ชี้เป้า 10 ครีมบำรุงผิวหน้า ยี่ห้อไหนดี 2024 แนะนำ เข้มข้น ผิวหน้าดี

ครีมบำรุงผิวหน้า คืออะไร

คือ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ หรือครีมที่ช่วยในการบำรุง, เพิ่มความชุ่มชื้น และฟื้นฟูให้ผิวหน้าให้มีสุขภาพดี โดยเฉพาะสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือผิวมัน ก็สามารถใช้ได้ รวมถึงครีมบำรุงหน้า หรือ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น ยังมีทำออกมามีหลากหลายเนื้อครีม ซึ่งในการใช้งานก็มีความเหมาะสมในแต่ละผิวหน้า

คุณสมบัติของครีมบำรุงผิวหน้าที่ดี

เข้มข้น

เนื้อครีมเข้มข้น หรือ ครีมบำรุงหน้าที่เน้นน้ำมันเป็นส่วนประกอบ และเหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง หรือผิวหน้าที่เน้นการฟื้นฟูเป็นพิเศษ ซึ่งครีมกลุ่มที่เน้นความเข้มข้นเป็นพิเศษนั้น จะเห็นผลเร็ว ช่วยให้ผิวมีความเนียนนุ่ม และไม่มีขุยลอกเกิดขึ้น

ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

หากเป็นผู้ที่มีผิวมัน, ผิวผสม หรือผิวที่แพ้ง่าย ควรที่จะเลือกเนื้อครีมบำรุงในลักษณะการซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้เร็ว และไม่ทิ้งคราบความมันเหลือบนผิวหน้า อย่างเช่นเนื้อครีมบำรุงในรูปแบบของเนื้อเจล, เนื้อเอสเซนส์ เป็นต้น โดยเฉพาะเนื้อเจล ที่ส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่เน้นในการทาก่อนนอน จะมีการทำออกมาเป็นเนื้อเจล เพื่อตอบโจทย์กับผู้ใช้ที่ต้องการครีมบำรุงที่ไม่เหนอะหนะ

ช่วยบำรุงผิวนุ่มชุ่มชื่น

ผิวหน้าที่มีสุขภาพที่ดีนั้น ควรที่จะมีความยืดหยุ่นและความอิ่มน้ำ ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าของเราไม่มีริ้วรอยความเหี่ยวย่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของกรดไฮยาลูโรนิค และเซราไมด์ ที่เน้นในการเติมน้ำเข้าสู่ชั้นในของผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า

ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส

ผู้หญิงทุกคนมีความต้องการที่จะให้ผิวหน้ามีความขาว และกระจ่างใส ซึ่งส่วนประกอบที่สำคัญ ที่มีคุณสมบัติในการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหน้า และลดจุดด่างดำพร้อมกัน อย่างเช่น กรด AHA หรือ Alpha Hydroxy Acids และเรตินอล

ผิวมัน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้

ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผู้ที่มีผิวมัน ควรเน้นตัวครีมบำรุงหน้า ที่มีลักษณะที่เป็นเนื้อเจล หรือเนื้อเอสเซนส์ในการบำรุงผิวหน้าจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิวหน้าแล้ว ยังสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดี ไม่ก่อให้เกิดผื่นหรืออาการระคายเคืองใดๆ กับผิวหน้า ส่วนประกอบที่ควรเน้นในการเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์เลยก็คือ กรดไฮยาลูโรนิค และลาโนลิน ที่เน้นสำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ไม่มีการเกิดสารก่อการระคายเคืองใดๆ อย่างแน่นอน

ซึ่งสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายนั้น ในการเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมกระชับรูขุมขน , ครีมลดริ้วรอย , เซรั่มเกาหลี , คลีนซิ่งออย , ครีมกันแดดผู้หญิง , มาร์คใต้ตา , ครีมรกแกะ , เจลว่านหางจระเข้ , คอลลาเจน , น้ำแร่ฉีดหน้า นั้นก็ควรที่จะเน้นการอ่านรายละเอียด ของส่วนประกอบที่ไม่ควรเติมแต่งแอลกอฮอล์ หรือสารเติมแต่งกลิ่นร่วมด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มักจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหน้า

ลดรอยสิว

ปัญหาที่มักจะเจอกับเราอยู่เป็นประจำคือ หลังจากที่สิวหายแล้ว มักเกิดเป็นรอยสิวที่เป็นสีแดงคล้ำ หรือเป็นจุดสีดำ ซึ่งเป็นผลมาจากการโดนความร้อนจากแสงแดด และเม็ดสีเมลานินสร้างให้เกิดรอยสิวที่เป็นสีคล้ำ ส่วนประกอบที่เป็นอาร์บูตินสามารถที่จะช่วยปัญหาตรงนี้ได้ ทั้งการยับยั้งการสร้างเม็ดสีในเวลาที่ผิวหน้าเราโดนแดด อีกทั้งยังลดปัญหาที่จะเกิดฝ้า และกระตามมาอีกด้วย

ขั้นตอนการบำรุงผิวหน้า

เตรียมหน้าก่อนการลงครีมบำรุงผิวหน้า

ขั้นตอนที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กับการเลือกพิจารณาเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์บำรุงผิวหน้าตัวไหนดี ก็คือ  การทำความสะอาดและล้างหน้า เพราะไม่ว่าครีมบำรุงหน้าจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้าไปบำรุงได้ หากผิวหน้าเรายังมีสิ่งสกปรกไปอุดตันด้านในอยู่ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แต่งหน้ามาตลอดทั้งวัน หรือผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าเลยก็ตาม จำเป็นที่จะต้องใช้คลีนซิ่งเช็ดหน้าก่อนที่จะทำการล้างหน้า

ซึ่งตัวคลีนซิ่งในวันนี้ก็จะมีทั้งคลีนซิ่งแบบน้ำ หรือ Cleansing Water และ คลีนซิ่งแบบน้ำมัน หรือCleansing Oil ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของเราร่วมด้วย อย่างเช่น หากเรามีผิวหน้าแห้ง ก็ควรเลือกในแบบ Cleansing Oil หรือหากเรามีผิวมัน ก็ควรที่จะเลือกในแบบ Cleansing Water ที่จะให้ความบางเบาในการเช็ดล้างมากกว่า เมื่อเช็ดสิ่งสกปรกทั้งเครื่องสำอาง และคราบสิ่งสกปรกตลอดทั้งวันออกจากใบหน้าหมดแล้ว จึงค่อยไปล้างหน้า

การลง ครีมบำรุงผิวหน้า

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการบำรุงผิวหน้าคือ หลังการล้างหน้าและเช็ดหน้าให้แห้ง ซึ่งจะดีมากหากเราใช้โทนเนอร์ ในการเตรียมสภาพผิวหน้า เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน หรือเตรียมพร้อมที่จะรับเอาครีมบำรุงในรูปแบบต่างๆ เข้าสู่ชั้นในของผิวหน้า อีกทั้งโทนเนอร์ยังเป็นตัวปรับผิวหน้าของเรา ให้มีสภาพความเป็นกลาง หรือมีค่า ph ที่ไม่เป็นกรดหรือด่างจนเกินไป

การเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้านั้น เราควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของเรา เพราะครีมบำรุงหน้า หรือผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น มีการแยกย่อยออกเป็นลักษณะตามเนื้อครีมต่างๆ แต่โดยหลักๆ แล้วนั้น จะเน้นในเรื่องของการช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้มีสุขภาพผิวที่ดี, ช่วยปรับความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า และเพิ่มความเนียนนุ่มให้ผิวในแบบต่อเนื่อง ซึ่งเราสามารถพิจารณาจากลักษณะของเนื้อครีมควบคู่ไปกับ สภาพผิวหน้าของเราได้ คือ

เนื้อครีม

ลักษณะของเนื้อครีมจะมีความเป็นน้ำมันอยู่มาก ซึ่งต้องบอกว่าเหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวที่ขาดการบำรุงและโดนแสงแดดทำลาย จนอาจจเกิดทั้งริ้วรอย, ผิวที่เหี่ยวย่น หรือผิวที่ไม่มีความชุ่มชื่น ที่เรามักจะเห็นในรูปแบบของผิวขาดความยืดหยุ่น หรือขาดอิลาสตินภายในผิว ซึ่งเนื้อในลักษณะครีมนี้ จะไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

