที่นั่งของเด็ก นอกจากจะมีการบุให้หนานุ่ม ช่วยในการอำนวยความสะดวก ให้เด็กสามารถนอนหลับได้อย่างสบายแล้ว ยังมีการออกแบบให้รัดกุม และพอดีกับช่วงลำตัวของเด็ก

เพราะความปลอดภัยในการใช้นั้นไม่ได้เพียงแค่การคาดเข็มขัดนิรภัย และการเลือกใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพียงเท่านั้น แต่การเลือกขนาดที่นั่ง หรือเบาะส่วนที่เป็นที่นั่งให้พอดีกับตัวเด็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป จะช่วยป้องกันการเกิดอันตรายตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปถึงการดูแลความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับแรงกระแทกที่แรงร่วมด้วย

แบบเบาะรอง (Booster Seats)

คาร์ซีทแบบเบาะรอง
ภาพจาก amazon.com

เป็นรูปแบบที่เราอาจจะดูแล้ว ผิดไปจากรูปแบบ 2 รูปแบบแรกคือ มีเพียงแค่เบาะรองนั่งเพียงอย่างเดียว เหมาะใช้งานกับเด็กที่อายุ 4-12 ปี แต่ถ้าจะให้ดีควรเน้นให้เด็กมีอายุโตขึ้นในช่วงวัย7 ปีขึ้นไป ด้วยความที่การออกแบบ มีเพียงเบาะที่นั่งกั้นเท่านั้น ส่วนด้านหลังไม่มีพนักพิงเฉพาะ ทำให้เด็กไม่มีส่วนที่สามารถพิงด้านบนตั้งแต่ศีรษะ, ลำคอ และลงมาถึงช่วงกลางลำตัว หรือด้านหลังได้เหมือนแบบ Rear Facing และ Forward Facing

การให้เด็กที่มีอายุ 4-12 ปี หรือส่วนสูง 140 เซนติเมตรใช้รถนั่งเด็กในรูปแบบนี้ไปก่อน เพราะส่วนสูงช่วงลำตัวของเด็ก ยังไม่เทียบเท่าที่พอจะใช้เข็มขัดนิรภัยภายในตัวรถยนต์ได้อย่างพอดี การใช้ Booster Seats จะช่วยให้การรัดเข็มขัดนิรภัยกระชับ และป้องกันความปลอดภัยให้กับเด็กได้มากกว่า รวมถึงในรูปแบบเบาะรองนี้นั้น ควรใช้กับการเดินทางระยะใกล้ๆ เท่านั้น เพราะเด็กอาจเกิดอาการเมื่อยตัวหากต้องนั่งไปนานๆ หลายชั่วโมง

คุณสมบัติพิเศษของคาร์ซีท

เข็มขัดนิรภัย

เข็มขัดนิรภัยคาร์ซีท

มีการทำออกมาเพื่อให้ตัวเด็กแนบกระชับกับเบาะที่นั่ง และไม่เอียงไปมาในขณะที่รถแล่นอยู่ อีกทั้งตัวเข็มขัดที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี ทั้งยังมีความหนานุ่ม ไม่สร้างความอึดอัด หรือทำให้เด็กเจ็บเมื่อต้องคาดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง

การรองรับสรีระ

ทารกแรกเกิดเหมาะกับช่วงวัยระหว่าง 0-2 ปีนั้น จะมีโครงสร้างและการออกแบบที่รัดกุมทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ช่วงบนที่สำคัญที่สุดคือ ศีรษะ, คอ, หน้าอก และกระดูกสันหลัง ซึ่งความปลอดภัยที่เด็กจะได้รับนั้น เป็นการทำงานร่วมกันทั้งเข็มขัดนิรภัย, โครงสร้างของคาร์ซีท และตัวเบาะนั่งที่กระชับตัวเด็ก

