การติดตั้งผ้าม่านเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่ไม่น้อย นอกจากจะทำให้ห้องดูสวยงามแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วยมีหลายแบบ เช่น แบบสำเร็จรูปมักจะมีให้เลือกหลากหลาย สวยๆ ติดตั้งง่าย และแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ส่วนแบบที่สั่งตัดนั้นจะมีขนาดและลักษณะที่ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
ชนิดของผ้าม่าน
1. แบบจีบ
เป็นม่านมาตรฐานที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กัน เพราะชนิดนี้มักจะมาพร้อมกับวัสดุและลวดลายที่หลากหลาย อีกทั้งยังสามารถนำมาตกแต่งกับห้องทุกสไตล์ได้ด้วย แบ่งออกได้ 2 ชั้น ได้แก่ แบบโปร่ง และแบบทึบ จะติดกับหน้าต่างหรือประตูเพื่อเปิดรับลมก็ได้ เพราะส่วนปลายจะค่อนข้างมีน้ำหนัก แต่ข้อเสียคือไม่ทนต่อความชื้นและเชื้อรา
2. แบบล็อคลอน
ดูเรียบหรูและทันสมัย โดยผ้าจะมีลักษณะเป็นลอนพับเป็นกลีบเสมอกัน แต่ไม่ได้พับจีบ ในส่วนของด้านบนจะมีการล็อคลอนที่มีลักษณะคล้ายกับคลื่น
3. แบบตาไก่
มีลักษณะเป็นผ้าที่อยู่ในห่วงตาไก่บริเวณหัวผ้าส่วนบน โดยตัวผ้านั้นจะมีลักษณะลอนคล้ายกับแบบล็อคลอน มีน้ำหนักเบา จัดเป็นชนิดของม่านที่ต้องอาศัยรางในการติดตั้ง มักจะใช้ติดตั้งบริเวณประตูและหน้าต่าง ซึ่งสามารถตกแต่งด้วยการเพิ่มลูกเล่นเข้าไปได้
4. แบบพับ
มีลักษณะสวยงาม ดูหรูหราและทันสมัย จะเหมาะสำหรับติดตั้งกับหน้าต่างบานเล็กและหน้าต่างที่ติดกันหลายบาน ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดที่ช่วยทำให้ห้องดูโปร่ง และยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการรวบเก็บอีกด้วย เนื่องจากการเก็บนั้นสามารถทำได้โดยการพับขึ้นเป็นชั้นๆ เรียงซ้อนกัน
5. แบบคอกระเช้า
ถูกออกแบบมาให้ดูเรียบง่าย โดยที่รูเกี่ยวม่านนั้นจะใช้ผ้าแทนห่วง ซึ่งจะมีลักษณะที่คล้ายกับสายเสื้อแบบคอกระเช้า ในส่วนของริ้วจะไม่หนาและแข็งมากนัก เมื่อมีการติดตั้งในบริเวณหน้าต่างที่มีลมพัด จึงทำให้ชนิดนี้พลิ้วไปมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
6. ม่านหลุยส์
โดยตัวผ้านั้นจะมีลักษณะเป็นลูกๆ ซึ่งคำว่าลูกหลุยส์ที่เรียกกันนั้นก็คือตัวผ้าที่มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม มีสไตล์อย่างชัดเจน นิยมใช้ตกแต่งห้องที่ต้องการเน้นความหรูหรา สง่างาม และเพิ่มมิติให้กับห้องมากขึ้น
7. แบบม้วน
ทำจากใบผ้าผืนใหญ่ โดยส่วนมากจะใช้วัสดุอย่างไฟเบอร์กลาส หรือโพลีเอสเตอร์ ซึ่งสามารถม้วนเก็บขึ้นไปได้ทั้งหมด จึงทำให้ประหยัดพื้นที่ได้พอสมควร ถือเป็นอีกหนึ่งชนิดที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะกับห้องสไตล์โมเดิร์นและมินิมอล
8. แบบมู่ลี่
