คลีนซิ่งออย คืออะไร
คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเช็ดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวหน้าได้เกลี้ยง และไม่มีสิ่งตกค้างเหลืออยู่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อนขั้นตอนการล้างหน้าด้วยน้ำ ซี่งเราสามารถเรียกได้ทั้ง Cleansing หรือ Make Up Remover ที่เน้นทั้งการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า ในแบบที่ไม่มีสิ่งสกปรกตกค้าง และบำรุงผิวหน้าไปพร้อมๆ กัน มีคุณสมบัติที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า ซึ่งไม่ว่าผิวแพ้ง่าย หรือผิวมันสามารถใช้ได้ดี
คลีนซิ่งออย แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
ถึงแม้ว่า Cleansing Oil นี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้า หรืออีกทางหนึ่งก็คือ ล้างเครื่องสำอางให้สะอาดในขั้นตอนแรก ก่อนที่จะล้างหน้าอีกรอบก็จริง แต่ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตัวนี้นั้น ทำให้เราสามารถที่จะแบ่งแยกการใช้งาน ได้ตามสภาพผิวหน้าของแต่ละคน
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น Cleansing ในรูปแบบไหนก็ตาม สามารถเลือกใช้ได้กับทุกสภาพผิวหน้า แต่ว่าจะเป็นการดีกว่าอย่างแน่นอน หากเราสามารถที่จะเน้นเลือก ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาผิวหน้าของเราจริงๆ เพราะอย่างไรก็ดีอย่างที่เรารู้กันว่า หลังการการล้างด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้านี้แล้ว ยังต้องมีการล้างหน้าอีก 1 รอบเพื่อให้ผิวหน้าสะอาดหมดจดอย่างแท้จริง
สำหรับผิวแพ้ง่าย
ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ควรพิจารณาในส่วนประกอบที่ไม่ควรมี สารเติมแต่งสีหรือกลิ่นใดๆ ไม่ว่าจะเป็นพาราเบน หรือส่วนประกอบที่เป็นแอลกอฮอล์ ที่อาจจะสร้างความระคายเคืองให้กับผิวหน้าได้ รูปแบบของคลีนซิ่งออยที่ดีที่สุด สำหรับผิวแพ้ง่ายก็คือแบบน้ำ หรือ Cleansing Water ที่เน้นความบางเบาและมีน้ำเป็นส่วนประกอบ ทำให้ซึมเข้าทำความสะอาดได้ล้ำลึก อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวนุ่มนวลได้ในขั้นตอนเดียว
สำหรับผิวมัน
ด้วยปัญหาของผิวมันคือ มีการผลิตน้ำมันออกมาที่ชั้นใต้ผิวหน้ามากจนเกินไป ดังนั้นการหลีกเลี่ยงที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ Cleansing Oil ที่มีรูปแบบของน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็น แบบครีม, แบบน้ำมัน หรือ Cleansing Oil, โลชั่น หรือบาล์มก็ตาม ก็จะเป็นการดีที่สุด ส่วนการเลือกใช้ในรูปแบบ Cleansing Water หรือรูปแบบน้ำ และแบบเจล จะช่วยให้ผิวสะอาดหมดจด และยังเป็นการช่วยเพิ่มความสดชื่น ให้กับผิวหน้าไปพร้อมๆ กันด้วย
สำหรับผิวแห้ง
หากจะบอกว่าผู้ที่มีผิวแห้งนั้น สามารถที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้ทุกรูปแบบเลยทีเดียว ด้วยความที่เพราะทุกรูปแบบของคลีนซิ่งออยนั้น จะมีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมันอยู่ด้วย ขึ้นอยู่กับรูปแบบไหน ที่จะมีส่วนประกอบน้ำมันมากกว่ากันเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Cleansing Oil ในรูปน้ำมัน, Cleansing Water ในรูปของน้ำ, แบบเจล, แบบน้ำนม หรือโลชั่น, แบบครีม, แบบบาล์ม หรือแบบแผ่นก็ตาม
สำหรับคนเป็นสิว
สิ่งสำคัญในการเลือกรูปแบบของ Cleansing Oil ก็คือ พยายามเลี่ยงการนำน้ำมันเข้าสู่ผิว ถึงแม้ว่าจะเป็นการเช็ดสิ่งสกปรกก่อนการล้างหน้าก็ตาม หากเลือกได้ควรที่จะเลือกใช้ในรูปแบบของ Cleansing Water, แบบเจล และแบบแผ่น หรือแบบ Sheet ที่ด้านในจะเป็นแผ่นเยื่อกระดาษเปียก ที่ชุบน้ำคล้ายกับเอสเซนส์ที่มีความเบาบาง และเน้นการล้างเครื่องสำอางได้สะอาดหมดจด ไปพร้อมกับบำรุงผิวนุ่มไปด้วย
รวมถึงการพิจารณาส่วนประกอบอื่นๆ ที่มีอยู่ใน Cleansing Oil ร่วมด้วยคล้ายกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ที่ต้องเน้นใส่ใจในรายละเอียดส่วนประกอบ ของผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหน้าเป็นพิเศษ รวมถึง ครีมกระชับรูขุมขน , ครีมรกแกะ , เซรั่มเกาหลี , ครีมกันแดดผู้หญิง , มาร์คใต้ตา , เจลว่านหางจระเข้ , สบู่ล้างหน้า , น้ำแร่ฉีดหน้า , ครีมบำรุงผิวหน้า , วิตามินบำรุงผิว ที่ผู้มีผิวเป็นสิวง่าย ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง
ประโยชน์ของคลีนซิ่งออย ช่วยอะไร
เราอาจจะมองเห็นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางชนิดนี้ เพียงแค่การเช็ดนำเอาสิ่งสกปรก และเครื่องสำอางต่างๆ ออกจากผิวหน้าเพียงเท่านั้น แต่มากกว่านั้น Cleansing Oil ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ไอเท็มหนึ่ง ที่ช่วยในการดูแลผิวหน้าร่วมไปกับการทำความสะอาดไปด้วย ดังนั้นเรามาดูกันว่า มีประโยชน์อะไรอีกบ้างที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ มีให้กับผิวหน้าของเรา
ขจัดสิ่งสกปรกพร้อมกับน้ำมันส่วนเกิน
คุณสมบัติในการเช็ดและนำเอาทั้งสิ่งสกปรก และน้ำมันที่อยู่ในรูขุมขนออกมาได้ส่วนหนี่ง โดยเฉพาะหากเป็น Cleansing Water ที่มีส่วนประกอบที่เป็นน้ำอยู่มากนั้น ก็จะช่วยเช็ดล้างเอาน้ำมันที่เกาะอยู่ทั้งบนผิวหน้า และภายในรูขุมขนออกมาพร้อมกัน ซี่งการใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า ก่อนการล้างหน้าจริงที่ต้องใช้น้ำนั้น เป็นเรื่องที่ดีกว่าการล้างหน้าเพียงอย่างเดียวแน่นอน
ดูแลความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้า
การทำความสะอาดผิวหน้าจะเป็นการดีแค่ไหน หากเรามีผลิตภัณฑ์ทั้งทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยความอ่อนโยนต่อผิวแล้ว ยังเป็นการบำรุงผิวนุ่มก่อนที่จะล้างหน้าในขั้นตอนต่อไปอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ในการเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้านี้ เราอาจจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ในช่วงวัยที่ยังน้อยอยู่ แต่ถือเป็นการเก็บสะสมความอ่อนวัยของผิว เพื่อในวันที่เราอายุเพิ่มขึ้น ยังคงมีสุขภาพผิวหน้าที่ดีต่อไปเรื่อยๆ เพราะการดูแลผิวหน้าไม่ได้ทำเพียงแค่วันเดียว แต่ต้องดูแลไปตลอด
สะดวกง่ายในขั้นตอนเดียว
เป็นประโยชน์ที่ตอบโจทย์ได้ดีกับผู้ที่ไม่ชอบขั้นตอน หรือการใช้ที่ยุ่งยาก สำหรับ Cleansing Oil ในบางรูปแบบที่เน้นการเช็ดทำความสะอาดผิวหน้าในขั้นตอนเดียว และสามารถล้างหน้าด้วยน้ำกับตัว Cleanser ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของเจล, รูปแบบโลชั่นหรือน้ำนม และรูปแบบบาล์ม เพียงแค่เทลงนวดหน้าเบาๆ ให้ทั่ว่บริเวณใบหน้า พร้อมกับหยดน้ำเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดน้ำนมในขณะที่นวดหน้าไปด้วย
ทำความสะอาดได้ล้ำลึกมากขึ้น
การทำความสะอาดไม่เพียงแค่ นำเอาสิ่งสกปรกออกจากผิวหน้าเพียงเท่านั้น แต่เป็นการนำเอาสิ่งสกปรกออกมา พร้อมกับการทำความสะอาดผิวหน้าในแบบล้ำลึกไปถึงรูขุมขน ด้วยการนวด Cleansing Oil เหมือนเป็นการสปาผิวหน้าไปพร้อมกันไปด้วย ถือว่าเป็นอีกหนี่งผลิตภัณฑ์ที่ถูกและดี มีประโยชน์ครอบคลุมในเรื่องการดูแลผิวหน้า เพราะหลังจากเช็ดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางด้วย Cleansing Oil แล้ว เราสามารถล้างหน้าต่อด้วย Cleanser ได้ในทันที
ลดริ้วรอยและความเหี่ยวย่น
ด้วยในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์นี้นั้น มีส่วนประกอบของน้ำและน้ำมัน ดังนั้นแล้วในขั้นตอนที่เราดูเหมือนว่า เป็นเพียงการเช็ดและทำความสะอาดผิวหน้าเพียงเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติเป็นการนำเอาความชุ่มชื่น และการบำรุงผิวนุ่มกลับคืนสู่ผิวหน้าได้ในขั้นตอนเดียว ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดที่ดีที่สุดสำหรับผิวหน้า
วิธีใช้คลีนซิ่งออยอย่างถูกต้อง ใช้ยังไง
อย่างที่เรารู้ขั้นตอนว่า ผลิตภัณฑ์ที่ใช้เช็ดสิ่งสกปรก และเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าที่เรียกว่า Cleansing Oil นี้นั้น เป็นเพียงขั้นตอนแรก และต้องตามด้วยการล้างหน้าต่ออีก 1 รอบ แต่เราสามารถแยกวิธีการใช้ตามรูปแบบของตัว Cleansing Oil ได้อีก เพราะบางรูปแบบก็มีความมันที่อยู่ในตัวผลิตภัณฑ์มาก รวมถึงบางรูปแบบจำเป็นต้องมีสำลี เป็นตัวกลางเพื่อเช็ดสิ่งสกปรกออกมา
ส่วนวิธีการเช็ดหรือการนวดในแบบง่ายๆ ก็คือ เช็ดสิ่งสกปรก หรือนวดไปตามแนวรูขุมขนของเรา หลีกเลี่ยงการเช็ดหรือนวด ย้อนรูขุมขน เพราะนอกจากจะไม่ทำให้สิ่งสกปรกภายในรูขุมขนออกมาได้หมดแล้วนั้น ยังเป็นการทำลายผิวหน้าให้เกิดริ้วรอยความเหี่ยวย่น, เพิ่มปัญหาให้รูขุมขนอุดตัน และยังเป็นการทำให้รูขุมขนมีการขยายตัวกว้างขึ้นได้อีกด้วย
1.ใช้งานร่วมกับสำลี
รูปแบบของผลิตภัณฑ์ Cleansing Oil ที่ควรใช้ร่วมกับสำลี เพื่อนำเอาสิ่งสกปรกออกมาก่อน ที่จะตามด้วยการล้างหน้าก็คือ Cleansing Water หรือรูปแบบน้ำ ด้วยความที่มีส่วนประกอบของน้ำ และเป็นของเหลว หากเราไม่มีสำลีในการเช็ดสิ่งสกปรกออกมาก่อน ก็อาจทำให้ขั้นตอนล้างหน้าต่อไป ทำความสะอาดไม่ดีเท่าที่ควร
ซึ่งรวมถึงแบบครีม และแบบ Cleansing Oil หรือแบบน้ำมันร่วมด้วย ที่ด้วยตัวเนื้อของผลิตภัณฑ์มีส่วนประกอบของน้ำมัน ที่มีสัดส่วนมากกว่ารูปแบบอื่นๆ จำเป็นที่จะต้องมีสำลีที่เป็นตัวกลาง ในการเช็ดนำเอาสิ่งสกปรกบนใบหน้า พร้อมกับตัวคลีนซิ่งออย ออกมารอบแรกก่อน ซึ่งการใช้ในรูปแบบครีม หรือแบบน้ำมันนั้น มีคุณสมบัติเด่นในเรื่อง การเน้นบำรุงผิวนุ่มพร้อมกับล้างเครื่องสำอางไปด้วยในตัว
2.นวดแล้วเกิดเป็นน้ำนม
หากผู้ที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ในบางรูปแบบมาแล้ว จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนลักษณะเป็นน้ำนมได้ด้วยสำหรับตัว Cleansing Oil แต่เป็นเฉพาะบางรูปแบบเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเจล, แบบน้ำนมหรือโลชั่น และรูปแบบบาล์มนั้น เราสามารถเทบนฝ่ามือ แล้วนวดบนผิวหน้า พร้อมกับหยดน้ำเล็กน้อยสำหรับรูปแบบบาล์ม โดยไม่ต้องใช้สำลีเช็ด
เหตุผลที่เน้นให้ใช้วิธีการนวดหน้าก็คือ ทั้ง 3 รูปแบบนี้จะเปลี่ยนคุณลักษณะมาเป็นน้ำนม ที่เป็นสีขาวข้น รวมถึงสิ่งสกปรกต่างๆ จะออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการยุ่งยาก ในการใช้สำลีเช็ดเอาสิ่งสกปรกออกมา เราสามารถที่จะล้างหน้าได้ทันที หลังจากที่นวดให้เกิดครีมน้ำนมแล้ว
3.ใช้งานง่ายในขั้นตอนเดียว ในรูปแบบพกพา
อีกหนึ่งรูปแบบที่เป็นทางเลือก ให้มีการใช้งานได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น รวมถึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่ต้องการพกพาผลิตภัณฑ์ Cleansing Oil นี้ในการเดินทางในรูปแบบแผ่น หรือแบบ Sheet ที่เป็นเยื่อกระดาษเปียก หลังการเช็ดจะให้ทั้งการบำรุงผิวนุ่มไปพร้อมกับการทำความสะอาดหมดจด เป็นรูปแบบที่ถูกและดี เหมาะที่จะเลือกใช้และสะดวกในการพกพา
วิธีเลือกซื่อคลีนซิ่งออย
ประเภท
ในแต่ละประเภทของ Cleansing Oil ก็มีการใช้งานที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิวหน้า ดังนั้นการที่เราจะพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ในการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกนี้ ควรที่จะเลือกพิจารณาประเภทของผลิตภัณฑ์นี้ ให้เหมาะสมกับผิวหน้าก่อนเป็นอันดับแรก คือ
แบบน้ำ (Cleansing Water)
คุณลักษณะเฉพาะคือ มีความใส ด้วยความที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ ดังนั้นผิวหน้าที่เหมาะที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ Cleansing Oil ในรูปแบบนี้ ได้แก่ ผิวมัน หรือผิวที่แพ้ง่าย เพราะจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง รวมถึงไม่สร้างปัญหารูขุมขนอุดตัน แต่มีคุณสมบัติอ่อนโยนต่อผิว และช่วยล้างเครื่องสำอางออกได้เกลี้ยง และสะอาดหมดจด
แบบน้ำมัน (Cleansing Oil)
ด้วยส่วนประกอบที่มีน้ำมันเป็นสัดส่วนที่มาก ดังนั้นจึงเหมาะที่จะใช้กับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง หรือผิวที่ต้องการบำรุง อย่างเช่น ผิวหน้าที่ลอก หรือแห้งเป็นขุย ถึงแม้ว่าการเช็ดด้วย Cleansing Oil นี้จะต้องตามด้วยการล้างหน้าด้วยน้ำ พร้อมกับผลิตภัณฑ์ Cleanser ในขั้นตอนต่อไปก็ตาม แต่ในขณะที่เช็ดทำความสะอาดในขั้นตอนแรกนี้ ก็ถือว่าเป็นการบำรุงผิวให้ความชุ่มชื่นเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนังไปด้วยในตัว
แบบเจล (Cleansing Gel)
เป็นคลีนซิ่งออยเนื้อเจลที่บางเบา และมีความใสนั้นทำให้การใช้ในรูปแบบเจลนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สำลี เป็นตัวกลางเพื่อเช็ดเอาสิ่งสกปรก หรือเครื่องสำอางออกมา เพียงแค่เทเจลลงบนใบหน้า และนวดให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ครีมน้ำนมจะช่วยทั้งนำเอาสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขน และเป็นการบำรุงผิวหน้าไปด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน และผิวทั่วไปสามารถใช้ได้
แบบน้ำนมหรือโลชั่น (Cleansing Milk)
เนื้อคลีนซิ่งที่มีสีขุ่น แต่มีเนื้อบางเบานี้ สามารถใช้ได้ในแบบเดียวกับเจล ที่เทนวดบนใบหน้าได้ทันที จากนั้นสามารถล้างหน้าต่อด้วยตัวผลิตภัณฑ์ Cleanser ได้ในทันที เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวปกติทั่วไปสามารถใช้ได้
แบบแผ่นพกพา (Cleansing Sheet)
หากใครต้องการเนื้อคลีนซิ่งที่เป็นแบบใส และมีความบางเบาเหมือนแบบ Cleansing Water นั้น ทางเลือกอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถนำไปใช้งานได้สะดวกในรูปแบบพกพาได้ด้วย คือ แบบแผ่น หรือแบบ Sheet นั่นเอง ซึ่งด้านในจะเป็นเหมือนกระดาษเปียก ที่มีความชุ่มชื่นของตัว Cleansing Water ที่คล้ายกับผลิตภัณฑ์เอสเซนส์ หรือน้ำตบนั่นเอง
แต่มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันคือ ในรูปแบบแผ่นนี้นั้น สามารถเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง ไปพร้อมๆ กับการบำรุงและให้ความชุ่มชื่นกับผิวหน้า รวมถึงเป็นรูปแบบที่เน้นการใช้งานง่ายและสะดวก ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการพกพาคลีนซิ่งไปตามที่ต่างๆ เพื่อใช้ในการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้า ถือว่าเป็นรูปแบบผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งที่ถูกและดี
แบบครีม (Cleansing Cream)
เป็นคลีนซิ่งออยรูปแบบเนื้อครีมที่เข้มข้น และเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง หรือผิวที่ขาดการบำรุง ตัว Cleansing Cream นี้นั้นนอกจากจะมีคุณสมบัติในการเช็ดนำเอาสิ่งสกปรกออกมาได้อย่างล้ำลึกแล้ว ยังถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผิวหน้า ก่อนการล้างหน้าจริงด้วย Cleanser อีกด้วย ทำให้หลังการล้างหน้าด้วยน้ำ จะไม่ทำให้ผิวหน้าเกิดความแห้งตึง ใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าแห้ง และลอกเป็นขุยได้
แบบบาล์ม (Cleansing Balm)
รูปแบบบาล์มจะมีลักษณะที่แตกต่างไปจากทุกๆ รูปแบบคือ มีเนื้อที่เข้มข้นและหนืดในตัว ดังนั้นในการใช้กับผิวหน้านั้น ควรที่จะหยดน้ำเล็กน้อยก่อน จากนั้นค่อยๆ ถูวนเหมือนเป็นการสปาผิวหน้าไปในตัว รูปแบบบาล์มนี้จะเหมือนกับรูปแบบ Cleansing Oil และแบบครีม ที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวที่ขาดการบำรุง รวมถึงผิวหน้าที่ลอกเป็นขุย ช่วยให้ผิวหน้ามมีสภาพดีขึ้นได้
2.ค่าความเป็นกลาง
ผิวหน้าไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาผิวมัน หรือผิวที่เป็นสิวง่าย การแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้ผิวมัน หรือลดการเกิดสิวด้วยการทำให้หน้าแห้ง ถือว่าเป็นความเข้าใจผิด และยิ่งก่อปัญหาเรื่องผิวมากขึ้นอีกด้วย เพราะเมื่อไหร่ที่ผิวหน้าแห้งนั้น ต่อมน้ำมันก็จะทำงานอัตโนมัติ เพื่อผลิตน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าปกติ
ดังนั้นทางแก้ที่ถูกต้อง และเป็นการดูแลทั้งผิวปกติ, ผิวมัน หรือผิวแพ้ง่ายก็ตาม คือ การเลือก Cleansing Oil ที่มีค่าความเป็นกลาง คือไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งหลังการเช็ดทำความสะอาด รวมถึงควรให้ความชุ่มชื่นกับผิวหน้าด้วยค่า ph เป็นกลาง ซึ่งจะเป็นการดูแลผิวที่อ่อนโยน ไปพร้อมกับการล้างเครื่องสำอางได้อย่างสะอาดเกลี้ยง ในแบบไม่มีสิ่งสกปรกตกค้างอีกด้วย
3.ปราศจากสารเคมีสังเคราะห์
การเน้นที่ไม่ควรมีส่วนประกอบสารเคมีไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์, การเติมกลิ่นสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นแรง รวมถึงสารพาราเบน ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองทั้งกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และผู้ที่มีปัญหารูขุมขนอุดตันอยู่แล้ว ที่อาจจะทำให้เป็นสิวขึ้นมาได้
ใช้ คลีนซิ่งออย อย่างไร ให้ไม่เกิดสิวอุดตัน
สรุป
ภาพรวมของผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งออยตัวนี้ เราจะเห็นแล้วว่าไม่ได้มีเพียงแค่รูปแบบให้เลือกหลากหลาย แต่ด้วยคุณสมบัติของแต่ละรูปแบบหรือแต่ละประเภทของผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งออยตัวนี้นั้น ยังมีความเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของเราที่แตกต่างกันอีกด้วย รวมถึงวิธีการใช้งานที่หากเน้นในรายละเอียดก็มีความแตกต่างกัน
ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ให้ได้ผลที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องของการเช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกได้เกลี้ยง และไม่เหลือสิ่งตกค้างบนผิวหน้า รวมถึงสามารถช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่ม ควรเน้นในการเลือกใช้ให้เหมาะสมทั้งกับสภาพผิวหน้า และรูปแบบของตัวคลีนซิ่งร่วมด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวหน้านี้ ถือว่าเป็นไอเท็มที่ถูกและดีในการเป็นเจ้าของ
นามปากกา เถาองุ่น การศึกษาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นนักรีวิวผลิตภัณฑ์ด้านการบำรุงผิวโดยเฉพาะ ทั้งผิวกาย ผิวหน้า ความงาม และเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายมาแล้วหลายยี่ห้อ
คลีนซิ่งออย Hada Labo
-เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ทำใหเหน้าแห้งตึง
-สูตรอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำมันแร่ น้ำหอมและสี
คลีนซิ่งออย Innisfree
-ช่วยขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนผิวหน้า
-สูตรน้ำมันเมล็ดแอปเปิ้ล คงความนุ่มชุ่มชื้นแก่ผิว
คลีนซิ่งออย THREE
-สูตรเฉพาะ อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
-ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรก ความมัน และฝุ่นละออง
คลีนซิ่งออย POSITIF
-ช่วยล้างเครื่องสำอาง ลดสิว กระชับรูขุมขน
-ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองแม้ผิวรอบดวงตา
คลีนซิ่งออย DHC
-ช่วยทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ไม่ทิ้งคราบมัน
-ช่วยสลายอายไลเนอร์สูตรกันน้ำที่ล้างออกยาก
คลีนซิ่งออย Dr.Pong
-เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและผิวบอบบางแพ้ง่าย
-ช่วยล้างเครื่องสำอางแม้แต่งหน้าหนักหรือกันแดดกันน้ำ
คลีนซิ่งออย Kurashirizumu
-ช่วยทำความสะอาดลึกถึงรูขุมขน อ่อนโยนต่อผิว
-ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง
คลีนซิ่งออย Relizema
-เหมาะสำหรับผิวแห้งมากและผิวบอบบาง
-สามารถทำความสะอาดบริเวณใบหน้าและลำตัวได้
คลีนซิ่งออย Tiara
-ช่วยทำให้ผิวหน้าสะอาด ชุ่มชื้น ไม่ทิ้งความมัน
-สูตรอ่อนโยนขั้นสุด คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถใช้ได้
คลีนซิ่งออย Kose Softymo
-ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและเร่งการขับเม็ดสีเมลานินทิ้ง
-ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขนออกอย่างง่ายดาย