ประเภทของที่นอนยางพารา
ในการเลือกพิจาณาซื้อที่นอนยางพารานั้น หลายคนอาจจะแปลกใจในเรื่องของราคา ที่มีการบอกว่า เป็นที่นอนผลิตจากวัสดุยางพารา 100% แต่ทำไมมีระดับราคาที่แตกต่างกัน
ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องอ่านในรายละเอียด ของเปอร์เซ็นต์เนื้อยางพารา ที่ถึงแม้จะบอกว่าเป็นเนื้อยางพาราแท้ก็ตาม แต่อาจจะมีการผสมยางพาราสังเคราะห์ร่วมด้วย ในเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้เราสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 3 ประเภท คือ
1.ประเภทยางพาราแท้ หรือยางพารา 100% (Natural Latex 100%)
ในการผลิตเป็นการเทเนื้อยางลงไปในเบ้าหลอม ที่เป็นพิมพ์ตามขนาดที่นอน ดังนั้นที่นอนในประเภทนี้ จึงได้เป็นวัสดุเนื้อยางพาราแท้ทั้งก้อน ทำให้มีคุณสมบัติในการใช้งานจริง มีความคงทนสูง เรียกได้ว่าใช้งานได้เกิน 10 ปีขึ้นไป หรือถึง 20 ปีในการดูแลรักษาที่ดี
2.ประเภทยางพาราแท้ ผสมกับยางพาราสังเคราะห์ (Natural Latex and Latex Synthetic)
เราสามารถที่จะแบ่งแยกย่อยออกมาเป็นแบ่ง เปอร์เซ็นต์ของส่วนผสม ระหว่างยางพาราแท้ กับยางพาราสังเคราะห์ ยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ของยางพาราแท้น้อยเท่าไหร่ การรองรับน้ำหนัก และความยืดหยุ่นก็จะน้อยเท่านั้น การผลิตสามารถเป็นได้ทั้ง ชิ้นยางพาราเป็นก้อน หรือเป็นเศษยางพารา มาบดและอัดเป็นก้อนแข็ง ซึ่งตรงนี้ต้องพิจารณาในเรื่องราคา, แหล่งผลิต และคุณภาพของยี่ห้อร่วมด้วย
Natural Latex
ส่วนของวัสดุยางพาราแท้ จะมีเปอร์เซ็นต์อยู่ที่ 85 และเปอร์เซ็นต์ส่วนที่เป็นวัสดุยางพาราสังเคราะห์ จะอยู่ที่ 15 เท่านั้น ดังนั้นในการใช้งานอาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก แต่ในเรื่องอายุการใช้งานจะสั้นกว่าในแบบ ที่นอนยางพาราแท้ หรือ Natural Latex Matress 100%
Pure Latex
ส่วนประกอบจะเป็นในทางกลับกัน ถ้าเทียบกับ Natural Latex เปอร์เซ็นต์ของวัสดุยางพาราจะมีเพียง 20 ส่วนเปอร์เซ็นต์วัสดุที่เป็นยางสังเคราะห์ จะมีมากถึง 80 %
3.ประเภทยางพาราไฮบริด
ที่นอนยางพาราไฮบริดเป็นการผสมผสานระหว่างตัววัสดุ ที่เป็นยางพารา, เมมโมรี่โฟมที่มีหลากหลายชนิด อย่างเช่น Bonded Memory Foam, Soft Memory Foam หรือ Cool Gel Memory Foam
ซึ่งจะแตกต่างไปแต่ละยี่ห้อของผู้ผลิตที่นอน ด้านในที่นอนประเภทนี้นั้น จะมีการเรียงตัวในหลากหลายชั้น และหลายวัสดุ โดยมีวัสดุหลักคือ ยางพารา ที่เน้นในเรื่องของการรองรับน้ำหนักตัว
ความแตกต่างที่นอนสำหรับประเภทนี้นั้น จะให้ความยืดหยุ่นที่ดีกว่า ที่นอนในรูปแบบยางพาราแท้ หรือยางพาราแท้ผสมยางพาราสังเคราะห์ เพราะด้วยคุณสมบัติที่นอนยางพาราไฮบริดนั้น จะมีส่วนเสริมโดยการนำเอาคุณสมบัติเด่นๆ ของวัสดุด้านใน มาเสริมเป็นชั้น ซึ่งในแต่ละที่นอนยางพาราไฮบริด ที่ผลิตออกมา ก็จะมีการเสริมจำนวนชั้น และการเรียงชั้นที่ไม่เหมือนกัน