มีสไตล์เรียบง่ายเหมาะแก่การติดไว้บริเวณหน้าต่าง จะไม่ทำให้หน้าต่างดูโล่งมากเกินไป โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถควบคุมทิศทางและปริมาณแสงที่จะส่องเข้ามาในห้องที่ต้องการได้เอง ทนต่อความชื้น สามารถทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะกับการติดไว้ในบริเวณห้องน้ำโซนเปียกและห้องครัว แต่ข้อเสียคือมีความแข็ง
9. แบบสำเร็จรูป
แบบสำเร็จรูปจะมีความยาวเฉลี่ยประมาณ 2.5 เมตร ผ่านการตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว และเป็นขนาดมาตรฐานที่มีการวัดอย่างเหมาะสมแล้ว สามารถหาซื้อได้ตามร้านและห้างสรรพสินค้าทั่วไป
ประโยชน์ของผ้าม่าน
1. เพิ่มความสวยงามให้กับห้อง
เมื่อนึกถึงการตกแต่งห้องแล้วก็คงจะขาดอุปกรณ์อย่างม่านไปไม่ได้ โดยเฉพาะห้องที่มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างก็จำเป็นที่จะต้องมีการติดตั้งม่านเอาไว้ ในปัจจุบันหลายๆ บ้านต่างก็นิยมติดตั้งม่านกันเป็นจำนวนมาก เพราะหากเลือกม่านให้เข้ากับสไตล์การแต่งห้องก็จะยิ่งส่งเสริมให้ห้องดูสวยงามมากขึ้น
2. เพิ่มความเป็นส่วนตัว
จะช่วยบดบังสายตาจากผู้คนภายนอกได้ การติดตั้งม่านไว้ในบริเวณหน้าต่าง ประตู หรือแม้กระทั่งการใช้ม่านในการกั้นห้องเป็นสัดส่วน สามารถทำให้บรรยากาศภายในห้องมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเมื่อติดตั้งม่านไว้แล้ว คนที่อยู่ข้างนอกจะไม่สามารถมองเห็นเราตอนอยู่ในห้องได้
3. ช่วยบังและกรองแสงแดด
นอกจากบังสายตาจากผู้คนข้างนอกได้แล้ว ม่านส่วนใหญ่ยังสามารถบังแสงแดด และกรองแสงแดดได้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาลดน้อยลง ส่งผลให้บรรยากาศภายในห้องดีขึ้น และเมื่อต้องการเปิดรับแสงก็สามารถเลื่อนม่านออกได้ด้วย
4. ช่วยป้องกันฝุ่นละออง
จุดประสงค์หลักของการติดตั้งม่าน โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะติดตั้งม่านเพื่อความสวยงาม กรองแสงแดด และบดบังสายตาจากผู้คน แต่จริงๆ แล้วการติดตั้งม่านนั้นสามารถช่วยป้องกันฝุ่นละอองในระดับหนึ่งได้ดีเลยทีเดียว เพราะเสมือนเป็นเกราะกำบังให้กับหน้าต่างและประตูห้อง
5. เก็บเสียงได้
การติดตั้งม่านนั้นสามารถช่วยเก็บเสียงได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ต้องใช้ม่านที่มีเนื้อผ้าค่อนข้างหนา หรือม่านบางชนิดที่ถูกออกแบบมาให้สามารถเก็บเสียงได้โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของห้องมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และถ้าหากภายในห้องมีเสียงดัง ก็จะไม่รบกวนคนอื่นที่อยู่ข้างนอกด้วย
การติดตั้งผ้าม่าน
- วัดขนาดของหน้าต่าง ก่อนจะทำการติดตั้งควรทราบขนาดของหน้าต่างก่อน โดยให้วัดความสูงและความกว้างของขอบหน้าต่าง และต้องเหลือพื้นที่เหนือขอบหน้าต่างไว้ประมาณ 10 เซนติเมตรด้วย เพราะบริเวณนั้นจะใช้ในการติดราว ราง หรือมู่ลี่
