น้ำยาล้างขวดนมที่มีความปลอดภัยต่อทารกทั้งส่วนประกอบของน้ำยาที่ใช้ล้างรวมถึงมีประสิทธิภาพในการล้างทำความสะอาดขวดนมได้อย่างง่ายดายล้างสะอาด ใช้ดี ไม่มีกลิ่นตกค้าง ถือเป็นการเบาแรงให้กับคุณแม่ และปลอดภัยสำหรับทารกเป็นปัจจัยที่คุณแม่ต้องเลือก
อุปกรณ์เลี้ยงเด็กอื่นๆ ที่เราคัดมาอย่างดีเพื่อท่านผู้อ่าน ได้แก่ คอกกั้นเด็ก , ที่คว่ำขวดนม , เครื่องอุ่นนม , ที่ดูดน้ำมูกทารก , จุกนมหลอก , ผ้าคลุมให้นม , นมผง , ขวดนม , รถหัดเดิน , แก้วหัดดื่ม , ผ้าอ้อมเด็ก , อาหารเสริมเด็ก
ถ้าท่านผู้อ่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม 10 อันดับ สามารถกดดูได้ที่ลิ้งค์สีชมพูได้เลยจ้า
น้ำยาล้างขวดนม คืออะไร
คือ น้ำยาที่ทำออกมาเพื่อเน้นในการล้างขวดนมทารกโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติในการล้างและทำความสะอาดคราบนมที่ติดตามขวดนม และชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ของขวดนมโดยเฉพาะส่วนที่เป็นจุกนมมีความสำคัญเป็นพิเศษเพราะเป็นส่วนที่สัมผันกับทารกโดยตรง โดยน้ำยาล้างควรที่จะมีส่วนผสมมาจากธรรมขาติ หรืออร์แกนิค ที่เน้นความปลอดภัยกับทารก
ควรที่จะไม่มีกลิ่น, สามารถล้างเอาคราบนมผงที่เกาะติด หรือฝังแน่นออกไปได้เกลี้ยงทุกซอกทุกมุมของชิ้นส่วนขวดนม รวมถึงมีคุณสมบัติขจัดกลิ่นนม และไม่มีกลิ่นตกค้างเหลือทิ้งไว้ในขวดนม ช่วยให้การทำความสะอาดขวดนมของคุณแม่ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ และเบาแรงไปได้ บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ ที่เน้นออกแบบมาเป็นขวดหัวปั๊ม เพื่อให้กดใช้ได้ง่าย และมีราคาไม่แพง
ความสำคัญของน้ำยาล้างขวดนม
ทารกหรือเด็กแรกเกิดที่มีอายุตั้งแต่เริ่มคลอดออกมา ถึงอายุ 12 เดือนหรือ 1 ปี เน้นความสำคัญในช่วง 6 เดือนแรกควรที่จะเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาดไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ต่างๆ ที่สัมผัสโดยตรงทั้งทางปาก หรือ อวัยวะต่างๆ ของทารก ต้องผ่านการล้าง และฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นการต้ม, นึ่งหรืออบ อย่างเช่น การใช้น้ำยาล้างขวดนม
การมีน้ำยาล้างที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดขวดนม ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ทิ้งคราบ และไม่มีกลิ่นติดค้างแล้วนั้น เรายังควรมีเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับทารกเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ อย่างเช่น ที่ดูดน้ำมูกทารก , คาร์ซีท , ที่กั้นบันได , คอกกั้นเด็ก , ที่คว่ำขวดนม , ขวดนม , เครื่องอุ่นนม , ผ้าคลุมให้นม เพราะถือว่าเป็นของใช้และอุปกรณ์ ที่มีความจำเป็น และต้องใช้งานเป็นประจำสำหรับทารก หรือเด็กแรกเกิด