แบ่งประเภทตามรูปแบบการผลิต
โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบหลักๆ คือ
1.ที่นอนยางพาราแบบหล่อ
เราอาจจะเรียกการผลิตรูปแบบนี้ได้ว่า เป็นการนำชิ้นยางพาราจากธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ เพื่อมาหล่อเป็นชิ้นยางพาราตามลักษณะของสินค้า ไม่ว่าจะเป็นหมอนยางพารา ที่นอนยางพารา หรือท๊อปเปอร์ยางพารา ซึ่งการผลิตในลักษณะนี้ จะได้ชิ้นเนื้อของยางพาราที่มีคุณภาพดี เกรดที่จัดได้ว่าราคาค่อนข้างสูงกว่าการผลิตยางพาราในรูปแบบอื่นๆ
เนื้อในเมื่อนำมาหล่อแล้ว จะมีความแน่น และยืดหยุ่นได้ หากทำเป็นท๊อปเปอร์ก็จะช่วยในการถนอมโครงสร้างของร่างกาย โดยเฉพาะช่วงหลัง สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลัง หรือมีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลัง ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำจากยางพารา และมีการผลิตในรูปแบบนี้เท่านั้น
อีกทั้งคุณภาพและราคาที่สูง แต่ได้สินค้าที่ทำจากยางพารา ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หรือเรียกว่าใช้จนลืมกันเลยทีเดียว สิ่งที่สังเกตได่ง่ายๆ ว่าเป็นยางพาราที่หล่อขึ้น ดูจากสีจะเป็นสีขาวนวล หรือสีไข่ไก่ล้วน
2.ที่นอนยางพาราแบบอัด
ซึ่งถือว่าเป็นระดับรองๆ จากการนำยางพารามาหล่อ โดยมีความแตกต่างกันคือ การผลิตแบบอัดนี้ จะเป็นการนำเอาเศษยางพาราชิ้นเล็กๆ มาอัดรวมกัน ถึงแม้จะได้รูปทรงตรงตามที่ต้องการ อย่างเช่น ที่นอนยางพารา หรือท๊อปเปอร์ยางพารา ก็ตาม แต่ชิ้นสินค้าจะมีสีคละในชิ้นเดียวกัน ซึ่งมาจากเศษของยางพารา แล้วนำมาอัดเป็นชิ้นรูปทรงตามที่ต้องการ
ดังนั้นการใช้งานก็จะมีความคงทน และมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าการหล่ออย่างแน่นอน นอกเหนือจากนี้เนื้อสัมผัสยังต่างจากการหล่อขึ้น จะมีลักษณะหยาบ ซึ่งหากเป็นที่นอน หมอน หรือท๊อปเปอร์ ก็อาจจะทำให้นอนหลับยาก รวมถึงการยุบตัวที่เร็ว และเป็นสาเหตุของการเกิดปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างร่างกาย ตั้งแต่คอ หลัง มาถึงกระดูกสันหลังได้
เพิ่มเติม :
- ในปัจจุบันคนนิยมซื้อ topper เพื่อใช้เสริมการนอนสบายนอกจากที่นอนปัจจุบัน
- ขนาดของที่นอนมาตราฐานจะเริ่มต้นจาก 3.5 ฟุต , 5 ฟุต จนไปถึงสั่งทำพิเศษได้เลย
ข้อดี ข้อเสีย ของที่นอนยางพารา ดีอย่างไร
ข้อดีที่นอนยางพารา
1.การดูแลรักษาที่ง่าย ไม่ต้องนำออกไปตากแดด หากมีคราบเปื้อนใช้เพียงสบู่อ่อน ในการเช็ดคราบออกเท่านั้น และตามด้วยผ้าชุบน้ำบิดให้แห้งสนิท เช็ดตาม
2.การใช้งานที่ทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
3.ช่วยให้นอนหลับสบาย และรักษาโครงสร้างสรีระร่างกาย ไม่ปวดหลัง
4.กันไรฝุ่น, กันแบคทีเรีย และไม่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้
5.ระบายอากาศ และระบายความร้อนได้ดี