ซึ่งเป็นสิ่งที่เน้นย้ำในเรื่องการพิจารณาเลือก คือนอกจากจะดูในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยที่รองรับจากทางยุโรป อย่างการระบุ ECE R44/04 ที่ถือว่าเป็นที่นั่งเด็ก สามารถป้องกันเด็กได้ในการเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การเลือกที่นั่งหรือตัวเบาะและโครงสร้าง Car Seat ที่ต้องพอดีกับตัวเด็กในวัยนั้นๆ เราไม่สามารถซื้อเผื่อในวัยที่เด็กโตขึ้นได้ เพราะเบาะนั่งที่กระชับกับตัวเด็กเท่านั้น ที่จะทำงานได้ดีไปพร้อมกับเข็มชัดนิรภัยที่มากพร้อมกับตัวที่นั่ง

การใช้งานยืดหยุ่น

แบบหมุนได้

คาร์ซ๊ทแบบหมุนได้
ภาพจาก babygiftretail.com

รูปแบบหมุนได้นี้มีทั้งแบบที่เป็น Rear Facing และแบบที่เป็น Forward Facing ซึ่งเน้นในเรื่องการใช้งานที่ให้ความสะดวกสบายกับคุณพ่อ คุณแม่มากขึ้น ในการใกล้ชิด และดูแลลูกในขณะที่เดินทางได้ตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าจะมีหลายคนที่ห่วงลูก ในรูปแบบของ Rear Facing ที่เราไม่สามารถมองเห็นหน้าลูกได้

ในแบบที่หมุนได้นี้ เราสามารถที่จะหมุนที่นั่งลูกมาในทิศทางไหนก็ได้ หรือแบบ 360 องศา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม, การหันมาเล่นกับลูก, การมองเห็นหน้าลูกตลอดเส้นทางการเดินทางบนรถ และรวมถึงเด็กหลายคนก็ติดพ่อกับแม่ ที่หากเป็นการเดินทางหลายชั่วโมง การไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ ก็อาจจะทำให้เกิดการร้องไห้ตลอดทางขึ้นได้ รวมถึงการอุ้มเด็กออกมาจากรถก็ทำได้ง่ายกว่า รูปแบบที่ไม่สามารถหมุนได้

แบบปรับเอนนอนได้

คาร์ซีทแบบปรับเอนนอนได้
ภาพจาก apricathailand.com

ไม่เพียงแต่การหมุนได้รอบ 360 องศาเท่านั้น การปรับเอนนอนได้มากถึง 170 องศา ทำให้คาร์ซีทในรูปแบบนี้ เหมาะกับการเดินทางไกล เพราะด้วยการออกแบบการใช้งาน และเบาะรองนั่งและใช้เป็นเบาะรองนอนได้ไปพร้อมกันนี้นั้น จะช่วยให้ทารกแรกเกิดไม่เกิดความเหนื่อย ในระหว่างการเดินทางเลย

แบบกระเช้าเคลื่อนย้ายง่าย

สามารถหิ้วเคลื่อนย้ายได้ง่าย ที่มีความคล้ายกับกระเช้า, มีน้ำหนักที่เบากว่าทุกรูปแบบ อีกทั้งยังมีสายคาดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะตัวที่นั่ง ที่เป็นการออกแบบสายคาดด้านซ้ายและด้านขวา การติดตั้งจะเป็นการวางตัวเบาะกระเช้าในรูปแบบของ Rear Facing หรือการหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์เท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้กับทารกแรกเกิด หรือช่วงวัยไม่เกิน 18 เดือน

ฟังก์ชั่นการออกแบบเสริม

นอกจากการออกแบบในส่วนของตัวเบาะนั่ง ที่เน้นให้เกิดความสบายกับเด็กมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการหมุนเบาะได้, การปรับเบาะให้สามารถเอนนอนได้, การออกแบบให้มีรูปทรง ที่สามารถเคลื่อนย้าย และหิ้วได้ง่ายในแบบกระเช้า และยังรวมถึงฟังก์ชั่นการออกแบบเสริมต่างๆ ด้านล่างคือ