เนื้ออิมัลชั่น

ลักษณะเนื้ออิลมัลชั่นจะเป็นการผสมผสานระหว่างเนื้อครีม และเนื้อเจลที่มีทั้งความข้นแต่ไม่ข้นเท่ากับเนื้อครีมบำรุงผิวหน้าที่เป็นกระปุก ช่วยเพิ่มทั้งความชุ่มชื้นและปรับผิวให้มีความเนียนนุ่ม ผู้ที่เหมาะในการใช้เนื้อครีมบำรุงแบบอิมัลชั่น เป็นผู้ที่ผิวแห้ง หรือผิวธรรมดา

เนื้อเซรั่ม

ด้วยความที่เนื้ออณูของสกินแคร์รูปแบบนี้นั้น มีส่วนผสมของทั้งน้ำและน้ำมัน เราจึงได้ทั้งความเข้มข้นของเนื้อเซรั่มไปพร้อมๆ กับการซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีกว่าเนื้อครีมทั่วไป ผู้ที่มีทั้งผิวหน้าผสมและผิวหน้าแห้ง สามารถที่จะใช้เซรั่มเป็นครีมบำรุงหน้าได้

เนื้อเจล

เนื้อสัมผัสของครีมบำรุงที่เป็นเจลนั้น จะมีความบางเบา หรือเป็นลักษณะของ Water Based Skin Care  ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่เน้นทำเนื้อเจลจะเป็นการทาในช่วงเวลาก่อนนอน เพื่อให้เข้าไปฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าในช่วงที่เรานอนหลับ และไม่สร้างความมันเหนอะหนะบนผิวหน้า แต่เนื้อเจลจะซึมเข้าด้านในผิวหน้า และเก็บความชุ่มชื่นตลอดทั้งคืน เพื่อให้ตื่นเช้ามาด้วยใบหน้าที่กระจ่างใส และอิ่มน้ำ

เนื้อเอสเซนส์

คุณสมบัติที่มีเนื้อบางเบา สามารถซึบเข้าสู่ผิวหน้าได้ทันทีที่ทา เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้ามัน หรือผิวแพ้ง่าย รวมถึงผู้ที่มีสิวขึ้นง่าย ก็สามารถใช้ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่า จะเกิดผี่นขึ้น หรือสิวอุดตัน เนื้อเอสเซนส์นี้เราอาจจะเรียกได้ว่า เป็น น้ำตบ เหมือนในปัจจุบันนี้ที่กำลังนิยมก็ได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยบำรุงผิวหน้าแล้ว ยังช่วยเติมความฉ่ำน้ำให้กับผิวหน้าได้อีก กับส่วนประกอบที่ส่วนใหญ่จะมีอยู่ในเอสเซนส์นี้ก็คือ กรดไฮยาลูโรนิค เพื่อช่วยเติมน้ำให้ชั้นด้านในผิวหน้า

วิธีเลือกซื้อ ครีมบำรุงผิวหน้า

สภาพผิว

สภาพผิวหน้าของเราแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ที่เราจะต้องเน้นครีมบำรุงที่มีการให้ทั้งความชุ่มชื้นและการฟื้นฟู ดังนั้นเนื้อครีมจึงต้องมีความมัน หรือเป็นในแบบ Oil Based หรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวมันก็ควรที่จะเน้น เนื้อครีมบำรุงผิวหน้า ในแบบให้ความบางเบาและสามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความมันเหลือไว้บนผิวหน้า ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดสิวได้

ส่วนประกอบ

ส่วนประกอบของสารต่างๆ ที่มีอยู่ในครีมบำรุง ก็มีส่วนสำคัญ ในการช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าของเราได้อย่างเฉพาะมากขึ้น อย่างเช่น ผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผู้ที่มีอายุเกิน 40 ปี การเลือกครีมบำรุงที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน, อิลาสติน หรือเซราไมด์ร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น, ลดริ้วรอย และเติมน้ำเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหน้า

ช่วงวัย

ในส่วนเพิ่มเติมนอกจากสารที่ประกอบในตัวครีมบำรุงผิวหน้าแล้วนั้น เราควรที่จะเน้นพิจารณาดูในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวนั้นๆ ด้วยว่า ตอบโจทย์วัยที่เฉพาะหรือไม่ อย่างเช่น การลดเลือนริ้วรอยสำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือที่มีระบุว่า Anti Aging  เป็นต้น

สารประกอบที่ควรหลีกเลี่ยง

สิ่งที่เราควรจะอ่านในรายละเอียดของส่วนประกอบ ที่มีในผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงหน้า ก็คือสารที่อาจก่อให้เกิดอาการคัน, ระคายเคือง, ขึ้นผื่น หรือสิวอุดตัน หลังจากการใช้ โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหน้าไวต่อสารสังเคราะห์เหล่านี้ อย่างเช่น ส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ และพาราเบน ที่ไม่ควรมีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์สกินแคร์เกิน 0.25% เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้

ลักษณะเนื้อครีมบำรุง

เนื้อของครีมบำรุงหน้านั้น มีตั้งแต่เป็นเนื้อครีมแบบกระปุก ที่มีความเข้มข้นในแบบที่เราคุ้นเคยกันดี และยังมีเนื้อครีมบำรุงผิวหน้าอีกหลายเนื้อสัมผัส อย่างเช่น ครีมบำรุงหน้าเนื้อเจล, เนื้อเซรั่ม, เนื้ออิมัลชั่น, และเนื้อเอสเซนส์ ซึ่งในแต่ละลักษณะก็มีความเข้มข้นในเนื้อครีมบำรุงที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงการซึมเข้าสู่ผิวหน้าก็มีความแตกต่างกันร่วมด้วย 

การเลือกซื้อครีมบำรุงผิวหน้าให้ได้ของถูกและดี

• เล็งยี่ห้อครีมที่เราคิดว่าใช้แล้วดี แต่ราคายังเกินเอื้อมไว้ก่อน
• กดติดตามช่องทางติดต่อของครีมยี่ห้อนั้นๆ
• รอเวลาโปรโมชั่นสำคัญๆจากแบรนด์นั้นๆ เช่น จากวันสำคัญ 7.7 หรือ 9.9 11.11 เป็นต้น หรือรอจากวันสำคัญๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ ซึ่งยี่ห้อครีมต่างๆมักไม่พลาดในการให้โปรลด หรือโปรแจกหนักๆ
• ถ้าคิดว่าโปรนั้นดีมากๆแล้วก็ให้สอยมาเลย แต่ถ้าคิดว่ายังลดหนักไม่พอให้รอโอกาสต่อๆไปรับรองว่ามีแน่ๆ ให้ใจเย็นๆ

คำถามที่พบบ่อยของ ครีมบำรุงผิวหน้า

มอยเจอไรซ์เซอร์ มีแบบไหนกันบ้าง

รูปแบบของการเพิ่มความชุ่มชื่นบนผิวหน้า พร้อมกับความเนียนนุ่มของสกินแคร์ที่เรียกว่า มอยเจอไรซ์เซอร์นั้นหากเรามาดูที่คุณสมบัติการทำงาน หรือคุณลักษณะภายหลังจากการทา เราจะเห็นได้ว่า ให้การดูแลและฟื้นฟูผิวหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งเราจะแยกออกมาได้ 3 รูปแบบ คือ

รูปแบบเคลือบผิวด้านนอก หรือ Occlusives

รูปแบบการเคลือบผิวนี้ เราเปรียบเสมือนฟิล์มที่ช่วยป้องกันผิว ไม่ให้โดนสิ่งแวดล้อมภายนอกทำลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร้อนจากแสงแดด หรือแสงจากไฟนีออนก็ตาม เรามักจะเห็นได้จากส่วนประกอบของมอยเจอไรซ์เซอร์ที่เป็น ลาโนลิน, น้ำมันมะกอก และปิโตรลาทัม ที่เหมือนช่วยดูแลและให้ความชุ่มชื่นกับชั้นผิวหนังด้านนอก

รูปแบบเป็นสารไขมันที่ดูดซึมได้ หรือ Emoillients

รูปแบบสารไขมันที่สามารถซึมเข้าบำรุงผิว เหมาะกับผิวที่ขาดการบำรุง, ผิวแห้ง หรือผิวที่โดนความร้อนจากแสงแดดทำลาย ช่วยทั้งในเรื่องการฟื้นฟูผิว และเพิ่มความเนียนนุ่มให้กับผิว อย่างเช่น คลอลาเจน หรือ เซียบัตเตอร์ เป็นต้น และผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง เหมาะกับมอยเจอไรซ์เจอร์ในรูปแบบนี้มากที่สุด

รูปแบบสารดูดซับน้ำ หรือ Humectants

เน้นการทำงานที่ดูดซับน้ำจากชั้นผิวหน้ากำพร้า เพื่อเติมความชุ่มชื่นขึ้นสู่ผิวหนัง หรือผิวหน้าชั้นนอกสุด ด้วยการทำงานของกลุ่มสารประกอบ ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ไม่ว่าจเป็น กรดไฮยาลูโรนิค, กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือกลีเซอรีน เป็นต้น สารเหล่านี้มีคุณสมบัติเด่นคือ การดูดซับน้ำ และกระจายความชุ่มชื่นขึ้นสู่ชั้นผิวหนังชั้นนอกสุด

อย่างที่เรามักจะเห็นว่า ผิวหน้าที่มีสุขภาพดีฉ่ำน้ำนั่นเอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง, ผิวมัน, ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย ก็ควรที่จะใช้ผลิตภัณฑ์มอยเจอไรซ์เซอร์ในรูปแบบนี้ร่วมกัน สกินแคร์ครีมบำรุงผิวหน้าอื่นๆ ไปด้วย เพราะถือว่าเป็นการบำรุงในทุกๆ วันที่ขาดไม่ได้ ซึ่งเราสามารถเปรียบเทียบภาพผิวหน้าของเรา เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำในทุกๆ วัน โดยเฉพาะกับสภาพอากาศแวดล้อมที่มีทั้งแสงแดด และมลพิษทางอากาศ

มอยเจอรไรซ์เซอร์ทาตอนไหน

มอยเจอไรซ์เซอร์ก็คือสกินแคร์ตัวหนึ่ง ในกลุ่มบำรุงผิวหน้าทั้งหมด ซึ่งมีหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้น, ฟื้นฟูผิวให้มีความเนียนนุ่ม รวมถึงยังสามารถช่วยในเรื่องความกระจ่างใส และให้ผิวหน้าดูมีความฉ่ำน้ำได้ ดังนั้นก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนของการทามอยเจอไรซ์เซอร์นั้น เราควรมาดูกันก่อนว่า ผิวหน้าของเรามีลักษณะเป็นแบบไหน เพื่อที่จะเลือกมอยเจอไรซ์เจอร์ได้เหมาะสมกับผิวหน้าของเราทุกคน

ผิวมัน, ผิวแพ้ง่าย และผิวเป็นสิวง่าย

สิ่งหนึ่งที่ผู้มีผิวแพ้ง่าย, ผิวมัน และผิวที่เป็นสิวได้ง่าย ควรจะใส่ใจก็คือ การเลือกเครื่อสำอางในกลุ่มสกินแคร์ ที่ควรเน้นเรื่องสารสังเคราะห์ทั้งหลาย ที่เติมแต่งในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ โดยเฉพาะตัวครีมบำรุงผิวหน้านี้ เพราะมีส่วนทำให้เกิดผิวหน้าขึ้นผื่น, หรือเกิดสิวอุดตันได้ง่าย อย่างเช่นกลุ่มสารในกลุ่มพาราเบน ที่เราสามารถสังเกตได้ว่า ชื่อในส่วนผสมของสกินแคร์บางตัว จะมีต่อท้าย Paraben ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสริมก่อให้เกิดการระคายเคือง

โดยเฉพาะหากผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จะได้รับผลข้างเคียงต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารตัวนี้ผสมอยู่ หรือส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์ หรือสารเติมแต่งกลิ่นทั้งหลาย ซึ่งไม่เพียงแต่ทำร้ายผิวแพ้ง่ายเท่านั้น แต่ยังผลมาให้กับผู้ที่มีผิวมัน และผิวที่เป็นสิวง่ายร่วมด้วย การเลือกใช้ของคนกลุ่มผิวแพ้ง่าย, ผิวมัน และผิวเป็นสิวง่าย

นอกจากจะหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้แล้ว ควรเลือกเนื้อครีมของมอยเจอไรซ์เซอร์ ที่เน้นความบางเบาเพื่อเพิ่มความเนียนนุ่ม และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าร่วมด้วย อย่างเช่น เนื้อเจล หรือมอยเจอไรซ์เซอร์ในแบบเอสเซนส์ ที่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้เร็ว และช่วยเพิ่มความความสดชื่นให้กับผิว โดยทั้ง 2 แบบนี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักที่สำคัญ  ไม่เกิดปัญหาสิวอุดตัน และสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และผิวมันร่วมด้วย

ผิวธรรมดา

ด้วยความที่เป็นผิวธรรมดานั้น เราควรจะเลือกเนื้อครีมบำรุงผิวหน้า ที่มีคุณสมบัติที่สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวหน้าได้ง่าย และมีเนื้อครีมที่บางเบา อย่างเช่น ส่วนประกอบของมอยเจอไรซ์เซอร์ ที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก หรือ Water Based Moisturizer ซึ่งได้แก่มอยเจอไรซ์เซอร์แบบเจล หรือมอยเจอไรซ์เซอร์แบบเอสเซนส์ เป็นต้น

ซี่งหลายคนคิดว่า การที่มีผิวธรรมดาคือ ผิวที่สามารถใช้รูปแบบของมอยเจอไรซ์เซอร์ หรือเนื้อครีมที่มีความเข้มข้น และมันเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งนั่นอาจจะนำปัญหามาสู่ผิวหน้าของเราอย่างคาดไม่ถึง หากมีการใช้ครีมที่มีความมัน หรือเข้มข้นที่สูง และไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย หรือ Oil Based Moisturizer ซึ่งเราสามารถเลือกใช้เนื้อครีม ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันได้ แต่ควรจะพิจารณาผิวหน้าเป็นส่วนๆ ไป อย่างเช่น แก้ม, ร่องปาก หรือหน้าผาก เป็นต้น

ผิวแห้ง

ปัญหาของผู้ที่มีผิวแห้งนั้น นอกจากจะทำให้เกิดความรำคาญใจในเวลาแต่งหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทาแป้งไม่ติด และเกิดขุยขึ้นทั้งก่อนแต่งหน้าและหลังแต่งหน้า ซึ่งเป็นปัญหาจุดหนึ่งที่จะทำให้ การแต่งหน้าไม่สมดุล และดูไม่เนียนเรียบ อีกทั้งยังทำให้เป็นสาเหตุของผิวแตกและเกิดความระคายเคือง ซึ่งหากผิวหน้าแห้งมาก ก็จะเกิดอาการคันตามมา

ดังนั้นการเลือกมอยเจอไรซ์เซอร์นั้น ควรที่จะเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่เน้นในส่วนประกอบของน้ำมันเป็นหลัก หรือ Oil Based Moisturizer อย่างเช่น มอยเจอไรซ์เซอร์แบบครีม หรือเนื้อเซรั่มที่มีความเข้มข้น และส่วนผสมของน้ำและน้ำมัน ที่นอกจากจะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง ยังช่วยให้ในเรื่องการแต่งหน้า ที่เนียนเรียบ และไม่เกิดรอยแยกระหว่างเครื่องสำอาง และผิวหน้าระหว่างวันอีกด้วย

ผิวผสม

เรารู้กันว่าผู้ที่มีผิวผสมนั้น จะมีความสัมพันธ์กับT Zone หรือส่วนที่มีความมันมากเป็นพิเศษ คือหน้าผากลงมาตรงแนวยาวจมูกและจบที่คาง ส่วนอื่นๆ บนใบหน้า อย่างเช่น แก้ม จะเป็นผิวที่มีความแห้ง ดังนั้นการเลือกครีมบำรุงผิวหน้า ที่มีระบุไว้สำหรับผู้ที่มีผิวผสม หรือเราสามารถใช้มอยเจอไรซ์เซอร์ในแบบเนื้อเจล ที่มีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถบำรุงผิวหน้าได้ทั้งส่วนที่เป็นผิวมัน และผิวแห้งพร้อมกันทีเดียว

เมื่อแน่ใจแล้วว่าเรามีผิวหน้าในแบบไหน การทามอยเจอไรซ์เซอร์นั้นควรเน้นในช่วงที่ผิวหน้าเราเปิดรูขุมขน ที่สำคัญต้องมีการทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว คือ ควรทาหลังล้างหน้าเสร็จ หรือเมื่อล้างหน้าเสร็จแล้ว อาจจะเช็ดโทนเนอร์ก่อน เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน ซี่งถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการใช้มอยเจอไรซ์เซอร์

คนหน้าแห้งใช้ครีมอะไรดี

คนที่มีผิวหน้าแห้งนั้น จะมีสภาพผิวหน้าที่ไม่มีความชุ่มชื้น รวมถึงสภาพผิวที่มีการระคายเคืองได้ง่าย และในบางคนผิวจะเป็นขุยและลอก ซึ่งการเลือกครีมทาหน้า ควรเน้นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เน้น ส่วนประกอบหลักที่เป็นน้ำมัน หรือ Oil Based Skin Care เป็นอันดับแรก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นเข้าสู่ผิวหน้า และฟื้นฟูผิวให้มีควานเนียนนุ่ม สามารถเลือกได้ทั้งเนื้อครีม ที่เน้นส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมัน แต่อาจจะมีลักษณะการซึมเข้าสู่ผิวหน้าที่ช้า

การเลือกครีมบำรุงผิวหน้าเนื้อเซรั่ม หรืออิมัลชั่นนั้นเป็นทางเลือกถัดมา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเนื้อครีม ที่มีความเข้มข้นมากจนเกินไป และการซึมเข้าสู่ผิวหน้าได้ช้า ซึ่งทั้งเซรั่มและอิมัลชั่น มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันผสมกับน้ำ ทำให้นอกจากเราจะได้ความเข้มข้นจากเนื้อครีมบำรุงในรูปแบบนี้แล้ว ยังช่วยให้ซึมเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหน้าได้เร็วกว่า

ที่สำคัญคือ หากเป็นเนื้อเซรั่มนอกจากความเข้มข้นในตัวเนื้อครีมแล้วนั้น ยังสามารถซึมเข้าบำรุงผิวหน้าได้ล้ำลึก ด้วยคุณสมบัติเด่นคือ มีอณูขนาดเล็กและยังมีเนื้อบางเบา ที่สามารถแห้งเป็นเนื้อเดียวกับผิวหน้าทันทีที่ทา สรุปคือผู้ที่มีผิวแห้งนั้น สามารถที่จะใช้ได้ทั้งแบบครีม, เซรั่ม   และอิมัลชั่นนั้น เพราะเป็นครีมบำรุงที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก หรือ Oil Based Skin Care ทั้ง 3 รูปแบบ

เรียงลำดับการลง Skin care ครีมบำรุงผิวหน้า ทุกประเภทแบบจัดเต็ม

สรุป

ผิวหน้าของเราแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน อีกทั้งเราในแต่ละคนยังมีปัญหาผิวหน้าที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้นความจำเป็นที่ในวันนี้เราควรที่จะเลือกครีมบำรุงผิวหน้า ที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวหน้า และยังสามารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าของเราให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งมีหลากหลายตัวเลือก ไม่ว่าจะเป็นสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน หรือผิวแพ้ง่ายก็มีให้เลือกใช้ เพราะผิวหน้าที่ดี เกิดขึ้นได้จากการใส่ใจและบำรุงรักษา

• Facebook
• X
• Line