คอลลาเจน คืออะไร
คือ เส้นใยของโปรตีน ที่ภายในคอลลาเจน หรือ Collagen นี้จะมีกรดอะมิโนชนิดต่างๆ ประกอบอยู่ มีอยู่ทั่วอวัยวะในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง, กระดูก, กระดูกอ่อน, หมอนรองกระดูก, กระดูกข้อต่อส่วนต่างๆ, ผนังหลอดเลือด รวมถึงเนื้อเยื่อที่เกี่ยวกันกัน เป็นมัดกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย
Collagen นี้เป็นสิ่งที่ร่างกายเราผลิตได้เองตามธรรมชาติ แต่การที่เราจำเป็นต้องกินเสริมเพิ่มเข้าไป ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชงดื่ม หรือแบบเม็ดก็ตาม เพราะในวัยที่เพิ่มมากขึ้นนั้น ระดับการผลิต Collagen นี้ก็จะลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับกระดูก และอวัยวะส่วนต่างๆ ที่มีการเสื่อมสภาพลงไปด้วย เราจึงมักจะเห็นอาการปวดตามข้อต่อ, การก้ม เดิน ลุก นั่ง ที่ติดขัดในกลุ่มของผู้สูงอายะ
ซึ่งทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบ Collagen ในการตอบโจทย์การแก้ปัญหาดังกล่าวนี้ ที่ต้องการดูแลและสะสมแต่เนิ่นๆ เพื่อที่ว่าเมื่อถึงอายุ 30 ขึ้นไป ที่มีปริมาณการผลิตหรือสังคราะห์คอลลาเจนลดลงแล้ว กระดูก และอวัยวะส่วนต่างๆ ของเรายังคงทำงานได้ดีอยู่ โดยเฉพาะกระดูกและผิวหนัง รวมถึงป้องกันปัญหาไม่ว่าจะเป็น กระดูกบาง เปราะ แตกหักง่าย หรือ โครงสร้างผิวที่อ่อนแอ หย่อนคล้อย และแผลเป็น
ประเภทของคอลลาเจน
เราจะเห็นได้ว่าอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบเป็น Collagen นั้น มีหลากหลายรูปแบบในการทำผลิตภัณฑ์นั้นๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นแบบชงดื่ม หรือแบบเม็ด แต่เรารู้หรือไม่ว่า Collagen ที่เป็นส่วนประกอบนั้นเป็นประเภทไหน ซึ่งในแต่ละประเภทนั้น ก็มีหน้าที่ในการดูแลและบำรุงรักษาในอวัยวะที่แตกต่างกันไปด้วย
คอลลาเจนประเภท 1 (Collagen Type I)
มีความสำคัญอย่างมากต่อเส้นผม และเล็บ เราจึงมักเห็นว่า อาหารเสริมส่วนใหญ่ ที่เน้นในเรื่องการเสริมและบำรุงผิวหนัง และผิวหน้า จะต้องมี Collagen ประเภทนี้อยู่ด้วย และถือว่ามีปริมาณมากที่สุดคือ 90% ของบรรดา Collagen ทั้งหมดของร่างกาย ซึ่งแสดงว่าต้องเป็นประเภทที่มีความสำคัญมากๆ
นอกเหนือจากที่ช่วยในการเสริมสร้างและบำรุงส่วนที่เป็นผิวหน้า ที่รวมถึงการลดเลือนริ้วรอย และช่วยสมานบาดแผลให้หายได้เร็วยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการสร้างและมีอยู่ในกระดูก, เติมผิวหนังให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น, เอ็น, เส้นเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย, เนื้อเยื่อที่เป็นมัดเกี่ยวพันกัน, กระจกตา และผนังหลอดเลือด
ดังนั้นหากเราต้องการที่จะบำรุงและสร้างส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะเรื่องการดูแลผิวหน้า และความหย่อนคล้อยของผิวหนัง ควรที่จะพิจารณาดูว่า เป็น Collagen ประเภทนี้หรือไม่ สามารถกินควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวอื่นๆ อย่าง ครีมบำรุงผิวหน้า , ครีมรกแกะ , คลีนซิ่งออย , น้ำแร่ฉีดหน้า , เจลว่านหางจระเข้ , สบู่ล้างหน้า , ครีมกระชับรูขุมขน , ครีมลดริ้วรอย , ครีมกันแดดผู้หญิง , เซรั่มเกาหลี ซึ่งจะช่วยเติมเต็มผิวหน้าให้มีความกระชับ และเต่งตึงขึ้น
ซึ่งนอกจาก Collagen ประเภทนี้จะมีอยู่เนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกันไม่ว่าจะเป็นเส้นเอ็น หรือเอ็นตามกล้ามเนื้อต่างๆ แล้วนั้น ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นแบบชงดื่มหรือแบบเม็ด ช่วยปรับสีผิวให้ดูสุขภาพดี, ปรับผิวขาวและช่วยให้หน้าใสขึ้น รวมถึงการช่วยลดสิว ให้ผิวหน้าเนียนเกลี้ยงดูสุขภาพผิวที่ดี
คอลลาเจนประเภท 2 (Collagen Type II)
ลักษณะเด่นของประเภทนี้คือ ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าประเภทแรก สามารถพบได้มากในกระดูกอ่อน, กระดูกข้อต่อต่างๆ, กระดูกซี่โครง, กระดูกข้อเข่า และหมอนรองกระดูก ทำให้เราได้พบว่า อาการกระดูกหักง่าย, ปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม และปัญหากระดูกต่างๆ ที่เกิดกับผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น Collagen ประเภทนี้ทั้งสิ้น
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า หากอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบ Collagen นั้น ทั้งในรูปแบบชง หรือแบบเม็ด ที่เน้นในการเสริมและบำรุงกระดูก โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ จะมีคอลลาเจนไทพ์ทู (Collagen Type II)นี้อยู่ด้วย ซึ่งหากถามว่าจำเป็นหรือไม่กับวัยที่ยังไม่มาก การดูแลและบำรุงกระดูกนั้น ก็เหมือนการดูแลผิว ซึ่งต้องเริ่มดูแลกันแต่เนิ่นๆ ในช่วงอายุที่ยังไม่มาก เพื่อสะสมและสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกไว้ก่อนที่จะเกิดปัญหา
สิ่งที่สำคัญสำหรับ Collagen ไทพ์ทูนี้ก็คือ กระดูกอ่อน ที่เป็นส่วนสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างกระดูกโดยรวมของร่างกายเรา อีกทั้งยังเป็นส่วนที่มีผลในการช่วยรองรับ น้ำหนักต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการลุก, เดิน, ยืน หรือก้มก็ตาม เรามักจะเห็นว่า ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีอายุน้อยๆ ในวันนี้ ที่มีอาการไม่สามารถก้มเก็บของได้ง่ายๆ หรือการลุกนั่งก็ปวดข้อต่อ หรือกระดูก
ซึ่งนั่นคือสัญญาณอันตราย ที่ทำให้เราได้รู้ว่า กระดูกอ่อน และโครงสร้างกระดูกของเราน่าจะเกิดปัญหา โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานนั่งอยู่กับที่นานๆ หรือผู้ที่ต้องใช้แรงยกของหนักอยู่เป็นประจำ ทั้งหมดนี้คือ การทำงานที่นอกจากเราจะใช้งานกระดูกเหล่านี้อย่างหนักแล้ว เราจึงควรหา Collagen แบบชง และแบบดื่มเพื่อมาสร้างกระดูกอ่อน, กระดูกข้อต่อ และหมอนรองกระดูกให้แข็งแรง และทดแทนกระดูกในส่วนที่เสื่อมสภาพไป สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ
คอลลาเจนประเภท 3 (Collagen Type III)
เป็นส่วนที่เจอในอวัยวะแบบเดียวกับประเภทแรก คือ ผิวหนัง, กระดูก, ผนังหลอดเลือด, เส้นเอ็น, กล้ามเนื้อที่มีเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน แต่มีเพียงแค่ 10% เท่านั้น และส่วนใหญ่มักจะพบที่ผนังหลอดเลือด โดยมีส่วนที่เจอในกระดูก, กระดูกอ่อน, ข้อต่อต่างๆ ได้น้อยมาก ไม่เหมือนกับCollagen ไทพ์ทู หรือ Collagen ประเภท 2
