เพิ่มเติม : โดยเราสามารถเลือกให้เข้ากับสีของ ผ้าม่าน ในห้องต่างๆได้ ซึ่งจะเพิ่มความสวยงาม ความน่าอยู่ให้กับห้องนั้นๆเป็นอย่างมาก
ประเภทของพรมปูพื้น
1. พรมไนล่อน
พรมไนล่อน ถือเป็นพรมใช้ปูพื้นที่ได้รับความนิยมมากพอสมควร จะเห็นได้ว่าหลายๆ บ้านมักจะใช้พรมใช้ปูพื้นประเภทนี้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความทนทาน ความสามารถในการกันน้ำ กันรอยขีดข่วน รวมถึงป้องกันเชื้อราอันเกิดจากสารเคมีชนิดต่างๆ อีกทั้งยังมีราคาที่ไม่สูงมากด้วย ทั้งนี้ไม่ควรปูพรมประเภทนี้ไว้บริเวณหน้าบ้านที่มีแสงแดดส่องถึง เพราะสีจะซีดจางได้ง่าย
2. พรมโพลีโพรไพลีน
พรมโพลีโพรไพลีน นับเป็นอีกหนึ่งพรมใช้ปูพื้นที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ไม่เก็บฝุ่นและช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรกได้ หากมีฝุ่นเกาะอยู่ตามพื้นบ้านก็สามารถจัดการทำความสะอาดได้ค่อนข้างง่าย อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วน และเชื้อราบางชนิดได้ด้วย ซึ่งเหมาะกับพื้นที่ต้องรับน้ำหนักมาก โดยเฉพาะในห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนกลางของการใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนราคานั้นจะถูกกว่าพรมไนล่อน
3. พรมโพลีเอทิลีน
พรมโพลีเอทิลีน จัดเป็นพรมปูพื้นที่มีสีสันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะพรมประเภทนี้ผลิตจากพลาสติกหรือฝาขวดรีไซเคิล โดยมีคุณสมบัติที่สามารถช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ เพราะจะไม่เก็บฝุ่นและสะสมเชื้อโรคเอาไว้ จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้และผู้รักษ์โลก แต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกไม่สบายเท่ากับวัสดุอื่นๆ
4. พรมโพลีเอสเตอร์
พรมโพลีเอสเตอร์ เป็นพรมที่มีดีไซน์หรูหรา เนื้อสัมผัสนุ่มสบาย อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ด้วย แต่ข้อเสียของพรมใช้ปูพื้นประเภทนี้ก็คือทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก หากปล่อยให้โดนแดดเป็นเวลานานก็จะส่งผลให้สีซีดจางลงได้ เพราะฉะนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนแดด แนะนำให้นำพรมใช้ปูพื้นประเภทนี้ไปใช้ในพื้นที่ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหรือพื้นที่ภายในบ้านที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ห้องนอน เป็นต้น
5. พรมทริเอกซ์ต้า
พรมทริเอกซ์ต้า เป็นพรมใช้ปูพื้นประเภทหนึ่งที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพรมโพลีเอสเตอร์ แต่คุณภาพจะดีกว่าในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มสบาย ความทนทาน ความยืดหยุ่น รวมไปถึงการป้องกันน้ำและคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ถือว่าดีกว่าพรมใช้ปูพื้นโพลีเอสเตอร์
6. พรมอะคริลิค
พรมอะคริลิค เป็นพรมปูพื้นที่มีอายุการใช้งานสั้น และไม่เหมาะกับการใช้งานหนักๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าบ้านหรือห้องนั่งเล่นที่มีผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่เป็นประจำ จัดเป็นพรมที่เหมาะกับการใช้ตกแต่งห้องนอนหรือห้องอื่นๆ ที่ต้องการความสวยงาม โดยคุณสมบัติของพรมประเภทนี้จะคล้ายกับพรมขนสัตว์ แต่จะมีราคาที่ถูกกว่า เนื่องจากเป็นเส้นใยสังเคราะห์
7. พรมขนสัตว์
พรมขนสัตว์ จัดเป็นพรมใช้ปูพื้นที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ โดยผลิตจากขนสัตว์แท้ 100% ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นขนแกะ นับเป็นพรมปูพื้นที่มีดีไซน์หรูหรา เนื้อหนาและนุ่มมากๆ เมื่อนำเท้าไปสัมผัสจะให้ความรู้สึกนุ่มสบาย อีกทั้งยังสามารถป้องกันคราบและรอยเปื้อนบนพื้นได้ด้วย ถือเป็นพรมที่มีความทนทานมากที่สุด แต่ข้อเสียคือราคาแพง และทำความสะอาดได้ยาก
8. พรมเส้นใยธรรมชาติ
พรมเส้นใยธรรมชาติ ถือเป็นพรมอีกหนึ่งประเภทที่ถูกผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ แต่จะแตกต่างจากพรมขนสัตว์ตรงที่พรมประเภทนี้จะใช้วัสดุจากพืชในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นใยมะพร้าว หญ้าทะเล ต้นปอ หรือต้นป่าน โดยจะนำวัสดุดังกล่าวมาถักสานเป็นพรมที่สามารถใช้ปูพื้นได้ ซึ่งมีลักษณะที่สวยงามและโดดเด่นอยู่พอสมควร แต่จะไม่นุ่มสบายเท่าพรมประเภทอื่นๆ
ประโยชน์ของพรมปูพื้น
1. มีความสวยงาม
พรมใช้ปูพื้น ถือเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาตกแต่งห้อง เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถเติมเต็มให้กับพื้นห้องได้ และเมื่อนำมาปูพื้นแล้วก็จะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับบริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทั้งนี้ควรเลือกพรมใช้ปูพื้นให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนาด ลักษณะและประเภทของพรม หากเลือกให้เข้ากับองค์ประกอบภายในห้องก็จะยิ่งส่งเสริมให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น
2. ป้องกันรอยขีดข่วน
พรมปูพื้นหลายประเภทถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วน รวมถึงกันน้ำและเชื้อราได้ เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้ปูพื้น ซึ่งจะต้องรองรับน้ำหนักของคนในบ้านอยู่พอสมควร อีกทั้งใครที่มีสัตว์เลี้ยง พรมใช้ปูพื้นก็อาจต้องถูกใช้งานหนักหน่อย อย่างไรก็ตามพรมใช้ปูพื้นบางประเภทจะช่วยลดรอยขีดข่วนและรอยเปื้อนบนพื้นห้องได้ดี
3. ดักจับฝุ่นละออง
ถือเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ใครหลายคนหันมาใช้พรมใช้ปูพื้น เพราะพรมใช้ปูพื้นบางประเภทสามารถดักจับฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนที่มีการเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ฝุ่นละอองจากข้างนอกก็จะเข้ามาได้ง่าย หากปูพรมไว้บนพื้นก็จะช่วยดักจับฝุ่นละอองได้ ทั้งนี้หากห้องใครที่มีฝุ่นมากเป็นพิเศษ ควรเลือกพรมใช้ปูพื้นที่ไม่เก็บฝุ่น และมีสีเข้มหรือสีกลางเพื่อให้พรางสิ่งสกปรกได้
4. ให้ความอบอุ่น
นอกจากเพิ่มความสวยงามให้กับห้องแล้ว พรมใช้ปูพื้นยังเป็นวัสดุที่ให้ความอบอุ่นอีกด้วย เพราะพรมส่วนใหญ่จะผลิตจากเส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ โดยจะเน้นให้มีความหนาแน่นและสัมผัสนุ่มสบาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นคุณสมบัติที่พรมใช้ปูพื้นควรจะมี เนื่องจากพื้นห้องมักจะมีความเย็นอยู่แล้ว หากนำพรมใช้ปูพื้นมาปูแล้วช่วยให้ความอบอุ่นได้ก็จะดีมาก
5. ช่วยลดอุบัติเหตุ
การนำพรมปูพื้นเข้ามาตกแต่งในบริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน นอกจากจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับบริเวณนั้นแล้ว พรมใช้ปูพื้นยังช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะพื้นกระเบื้องที่ไม่กันลื่น เมื่อมีน้ำหรือความชื้นเปียกบนพื้นห้องก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุจนอาจได้รับบาดเจ็บ แต่ถ้าหากมีพรมใช้ปูพื้นก็จะช่วยรองรับน้ำหนักและลดอุบัติเหตุดังกล่าวได้อยู่พอสมควร
ข้อเสียของพรมปูพื้น
1. ทำความสะอาดยาก
พรมใช้ปูพื้นที่มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสนุ่ม หนาแน่น และทนทาน มักจะมีข้อเสียตามมาด้วย นั่นก็คือสามารถทำความสะอาดได้ยาก โดยเฉพาะพรมใช้ปูพื้นที่ผลิตจากขนสัตว์ มักจะมีคุณสมบัติที่ช่วยดักจับฝุ่นละออง ป้องกันรอยขีดข่วน กันน้ำและเชื้อรา แต่ในขณะเดียวกันหากนำมาทำความสะอาดก็อาจทำได้ค่อนข้างยากพอสมควร หากเลือกพรมที่ไม่เก็บฝุ่นอาจทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
2. พรมดีมักมีราคาแพง
ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สินค้าดีมักมีราคาแพง พรมใช้ปูพื้นเองก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าพรมสวยๆ และมีคุณภาพสูง มักจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่ในขณะเดียวกันพรมใช้ปูพื้นเหล่านั้นก็มักจะมีราคาแพงด้วย อย่างไรก็ตามหากจะเลือกพรมใช้ปูพื้นสักผืนมาใช้ แนะนำให้เลือกแบบที่มีมาตรฐานและราคาจะต้องสมเหตุสมผลด้วย
3. ไม่เหมาะกับบ้านที่เลี้ยงสัตว์
เนื่องจากพรมปูพื้นเป็นวัสดุที่สามารถดักจับฝุ่นละออง รวมถึงขนสัตว์ได้ ดังนั้นหากบ้านใดที่เลี้ยงสัตว์เอาไว้ โดยเฉพาะสุนัขและแมว อาจพบกับปัญหาขนสัตว์หลุดร่วงและเกาะติดอยู่บนพรมใช้ปูพื้น ซึ่งพรมใช้ปูพื้นบางประเภทจะสามารถทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก หากมีขนสัตว์และสิ่งสกปรกเกาะติดอยู่ด้วยก็ต้องเสียเวลาในการทำความสะอาดอยู่พอสมควร จึงควรเลือกพรมที่ดักจับฝุ่นได้น้อยหรือไม่เก็บฝุ่น
4. เสียหายได้ง่าย
ถึงแม้ว่าพรมใช้ปูพื้นจะมีความทนทาน แต่ในขณะเดียวกันก็มักจะทำความสะอาดได้ยาก ส่วนพรมที่บางๆ ก็เสี่ยงที่จะชำรุดหรือเสียหายได้ง่ายเช่นกัน เนื่องจากเป็นวัสดุที่ต้องรองรับน้ำหนักและแรงกดทับจากการถูกเหยียบอยู่เป็นประจำ และยิ่งถ้าใครมีสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว ก็มีโอกาสสูงที่จะโดนขีดข่วน ดึงเล่น รวมไปถึงฉี่และขับถ่ายเอาไว้
5. สะสมเชื้อโรคต่างๆ
ความสามารถในการดักจับฝุ่นละอองถือเป็นข้อดีของพรมใช้ปูพื้น แต่ในขณะเดียวกันการดักจับฝุ่นละอองเอาไว้นั้นก็อาจทำให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคต่างๆ เพราะฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกจะเข้าไปอยู่บนพื้นผิวของพรมใช้ปูพื้น โดยเฉพาะพรมที่มีขนนุ่มฟู โอกาสที่จะดักจับฝุ่นและเชื้อโรคไว้ก็จะสูงมาก หากใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็จะได้รับผลกระทบ ดังนั้นควรเลือกพรมแบบไม่เก็บฝุ่น และต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ
วิธีเลือกซื้อพรมปูพื้น
พรมใช้ปูพื้น ถือว่าเป็นอุปกรณ์แต่งบ้านที่ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องเลือกซื้อมาตกแต่ง นอกเหนือจากอุปกรณ์แต่งบ้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าม่าน , ชั้นวางทีวี , ชั้นวางของ , ชั้นวางหนังสือ , ผ้าคลุมโซฟา , โคมไฟตั้งพื้น , โต๊ะกินข้าว , โซฟาเดี่ยวปรับนอน , ชั้นวางของในห้องน้ำ , ชุดเครื่องนอน และอีกมากมาย แต่อย่างไรก็ตามก่อนการเลือกซื้อพรมใช้ปูพื้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกัน
1. เลือกจากวัสดุของพรม
วัสดุของพรมถือเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อพรมใช้ปูพื้นมาใช้งาน เนื่องจากพรมใช้ปูพื้นแต่ละประเภทนั้นใช้วัสดุแตกต่างกัน แต่โดยหลักๆ แล้วจะผลิตจากเส้นใยจากธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์ สำหรับเส้นใยธรรมชาติจะมีราคาสูงกว่าเส้นใยสังเคราะห์ เนื่องจากมีคุณภาพที่สูงกว่านั่นเอง ทั้งนี้ควรเลือกพรมคุณภาพดี ทำความสะอาดง่ายและไม่เก็บฝุ่นไว้มากจนเกินไป
2. เลือกซื้อให้เหมาะสมกับพื้นที่
ก่อนจะเลือกซื้อพรมใช้ปูพื้นมาใช้งานนั้น เจ้าของบ้านทุกคนควรทราบขนาดของพื้นที่ที่จะนำพรมมาปูพื้นก่อน เพื่อให้ทราบว่าควรจะเลือกพรมใช้ปูพื้นขนาดและลักษณะใดที่เหมาะแก่การนำมาใช้ปูพื้น เช่น ห้องนอน ต้องเลือกพรมปูพื้นที่นุ่มฟู ขนหนาแน่น และด้านข้างเตียงทั้งสองข้างจะต้องมีพรมมารองรับอย่างเต็มพื้นที่ตลอดแนว เพราะเป็นบริเวณที่เท้าต้องสัมผัสกับพื้นอยู่บ่อยๆ
3. ขนาดของพรม
การนำพรมมาปูพื้นในบริเวณต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน จะต้องเลือกขนาดของพรมปูพื้นให้เหมาะกับพื้นที่ของห้องนั้นๆ ด้วย ก่อนเลือกซื้อพรมใช้ปูพื้นแนะนำให้พิจารณาขนาดของห้องที่จะใช้ปูพื้นก่อนว่าจำเป็นจะต้องติดตั้งพรมไว้ในแนวไหน และตัวพรมจะต้องครอบคลุมพื้นที่ใดบ้าง เมื่อทราบรายละเอียดดังกล่าวแล้วก็ให้เลือกขนาดของพรมที่เหมาะสม
4. ความทนทาน
พรมใช้ปูพื้นที่ดีควรจะมีความทนทาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น เนื่องจากพรมใช้ปูพื้นนั้นเป็นวัสดุที่ใช้ปูพื้น ซึ่งต้องรองรับน้ำหนักของคนในบ้านอยู่พอสมควร หากใช้พรมใช้ปูพื้นที่ไม่มีมาตรฐานก็อาจทำให้ชำรุดหรือเสียหายได้ง่าย แนะนำให้เลือกซื้อพรมใช้ปูพื้นที่มีความทนทานและคุณภาพสูง จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น
5. ทำความสะอาดง่าย
พรมใช้ปูพื้นแต่ละประเภทจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และส่วนใหญ่พรมใช้ปูพื้นที่มีความทนทานและให้สัมผัสนุ่มสบาย มักจะทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นหากต้องการพรมใช้ปูพื้นที่สามารถดูแลรักษาได้ง่าย แนะนำให้เลือกใช้พรมใช้ปูพื้นประเภทใดก็ได้ที่ไม่เก็บฝุ่น สามารถกันน้ำ รอยขีดข่วนและเชื้อราได้ เพื่อให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาดด้วย
วิธีทำความสะอาดพรมปูพื้น
1. ทำความสะอาดด้วยการดูดฝุ่น
ขั้นตอนแรกเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่อยู่บนพรมออกให้หมด จากนั้นเริ่มทำการดูดฝุ่นให้ทั่วบริเวณพรมใช้ปูพื้น แนะนำให้ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือถ้าหากบ้านใครมีสัตว์เลี้ยงก็จะควรดูดฝุ่นทุกวัน ในกรณีที่พรมเปียกชื้นและมีกลิ่นอับ แนะนำให้เปิดหน้าต่างในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนเพื่อระบายอากาศ จากนั้นโรยเบคกิ้งโซดาลงบนพรมทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง และดูดฝุ่นออก
2. ทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง
ในกรณีที่มีของเหลวหกรดพรม ควรหลีกเลี่ยงการเช็ดและถูไปมา เพราะจะทำให้รอยเปื้อนขยายวงกว้างมากขึ้น แนะนำให้ใช้ผ้าแห้งกดซับของเหลวดังกล่าวออกแทน จากนั้นทำความสะอาดพรมด้วยน้ำยาทำความสะอาดให้เรียบร้อย โดยน้ำยาที่ใช้นั้นควรเป็นน้ำยาทำความสะอาดพรมใช้ปูพื้นโดยเฉพาะ
3. ทำความสะอาดด้วยก้อนน้ำแข็ง
ถ้าหากพรมเป็นรอยกดทับจากการวางเฟอร์นิเจอร์หรือสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก แนะนำให้ใช้ก้อนน้ำแข็งวางลงบนรอยกดทับดังกล่าว ปล่อยทิ้งไว้ให้น้ำแข็งละลายและแห้งไปเอง หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มแปรงบริเวณที่มีรอยกดทับอยู่ เพื่อให้พรมฟูขึ้นอีกครั้ง และควรหลีกเลี่ยงการนำพรมไปตากแดด เพราะจะทำให้สีซีดจางได้ง่ายและเร็วขึ้น
4. ทำความสะอาดด้วยการซัก
พรมบางประเภทสามารถทำความสะอาดด้วยการซักได้ แต่ก็ยังมีพรมบางประเภทที่ไม่แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยการซัก ดังนั้นก่อนจะนำมาซักก็ควรศึกษาวิธีการทำความสะอาดของพรมที่ใช้ก่อน สำหรับพรมที่สามารถซักได้ก็ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดของพรมโดยเฉพาะ หากซักในเครื่องจะต้องใช้น้ำน้อยกว่าปกติ เพื่อลดโอกาสที่พรมและเครื่องจะเสียหาย และควรตากให้แห้งในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อพรม
สรุป
พรมปูพื้น นอกจากจะสามารถนำมาตกแต่งบ้านได้แล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกด้วย อาทิ ช่วยให้เรามีพื้นที่นั่งเล่น นอนเล่น หรือพื้นที่รองรับน้ำหนักเท้าที่นุ่มสบาย ให้ความอบอุ่น กันพื้นลื่น ช่วยลดอุบัติเหตุ และดักจับฝุ่นละอองภายในห้องได้
จะเห็นได้ว่าพรมใช้ปูพื้นช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนในบ้านมากพอสมควร และไม่ว่าจะปูพรมไว้บริเวณหน้าบ้าน ห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือพื้นที่ใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเลือกคุณสมบัติของพรมใช้ปูพื้นให้เหมาะสมกับพื้นที่ดังกล่าว
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
พรมปูพื้น Bewell
-นุ่ม สบายเท้า พื้นที่กว้าง ช่วยลดแรงกดทับที่เท้า
-ขนาดของสินค้า 57 ซม. x 97 ซม. ยืนตรงไหนก็สบาย
พรมปูพื้น Aspire
-ขนาดของสินค้า 150 ซม. x 240 ซม.
-สไตล์หรูหรา ลวดลายสวยงาม
พรมปูพื้น Feiyana
-พื้นยางทำมาจาก PVC กันน้ำ
-ซับน้ำได้ดี มีปุ่มกันลื่นใต้พรม
-พรมแบบยาวสามารถปูเข้ามุมได้
พรมปูพื้น JYSK
-สไตล์มินมอล เหมาะกับการตกแต่งห้องนอน
-ขนาดของสินค้า กว้าง 65 ซม. x ยาว 120 ซม.
-วัสดุทำมาจาก ฝ้าย 32% ขนแกะ 14% โพลีเอสเตอรื 2%
พรมปูพื้น Melissa & Doug
-เหมาสำหรับเด็ก เช็ดทำความสะอาดง่าย
-คุณภาพดี มีความคงทนต่อการใช้งาน
พรมปูพื้น U-RO DECOR
-ขนาดของสินค้า 1.20 เมตร x 1.50 เมตร
-ขนนุ่มฟู เบา ม้วนเก็บได้ สัมผัสนิ่มสบายเท้า
พรมปูพื้น REM13
-วัสดุจากเมมโมรี่โฟม หนา 2 ซม.
-สามารถซักทำความสะอาดได้ แห้งเร็ว
พรมปูพื้น พรมแต่งห้อง
-วัสดุทำจากฝ้าย 40% ปอกระเจา 60%
-ดีไซน์ทันสมัย รูปทรงกลม สไตล์มินิมอล
พรมปูพื้น Yifeng
-สัมผัสเนื้อกำหยี่ อ่อน นุ่ม ดีไชน์หรูหรา
-สามารถเช็คทำความสะอาดง่าย ไม่ยุ่งยาก
พรมปูพื้น จิ๊กซอว์
-ขนาดของสินค้า 30 ซม. x 30 ซม. หนา 1 ซม.
-ตัวพรมเป็นผ้ากำมะหยี่ สัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว
-ยึดเกาะติดพื้น ป้องกันการลื่นได้ดี รองรับแรงกระแทกได้ดี