  • ที่พักเท้า
  • ส่วนวางขาค้ำยัน
  • เข็มขัดนิรภัยมีความหนานุ่ม และตัวล็อคที่แน่นหนา

วิธีติดตั้งคาร์ซีท

การติดตั้งไม่ได้ขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงแต่หลังจากที่เราติดตั้งเรียบร้อยแล้วนั้น ควรที่จะมีการตรวจเช็คดอีกรอบ ถึงความแน่นหนาของตัวเบาะและสายเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์ ว่ามีการเข้าล็อคกับเรียบร้อย และสายเข็มขัดนิรภัยตึงและกระชับหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ตลอดการเดินทาง เราจะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกที่อยู่ด้านหลังเบาะ

แบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์

การติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์
  • วางหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์
  • การเลือกตำแหน่งในการวาง ควรเน้นไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา
  • ดึงเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ให้สุด และสอดเข้าช่องด้านหลังของคาร์ซีท
  • เสียบล็อกตัวเข็มขัดนิรภัยให้เข้าล็อคแน่น
  • โครงสร้างด้านหลังเค้า จะมีตัวล็อค ใช้ล็อคหรือหนีบเข็มขัดนิรภัยของรถ
  • เช็คล็อคทั้งตัวเข็มขัดนิรภัยรถ และล็อคส่วนของรถนั่งเด็กกับเข็มขัดตัวรถ
  • เน้นให้เข็มขัดนิรภัยมีความตึงของสาย และความกระชับ ไม่เอียงไปมาง่าย

หากเป็นทารกแรกเกิด จนถึงเด็กในวัยไม่เกิน 18 เดือนแนะนำให้มีการติดตั้งในรูปแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ จะเป็นการปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะควรเน้นการวางที่เบาะหลังเท่านั้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆ อย่างเช่น รถไม่มีเบาะหลัง หรือเป็นรถปิกอัพ เพราะในกรณีการติดตั้งที่นั่งคาร์ซีทไว้เบาะด้านหน้า หรือด้านข้างคนขับนั้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ เว้นการใช้ถุงลมนิรภัย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น ถุงลมนิรภัย อาจมีการกระแทกตัวเด็กได้

แบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถยนต์

การติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถยนต์
  • เลือกตำแหน่งและวางเบาะในทิศทางหันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถ
  • ดึงสายเข็มขัดนิรภัยตัวรถให้สุด
  • สอดเข็มขัดนิรภัยเข้าช่องด้านหลังของคาร์ซีทและเสียบล็อคเข็มขัดนิรภัย
  • ด้านหลังจะมีส่วนที่เป็นตัวล็อค ให้หนีบล็อคเข็มขัดนิรภัย
  • ดึงเข็มขัดนิรภัยของรถ ที่มีการล็อค 2 ส่วน ให้ตึงและกระชับกับตัวที่นั่งเด็ก

ในบางรุ่นจะเป็นการดึงเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ สอดล็อคเข้ากับด้านข้างของเบาะเด็กอน จากนั้นค่อยสอดเข็มขัดนิรภัยเข้าด้านหลังโครง แล้วจึงค่อยเสียบล็อคเข็มขัดนิรภัยของรถ ซึ่งหากเป็นแบบที่สามารถปรับเอนนอน หรือปรับหมุนนั้น จะมีปุ่มด้านหน้าของเบาะ และปุ่มด้านข้างเบาะ

คาร์ซีทมีกี่แบบ แบบไหนดี ตอบจบในคลิปเดียว

ขอบคุณช่องยูทูป Babygiftretail

สรุป

คาร์ซีทจะมีคุณสมบัติการใช้งานที่ครอบคลุม และเน้นในเรื่องการดูแลป้องกันความปลอดภัยให้กับเด็กใช้สำหรับการเดินทาง ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ การติดตั้งรถนั่งเด็กในรูปแบบที่เหมาะกับช่วงวัยของเด็กร่วมด้วย อย่างเช่น หากเป็นทารกแรกเกิด หรือเด็กในวัยที่ยังไม่เกิน 2 ขวบ ควรที่จะวางให้หันหน้าเข้าด้านในเบาะ

