เครื่องซักผ้า คืออะไร
คือ เครื่องที่ใช้ในการทำความสะอาดเสื้อผ้าด้วยวิธีการซัก โดยมีทั้งขั้นตอนการซักน้ำยาและซักล้างน้ำ รวมถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ การปั่นผ้าให้แห้ง มีหลากหลายประเภท ซึ่งเราสามารถเรียกได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Clothes Washer, Laundry Machine, Washer หรือที่เรามักจะเห็นกันก็คือ Washing Machine ก็ตาม
ซึ่งเดี๋ยวนี้เครื่อง Washing Machine นั้นมีการผลิตให้มีเทคโนโลยีในการซัก ที่ล้ำหน้าและช่วยทั้งอำนวยความสะดวก รวมถึงการประหยัดเวลาได้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เรามีเวลาเหลือในการทำอย่างอื่นได้ พร้อมกับการได้เสื้อผ้าที่หอม และสะอาดใส่ได้ในทุกๆ วัน สามารถใช้ได้ทั้งกับน้ำยาซักแห้ง, ผงซักฟอกที่ใช้กับเครื่องซักผ้า และน้ำยาซักผ้า
เครื่องซักผ้าวิวัฒนาการ มาจากอะไร
หากเรามองมาในสมัยนี้นั้น เราจะรับรู้ได้ว่าเครื่อง washing machine ช่วยในงานซักผ้าของเรา ให้มีความสะดวกสบายได้มากทีเดียว แต่หากเรามองย้อนกลับไปในอดีต หรือก่อนที่จะมีการคิดค้นและผลิตเครื่องซักผ้า การซักผ้าถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก และเป็นงานที่ต้องใช้แรง อีกทั้งยังใช้เวลาซักผ้าเป็นเวลานานอีกด้วย
เมื่อในอดีตนั้นการซักผ้ายังต้องใช้วิธี การตีผ้าเพื่อขจัดคราบสกปรกออกไป เหมือนกับการที่เราใช้แปรงซักผ้า เพื่อให้คราบสกปรกนั้นจางหายไปนั่นเอง รวมถึงการนำเสื้อผ้าล้างด้วยน้ำสะอาด จนถึงขั้นตอนสุดท้ายคือ การตาก ทั้งหมดนี้ยังไม่สามารถทำการซักล้างภายในตัวบ้านได้ การซักผ้ามีความนิยมทำกันนอกบ้าน หรือก่อนที่จะมีการวางปั๊มน้ำใช้ภายในตัวบ้าน
การใช้ระบบการปั๊มน้ำภายนอกตัวบ้าน จึงเป็นวิธีแรกๆ ในการเชื่อมต่อกับตัวถังซักผ้าในอดีต ตัวถังซักมีลักษณะคล้ายถังวางแนวนอน มีระบบการหมุนถังด้วยมือ หรือก่อนหน้านั้นจะเป็นถังไม้แนวตั้ง ที่มีตัวด้ามที่ใช้มือจับกดลงตัวถัง เพื่อเป็นการขจัดคราบบนเสื้อผ้า การซักผ้าที่เชื่อมกับการทำงานของตัวส่งน้ำนอกบ้านนั้น เพื่อนำน้ำเข้ามาในถังนี้ น้ำที่นำเข้าซักภายในถัง จะเป็นน้ำที่ร้อน เพื่อถือว่าเป็นการฆ่าเชื้อโรคไปด้วย
การทำงานของตัวเครื่องซักผ้าในปัจจุบันนี้ ที่มีการซักหมุนตัวถังด้านในเครื่องนั้น ก็มาจากการใช้มือหมุนถังในอดีต ที่จะมีด้ามที่ใช้มือจับสำหรับหมุนถัง ช่วยในการนำเอาคราบ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ออกไปจากเสื้อผ้า ถือว่าเป็นการช่วยให้ทั้งน้ำ, สบู่ที่ใช้ซักผ้า และตัวเสื้อผ้า มีการรวมตัวกันได้เป็นอย่างดี สำหรับในปัจจุบันนี้ที่เราเห็นการทำงาน ของตัวถังเครื่องหมุนไปพร้อมกับการขึ้นฟองของน้ำยาซักผ้า
ส่วนตัวของถังซักที่เริ่มมีการใช้ในอดีตนั้น จะเป็นวัสดุไม้หลังจากนั้น จึงมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นถังเหล็ก ที่สามารถรองรับน้ำในอุณหภูมิสูงๆ ที่ใช้ในการซักได้ เพื่อช่วยในการเก็บอุณหภูมิในการซัก เสื้อผ้าที่ซักในสมัยก่อน จึงเน้นในเรื่องทั้งการขจัดคราบให้สะอาด และรวมถึงการฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนจากน้ำ ในขั้นตอนการซักอีกด้วยทางหนี่ง
สิ่งที่ใช้เป็นตัวขจัดคราบเสื้อผ้าในอดีตนั้น ยังไม่มีทั้งตัวผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าเหมือนในปัจจุบันนี้ แต่เป็นการใช้สบู่ในการซักผ้า ซึ่งส่วนหลักๆ ได้จากไขมันจากสัตว์ การค่อยๆ พัฒนาจากระบบการหมุนถังด้วยมือ ก็ค่อยๆ มีการนำเอาเครื่องจักรมาติดตั้งที่ตัวถังไม้ ที่ทำให้ตัวถังหมุนในขณะที่ซักไปด้วย จนมาถึงปัจจุบันนี้ที่มีการทำงานด้วยเครื่องจักรอย่างสมบูรณ์
แต่กว่าที่เครื่องซักผ้า หรือ washing machine จะมีความรู้จักแพร่หลาย และมีความนิยมใช้กันทั่วโลกแบบนี้ สำหรับปีพ.ศ.2553 จากจำนวนประชากรทั่วโลก 7 พันล้านคน มีเพียงแค่ 5 พันล้านคนที่ยังใช้การซักผ้าด้วยมือกันอยู่ จนมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ ที่มีผลิตตัวเครื่องให้มีความหลากหลาย การที่ตัวเครื่องระบุว่า 10 กิโล หรือ 15 กิโลนั้น ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นที่นิยมเลือกใช้กันมากที่สุด เป็นการระบุตัวถึงจำนวนน้ำหนักเป็นกิโลกรัม สำหรับเสื้อผ้าที่ยังอยู่ในสภาพที่แห้งอยู่
เครื่องซักผ้า มีกี่แบบ
1.เครื่องฝาบน
เครื่องwashing machine ในแบบฝาบนนั้น จะมีคุณสมบัติพิเศษ ที่แตกต่างไปจากฝาหน้า โดยเฉพาะหากเป็นฝาบนอัตโนมัติด้วยแล้ว จะมีฟังค์ชั่นการใช้งานเสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวลาในการซัก, โหมดในการซักที่ถนอมเนื้อผ้ามากยิ่งขึ้น เป็นต้น สิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้จากเครื่องในแบบนี้ก็คือ การรองรับการซักผ้าได้ในปริมาณที่มาก, และมีความแรงในการซัก ซึ่งเป็นผลดีต่อการขจัดคราบ และการปั่น แต่ในทางกลับกัน ก็สามารถทำให้เนื้อผ้าเสื่อมสภาพได้เร็ว
ในการเลือกใช้งานเครื่องซักผ้าฝาบนนั้น ณ วันนี้ที่มีเทคโนโลยีในการซักผ้าที่ล้ำหน้า มีฟังค์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า การตั้งอุณหภูมิน้ำ หรือการตั้งเวลาได้เท่านั้น รวมถึงหลายระดับราคาให้เลือก ด้วยความที่เครื่องฝาบน มีทั้งแบบที่เป็นอัตโนมัติ และกึ่งอัตโนมัติในราคาที่ถูกกว่า เพื่อเป็นตัวเลือกให้เหมาะทั้งการใช้งาน และความคุ้มค่าในเรื่องราคาอีกด้วย
ฝาบนกึ่งอัตโนมัติ
การใช้งานที่จะต้องมีการตั้งโหมดสั่งงานหลายครั้งต่อการซัก 1 รอบ ไม่ว่าจะเป็นตั้งค่าการซักครั้งแรก หลังจากนั้นผู้ใช้งานต้องมาตั้งโหมดการล้างผ้าอีกรอบ เพื่อให้เครื่องดูดน้ำออก และใส่น้ำเข้าเครื่อง รวมถึงการปั่นให้แห้งเพื่อดูดน้ำออก ตัวเครื่องมีราคาที่ถูก แต่ในการใช้งานจริงนั้น จะมีความเสียเวลาในการซักผ้าเสร็จในแต่ละรอบ
ฝาบนอัตโนมัติ
ความสะดวกในการซักผ้าสำหรับเครื่องฝาบนอัตโนมัตินี้ เราไม่จำเป็นต้องมาสั่งงาน หรือตั้งโหมดสั่งงานหลายครั้ง เพียงกดเริ่มต้นการซัก เครื่องก็จะกำหนดระดับปริมาณน้ำ, จำนวนรอบการซัก และการล้างน้ำ และการปั่นให้เสร็จเรียบร้อย เราเพียงแค่ใส่น้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องที่แยกของตัวเครื่องเท่านั้น
หากเราต้องการที่จะปรับตั้งค่าการใช้งานเอง ก็สามารถที่จะทำได้ อย่างเช่น เสื้อผ้าที่ต้องเน้นการดูแลเป็นพิเศษ, การตั้งค่ารอบการล้างน้ำกี่รอบ หรือการกำหนดเวลาการปั่นนานแค่ไหน เป็นต้น รวมถึงในฟังค์ชั่นการทำงานของตัวเครื่องที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าอีกหลากหลาย ที่เหมาะกับทั้งคนทำงานที่ไม่มีเวลา และผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการใช้เครื่องซักผ้า
2.เครื่องฝาหน้า
เครื่องฝาหน้านั้นถือว่า เป็นอีกหนี่งตัวเลือกนอกเหนือจากเครื่องฝาบนแล้ว ที่นอกเหนือจากมีการใช้งานที่ง่าย และเน้นในเรื่องความสะดวกสบายในการซักผ้า ช่วยให้เราสามารถนำเวลาที่เหลือไปพักผ่อน หรือทำงานอย่างอื่นได้อีก อีกทั้งเครื่องฝาหน้านั้นยังมีคุณสมบัติในเรื่องการประหยัดน้ำ, การถนอมเนื้อผ้า และเกิดปัญหาการพันกันของผ้าน้อยกว่าแบบฝาบน
การสั่งงานในอดีตที่ยังคงต้องใช้การหมุน หรือการปรับตั้งค่าแบบบิดตัวหมุนอยู่ มาวันนี้ที่เน้นความง่าย, สะดวกในการใช้งาน และความสวยงามเหมาะกับตัวเครื่องมากขึ้น ด้วยการสั่งงานผ่านปุ่มกด, ปุ่มสัมผัส และหน้าจอดิจิตอล เพียงแต่ในการปิดประตูฝาหน้าเครื่องนั้น อาจจะต้องมีดูให้ดีว่า มีการปิดที่แน่นหรือไม่ เพราะหากปิดไม่แน่นแล้ว เครื่องก็จะไม่สามารถทำงานได้ เพื่อเป็นระบบป้องกันความปลอดภัยด้วยในตัว
3.เครื่องซักผ้าและอบผ้าในตัว
เป็นเครื่องที่นอกจากใช้ซักผ้าและอบผ้าได้ในเครื่องเดียวกัน หรือเหมือนเป็นการนำเอา home appliance ทั้ง 2 เครื่องอย่าง เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้ามารวมกัน ถือว่าเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย และประหยัดพื้นที่ๆ ใช้งานในการวางใช้งานร่วมด้วย เราสามารถที่จะอบผ้าได้ทันทีหลังจากที่ปั่นแล้ว
ขนาดของเครื่องซักผ้ามาตรฐาน มีกี่ขนาด
ในการซักผ้าแต่ละครั้งนั้น เราจะเห็นได้ว่ามีตัวปัจจัยในการเลือกซื้อตัวเครื่องว่า ควรจะเลือกขนาดตัวเครื่องเท่าไหร่ หรือกี่กิโล ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่ยอดนิยม และเป็นรุ่นน้ำหนักที่มีคนเลือกพิจารณาซื้อกันมากคือ 10 กิโล และ 15 กิโล เป็นต้น แต่จริงๆ แล้วเครื่อง washing machine ยังมีความจุน้ำหนักให้เลือกที่มากกว่านั้นอีก
หลายคนอาจจะสงสัยกันว่า การที่บอกว่าเครื่องซักผ้ารุ่นนั้นๆ กี่กิโลหมายถึงอะไร ซึ่งคำว่ากิโลนั้นไม่ได้หมายถึง น้ำหนักของตัวเครื่อง แต่หมายถึงน้ำหนักของตัวเสื้อผ้า ที่สามารถใส่ซักในเครื่องได้ อย่างเช่น เครื่อง 10 กิโล คือ เครื่องที่สามารถรองรับเสื้อผ้าที่อยู่ในสภาพที่แห้งปริมาณน้ำหนัก 10 กิโลนั้นเอง
รวมถึงอย่างที่เราเกริ่นไว้แล้วว่า การเลือกเครื่องน้ำหนักเท่าไหร่นั้น อาจจะต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นความถี่ในการซักผ้าต่ออาทิตย์, จำนวนสมาชิกในครอบครัว, ประเภทของผ้าที่นำมาซัก
รวมถึงเป็นเสื้อผ้าที่เน้นการทะนุถนอมเป็นพิเศษหรือไม่ เพราะทั้งหมดนี้นอกจากจะทำให้เราได้รู้ว่า เครื่องที่ใช้ในการซักผ้าที่เหมาะสมกับเรา ควรเป็นเครื่องน้ำหนักกี่กิโลแล้ว ยังรวมไปถึงประเภทที่เหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย
ซึ่งหากเป็นขนาดที่มีความจุมากกว่า 10 กิโล หรือ 15 กิโล ความสามารถในการใส่จำนวนผ้าที่มากชิ้น หรือเป็นผ้าที่มีขนาดที่ใหญ่ก็จะมีมากกว่า เครื่องที่รองรับน้ำหนักได้น้อยกิโลกว่า รวมถึงเครื่องซักผ้ายังเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวอื่นๆ อย่างเช่น เครื่องซักผ้าฝาหน้า , เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว , เครื่องฟอกอากาศ , แอร์เคลื่อนที่ , ตู้เย็น 5 คิว , ไมโครเวฟ , ไฟฉุกเฉิน , รางปลั๊กไฟ , พัดลมไอเย็น , เครื่องรีดผ้าไอน้ำ ที่ช่วยในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานอย่างมาก
- ขนาดความจุ 5-7 กิโล
- ขนาดความจุ 7-9 กืโล
- ขนาดความจุ 10 กิโลขึ้นไป
วิธีใช้เครื่องซักผ้า
นอกจากการที่เราจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีการใช้งานตัวเครื่อง washing machine แล้วนั้น ในการกะปริมาณผ้าสำหรับการซักแต่ละรอบนั้น ก็มีความสำคัญต่อความสะอาดของเสื้อผ้าครั้งนั้นๆ ด้วย เราไม่ควรที่จะใส่ผ้าเกินครึ่งของถังซัก ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จาก ประตูฝาหน้าของตัวเครื่อง โดยที่ระดับผ้าไม่ควรเกินครึ่งของประตูฝาหน้าเครื่อง ในกรณีเครื่องฝาบนก็ไม่ควรเกินครึ่ง ของถังซักด้านใน เพราะการเหลือเนื้อที่ให้กับถังซัก เป็นข้อดีในการซัก, ล้างน้ำ และปั่นแห้ง
เครื่องซักผ้าฝาบนอัตโนมัติ
1.ใส่เสื้อผ้าที่ต้องการซักลงเครื่อง เน้นการกะปริมาณเสื้อที่ซักไม่ควรเกินครึ่งของถังซัก
2.ใส่น้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่มลงในช่องที่แยกประเภทน้ำยาไว้ให้
3.ตั้งโหมดอัตโนมัติ หรือตั้งการซักเฉพาะ อย่างเช่น การซักผ้าแบบถนอมเนื้อผ้า เป็นต้น
4.เราสามารถที่จะตั้งเวลาการซักผ้าได้เอง หรือปรับการล้างน้ำกี่รอบได้เอง
5.หากต้องการให้ผ้าแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มนานกว่าปกติ สามารถตั้งโหมดซักและล้างน้ำเท่านั้น หลังจากนั้นเราสามารถ ที่จะมากดปั่นได้เอง
เครื่องซักผ้าฝาบนกึ่งอัตโนมัติ
1.นำเสื้อผ้าใส่ลงเครื่อง ใส่ผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้า จากนั้นกดปุ่มเริ่มต้นการซัก เครื่องจะทำการนำน้ำเข้าตัวเครื่อง และเข้าสู่ขั้นตอนการซักผ้า
2.เมื่อต้องการล้างน้ำ เราต้องมาตั้งเป็นโหมดล้างน้ำอีกรอบ เพื่อให้เครื่องนำน้ำด้านในออก รวมถึงขั้นตอนนี้เราสามารถที่จะใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มได้เลย
3.ตั้งโหมดในการปั่นผ้าอีกครั้ง เมื่อมีการล้างน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับกรณีเครื่องซักผ้าฝาบนขนาดมินิ, พกพา หรือขนาดเล็กมากๆ นั้น การปั่นจะมีความลำบากมาก เพราะในบางครั้ง สามารถปั่นผ้าได้เพียงแค่ 2-3 ตัวเท่านั้น หรือถ้าต้องการปั่นให้แห้ง ปั่นได้แค่เพียงแค่ครั้งละตัว