คอลลาเจนประเภท 4 (Collagen Type IV)
จะพบได้ในส่วนชั้นผิวหนังที่เรียกว่า Basal Lamina และ ชั้นผิวหนังส่วน Basement Membrane รวมถึงการพบในเนื้อเยื่อส่วนที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะไม่ค่อยเห็นมีการพูดถึง Collagen ประเภทนี้สักเท่าไหร่นัก หรือมีการพูดถึงเพียงแค่ Collagen ประเภทที่ 1- 3 และข้ามไปประเภทที่ 5 ซึ่งจริงๆ แล้วคลอลาเจนประเภทนี้นั้น ยังมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท และระบบเส้นเลือดอีกด้วย
คอลลาเจนประเภท 5 (Collagen Type V)
พบในส่วนเดียวกันกับประเภทแรก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของเส้นผม, ผิวหนัง, เยื่อบุเซลล์, ผนังหลอดเลือด และเส้นเอ็นตามมัดของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังพบในเนื้อเยื่อของทารกที่อยู่ในครรภ์อีกด้วย ดังนั้นจากประเภททั้งหมดของ Collagen เราจะเห็นได้ว่ามีส่วนสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องร่วมกันทั้งสิ้น รวมถึงในประเภทนี้ที่มีส่วนจำเป็นต่อเด็กที่กำลังเกิดขึ้นมาอีกด้วย
ประโยชน์ของคอลลาเจน
ผิวเต่งตึงและเรียบเนียน
คุณสมบัติเด่นอย่างแรกเลย เมื่อเราพูดถึงและนึกถึง Collagen คือ การสร้างผิวไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า หรือผิวตัวก็ตาม ให้มีความแข็งแรงในเนื้อผิว ซึ่งแตกต่างจากตัวอิลาสติน ที่มีหน้าที่ในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว เพื่อไม่ให้ผิวหย่อนคล้อย แต่ส่วนของ Collagen จะข่วยสร้างโครงสร้างผิวให้มีความเรียบเนียน รวมถึงการช่วยฟื้นฟูสภาพผิว และสร้างเซลล์ผิวใหม่ให้เกิดขึ้น อย่างเช่น ในกรณีผิวที่โดนทำลายจากบาดแผลต่างๆ หรือหลุมสิว เป็นต้น
สิ่งที่เราควรจะรู้สำหรับ Collagen ที่เราต้องการเสริมเข้าไปในร่างกาย โดยเน้นในการสร้างผิวให้ดูแข็งแรง และปรับสภาพผิวใหม่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการกินในรูปแบบใดๆ ก็ตาม เพราะในลักษณะเฉพาะของ Collagent นี้ จะมีโมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งการทา หรือการกินก็จะได้รับในปริมาณที่น้อย ด้วยเหตุที่ถูกย่อยที่กระเพาะอาหารไปก่อน ที่จะถูกดูดซึมและนำไปใช้ได้ เพราะมีโมเลกุลที่ใหญ่เกินไป
ดังนั้นจึงเกิดการทำ Collagen ในรูปแบบของ ไดเปปไทด์ (Collagen Dipeptide) ขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโจทย์โดยตรง สำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงและสร้างความแข็งแรงให้ชั้นผิวหนัง ซึ่ง Collagen ไดเปปไทด์นั้น มีการปรับให้อยู่ในรูปของกรดอะมิโน ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ที่มีการเรียงตัวกันเพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น จากขนาดโมเลกุลใหญ่ ที่มีการซึมเข้าชั้นผิวหนังด้านในได้น้อย
จึงช่วยให้นอกจากจะเข้าไปช่วยดูแลและสร้างชั้นผิวหนัง ให้มีความแข็งแรงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนั้น ยังมีผลต่อการสร้างกระดูกในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดูกอ่อน, กระดูกส่วนข้อต่อ, หมอนรองกระดูก ให้มีความแข็งแรง และเพิ่มความหนาแน่นมวลรวมให้กับกระดูก อย่างได้ผลเต็มที่ร่วมด้วย แต่ด้วยโมเลกุลที่เล็ก ของไดเปปไทด์นี้นั้น ก็จะมีระดับราคาที่สูงกว่า Collagen ในรูปแบบปกติอีกด้วย
ผิวชุ่มชื่น
เมื่อโครงสร้างผิวแข็งแรง ก็จะทำให้ทั้งสีผิวดูมีสุขภาพที่ดี, ช่วยผิวให้เนียนใส รวมถึงเมื่อผิวมีความแข็งแรงก็จะมีความชุ่มชื่นเข้ามาหล่อเลี้ยงที่เซลล์ผิวภายในร่วมด้วย แต่นอกเหนือจากนี้ ในส่วนของอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Collagen นั้น จะมีส่วนประกอบร่วมคือ กรดไฮยาลูโรนิค หรือ Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมความชุ่มชื่น และความอิ่มน้ำที่ภายในเซลล์ผิวอีกด้วย
ผิวขาวกระจ่างใส
เรามักจะเห็นส่วนประกอบของ วิตามินซี และ เมล็ดองุ่น เข้ามารวมอยู่กับ Collagen สำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วย เพื่อเป็นการเสริมการทำงานร่วมกัน โดยคุณสมบัติหลักๆ ที่เป็นจุดเด่นของ วิตามินซี เราคงจะรู้กันดีแล้วว่า เน้นในเรื่องของการปรับเซลล์สีผิวให้หน้าใส รวมถึงทั้งวิตามินซี และ Grape Seed หรือสารสกัดเมล็ดองุ่นนั้น ก็มีผลในการทำงานร่วมกันกับคอลลาเจน
- วิตามินซี เป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน
- เมล็ดองุ่น หรือ Grape Seed ช่วยป้องกันคอลลาเจนโดนทำลาย
สร้างความแข็งแรงให้กระดูก
เราจะเห็นจากประเภทของ Collagen แล้วว่า ส่วนที่มีผลต่อการสร้างความแข็งแรง ให้กับกระดูก โดยเฉพาะกระดูกอ่อน, กระดูกข้อต่อต่างๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหว และการทดแทนกระดูกในส่วนที่เสื่อมสภาพไปนั้น คือ Collagen Type II หรือแบบไทพ์ทู ที่เน้นเรื่องโครงสร้างกระดูกโดยรวม ในการรองรับน้ำหนัก และช่วยในการเคลื่อนไหว
เราจึงมักจะเห็นได้ว่า ถ้าเป็นในส่วนของอาหารเสริม ที่เน้นในการสร้างกระดูกให้แข็งแรง จะมีการเน้นว่าเป็น Collagen ชนิดไทพ์ทู โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ผู้ที่ยังมีอายุไม่มาก ก็ควรที่จะมีการกินเสริม เพื่อเป็นการสะสมไว้ก่อน เพราะจะเป็นการสร้างความหนาแน่น ให้กับกระดูกมวลรวมอีกด้วย
ลดสิวและลดเลือนรอยแผลเป็น
คุณสมบัติในเรื่องนี้จะอยู่ใน Collagen ประเภท 1 ที่พบเจอได้มากในผิวหนัง และส่วนต่างๆ ที่เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน อย่างเช่น เส้นเอ็น และผนังหลอดเลือด เป็นต้น ดังนั้น อาหารเสริม Collagen ที่เน้นการสมานผิวและลดสิว รวมถึงการสร้างความแข็งแรงให้ชั้นผิวหนัง และดูแลผิวร่วมด้วย ควรที่จะเน้นใน Collagen ประเภทแรกนี้ โดยเฉพาะหากใครที่เคยเป็นสิว และมีปัญหาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นรอยดำแดงที่เกิดจากการหายสิว หรือแม้กระทั่งรูหลุมสิว
ซึ่งเราจะเน้นที่ตัว Collagen ประเภท 1 หรือ Collagen Type I ไม่เพียงแต่มีคุณสมบัติในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการสมานผิวหนังที่เกิดแผล หรือหลังจากที่แผลนั้นหายดีแล้ว ทิ้งรอยแผลเป็น อย่างเช่นหลุมสิวที่เกิดจากสิวอักเสบ เป็นต้น หากเราเติม Collagen เข้าไปในร่างกายผ่านการชงดื่ม หรือแบบเม็ด จะมีผลในการช่วยเข้าไปเติมเต็มเนื้อเยื่อส่วนที่หายไป ให้กลับมาเหมือนเดิม ซึ่งระยะเวลา และระดับคอลลาเจนร่วมด้วย
กินคอลลาเจนตอนไหนดี
หลักในการกิน Collagen ทั้งในรูปแบบเม็ด หรือแบบชงก็ตาม ควรกินตอนที่ท้องว่าง ทั้งในเวลาตื่นนอนตอนเช้า หรือก่อนเข้านอน ซึ่งจะเป็นเวลาไหนก็ได้ แต่จะได้ผลดีครบถ้วนเมื่อตอนที่เรายังไม่กินอาหารอะไรเข้าไป เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึม Collagen ได้อย่างเต็มที่และสมบูรณ์
วิธีเลือกซื้อคอลลาเจน
รูปแบบ
แบบชง
เห็นผลได้เร็วและมีการดูดซึม Collagen เข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า ด้วยอณูโมเลกุลที่เล็กกว่าของแบบชง ที่มีลักษณะเป็นผงละเอียด และสามารถละลายน้ำได้เร็ว ไม่มีสีเจือปนใดๆ รวมถึงความง่ายในการกิน และสะดวกในการชงร่วมกับเครื่องดื่ม หรืออาหารต่างๆ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหนๆ ก็สามารถชงกินได้ง่าย
แบบเม็ด
จุดเด่นจะอยู่ที่การใส่ส่วนประกอบเสริม ที่มีมากกว่า Collagen โดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนประกอบ ที่เน้นบำรุงผิวในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การเติมความขาวกระจ่างใส, ลดสิว หรือช่วยให้ผิวดูเนียนเรียบ อย่างเช่น วิตามินซี, กรดไฮยาลูโรนิค, วิตามินเอ และเมล็ดองุ่น หรือ Grape Seed เป็นต้น
ปริมาณในการกิน
ระดับปริมาณสำหรับการกิน Collagen อยู่ที่5,000-10,000 มิลลิกรัม ต่อวัน ซึ่งหากใครต้องการที่จะเน้นปรับสภาพผิว และฟื้นฟูผิว ไม่ว่าจะเป็นต้องการให้หน้าใส หรือลดสิว เราสามารถแบ่งช่วงเวลากินในช่วงตื่นนอนตอนเช้า ปริมาณ 5,000 มิลลิกรัม และก่อนนอนอีก 5,000 มิลลิกรัม เน้นว่าควรกินในช่วงเวลาที่ท้องว่าง ร่างกายจะดูดซึมและนำไปใช้ได้ดีกว่า
ไม่มีส่วนประกอบอื่นเจือปน
นอกจากที่เราจำเป็นต้องดูในรายละเอียด ของส่วนประกอบต่างๆ และสัดส่วนที่ใส่ลงไปในอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบหลักเป็น Collagen แล้วนั้น จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องดูส่วนประกอบที่เจือปน และไม่ส่งผลดีต่อร่างกายร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นสารปรุงแต่งสี หรือรสชาติ รวมถึงน้ำตาล
สัญลักษณ์รับรองความปลอดภัย
สิ่งสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ อาหาร และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับผิวหน้า ควรอย่างยิ่งที่จะดูสัญลักษณ์รับรอง อย. ที่มีเลขจดแจ้งกับ อย. ที่เราสามารถเช็คได้ว่า มีที่ผลิต และจดแจ้งในการผลิตสินค้าประเภทใด เพื่อป้องกันความปลอดภัย ในการนำผลิตภัณฑ์นั้นๆ มากิน หรือมาใช้บนใบหน้า
ส่วนประกอบอื่นๆ
ในส่วนของรูปแบบเม็ดนั้น เราอาจจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ในแต่ละชนิด จะมีการเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ ที่ช่วยเสริมให้ Collagen ทำงานได้ดียิ่งขึ้น หรือเพื่อเพิ่มการทำงานร่วมกับผิว อย่างเช่น สร้างผิวกระจ่างและหน้าใส ด้วยการเพิ่มวิตามินซี และเมล็ดองุ่น ที่มีส่วนเสริมการทำงานของตัว Collagen หรือส่วนผสมของกรดไฮยารูโรนิค เพื่อเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว ในรูปแบบกิน