รวมถึงในวันนี้มีการกำหนดทางกฎหมาย โดยหากมีเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ที่ร่วมการเดินทางภายในรถยนต์ ควรที่จะมีการใช้ร่วมด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสำหรับที่นั่งเด็ก Car Seat ที่มีการเลือกไว้อย่างดี มีหลากหลายยี่ห้อ และมีการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก รวมถึงมีหลายรูปแบบการใช้งาน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของเด็กแต่ละวัย

ลาซาด้าลดแรง

แบรนด์ Fico

ฟิโค
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 12 ปี
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -36 กิโลกรัม
-ติดตั้งได้ทั้ง Isofix หรือ สายคาดเบลท์
-น้ำหนักสินค้า 8.5 กิโลกรัม สามารถหมุนได้ 360 องศา

แบรนด์ Nuebabe รุ่น NEW BORN

นูเบบ
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 4 ขวบ
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -18 กิโลกรัม
-เบาะนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น
-สามารถถอดซักทำความสะอาดได้
-สามารถปรับระดับได้ถึง 4 ระดับ

แบรนด์ Chicco

ชิคโค
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดขึ้นไป ตั้งตั้งง่าย ไม่ยุ่งยาก
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -29.5 กิโลกรัม
-ปรับความสูงของพนังศีรษะได้ถึง 9 ระดับ
-สามารถนั่งได้ 2 รูปแบบ หันหน้าเข้าและหันหน้าออก

แบรนด์ APRAMO รุ่น UNIQUE

เอพราโม่
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 12 ปี
-น้ำหนักสินค้า 13 กิโลกรัม
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 – 36 กิโลกรัม
-สามารถหมุนได้ 360 องศา
-ปรับเอนนอนได้ถึง 4 ระดับ

แบรนด์ Recar

-เหมาะสำหรับเด็ก 9 เดือน – 12 ปี
-น้ำหนักสินค้า 8 กิโลกรัม
-ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
-พนังผิงศีรษะสามรถปรับได้ 3 ระดับ
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 36 กิโลกรัม

แบรนด์ COZY N SAFE

โคซี่เอ็นเซฟ
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 12 ปี
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 – 36 กิโลกรัม
-สามารถปรับเอนนอนได้ 4 ระดับ
-ป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง

แบรนด์ Ailebebe รุ่น Kurutto 6I Premium

-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 4 ขวบ
-น้ำหนักสินค้า 17 กิโลกรัม
-เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี
-มีหลังคาป้องกันแสงแดด
-มีระบบ Auto Lock Isofix

แบรนด์ Prince&Princess รุ่น DUCLE Organic ll

ปริ้นซ์แอนด์ปริ้นเซส
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 25 กิโลกรัม
-วัสดุเนื้อผ้าฝ้าย สัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว
-ติดตั้งง่าย 2 ระะบบ Isofix กับ Belt
-มีโครงสร้างหนาพิเศษ ปลอดภัย

แบรนด์ Renolux รุ่น Renofix

เรโนลักซ์
-เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 4 ขวบ -11 ปี
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 25 กิโลกรัม
-ผ้าคลุมสามารถถอดซักทำความสะอาดได้
-สามารถปรับระดับความสูงได้ถึง 15 ซม.
-เบาะนิ่มพิเศษ นั่งสบาย

แบรนด์ Aprica รุ่น Fladea Grow Isofix 360

อะพรีกา
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 4 ขวบ
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 2.5 – 18 กิโลกรัม
-มีระบบป้องกันแรกกระแทกจากด้านข้าง
-สามารถหมุนได้ 360 องศา แล้วล็อกได้ 4 ทิศทาง

Best Choice ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า