เครื่องซักผ้าฝาหน้าอัตโนมัติ
1.เมื่อใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องเรียบร้อยแล้ว ควรที่จะปิดฝาหน้าให้แน่น จากนั้นใส่น้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่ช่องแยกใส่ให้
2.ตั้งการซัก, การล้างน้ำ และการปั่นแบบอัตโนมัติได้ในขั้นตอนเดียว โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาตั้งค่าโหมดใช้งานอีกครั้ง โดยเราสามารถตั้งค่าปรับอุณหภูมิของตัวน้ำได้อีกด้วย
3.ในบางรุ่นสามารถที่จะตั้งค่า ให้มีการซักแบบถนอมเนื้อผ้าและการล้างน้ำกี่รอบ รวมถึงการปั่นผ้าในแบบที่แห้งมากน้อยที่แตกต่างกัน
เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว
1.การใช้งานเหมือนเครื่องซักฝาหน้าอัตโนมัติ ที่เราสามารถตั้งค่าอัตโนมัติในการซัก, ล้างหน้า และปั่นได้ในครั้งแรก
2.เมื่อมีการปั่นผ้าจนแห้งหมาดแล้วนั้น เราสามารถกดสั่งงานให้เครื่องอบผ้าต่อได้ทันที
วิธีเลือกซื้อเครื่องซักผ้า
1.ประเภท
ไม่ว่าจะเป็นแบบฝาหน้า, ฝาบนในแบบอัตโนมัติ หรือกึ่งอัตโนมัติ หรือแม้แต่เครื่องที่มีทั้งการซักผ้าและอบผ้าได้ในตัวนั้น ปัจจัยต่างๆ ที่จะช่วยให้เรารู้ได้ว่าประเภทของเครื่องแบบไหน ที่เหมาะกับการใช้งาน
อย่างเช่น หากเรามีเสื้อผ้าใส่ทำงาน ที่เนื้อผ้าต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ การเลือกใช้เครื่องแบบฝาหน้าก็จะเป็นการเหมาะสมกว่า หรือหากครอบครัวใหญ่ มีผ้าที่ต้องซักในปริมาณมากต่อครั้ง การเลือกซื้อเครื่องฝาบนอัตโนมัติ ก็จะช่วยรองรับจำนวนเสื้อผ้าได้มากกว่า
2.ขนาด
เราอาจจะไม่เพียงแค่ดูปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องซักต่อครั้งเท่านั้น กับการเลือกเครื่องกี่โล แต่รวมถึงพื้นที่ๆ เรามีสำหรับการวางเครื่อง washing machine ร่วมด้วย ว่ามีพื้นที่เพียงพอหรือไม่ เพราะอย่างเช่น สำหรับที่พักแบบคอนโด พื้นที่ในการใช้สอยที่จำกัด จำเป็นที่เราจะต้องจัดสรรพื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด
3.ฟังค์ชั่นการใช้งาน
ถึงแม้ว่าเราอาจจะมองเห็นคุณสมบัติหลักของตัวเครื่อง ที่เน้นในเรื่องของการซักผ้าเป็นหลักนั้น แต่ฟังค์ชั่นการใช้งานเสริม ก็เป็นเรื่องที่จะช่วยให้เราพิจารณาเลือกซื้อเครื่องได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น การกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนเสื้อผ้า, การช่วยฆ่าเชื้อโรคในขณะซักไปด้วย, การทำงานที่เงียบ หรือเป็นการซักด่วนที่เราอาจจะต้องการใส่ภายใน 2-3 ชั่วโมงข้างหน้านี้
4.สีและความสวยงาม
เมื่อเราซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาในบ้านนั้น อาจไม่เป็นเพียงการเน้นที่ประโยชน์การใช้งานเท่านั้น แต่จะต้องรวมไปถึงการวางตกแต่ง และเข้ากันได้กับสีและการออกแบบของตัวบ้านร่วมด้วย และการออกแบบของตัวเครื่องมีความน่าสนใจ และมีสไตล์ที่โดดเด่นร่วมด้วย อย่างเช่น หน้าจอดิจิตอลที่ดูโมเดิร์น เป็นต้น
5.ยี่ห้อ
ในแต่ละยี่ห้อจะมีการคิดค้น เทคโนลยีและการเพิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ มาในทุกๆ รุ่น และในบางเทคโนโลยีนั้น เป็นการจดลิขสิทธิ์เฉพาะยี่ห้อนั้นๆ เฉพาะ ดังนั้นการเลือกยี่ห้อของตัวเครื่อง ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงของยี่ห้อ แต่อาจจะต้องดูว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่เพิ่มเติม มาในแต่ละยี่ห้อร่วมด้วย
เลือกเครื่องซักผ้า แบบไหนดี เครื่องซักฝาหน้า หรือ เครื่องซักผ้าฝาบน
สรุป
หากเราได้เห็นวัวัฒนาการก่อนที่จะมาเป็นเครื่องซักผ้าแล้วนั้น จะทำให้เรารู้ได้ว่าในอดีตนั้น มีการซักผ้าที่ไม่เพียงแต่ยุ่งยากเท่านั้น แต่ต้องใช้แรงและเวลาในการซักที่มากกว่าในปัจจุบันนี้
เครื่อง washing machine จึงถือว่าเป็นทั้งเครื่องใช้อำนวยความสะดวก และเครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวบ้าน ที่มาช่วยชีวิตความเป็นอยู่ของเราทุกคนให้ง่ายมากขึ้น รวมถึงตัวเลือกทั้งประเภทของเครื่อง, รูปแบบการใช้งาน, ฟังค์ชั่นที่เสริมเข้ามาเพิ่ม ที่เราสามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน
จบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาเอกประชาสัมพันธ์และวารสารศาสตร์ ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนคอนเท้นท์ครีเอเตอร์ฟรีแลนซ์ ประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ถนัดด้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์ด้านอื่นๆ
เครื่องซักผ้า LG
-ดีไซน์ทันสมัย ใช้งานง่าย มีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งาน
-ความจุ 16 Kg. มอเตอร์ทำงานเงียบ ประหยัดพลังงาน
เครื่องซักผ้า Candy
-ความจุถังซัก 8.5 กิโลกรัม / ความจุถังปั่น 5.6 กิโลกรัม
-มีฟิลเตอร์กรองสิ่งสกปรกได้ดีกว่าฟิลเตอร์ปกติ
เครื่องซักผ้า Hisense
-ฝาเปิด-ปิด แบบนุ่มนวล กระจกนิรภัย ความจุ 8 Kg.
-ช่วยให้ซักผ้าสะอาด ถนอมใยผ้า ประหยัดเวลา
เครื่องซักผ้า Samsung
-ความจุ 7.5 กิโลกรัม รอบปั่นหมาดสูงสุด 700 รอบ/นาที
-ปรับระดับน้ำได้ 5 ระดับ โปรแกรมซักอัตโนมัติ 6 โปรแกรม
เครื่องซักผ้า SHANBEN
-ช่วยปกป้องเนื้อผ้าอย่างอ่อนโยน ความจุ 10 กิโลกรัม
-โหมดการซัก 10 โหมด แผงควบคุมภาษาอังกฤษ
เครื่องซักผ้า TCL
-ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ถังปั่นหมาดระบบ Air Dry
-สามารถซักและปั่นหมาดได้ในเวลาเดียวกัน
เครื่องซักผ้า TOSHIBA รุ่น VH-H85MT
-ตัวถังปลอดสนิม ทำมาจากโพลิเมอร์คุณภาพสูง
-ฝาถังโปร่งใส สามารถมองเห็นการทำงานในเครื่อง
เครื่องซักผ้า Electrolux รุ่น EWT1075H2WA
-สามารถปรับน้ำได้ 4 ระดับ โปรแกรมการซักมี 8 โหมด
-สามารถทำงานต่อเนื่องอัตโนมัติเมื่อไฟมา มีระบบล็อก
เครื่องซักผ้า Panasonic
-ความจุ 16 กิโลกรัม หน้าจอแสดงผลดิจิตอล ง่ายต่อการใช้งาน
-ขนาดสินค้า กว้าง 640 มม. x สูง 1,100 มม. x ลึก 705 มม.
เครื่องซักผ้า Sharp รุ่น ES-W8-SL
-สามารถตั้งเวลาซักล่วงหน้าได้ มีระบบล็อกป้องกันเด็ก
-ขนาดสินค้า กว้าง 530 มม. x สูง 550 มม. x ลึก 929 มม.