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการล้างขวดนม การนำขวดนมผ่านการฆ่าเชื้อโรค และสุดท้ายขั้นตอนการชงนมก็ตาม เราควรเน้นในเรื่องของความสะอาด และความอนามัย เพราะในช่วงอายุ 6 เดือนแรกของทารก จะมีความไวต่อเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ โดยเฉพาะเด็กที่มีการคลอดก่อนกำหนด หรือเด็กที่เกิดมาพร้อมกับโรคประจำตัว เรามาดูกันว่า ขั้นตอนและวิธีการล้างขวดนม ควรที่จะเน้นในเรื่องไหนกันบ้างดังนี้ คือ
ขั้นตอนและวิธีการใช้น้ำยาล้างขวดนม
1.ถอดชิ้นส่วนประกอบของขวดนม โดยเฉพาะส่วนที่เป็นจุกนมยาง และฝาเกลียวขวดนม เพราะเป็นส่วนที่สสะสมคราบนม และเป็นส่วนที่สัมผัสกับปากของทารกโดยตรง
2.นำชิ้นส่วนที่เราถอดออกแล้ว ไว้รวมกันในภาชนะที่ใหญ่พอ แล้วนำน้ำร้อนเทไปที่ชิ้นส่วนประกอบต่างๆ เพื่อให้คราบออกได้ง่าย และเพื่อฆ่าเชื้อโรครอบแรกของการล้าง
3.นำเอาน้ำยาล้างขวดมาผสมกับน้ำสะอาด แล้วนำฟองน้ำเท่านั้นจุ่มน้ำยาที่ผสมน้ำแล้ว ล้างในบริเวณผิวด้านนอก
4.ส่วนด้านในขวดนมนั้น ให้ใช้แปรงล้างขวดนม จุ่มน้ำยาที่เราผสมไว้ ถูตามซอกมุมที่แคบ โดยเฉพาะก้นขวดนม
5.ล้างน้ำสะอาดตามอย่างน้อย 2 รอบ โดยเฉพาะด้านในขวดนม ควรที่จะเปิดดน้ำไหลผ่านด้านในขวดนม และเทน้ำทิ้งหลายรอบ โดยการดูว่าฟองน้ำยาล้างขวดนมนั้น ออกจนหมด
6.ในขณะที่ล้างด้วยน้ำสะอาดนั้น ควรใช้มือถูเอาฟอง และคราบบางส่วนออกให้หมด
7.ควรดูความลื่นของขวดนมด้านในและด้านนอก ว่ายังมีคราบตกค้างของน้ำยาที่ล้างเหลืออยู่หรือไม่ รวมถึงคราบนมตามขอบและมุมของขวดนม
8.ล้างเรียบร้อยแล้ว ให้วางผึ่งบริเวณที่มีอากาศระบายได้สะดวก หรือสามารถนำเข้าตู้อบฆ่าเชื้อโรค เพื่อให้ขวดนมแห้งสนิท
9.การนำมาใช้ในแต่ละครั้ง ก็ควรมีการอบฆ่าเชื้อ หรือนึ่งขวดนมฆ่าเชื้อล่วงหน้าไว้ก่อนการนำมาชงนมให้ทารก
10.เมื่อขวดนมผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้วไม่ว่าจะเป็นการเข้าตู้นึ่งฆ่าเชื้อโรค หรือตู้อบฆ่าเชื้อโรค หากด้านในและส่วนด้านนอกขวดนมแห้งสนิทดี ควรประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อลดการปนเปื้อน หรือการเข้าไปของอากาศ ที่อาจมีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกปะปนเข้าไปด้านในขวดนม
วิธีเลือกซื้อน้ำยาล้างขวดนม
เลือกที่ปราศจากสารอันตราย
ส่วนประกอบของน้ำยาที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลเสียทั้งกับผู้ล้างขวดนมเอง อย่างเช่น อาการแพ้จากสารพาราเบน หรือการระคายเคืองกับส่วนประกอบที่เป็นแอลกอฮอล์ผสมอยู่ มากกว่านั้นแล้ว หากมีสารเคมีอันตรายอย่างเช่น สารฟอร์มัลดีไฮต์ หรือโซเดียมลอริลซัลเฟต ที่เน้นยืดอายุของน้ำยาล้างขวดนมได้นาน และเพิ่มฟองให้กับผลิตภัณฑ์ที่มากจนเกินไป
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีเหล่านี้ เราควรที่จะหลีกเลี่ยงเลือกใช้ เพราะนอกจากจะมีการทำความสะอาดขวดนมได้ยากแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับสารเคมีเหล่านี้ ที่เป็นส่วนประกอบในน้ำยาที่ใช้ล้างขวดนม เข้าไปในร่างกาย นอกจากจะส่งผลในเรื่องของสารเคมีเหล่านี้ ตกค้างและสะสมในร่างกายของทารกแล้วนั้น ยังมีผลให้ทารกมีอาการข้างเคียงอย่างเช่น คลื่นไส้, อาเจียน หรือท้องเสียได้ โดยสารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้ คือ