ข้อเสียที่นอนยางพารา
1.น้ำหนักมาก ขนย้ายลำบาก
2.กลิ่นธรรมชาติจากน้ำยางพารา ซึ่งจะหายไปจากการนำมาใช้ 2-4 สัปดาห์
3.ราคาอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่นอนประเภทอื่นๆ
ที่นอนยางพารา vs ที่นอนสปริง
ที่นอนที่ผลิตมาจากวัสดุยางพารา กับที่นอนที่มีวัสดุเป็นขดลวดสปริงด้านในนั้น มีความแตกต่างกันพอสมควร ที่เราสามารถพิจารณาได้ง่ายกว่า ที่นอนวัสดุยางพารา กับที่นอนแบบเมมโมรี่โฟม โดยหากเรามองในการสัมผัสจากภายนอก จะรู้ได้ทันทีถึงความแน่นของที่นอนในแบบยางพารา ที่แตกต่างจากที่นอนสปริง
ส่วนที่นอนสปริงนั้นด้วยความที่มีสปริงด้านในที่นอน ทำให้การดีดตัว หรือสปริงตัวในเวลาที่เรา ลงน้ำหนักบนที่นอน จะรับรู้ว่าที่นอนมีความเด้งกว่าในแบบยางพารา แต่สิ่งที่ตามมาคือ มีการสะเทือนถึงกัน หากเป็นการนอน 2 คน หรือมีเสียงในเวลาพลิกตัว เนื่องจากตัวขดลวดเสียดสีกัน ซี่งที่นอนสปริงจะมีการแบ่งออกมาได้ 3 ชนิดคือ
บอนแนลล์สปริง
เส้นขดลวดภายในมีการเชื่อมต่อถึงกันหมด รวมถึงปลายด้านล่าง และด้านบนติดกับแผงของโครงที่นอน ดังนั้นในการพลิกตัวนอน จะทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งเกิดจากขดลวดภายในเสียดสีถึงกัน และการสะเทือนถึงกัน รวมถึงไม่มีการรองรับสรีระเฉพาะจุด
ออฟเซ็ตสปริง
ขดลวดที่มีการดัดแปลงให้ดีขึ้น ในรูปแบบของนาฬิกาทราย และมีการจัดรูปแบบที่เป็นอิสระของแต่ละขดลวด ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงดังในการเสียดสีระหว่างขดลวด หรือถ้ามีก็มีไม่เท่ากับแบบ บอนแนลล์สปริง ในการพลิกตัวไม่มีการสะเทือนถึงกันเท่ากับแบบบอนแนลล์สปริงอีกด้วย
พ็อกเก็ตสปริง
ถือว่าเป็นรูปแบบของที่นอนสปริงที่ดีที่สุด และดีกว่าใน 2 แบบแรก ที่มีการจัดวางขดลวดที่นอกจาก จะมีการแยกอิสระจากกันทุกขดลวดแล้วนั้น ยังมีการหุ้มด้วยผ้าทุกขดลวด เพื่อป้องกันการเกิดเสียง ในเวลานอนพลิกบนเตียง และยังช่วยยืดอายุขดลวดให้ใช้งานได้นานกว่า 2 แบบแรกอีกด้วย
ลักษณะเด่นๆ ที่เราสามารถใช้ในการแยก เพื่อให้สามารถพิจารณาเลือกซื้อ ระหว่างที่นอน 2 ประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น คือ หากเป็นการรองรับน้ำหนัก, ป้องกัน และแก้อาการปวดหลัง, ไม่มีเสียงรบกวน, ไม่มีการสะเทือนถึงกัน ในกรณีนอน 2 คน และมีการใช้งานที่ยาวนานกว่า ต้องยกให้กับที่นอนยางพารา
แต่หากเป็นในเรื่องของการสปริงตัว เมื่อลงน้ำหนักตัวบนที่นอน หรือความยืดหยุ่น ที่นอนสปริงไม่ว่าจะเป็นแบบ บอนแนลล์สปริง, ออฟเซ็ตสปริง หรือพ็อกเก็ตสปริง จะมีคุณสมบัติตรงนี้ที่ดีกว่า ที่นอนในแบบยางพารา ส่วนในเรื่องของการระบายอากาศ ทั้ง 2 แบบสามารถระบายความร้อนได้ดี
มีที่นอนสปริงรุ่นนึงที่ใช้ดี อยากแนะนำบอกต่อ คือ ที่นอนสปริง ashman คลิกเพื่ออ่านรายละเอียด
ที่นอนยางพารา กับเมมโมรี่โฟม
เมื่อเราพูดถึงที่นอนยางพารา (Latex Matress) กับที่นอนเมมโมรี่โฟม (Memory Foam Matress) ซึ่งทำให้เรารู้ว่า ในการเลือกพิจารณาที่นอนนั้น หลักสำคัญที่เราทุกคนมีความต้องการ และต้องใช้เป็นปัจจัยในการเลือกซื้อ และเลือกใช้ก็คือ การนอนสบาย, ไม่ปวดหลัง และไม่ว่าจะเป็นที่นอนที่ผลิตจากวัสดุ ยางพาราแท้, ที่นอนสปริง หรือที่นอนแบบเมมโมรี่โฟมนั้น ก็ต่างมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน รวมถึงการมีจุดดีที่แตกต่างกันอีกด้วย
ก่อนอื่นเราอาจจะต้องมาดูที่นอนผลิตมาจากยางพาราแท้นั้น หลายคนวางไว้ในใจ ว่าให้เป็นที่นอนที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องช่วยให้ไม่ปวดหลัง หรือทำให้นอนสบายตลอดทั้งคืน นอกเหนือจากนั้นแล้ว เราอาจจะต้องลองมาเจาะลึก ตัววัสดุที่เป็นยางพารา หรือน้ำยางก่อนว่า วัสดุนี้เมื่อมีการนำมาหล่อพิมพ์ออกมาเป็นที่นอนแล้ว มีคุณสมบัติหลักๆ อะไรกันบ้าง
คุณสมบัติของที่นอนยางพารา
1.ให้การตอบสนอง, รองรับ และคืนตัวได้ดี
2.ระบายอากาศได้ดี, ช่วยปรับอุณหภูมิในขณะที่นอนให้เย็น และมีการใช้งานที่ยาวนาน
3.วัสดุยางพาราตรงนี้ มีทั้งแบบที่มาจากธรรมชาติแท้ หรือแบบที่เป็นยางพาราสังเคราะห์ขึ้น
เราจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่แล้ว ที่นอนที่ผลิตมาจากวัสดุยางพารานั้น จะเป็นในรูปแบบธรรมชาติมากกว่า เพราะตัววัสดุหาได้ง่าย ส่วนหากเป็นแบบยางพาราที่ผ่านการสังเคราะห์นั้น มีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด รวมถึงวัสดุที่เป็นปิโตรเคมีร่วมด้วย ดังนั้นตัวยางพาราแท้ จะมีการยอมรับสำหรับเรื่องตอบสนองในเรื่องการรองรับน้ำหนัก และมีการใช้งานที่ทนทาน
นอกจากที่เราจะมาดูในเรื่องของ วัสดุที่เป็นที่นอนยางพาราแล้วนั้น การเลือกขนาดที่นอนสำหรับแต่ละครอบครัว หรือแต่ละบ้านนั้น เราอาจจะต้องมาสำรวจดูขนาดที่นอน ไม่ว่าจะเป็นขนาด Queen Size, King Size เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานร่วมด้วย เพื่อที่จะให้ได้ที่นอนที่ดีที่สุด สำหรับเรา หรือทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการนอนสบาย หรือไม่ปวดหลังก็ตาม
ส่วนที่นอนอีกวัสดุหนึ่ง ที่ถือว่าเป็นตัวเลือกในการใช้เปรียบเทียบ ร่วมกับที่นอนยางพารามากกว่าที่นอนวัสดุอื่นๆ ก็คือ ที่นอนเมมโมรี่โฟม หรือ Memory Foam Matress นั่นเอง ที่เป็นส่วนหนึ่งของตัว โพลียูรีเทน โดยมีการผสมสารเคมีหลายชนิด เพื่อให้หลอมเป็นวัสดุ เมมโมรี่โฟม ผลลัพธ์ที่ได้ ช่วยให้เกิดการตอบสนองต่อแรงกดทับได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเรามาดูคุณสมบัติหลักๆ ของ ที่นอนเมมโมรี่โฟมกันดูว่า มีอะไรกันบ้าง
คุณสมบัติของที่นอนเมมโมรี่โฟม
1.รองรับน้ำหนักตัว และมีความยืดหยุ่นในตัววัสดุ
2.วัสดุเมมโมรี่โฟมจะโอบอุ้มทุกสรีระ เมื่อมีการนอนลง
3.ราคาที่ถูกกว่า ยางพาราแท้ หรือที่นอนวัสดุยางพารา
วัสดุตัวเมมโมรี่โฟม ที่มีการจุดเริ่มต้นมาจาก โพลียูรีเทนนั้นก็ยังสามารถแบ่งแยกย่อยออกมาได้อีก 3 ประเภทคือ
ประเภทของเมมโมรี่โฟม
1.เมมโมรี่โฟมดั้งเดิม (Traditional Memory Foam)
นอกจากคุณสมบัติ หรือคุณลักษณะข้างต้นนั้น ที่มีเด่นชัดในเรื่องของ การรองรับน้ำหนักได้ แต่ไม่ดีเท่าวัสดุยางพารา และในเรื่องของการรองรับน้ำหนักได้ตามรูปทรงของร่างกายเรา แต่สำหรับเมมโมรี่โฟมในระยะแรก ที่ผลิตออกมาแบบไม่มีทางเลือก จะมีการระบายอากาศที่น้อยมาก นั่นคือผู้ที่นอนจะได้รับความรู้สึก ที่ร้อน และหากมีเหงื่อออก จะไม่ระบายความชื้น หรือระบายความร้อนน้อยมาก จึงทำให้เกิดการพัฒนาในอีก 2 ประเภทด้านล่าง
2.เจลเมมโมรี่โฟม หรือ คูลเจล เมมโมรี่โฟม (Gel Memory Foam)
ให้ความเย็น รวมถึงการระบายความร้อนด้วย ตัวเสริมแผ่น เจลเมมโมรี่ หรือในบางยี่ห้อที่นอนที่ผลิต จะเรียกว่า แผ่น Cool Gel Memory Foam แทน ความเย็นจะกระจายออกมาด้านนอก เพื่อให้ผู้นอน ได้รู้สึกถึงการนอนสบายมากกว่า รุ่นแรกที่ทำออกมา
3.เมมโมรี่โฟมแบบเซลล์ (Open Cell Memory Foam)
เมมโมรี่โฟมในรูปแบบนี้นั้น จะเน้นในการเพิ่ม การระบายอากาศให้กับวัสดุเมมโมรี่โฟม ด้วยการผลิตออกมา ให้เนื้อวัสดุมีรูระบายอากาศ หรือรูเล็กๆ ในเนื้อวัสดุ เพื่อช่วยให้เย็นในเวลาที่นอน
ที่นอนในแบบเมมโมรี่โฟมนั้น เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ได้มีน้ำหนักที่มากจนเกินไป รวมถึงผู้ที่มีปัญหาปวดหลัง หรือปวดตามข้อต่างๆ ตามร่างกายไม่ควรเลือกพิจารณาในการซื้อมาใช้งาน เพราะจะเพิ่มการปวดหลังให้เพิ่มมากขึ้น หรือสำหรับผู้ที่ไม่ปวดหลัง ก็อาจจะมีอาการปวดหลัง หรือปวดข้อตามมา ด้วยการคืนตัวของเมมโมรี่โฟม ที่ไม่ดีเท่ากับที่นอนในรูปแบบยางพารา
ซึ่งหากเรามั่นใจว่า ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราเหมาะกับการใช้งาน และช่วยเราในเรื่องไม่ปวดหลัง รวมถึงการเลือกขนาดที่นอนให้พอดีกับ เตียง 2 ชั้น หรือเตียงที่เรามีอยู่ในบ้านแล้วนั้น สิ่งที่ไม่ควรลืม
และควรใส่ใจคือ การเลือก ผ้าปูที่นอน , ชุดเครื่องนอน เพื่อใช้ร่วมกับ ที่นอนที่ผลิตจากยางพาราแท้ ที่นอนสปริง , ที่นอนเป่าลม , ที่นอน 3.5 ฟุต พร้อมด้วย หมอนขนเป็ด , หมอนขนห่าน , หมอนยางพารา และ Topper เสริมด้านบนอีกชั้น เพื่อช่วยให้นอนสบายยิ่งขึ้น
วิธีเลือกซื้อที่นอนยางพารา
1.เลือกตามประเภทที่นอน
ตามที่ได้ระบุไว้ข้างต้นแล้วว่า ในแต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็น วัสดุยางพาราแท้ 100% นั่นคือ เป็นการนำเอายางพาราเทหลอมเป็นตัวที่นอนทั้งชิ้น ซึ่งลักษณะนี้จะช่วยให้มีการใช้งานที่ทนทาน, นอนสบาย และไม่ปวดหลัง แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่แพงกว่าที่นอนวัสดุยางพาราประเภทอื่น
ในทางเลือกอื่นๆ ที่เป็นตัวเนื้อยางพาราแท้ แต่มีการผสมเปอร์เซ็นต์ของวัสดุอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่นอนแบบยางพารา ผสมยางพาราสังเคราะห์ และที่นอนยางพาราไฮบริด ที่หากเป็นผู้ที่อายุน้อยๆ หรือไม่มีปัญหาปวดหลัง และต้องการความยืดหยุ่นที่มากกว่าก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม
2.เลือกตามความหนา หรือความสูงที่นอน
โดยปกติที่จะเลือกกัน จะอยู่ที่ความหนาของที่นอน 7 นิ้ว – 16 นิ้ว หรือถ้าเป็นในการผลิตยี่ห้อที่มาจากต่างประเทศ จะอยู่ที่ความหนา 9 นิ้ว – 12 นิ้ว หรือหากผู้ที่ต้องการเสริมความนุ่มให้กับที่นอนมากขึ้น ด้วยการวาง Topper ไว้ด้านบนร่วมด้วย ก็สามารถเลือกความหนาตัวเบาะรองนอนได้ตั้งแต่ความหนา 2 นิ้ว – 4 นิ้ว
3.เลือกตามขนาดที่นอน
หากเป็นการเลือกซื้อที่นอนสำหรับ 1 คน หรือที่นอนเดี่ยวนั้น ที่จะให้มีการนอนสบาย ไมแคบมาก ควรเลือกเริ่มต้นตั้งแต่ 3.5 ฟุต และหากเป็นการนอน 2 คน จะเป็นขนาด 5 ฟุต และ 6 ฟุต
คำถามที่พบบ่อยสำหรับที่นอนยางพารา
นอนที่นอนยางพาราดีไหม
ถือว่าเป็นที่นอนที่เหมาะสมต่อผู้ใช้ทุกคน และเป็นที่นอนที่ดีที่สุด ซึ่งนอนจากการช่วยให้นอนสบายด้วยแล้วนั้น ยังช่วยประคอง และการดูแลโครงสร้าง, สรีระให้กับเราแล้วนั้น ตัวที่นอนยางพารายังมีการใช้งานที่ทนทานได้อย่างยาวนาน ถือว่าเป็นที่นอนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่หากผู้ใช้ มีความรู้สึกว่าในการนอนมีความแข็งอยู่บ้าง เราสามารถหา Topper มาเสริมด้านบน เพื่อเพิ่มให้เกิดการนอนสบายมากขึ้นได้
ที่นอนยางพาราหนักไหม
วิธีสังเกตว่า เป็นเนื้อยางพาราแท้หรือไม่ ดูที่น้ำหนักของที่นอน เพราะหากเป็นที่นอนยางพาราแท้ จะมีน้ำหนักที่มาก นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึง การใช้งานที่จะทนทาน รวมถึงไม่ยุบง่าย ใช้งานที่ยาวนาน ส่วนที่นอนแบบยางพาราอัดนั้น จะมีน้ำหนักมากกว่า ยางแท้ถึง 2-3 เท่าทีเดียว แต่หากเป็นกรณีประเภท ที่นอนแบบยางพาราอัด จะมีราคาที่ถูกกว่า ที่นอนแบบยางพาราแท้
ที่นอนยางพารายุบไหม
คุณสมบัติที่จะพิสูจน์ได้ว่า เป็นที่นอนยางพาราแท้ เพื่อใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อ นอกเหนือจากน้ำหนักของที่นอนด้วยแล้ว เราจะสังเกตได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการนอนครั้งแรกก็ตาม ตัวที่นอนจะไม่ยุบ รวมถึงการใช้งานภายในอายุการใช้งานได้จริง ของวัสดุยางพาราแท้ ก็จะไม่มีสภาพที่ยุบ
ที่นอนยางพาราตากแดดได้ไหม
เป็นปัจจัยที่ควรระวังอย่างยิ่งในการดูแลรักษา ที่นอนที่เป็นวัสดุยางพารา ไม่ควรทั้งตากแดด, โดนแดดจ้า หรือให้เจอความร้อน เพราะจะทำให้เนื้อยางพารา เสื่อมสภาพที่เร็ว มีผิวยางที่แห้ง และไม่มีความยืดหยุ่นในการรองรับน้ำหนักตัวได้ดีเท่าเดิม ทำได้เพียงผึ่งลม หรือที่มีอากาศปลอดโปร่งเท่านั้น หากมีคราบเปื้อนให้ใช้เพียงแค่สบู่อ่อนถู และใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้แห้ง เช็ดคราบออก
อายุการใช้งานของที่นอนยางพารา
เนื่องจากที่นอนยางพาราแท้ มีระดับราคาที่ค่อนข้างสูง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้พิจารณาเลือกซื้อ รู้สึกว่าคุ้มค่ากับราคาก็คือ อายุการใช้งาน สำหรับที่นอนประเภทยางพารา จะมีอายุในการใช้งานได้มากถึง 10-15 ปี หรือหากมีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีแล้วละก็ สามารถยืดอายุการใช้งานได้มากถึง 20 ปีเลยทีเดียว
เราจะเลือกซื้อที่นอนยางพาราอย่างไรดี
สรุป
เราสามารถที่จะเลือกที่นอนที่ผลิตมาจากวัสดุยางพาราแท้ เพื่อที่จะได้การใช้งานที่มีคุณภาพ, ทนทาน รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องปวดหลัง ควรที่จะเลือกที่นอนในแบบยางพารา หรืออาจจะเสริมตัวช่วย เพื่อให้นอนสบายมากขึ้น ด้วยการนำ Topper มาเสริมอีกชั้นด้านบน ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายขนาดที่นอน เพราะโครงสร้างร่างกายจะดีได้ ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกที่นอนที่ดีที่สุดร่วมด้วย
ยุ้ย ปิยวรรณ เป็นนักวิเคราะห์ วิจารณ์ ชำนาญการเรื่องเครื่องนอน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการนอน มีประสบการณ์การตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอนยาวนานมากกว่า 10 ปี
ที่นอนยางพารา Emmas
-มีความยืดหยุ่น บอกลาอาการปวดตัว นอนหลับสบาย
-มาตราฐานสากลจากสหรัฐอเมริกา คุณภาดี ปลอดภัย
ที่นอนยางพารา Midas
-ยางพาราธรรมชาติผ่านขบวนการอัดแน่นพิเศษ
-ลดอาการปวดหลังจากแรงกดทับของการนอน
ที่นอนยางพารา Bedisupreme
-ป้องกันไรฝุ่น ไม่อับชื้น ระบายอากาศได้ดี
-มีความแข็งแรง ทนทาน ช่วยปรับสมดุลการนอน
ที่นอนยางพารา Siam Latex
-ระบายอากาศได้ดีกว่ารุ่น Original ถึง 33%
-ขนย้ายสะดวก สามารถม้วน พับ เก็บได้
ที่นอนยางพารา Thames
-ไร้ขอบ นุ่ม นอนหลับสบาย มีความยืดหยุ่น
-ทนทาน แข็งแรง อายุการใช้งานได้ยาวนาน
ที่นอนยางพารา Tigerpillow
-ไม่สะสมความชื่น ที่นอนมีรูระบายอากาศ
-มีความยืดหยุ่น รับแรงกระแทกได้ดี
-รองรับสรีระของร่างกายได้ดี
ที่นอนยางพารา HomeBest Product
-สามารถพับ เก็บ ได้ น้ำหนักเบา ไม่ยุบตัว
-พกพาสะดวก ง่ายต่อการเคลื่อนย้าย
-ซักทำความสะอาดง่าย แห้งเร็ว
ที่นอนยางพารา VERZA LATEX
-นอนสบายไม่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
-มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการใช้งาน
-วัสดุทำมาจากยางพาราแท้ 100% ฉีดขึ้นรูป
-ผลิตจากโรงงานที่มีมาตราฐาน ผ่านการรับรอง
ที่นอนยางพารา SleepHappy
-สัมผัสนุ่มนวล ไม่หยาบแข็งกระด้าง
-มีความยืดหยุ่นตามสรีระของร่างกาย
-ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น และการสะสมของเชื้อรา
ที่นอนยางพารา NOOZ
-ป้องกันไร้ฝุ่น น้ำหนักเบา ยกง่าย ผู้หญิงคนเดียวก็ยกได้
-บรรเทาอาการปวดหลัง กระจายแรงกดทับำด้เป็นอย่างดี