คอลลาเจน ช่วยอะไร
สรุป
เราอาจจะมองเห็นว่า การเกิดปัญหาทั้งในส่วนของกระดูก และผิวหนัง ที่มาจาก Collagen ลดน้อยลง ไม่ว่าจะเป็นกระดูกบาง, ปวดตามข้อ หรือผิวหน้ามีความหมองคล้ำ และริ้วรอยเริ่มมานั้น เป็นเรื่องที่ไกลตัวก็จริง สำหรับในกลุ่มของผู้ชาย ที่ถึงแม้ว่าจะมีผิวหนังอยู่ในระดับที่หนาก็ตาม ทำให้มีระดับคอลลาเจนที่มากขึ้นตามไปด้วย
แต่เมื่อถึงวัยสูงอายุแล้ว ทั้งกระดูก, ผิวหน้า และผิวตัว จะเริ่มมีความเหี่ยวย่น และกระดูกแตกหักได้ง่ายมากขึ้น เพราะระดับคอลลาเจนจะมีการผลิตลดน้อยลงเรื่อยๆ รวมถึงกลุ่มผู้หญิง ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนในวัยใกล้เคียง 60 ปี หรือหลังจากที่หมดประจำเดือนแล้ว ระดับฮอร์โมนผู้หญิง และ Collagen ก็จะลดลงเช่นกัน
ปัญหาคือ เมื่อคอลลาเจนผลิตน้อยลง รวมถึงกระดูกและผิวหนัง ก็มีการเสื่อมสภาพลงไปเรื่อยๆ นั้น การเติม Collagen ในช่วงเวลานั้น อาจจะไม่ทันใช้ สำหรับในวันนี้ที่เรามี Collagen หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบชงดื่ม หรือแบบเม็ด ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มมวลกระดูกให้แข็งแรงแล้วนั้น ยังช่วยให้ผิวขาว, หน้าใส ลดสิวไปพร้อมๆ กัน
อ้างอิง
- คอลลาเจน คืออะไร ? กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ : เนสท์เล่
- คอลลาเจนได้ผลจริงหรือ : โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาการุณย์
- คอลลาเจน : Amway Thailand
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี
คอลลาเจน Dr.PONG
-1 ซอง บรรจุคอลลาเจน 10,000 มิลลิกรัม
-สามารถผสมกับอะไรก็ได้ไม่ทำให้เสียรสชาติ
คอลลาเจน Zeavita
-ช่วยให้ผิวสว่างกระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ
-ไม่ใส่สี ไม่เติมแป้ง ไม่เติมน้ำตาล ไม่มีไขมัน
คอลลาเจน Saikono
-ช่วยปรับผิวกระจ่างใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น
-ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ลดเลือนจุดด่างดำ
คอลลาเจน Wisamin
-ช่วยบำรุงผมให้แข็งแรง ลดการขาด หลุด ร่วง
-ช่วยลดปัญหาอาการปวดข้อ ปวดเข่า เรื้อรัง
คอลลาเจน Amado
-สามารถผสมได้กับน้ำผลไม้ ข้าวสวย ชา หรือกาแฟ
-มีโมเลกุดขนาดเล็ก สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี
คอลลาเจน Mana
-ช่วยลดการอักเสบและขับกรดยูริก ออกจากร่างกาย
-ช่วยบำรุงกระดูก เอ็นข้อต่อ แก้ปวดข้อเข่า
คอลลาเจน Donutt
-สามารถนำไปโรยในโจ้ก โยเกิร์ต น้ำสลัด ผัดต่างๆได้
-สามารถทานได้ทุกช่วยเวลา โมเลกุขนาดเล็กดูดซึมได้ดี
คอลลาเจน Colla Rich
-ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวนุ่มลื่น
-ช่วยลดความมันบนผิว สิวอักเสบ และฆ่าเชื้อสิว
คอลลาเจน Blink
-ปราศจากสี ไม่มีกลิ่นคาว และไม่เติมน้ำตาล
-ช่วยให้ผิวขาวสว่างกระจ่างใส เนียนนุ่ม
คอลลาเจน Amsel
-มีโมเลกุลเล็ก ดูดซึมได้เร็ว ไม่มีสารตกค้าง
-เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวพรรณ กระดูกและข้อต่อ