- แอลกอฮอล์ สร้างการระคายเคืองต่อผิวหนัง
- สารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต สารช่วยให้เกิดฟอง ลดแรงตึงของผิวน้ำ
- พาราเบน สารระงับการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์
- ฟอร์มัลดีไฮต์ ก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างเช่น แสบตา และระคายเคืองผิวหนัง มีส่วนให้เกิดมะเร็งได้ หากร่างกายได้รับเข้าไปในเวลานาน และปริมาณที่มาก
เลือกกลิ่นของน้ำยาล้างขวดนม
ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นน้ำยาแบบไม่มีกลิ่นหรือเป็นกลิ่นอ่อนๆ ที่มาจากสารสกัดธรรมชาติเพียงเท่านั้น เพราะยิ่งน้ำยาที่มีกลิ่นที่แรงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีปัญหาในการล้างออกจากขวดนมได้ยากมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งหากยังมีกลิ่นติดค้างที่ขวดนม โดยที่เราไม่ระวังความสะอาดในการล้างขวดนมที่ดีพอ ก็อาจเป็นสาเหตุให้ทารกเกิดอาการแพ้, ภูมิแพ้ จากกลิ่นที่เป็นตัวกระตุ้นอาการอย่างเช่น
- จมูก แสบ, คันยิบๆ ที่จมูก และมีอาการจามรวมถึง น้ำมูกไหลร่วมด้วย
- ตา น้ำตาไหล, แสบบริเวณตา และคันตา
- ระบบทางเดินหายใจ มีการหายใจลำบาก และแน่นหน้าอก
- ผิวหนัง เกิดการแสบ, คัน และขึ้นผื่นแดง ซึ่งสามารถเป็นได้ทั่วร่างกาย
โดยอาการแพ้ หรือภูมิแพ้ที่เกิดจากกลิ่นที่แรง หรือกลิ่นฉุนนี้อาจเพียงแค่ก่อความรำคาญ หรือเป็นสาเหตุเริ่มแรกของอาการเกิดภูมิแพ้และอาการแพ้กับทารกที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่ในทารกที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ, ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่มีโรคประจำตัวมาพร้อมกับการเกิดอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะทารกที่มีอาการภูมิแพ้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เราควรระวังปัจจัยเสี่ยง ในเรื่องกลิ่นของน้ำยามากขึ้น
เลือกน้ำยาที่ฟองน้อย
เราควรใส่ใจและพิถีพิถันในการพิจารณาเลือกซื้อโดยดูที่ตัวน้ำยาควรที่จะมีการให้ฟองที่น้อย ในขณะที่ทำการล้าง เพื่อที่จะช่วยให้การล้างคราบฟองออกได้ง่าย และไม่เหลือทิ้งคราบฟองไว้กับตัวขวดนม ซี่งสารตกค้างเหล่านี้ ส่งผลเสียให้กับทารก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้หมด
วิธีล้างขวดนม ให้สะอาด
สรุป
น้ำยาล้างขวดนมที่ควรเลือกซื้อควรจะเป็นน้ำยาล้างที่มีความอ่อนโยน เน้นการทำความสะอาดคราบนมออกได้ง่าย, ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และไม่มีสารตกค้างที่จะส่งผลเสียต่อทารก นอกจากนี้เราจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของ ความรัก ความเอาใจใส่ในการดูแลทางด้านจิตใจและการให้ความสำคัญกับความสะอาด ทั้งด้านเสื้อผ้า และร่างกาย รวมถึงอาหารการกินก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กันทีเดียว
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน