10 โคลนพอกหน้า ยี่ห้อไหนดี 2024 ช่วยลดสิว ขาวใส กระชับรูขุมขน

โคลนพอกหน้า คืออะไร

คือ โคลนที่มาจาก เถ้าภูเขาไฟ ดิน และตะกอน ที่สำคัญคือ เป็นโคลนที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ, เหล็ก, แคลเซียม และแมกนีเซียม เป็นต้น การนำโคลนมาใช้ในการพอกหน้านี้ มีการเริ่มมองเห็นประโยชน์ รวมถึงการนำมาใช้ในยุคกรีกโบราณ หรือยุคเมโสโปเตเมีย จนถึงมาถึงปัจจุบันนี้ โคลนอย่างที่เราได้เห็นๆ กันว่า มีคุณค่าต่อการดูแลผิวหน้ามากแค่ไหน แม้ในยุคของพระนางคลีโอพัตราก็ตาม

ซึ่งในยุคสมัยของพระนางคลีโอพัตรานั้น การนำเอา สิ่งที่มาจากธรรมชาติอย่างเช่น โคลนนี้มาผสมร่วมกับ น้ำมันบริสุทธิ์, น้ำผึ้งและโคลนทะเล เพื่อใช้ในการดูแลไม่ใช่เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น แต่เป็นผิวทั่วร่างกายเลยทีเดียว ซึ่งกรรมวิธีนี้ก็มีการตกทอดมาถึงในยุคปัจจุบันนี้ ก็ยังมีคนนิยมดูแลผิวในแบบนี้กันอยู่

รวมถึงกรรมวิธีแบบนี้ ก็ยังยืนยันในเรื่องของการดูแลผิวพรรณ และผิวหน้า ไม่ว่ามีคุณสมบัติในด้าน การลดสิว, ช่วยให้ผิวขาวใส และช่วยกระชับรูขุมขนบนใบหน้าแบบได้ผลจริง

ประเภทของโคลนพอกหน้า

1.Bentonite Clay

เป็นลักษณะของโคลนที่มีการใช้เป็นศตวรรษ และเป็นที่ยอมรับด้วยว่า สามารถดูดซับสารพิษ และขจัดเชื้อโรคต่างๆ ออกไปได้ และนอกจากดูดซับและขับสารพิษออกจากผิวหน้าแล้วนั้น ยังสามารถช่วยดูดซับน้ำมันอย่างซีบัม ให้ลดน้อยลงได้ รวมถึงเหมาะสำหรับคนผิวมัน และยังช่วยลดปัญหาในการเกิดสิวได้ด้วยอีกทางหนึ่ง

โคลนชนิดนี้นั้น ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของการดูดซับน้ำมัน และการขับสารเคมี และสารพิษออกไปจากผิวหน้าได้อย่างหมดจด ช่วยลดสิว และกระชับรูขุมขนได้นั้น แต่สิ่งหนึ่งต้องระวังก็คือ ด้วยคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าลดความมันได้

การใช้ไม่ควรที่จะบ่อยจนเกินไป ซี่งอาจจะทำให้ผิวหน้าแห้ง หรือหากมีการพอกด้วยโคลนในรูปแบบนี้บ่อยเกิน 2 ครั้งต่ออาทิตย์ อาจเป็นการเร่งการสร้างน้ำมันมากขึ้น ผิวหน้าจะมีความมันเพิ่มมากกว่าปกติได้

2.Fuller’s Earth Clay

โคลนประเภทนี้เป็นส่วนประกอบของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางมากมาย มีที่มาจากตะกอนของดินภูเขาไฟ หลักๆ แล้วโคลนประเภท Fuller’s Earth Clay จะช่วยในการลดรอยแดง ทั้งที่เกิดจากสิว หรือรอยสิวหลังจากที่หายแล้ว และรวมถึงการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างขาวใสยิ่งขึ้น

3.Kaolin Clay

เป็นโคลนที่มีต้นกำเนิดจาก ภูเขาเกาหลิงในประเทศจีน หรือ Kaoling Mountain ความพิเศษของโคลนชนิดนี้ก็คือ เป็นการดูดซับเอาน้ำมันส่วนเกินออกจากผิวหน้า เพื่อเป็นการลดสิวแล้วนั้น และยังช่วยดูดเอาสารพิษ หรือสารเคมีตกค้างที่ผิวหน้าออก

โดยที่ไม่ทำให้ผิวหน้ามีสภาพที่แห้งจนเกินไปอีกด้วย และยังช่วยในการกระชับรูขุมขน รวมถึงการลดเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าได้อีก

โคลนที่ชื่อว่าเกาหลิงนี้ จะมีหลากหลายเฉดสี ที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้อย่างถูก และเหมาะสมตามลักษณะผิวของตัวเอง ซึ่งในแต่ละสีก็จะมีลักษณะเด่น และคุณสมบัติเฉพาะ อย่างเช่นถ้าเป็นสีขาว และสีเหลือง จะเหมาะสมกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย, โคลนสีแดง จะเน้นคุณสมบัติโดยเฉพาะกับผู้ที่มีผิวมันเป็นพิเศษ และ โคลนสีชมพูจะช่วยในเรื่องของลดสิว

4.French Green Clay

โคลนประเภทนี้ จะมีลักษณะที่สังเกตได้ง่ายคือ มีความเป็นโคลนเหนียว และข้น รวมถึงมีสีเขียว ซึ่งนั่นมาจากการย่อยสลายระหว่างพืช และแร่ธาตุเหล็กออกไซด์นั่นเอง คุณสมบัติที่เน้นในเรื่องของ การลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้า หรือที่เรียกว่า anti-aging ส่วนคุณสมบัติรองลงมาคือ การช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก และกระชับรูขุมขน

5.Australian Pink Clay

ลักษณะของโคลนสำหรับประเภทสุดท้ายนี้ เป็นลักษณะที่เกิดขึ้นได้เฉพาะที่ประเทศออสเตรเลียเท่านั้น ที่มีการเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เหมือนกับโคลนในแบบต่างๆ ข้างต้นนั้น คุณลักษณะเฉพาะของโคลนในแบบ Australian Pink Clay นั้นเราจะสัมผัสได้ถึงความละเอียด และเนียนของเนื้อโคลน นอกเหนือจากสีชมพูที่เป็นจุดเด่นที่สังเกตได้เป็นอย่างดีแล้ว

ส่วนแร่ธาตุที่มีอยู่ในโคลนประเภทนี้นั้น มีครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นซิลิก้า, เซเรเนียม, แมกนีเซียม, และแร่ธาตุสังกะสี และถือว่าเป็นประเภทของโคลนที่มีประโยชน์ในการใช้งานพอกหน้า ได้ทุกชนิดของผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าแห้ง, ผิวหน้ามัน, ผิวแพ้ง่าย, ผิวผสม หรือแม้แต่ผิวในรูปแบบธรรมดาก็ตาม

โคลนสีชมพูนี้ มีสรรพคุณในการทำความสะอาด รวมถึงการกระชับทุกรูขุมขนบนใบหน้า การช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่มีสภาพหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส ให้ผลัดเซลล์ผิว กลับคืนความชุ่มชื่น และช่วยให้ผิวขาวใสอย่างอ่อนโยน รวมถึงเป็นอีกหนึ่งประเภทของโคลนพอกหน้า ที่ช่วยแก้ปัญหาในการลดสิว และช่วยแก้ปัญหาผิวที่มันอย่างได้ผล

6.Rhassoul Clay

เป็นเนื้อโคลนที่มีสีน้ำตาลแดง ถูกพบที่ภูเขา Atlas หรือ Atlas Moutain โคลนประเภทนี้สามารถพบได้ที่ประเทศโมร็อกโก สามารถพอกผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยน และมีเนื้อโคลนที่เหนียวข้นเหมือนโคลนประเภท French Green Clay โคลนประเภทนี้มีความนิยมนำมาพอกได้ทั้งหน้า และพอกทั้งเส้นผม

แร่ธาตุที่มีอยู่ในโคลนประเภทนี้นั้น มีทั้งแร่ธาตุเหล็ก, สังกะสี, โซเดียม, แมกนีเซียม, โปรแตสเซียม และฟอสฟอรัส โคลนประเภทนี้มีคุณสมบัติในการดึงเอาน้ำมันจากรูขุมขนบนใบหน้า, สิ่งสกปรก, ฝุ่นละออง, มลภาวะ และสิ่งที่ฝังลึกในรูขุมขนบนผิวหน้า ให้ออกมาจนหมด รวมถึงการลดรอยแดงที่เกิดจากสิว หลังจากที่สิวหายอีกด้วย

หากมีการใช้โคลน Rhassoul Clay ติดต่อกันอย่างต่อเนื่องนั้น ด้วยความที่มีแร่ธาตแมกนีเซียม และโปแตสเซียมอยู่มาก จะช่วยในการปรับสภาพผิว ให้มีความสมดุลในการผลิตน้ำมันที่เรียกว่า ซีบัม และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ หากใช้ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากจะช่วยในการปรับความสมดุลให้กับสภาพผิว ในเรื่องของการผลิตน้ำมันออกมาแล้วนั้น ยังช่วยให้ผิวหน้าได้ดูดซับแร่ธาตุที่มีอยู่ในโคลนประเภทนี้ และมีผลต่อเนื่องมาให้กับผิวหน้าไม่แห้งหยาบกร้าน

โคลนพอกหน้า ช่วยอะไรต่อผิวบ้าง

ขจัดสิ่งสกปรก

ความพิเศษของโคลนที่ใช้ในการพอกหน้านี้ก็คือ นอกจากสามารถดูดซับความมันบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดีแล้ว การพอกโคลนไว้ที่หน้า จะช่วยในการดึงเอาสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ล้างไม่ออกด้วยโฟมล้างหน้า หรือคลีนซิ่งออยล์ แต่โคลนชนิดนี้สามารถดึงสิ่งสกปรกเหล่านี้ออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นในรูปของฝุ่นละออง ในแต่ละวันที่เราออกไปข้างนอก, เครื่องสำอางที่ตกค้างในรูขุมขนบนใบหน้า

รวมถึงการผลัดเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นมาแทน เซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้ว หากเราไม่มีการใช้โคลนในลักษณะนี้พอกหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกอุดตันไว้นในรูขุมขน และนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึงทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวหน้า เหมือนอย่างเช่น ครีมกระชับรูขุมขน , เซรั่มหน้าใส , น้ำตบ , ฮาดะลาโบะ , ครีมรกแกะ , เซรั่มเกาหลี , วิตามินบำรุงผิว , โฟมล้างหน้าลดสิว , ครีมลดริ้วรอย , ครีมบำรุงผิวหน้า

การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหน้า ให้มีเซลล์ผิวหน้าใหม่เกิดขึ้นนั้น เหมือนเป็นการดึงเอาสิ่งตกค้างต่างๆ ออกจากผิวของเราได้อีกทาง ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นโฟมล้างหน้า หรือแม้แต่คลีนซิ่งบางครั้งก็เอาเครื่องสำอาง, สิ่งสกปรกเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ออกไม่หมด ซี่งหมายรวมถึงสารพิษ หรือสารเคมีที่เราใช้บนใบหน้าของเรา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางต่างๆ ที่ใช้แต่งหน้าอยู่เป็นประจำ

โดยเฉพาะสาวๆ หรือผู้หญิงทำงาน ที่นิยมในการใช้แป้งเค้ก หรือแป้ง 2 way อยู่เป็นประจำ เพราะเนื้อแป้งในรูปแบบนี้ จะมีการผสมรองพื้นอยู่ภายในเนื้อแป้ง ที่สามารถปกปิดริ้วรอย และสามารถควบคุมความมันได้ดีกว่า แป้งฝุ่นที่มีลักษณะบางเบา

ดังนั้นในการทำความสะอาด และล้างออกก็จะยิ่งยากกว่าแป้งฝุ่นอย่างแน่นอน ควรที่จะมีการใช้โคลนแบบ Clay Mask 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ จะดีทั้งสำหรับผู้ที่มีผิวมัน และช่วยนำเอาสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขนอีกด้วย

ลดสิว, ช่วยกระชับรูขุมขน

การช่วยลดสิวเกิดมาจาก คุณสมบัติของโคลนชนิดนี้ ที่มีเนื้อละเอียด สามารถดูดซับความมันบนใบหน้า โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวมัน และผู้ชายที่มักจะมีสิวขึ้นอยู่เป็นประจำ รวมถึงผู้หญิงที่นิยมแต่งหน้า และอาจจะมีการล้างเครื่องสำอางออกไม่หมดในแต่ละวัน การใช้โคลนพอกหน้าอย่างน้อยๆ 1-2 ครั้งต่ออาทิตย์ ก็จะเหมือนเป็นการดีท็อกซ์ผิวหน้า และรูขุมขน เพื่อเป็นการนำเอาสิ่งสกปรกออกไป นอกจากลดสิวแล้ว ยังช่วยให้ผิวขาวใส และกระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี

ผิวขาวใส

หากเราพอกโคลนไว้เป็นเวลา 15 นาที เพื่อให้ตัวโคลนดูดเอาสารพิษต่างๆ ออกจากผิวหน้าภายนอก และรวมถึงรูขุมขนภายในก็จะไม่เกิดการอุดตัน,  ลดความหมองคล้ำให้กับผิวหน้า นอกเหนือจากนั้นแล้ว หลังเราล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดแล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้าได้รับความสดชื่น และแร่ธาตุซิลิก้า

ซึ่งแร่ธาตุซิลิก้านั้น จะมีคุณสมบัติในการช่วยซ่อมแซม และสมานเซลล์ผิวหนัง รวมถึงการลดอาการอักเสบของผิวหนัง, อาการแพ้ระคายเคือง และช่วยในเรื่องริ้วรอย และจุดด่างดำต่างๆ ที่เกิดจากสิว

การใช้โคลนพอกหน้าอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผิวขาวใสอย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงคุณสมบัติที่ดีข้อนี้ของโคลนพอกหน้านั้น ยังช่วยให้ผิวหน้าของเราได้หายใจ และให้โอกาสผิวหน้ามีการผลิตคลอลาเจน เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้าได้อีกทาง

เมื่อไหร่ที่เราเริ่มรู้สึกแล้วว่า ผิวหน้าของเราเริ่มหมองคล้ำ หรือไม่สดใส ผิวหน้าไม่ฉ่ำน้ำ หรือแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางอะไรก็ไม่ติด นั่นเป็นเพราะสุขภาพของผิวหน้าของเราเริ่มจะแย่ การให้โคลนที่ใช้พอกหน้า เป็นการดีท็อกซ์ผิวหน้า อย่างน้อยๆ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ แบบง่ายๆ เพียงแค่ครั้งละ 15 นาทีเท่านั้น นอกจากเราจะได้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสกว่าเดิมแล้ว ยังช่วยในการกระชับรูขุมขน ซี่งจะช่วยในการแต่งหน้าครั้งต่อไปของเราติดทนดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ลดความมัน

สิ่งหนึ่งที่อาจจะสับสน ระหว่างโคลนพอกหน้า ที่ใช้คำที่แตกต่างกัน แต่เหมือนพอแปลมาเป็นไทยแล้วความหมายแบบเดียวกันนั้นก็คือ Mud Mask และ Clay Mask ซี่งถ้าเป็นโคลนที่ใช้ในการพอกหน้าแบบ Clay Mask นั้น จะมีคุณสมบัติเหมือนในข้อนี้ก็คือ ช่วยในการลดความมัน และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีผิวมัน ที่สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย

โดยมีลักษณะการทำงาน ที่เป็นการดูดซับความมันที่ออกมาในรูปของ น้ำมันที่เรียกว่า ซีบัม เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวที่มันง่าย และมีผิวหน้ามันอยู่ตลอดเวลา การล้างหน้าเป็นประจำอาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวมันได้ อีกทั้งยังเหมือนเป็นการเพิ่มการผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย การเลี่ยงมาใช้ Clay Mask ในลักษณะรูปแบบนี้จะเป็นการดีกว่า

แนะนำวิธีเลือกซื้อโคลนพอกหน้า

1.ประเภทของโคลนพอกหน้า

เราสามารถที่จะเลือกดูจากรายละเอียด ของส่วนประกอบของโคลนชนิดนั้นๆ ว่าเป็นโคลนประเภทไหน ตามข้อมูลข้างต้นที่แบ่งประเภทโคลนไว้ 6 ประเภท ซี่งในแต่ละประเภท ก็จะมีลักษณะ และคุณสมบัติเด่นๆ เฉพาะตัว

อย่างเช่น ประเภท Rhassoul Clay จะมีจุดเด่นอยู่ที่ การช่วยปรับสมดุลของผิว ให้เกิดความสมดุลในการผลิตน้ำมันที่เรียกว่า ซีบัมออกมาอย่างพอดี  หรือประเภท Kaolin Clay มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน

2.ส่วนประกอบอื่นๆ

โคลนที่ผลิตออกมาในรูปแบบโคลนดินเหนียวนั้น อาจจะมีส่วนประกอบอื่นๆ นอกเหนือจากตัวโคลนธรรมชาติ และแร่ธาตุหลักๆ ที่เป็นส่วนประกอบจากธรรมชาติได้แก่ น้ำผึ้ง, ไฮยาลูโรนิค ที่มีหน้าที่กักเก็บน้ำไว้ใต้ผิวหน้า ให้เกิดความชุ่มชื่น และมีน้ำมีนวลอยู่ตลอดเวลา หรือว่านหางจระเข้ ที่ช่วยในการลดรอยแดง ที่เกิดจากสิว และช่วยกระชับรูขุมขน

3.ลักษณะของโคลนพอกหน้า

แบบผง

เราจะต้องนำโคลนแบบผงนี้ มาผสมน้ำเอง เพื่อปรับความเข้มข้น และความเหนียวให้เหมาะกับการพอกหน้า ซี่งก็มีการแบ่งสีออกตามคุณสมบัติ และความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละผิวหน้า

แบบเนื้อดินเหนียว หรือโคลนภูเขาไฟ

เรามักจะเห็นในบรรจุภัณฑ์ หรือรูปแบบการใส่ในกระปุก ที่สามารถใช้งานในการพอกหน้าได้ทันที ซึ่งหากเป็นแบบโคลนดินเหนียวสำเร็จรูปเลยนั้น อาจจะมีส่วนประกอบอื่นๆ ที่ทำให้การใช้งานที่ง่าย และน่าใช้ในการพอกหน้ามากขึ้น

อย่างเช่น การใส่กลิ่นหอมลาเวนเดอร์เข้าไป ผสมน้ำมันที่ช่วยให้ผิวมีความนุ่มลื่น หรือกลิ่นน้ำมันไม้จันทร์ Sandalwood Essential Oil การผสมน้ำมันสกัดชาเขียว หรือ Tea Tree Oil เพื่อช่วยในการลดความมันบนใบหน้า และลดสิว

วิธีใช้โคลนพอกหน้า

คุณสมบัติที่เป็นประโยชน์สำหรับ โคลนพอกหน้าที่เรารู้ได้ว่า มีประโยชน์ที่มากมาย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องปัญหาของผิวหน้าไม่ว่าจะเป็น ผิวมันที่ช่วยลดน้ำมัน และปรับคืนความสมดุลให้กับผิวหน้า,

สำหรับผิวหน้าที่มักจะมีสิวนั้น ก็สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เสมือนเป็นการดีท็อกซ์สิ่งอุดตันออกไป รวมถึงตัวไขมันที่อุดตันในรูขุมขน ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ

รวมถึงแร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมายในโคลนที่ใช้พอกหน้านี้ แต่หากโคลนที่เราเลือกซื้อมาแล้ว เพื่อใช้ในการดูดซับสิ่งสกปรกออกไป พร้อมกับความมันนี้ จะไม่ได้ผลในการใช้ได้จริงเลย หากมีวิธีการใช้ที่ไม่ถูกต้อง

ดังนั้นเรามาดูกันว่า วิธีและขั้นตอนในการใช้โคลนพอกหน้าแบบง่ายๆ แต่ได้ผลที่ดีต่อผิวหน้า จนใครหลายคนต้องใช้ต่อเนื่องเป็นประจำ ว่ามีขั้นตอนพอกหน้าอย่างไรกันบ้าง

1.ล้างหน้าให้สะอาด และเช็ดหน้าให้แห้ง

2.นำโคลนมาพอกหน้า ตามประเภทที่เหมาะกับปัญหาหน้าของแต่ละบุคคล

3.ทิ้งให้โคลนดูดซับสิ่งสกปรก, สิ่งอุดตัน, สารพิษที่อยู่ภายใต้รูขุมขน รวมถึงความมัน ไว้เป็นเวลา 15 นาที

4.จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดออกให้เกลี้ยง

5.ควรมีการใช้โคลนในการพอกหน้าแบบนี้ เป็นประจำหรือ สามารถที่จะใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ จะเห็นผลได้อย่างชัดเจน

โคลนพอกหน้า พอกสิว ออกใหม่ ลดสิว,คุมมัน ผิวดี

สรุป

ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางที่ใช้กับผิวหน้านั้น เราไม่มีทางรู้เลยว่า หลังการใช้งาน หรือกลับจากทำงานแล้ว ในแต่ละวันที่เรามีการล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้วนั้น แท้ที่จริงแล้วออกหมดจริงหรือไม่

ซึ่งเราอาจจะใช้วิธีสังเกตโดยการนำสำลีชุบคลีนซิ่งเช็ดดูอีกรูป แต่เราไม่รู้ว่าภายใต้รูขุมขน ยังมีสารพิษ หรือเครื่องสำอางที่เราล้างไม่สะอาด และกลายเป็นปัญหาของผิวหน้า โดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัวเลยก็ได้

ดังนั้นในแต่ละอาทิตย์ ที่เราจะทำดีท็อกซ์ให้กับผิวหน้าของตัวเราเอง ด้วยการพอกหน้าด้วยโคลน ที่เราพิจารณาเลือกใช้ได้อย่างถูกกับ ลักษณะปัญหา และประเภทของผิวหน้าของเราได้อย่างถูกต้อง และจะเป็นการดีที่สุด เมื่อโคลนพอกหน้าที่เราใช้ จะช่วยปรับสภาพผิวหน้า และกระชับรูขุมขนให้กับเรา พร้อมทั้งการผลัดเซลล์ผิวหน้า ได้อย่างอ่อนโยน และกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

ดูแลบทความโดย เหมียว

นามปากกา เถาองุ่น การศึกษาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เป็นนักรีวิวผลิตภัณฑ์ด้านการบำรุงผิวโดยเฉพาะ ทั้งผิวกาย ผิวหน้า ความงาม และเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายมาแล้วหลายยี่ห้อ

• Facebook
• X
• Line