- วัดความสูงของห้อง ม่านแต่ละชนิดจะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป และขนาดของห้องก็จะแตกต่างด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะติดตั้ง ในกรณีที่ต้องการติดตั้งแบบยาวจากเพดานจรดพื้น จำเป็นจะต้องตัดขนาดความสูงที่วัดได้ออกไปประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อใช้ติดราวหรือราง
- การติดตั้งแบบสำเร็จรูปจะต้องมีการเจาะรูเพื่อยึดตัวขาที่จับราว รวมไปถึงตะขอที่ใช้แขวนด้วย โดยให้มาร์คจุดเจาะเหนือขอบหน้าต่างที่ 15 เซนติเมตร จากนั้นเว้นระยะเผื่อรางให้ยื่นออกซ้าย-ขวา ข้างละ 15 เซนติเมตร มาร์คจุดเจาะรูเพื่อยึดตะขอแขวนม่าน กะระยะให้ห่างจากพื้นประมาณ 100 เซนติเมตร และห่างจากขอบหน้าต่าง 3-5 เซนติเมตร
- หลังจากวัดขนาดและมาร์คจุดเจาะรูในส่วนต่างๆ แล้ว ขั้นตอนถัดมาคือเริ่มทำการเจาะรู โดยให้นำสว่านมาเจาะรูตามที่ได้มาร์คจุดเอาไว้ เสร็จแล้วตอกพุกตามรูเจาะให้ครบทุกส่วน จากนั้นนำแขนจับราวของผ้าม่านมายึดเข้ากับผนัง ตามด้วยขันสกรูวให้ครบทุกจุดเพื่อความมั่นคง
- ขั้นตอนสุดท้ายของการติดตั้งก็คือการนำมาแขวน โดยให้เตรียมม่านที่จะใช้ในการติดตั้ง เมื่อราวจับมีความมั่นคงแล้วก็เริ่มร้อยม่านเข้าในราวได้เลย ซึ่งจะต้องหันหน้าออกให้ถูกข้าง จากนั้นให้ขันหัวราวทั้งสองด้าน และสุดท้ายล็อคราวให้ครบทั่วทุกจุดอย่างมั่นคง
เพิ่มเติม : เราสามารถมิกซ์แอนด์แมทระหว่างสีของผ้าม่าน และสีของ พรมปูพื้น ได้อย่างลงตัว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสวยงามในห้องนั้นๆได้
วิธีเลือกซื้อผ้าม่าน
ปัจจุบันมีอุปกรณ์การตกแต่งบ้านให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชั้นวางของ , ชั้นวางทีวี , ชั้นวางหนังสือ , ผ้าคลุมโซฟา , โคมไฟตั้งพื้น , ซาวด์บาร์ , กระถางต้นไม้ , กระจกเต็มตัว , ชั้นวางของในห้องน้ำ และผ้าม่านก็เป็นหนึ่งในอุปกรณ์แต่งบ้านที่ไม่ควรมองข้ามกันเลย แต่ว่าจะเลือกซื้ออย่างไรดีนั้น มาดูวิธีการเลือกซื้อกันเลย
1. เลือกซื้อจากสไตล์ของห้อง
ควรเลือกให้เข้ากับสไตล์ของห้อง ทั้งนี้ควรพิจารณาชนิดให้เหมาะสมด้วย
2. เลือกซื้อจากสีและลวดลาย
สำหรับห้องขนาดเล็กแนะนำให้เลือกสีโทนสว่างหรือสีอ่อนๆ เพื่อให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งและกว้างขึ้น ควรหลีกเลี่ยงสีเข้มเพราะจะยิ่งทำให้ห้องแคบและทึบมากกว่าเดิม และไม่ควรเลือกลวดลายที่มีรายละเอียดมากเกินไป หากใช้สีพื้นจะง่ายต่อการตกแต่งห้อง เพราะปกติเฟอร์นิเจอร์ก็มักจะมีสีและลวดลายอยู่แล้ว ดังนั้นการติดตั้งควรทำเป็นพื้นหลังของห้อง เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์โดดเด่น
3.เลือกซื้อจากขนาด
ควรเลือกม่านที่กว้างกว่าหน้าต่างสองเท่า และในส่วนของความยาวควรจะเว้นให้อยู่สูงกว่าพื้นอย่างน้อยประมาณ 1 เซนติเมตร
4. เลือกซื้อจากวัสดุที่ใช้
- โพลีเอสเตอร์ จัดเป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่เกิดจากกระบวนการปิโตรเคมี โดยโพลีเอสเตอร์นั้นจะมีคุณสมบัติคล้ายกับผ้าฝ้าย เนื้อผ้ามีความนุ่มนวล เงามัน แต่ยับยากกว่าผ้าฝ้าย และราคาจะถูกกว่าเส้นใยธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดบ้าน เพราะสามารถดูแลรักษาได้ง่าย
- ลินิน เป็นผ้าที่ผลิตจากต้นลินิน ซึ่งเป็นวัสดุที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด เนื่องจากเป็นผ้าที่สามารถซักทำความสะอาดได้ อีกทั้งยังจัดเป็นผ้าที่มีความคงทนที่สุดด้วย จึงทำให้มีราคาสูงกว่าผ้าชนิดอื่นๆ เหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหารที่เน้นบรรยากาศผ่อนคลาย
- ผ้าฝ้าย เป็นผ้าที่ผลิตจากปุยฝ้าย เพราะเป็นผ้าที่สามารถนำไปซัก รีด และดูแลรักษาได้ง่าย สามารถใช้กั้นห้องเพื่อบังแสงแดดได้ ซึ่งเหมาะกับการตกแต่งห้องในสไตล์ดั้งเดิม หรือจะนำมาตกแต่งห้องในสไตล์โมเดิร์นก็ได้เช่นกัน
- ผ้าไหม เป็นม่านที่ค่อนข้างมีน้ำหนักอยู่พอสมควร ลักษณะดูสวยงามและหรูหรา แต่จะอ่อนไหวต่อแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา จึงไม่เหมาะกับการติดตั้งชนิดนี้ไว้บริเวณหน้าต่างที่มักจะมีแสงสาดเข้ามา แนะนำให้ใช้ตกแต่งห้องนอนหรือห้องรับประทานอาหารที่ไม่มีแสงแดดส่องถึง
- กำมะหยี่ เป็นผ้าที่มีความหนาอยู่พอสมควร ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยให้ความอบอุ่น สามารถป้องกันแสงและเสียงจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งนี้แบบกำมะหยี่จะเหมาะกับหน้าต่างที่มีลวดลาย และสามารถใช้ตกแต่งห้องแต่งตัวหรือห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ
- ลูกไม้ เป็นผ้าที่ค่อนข้างมีความบางเบาอยู่ในตัว โดยมักจะมีโทนสีแบบกลางๆ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน หรือสีขาวงาช้าง จะเหมาะกับการตกแต่งห้องที่ต้องการความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ เพราะประเภทนี้จะกระจายแสงจากธรรมชาติได้ค่อนข้างดี
5. คำนึงถึงสถานที่ที่จะใช้งาน
- จำเป็นต้องมีการวัดขนาดความสูง และความกว้างของหน้าต่างก่อนเลือกซื้อ สำหรับใครที่ยังไม่ชำนาญในการติดตั้งด้วยตัวเอง แนะนำให้ใช้ช่างเพื่อให้ม่านที่ติดไว้บริเวณหน้าต่างมีความแข็งแรงและไม่ชำรุดง่าย
ผ้าม่าน แบบไหนดีในการติดตั้ง
สรุป
ผ้าม่านเป็นหนึ่งในอุปกรณ์การแต่งห้องที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องแล้ว ยังมีประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกด้วย บางคนอาจจะเลือกใช้แบบสำเร็จรูปเพราะง่ายกว่าการที่จะต้องไปจ้างร้านตัดผ้า
แต่บางคนก็ต้องการจะตัดโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามการติดตั้งควรให้ตอบโจทย์ในแง่ของความสวยงาม ความเป็นส่วนตัว และการบังแสงแดด จำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อให้เหมาะสมกับการใช้งานและพื้นที่ที่จะติดตั้งด้วย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน