น้ำยาล้างขวดนม คืออะไร
คือ น้ำยาที่ทำออกมา เพื่อเน้นในการล้างขวดนมทารกโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติในการล้างและทำความสะอาดคราบนมที่ติดตามขวดนม และชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ของขวดนม โดยเฉพาะส่วนที่เป็นจุกนม มีความสำคัญเป็นพิเศษ เพราะเป็นส่วนที่สัมผันกับทารกโดยตรง โดยน้ำยาล้างขวดนมนั้น ควรที่จะมีส่วนผสมมาจากธรรมขาติ หรืออร์แกนิค ที่เน้นความปลอดภัยกับทารก
โดยคุณสมบัติที่สำคัญ ของน้ำยาที่เน้นใช้กับขวดนมนี้นั้น ควรที่จะไม่มีกลิ่น, สามารถล้างเอาคราบนมผงที่เกาะติด หรือฝังแน่นออกไปได้เกลี้ยงทุกซอกทุกมุมของชิ้นส่วนขวดนม รวมถึงมีคุณสมบัติขจัดกลิ่นนม และไม่มีกลิ่นตกค้างเหลือทิ้งไว้ในขวดนม ช่วยให้การทำความสะอาดขวดนมของคุณแม่ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ และเบาแรงไปได้ บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ ที่เน้นออกแบบมาเป็นขวดหัวปั๊ม เพื่อให้กดใช้ได้ง่าย และมีราคาไม่แพง
รวมถึงหลังการล้างขวดนมในทุกครั้งนั้น เราควรที่จะมีการอบฆ่าเชื้อขวดนม ก่อนที่จะประกอบชิ้นส่วนต่างๆ และเมื่อมีการฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้ว แนะนำว่าควรประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนก้นขวดนม, ส่วนฝาเกลียว, ส่วนจุกนม และส่วนฝาครอบนั้นให้เรียบร้อย โดยเฉพาะส่วนที่เป็นฝาครอบ ควรที่จะครอบจุกนมด้านในทุกครั้ง ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการกันเชื้อโรค และอากาศที่อาจมีฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกปนเปื้อนเข้าไป
ส่วนขั้นตอนที่ทำการฆ่าเชื้อโรค หลังที่เราล้างขวดนมเรียบร้อยแล้วนั้น เราสามารถวางคว่ำเพื่อให้ด้านในของขวดนม แห้งดีก่อน แล้วจึงนำไปทำการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งส่วนใหญ่การฆ่าเชื้อโรค จะเน้นใช้น้ำเป็นตัวกลาง และให้ไอน้ำที่ระเหยขึ้นฆ่าเชื้อโรค แต่จะเว้นเพียงแค่ ตู้อบฆ่าเชื้อโรค ที่เน้นใช้แสง UV และจะเป็นการอบชิ้นส่วนต่างๆ ของขวดนมให้แห้งสนิท โดยเราสามารถเลือกรูปแบบการฆ่าเชื้อขวดนมได้ในรูปแบบต่างๆ ดังนี้ คือ
- เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อโรคด้วยไฟฟ้า เน้นการใช้ไอน้ำในการฆ่าเชื้อ
- ไมโครเวฟ โดยต้องมีภาชนะที่ทนความร้อน แยกชั้นคว่ำขวดนม และชั้นใส่น้ำด้านล่าง
- เครื่องอบฆ่าเชื้อโรคด้วย UV
ความสำคัญของน้ำยาล้างขวดนม
ทารกหรือเด็กแรกเกิด หรือInfant นั้นที่มีอายุตั้งแต่เริ่มคลอดออกมา ถึงอายุ 12 เดือนหรือ 1 ปี เป็นช่วงวัยที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่ ทั้งในเรื่องของการเลี้ยงดู, สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาด และความถูกสุขอนามัย เพราะเหล่านี้มีผลกระทบต่อทารกโดยตรง ไม่เพียงแค่ทางด้านอารมณ์ และจิตใจ แต่สำคัญกว่านั้นคือ สุขภาพร่างกายและความแข็งแรงของทารก
เพราะในช่วงเวลาแรกเกิดถึง 12 เดือน และเน้นความสำคัญในช่วง 6 เดือนแรกนั้น ควรที่จะเอาใจใส่ในเรื่องความสะอาดไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ต่างๆ ที่สัมผัสโดยตรงทั้งทางปาก หรือ อวัยวะต่างๆ ของทารก ต้องผ่านการล้าง และฆ่าเชื้อโรคไม่ว่าจะเป็นการต้ม, นึ่งหรืออบ อย่างเช่น การใช้น้ำยาล้างขวดนม ที่เป็นน้ำยาใช้ทำความสะอาดขวดนมโดยตรง เป็นต้น
อีกทั้งยังมีส่วนประกอบหลายชิ้น เราจึงควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคราบนมติดค้าง, การล้างฟองของน้ำยาออกจนหมด, อุปกรณ์ที่ต้องแห้งสนิทก่อนนำมาใช้ และรวมถึงสิ่งสกปรก หรือฝุ่นต่างๆ ที่จะมาเกาะจับหลังจากนั้น เป็นต้น ซึ่งการล้างเอาคราบ นมผง ติดค้าง ด้วยการมีอุปกรณ์ทำความสะอาด ที่ควรมีติดบ้านไว้อย่างเช่น แปรงล้างขวดนม ก็จะช่วยให้สามารถล้างเอาคราบนม และคราบต่างๆ ออกได้แม้แต่ในมุมหรือซอกเล็กๆ ที่ก้นขวดนมก็ตาม
การมีน้ำยาล้างชวดนม ที่มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดขวดนม ให้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ทิ้งคราบ และไม่มีกลิ่นติดค้างแล้วนั้น เรายังควรมีเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับทารกเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ อย่างเช่น ที่ดูดน้ำมูกทารก , คาร์ซีท , ที่กั้นบันได , คอกกั้นเด็ก , ที่คว่ำขวดนม , ขวดนม , เครื่องอุ่นนม , ผ้าคลุมให้นม เพราะถือว่าเป็นของใช้และอุปกรณ์ ที่มีความจำเป็น และต้องใช้งานเป็นประจำสำหรับทารก หรือเด็กแรกเกิด
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนในการล้างขวดนม, น้ำยาล้างขวดนม, การนำขวดนมผ่านการฆ่าเชื้อโรค และสุดท้ายขั้นตอนการชงนมก็ตาม เราควรเน้นในเรื่องของความสะอาด และความอนามัย เพราะในช่วงอายุ 6 เดือนแรกของทารก จะมีความไวต่อเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ โดยเฉพาะเด็กที่มีการคลอดก่อนกำหนด หรือเด็กที่เกิดมาพร้อมกับโรคประจำตัว เรามาดูกันว่า ขั้นตอนและวิธีการล้างขวดนม ควรที่จะเน้นในเรื่องไหนกันบ้างดังนี้ คือ
ขั้นตอนและวิธีการล้างขวดนม
1.ถอดชิ้นส่วนประกอบของขวดนม โดยเฉพาะส่วนที่เป็นจุกนมยาง และฝาเกลียวขวดนม เพราะเป็นส่วนที่สสะสมคราบนม และเป็นส่วนที่สัมผัสกับปากของทารกโดยตรง
2.นำชิ้นส่วนที่เราถอดออกแล้ว ไว้รวมกันในภาชนะที่ใหญ่พอ แล้วนำน้ำร้อนเทไปที่ชิ้นส่วนประกอบต่างๆ เพื่อให้คราบออกได้ง่าย และเพื่อฆ่าเชื้อโรครอบแรกของการล้าง
3.นำเอาน้ำยาล้างขวดนมนั้น มาผสมกับน้ำสะอาด แล้วนำฟองน้ำเท่านั้นจุ่มน้ำยาที่ผสมน้ำแล้ว ล้างในบริเวณผิวด้านนอก
4.ส่วนด้านในขวดนมนั้น ให้ใช้แปรงล้างขวดนม จุ่มน้ำยาที่เราผสมไว้ ถูตามซอกมุมที่แคบ โดยเฉพาะก้นขวดนม
5.ล้างน้ำสะอาดตามอย่างน้อย 2 รอบ โดยเฉพาะด้านในขวดนม ควรที่จะเปิดดน้ำไหลผ่านด้านในขวดนม และเทน้ำทิ้งหลายรอบ โดยการดูว่าฟองน้ำยาล้างขวดนมนั้น ออกจนหมด
6.ในขณะที่ล้างด้วยน้ำสะอาดนั้น ควรใช้มือถูเอาฟอง และคราบบางส่วนออกให้หมด
7.ควรดูความลื่นของขวดนมด้านในและด้านนอก ว่ายังมีคราบตกค้างของน้ำยาที่ล้างเหลืออยู่หรือไม่ รวมถึงคราบนมตามขอบและมุมของขวดนม
8.ล้างเรียบร้อยแล้ว ให้วางผึ่งบริเวณที่มีอากาศระบายได้สะดวก หรือสามารถนำเข้าตู้อบฆ่าเชื้อโรค เพื่อให้ขวดนมแห้งสนิท
9.การนำมาใช้ในแต่ละครั้ง ก็ควรมีการอบฆ่าเชื้อ หรือนึ่งขวดนมฆ่าเชื้อล่วงหน้าไว้ก่อนการนำมาชงนมให้ทารก
10.เมื่อขวดนมผ่านการฆ่าเชื้อโรคแล้วไม่ว่าจะเป็นการเข้าตู้นึ่งฆ่าเชื้อโรค หรือตู้อบฆ่าเชื้อโรค หากด้านในและส่วนด้านนอกขวดนมแห้งสนิทดี ควรประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เพื่อลดการปนเปื้อน หรือการเข้าไปของอากาศ ที่อาจมีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกปะปนเข้าไปด้านในขวดนม
วิธีเลือกซื้อน้ำยาล้างขวดนม
ในส่วนของผลิตภัณฑ์น้ำยาที่ใช้ล้างขวดนม ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไอเท็มของใช้ สำหรับทารกแรกเกิด ที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมี เพราะด้วยคุณสมบัติโดยรวม และส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นี้ ที่เน้นการทำความสะอาดขวดนมทารกโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีรูปแบบขวด ที่เอื้ออำนวยให้มีการใช้งานที่ง่ายและรวดเร็ว ด้วยขวดหัวปั๊ม และราคาไม่แพง คุ้มค่ากับการใช้ร่วมกับอุปกรณ์อย่างขวดนมของทารก ที่เราควรเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของเรา
น้ำยาล้างขวดนมควรปราศจากสารอันตราย
ส่วนประกอบของน้ำยาล้างขวดนม ที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลเสียทั้งกับผู้ล้างขวดนมเอง อย่างเช่น อาการแพ้จากสารพาราเบน หรือการระคายเคืองกับส่วนประกอบที่เป็นแอลกอฮอล์ผสมอยู่ มากกว่านั้นแล้ว หากมีสารเคมีอันตรายอย่างเช่น สารฟอร์มัลดีไฮต์ หรือโซเดียมลอริลซัลเฟต ที่เน้นยืดอายุของน้ำยาล้างขวดนมได้นาน และเพิ่มฟองให้กับผลิตภัณฑ์ที่มากจนเกินไป
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของสารเคมีเหล่านี้ เราควรที่จะหลีกเลี่ยงเลือกใช้ เพราะนอกจากจะมีการทำความสะอาดขวดนมได้ยากแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่ทารกจะได้รับสารเคมีเหล่านี้ ที่เป็นส่วนประกอบในน้ำยาที่ใช้ล้างขวดนม เข้าไปในร่างกาย นอกจากจะส่งผลในเรื่องของสารเคมีเหล่านี้ ตกค้างและสะสมในร่างกายของทารกแล้วนั้น ยังมีผลให้ทารกมีอาการข้างเคียงอย่างเช่น คลื่นไส้, อาเจียน หรือท้องเสียได้ โดยสารเคมีที่ควรหลีกเลี่ยงมีดังนี้ คือ
- แอลกอฮอล์ สร้างการระคายเคืองต่อผิวหนัง
- สารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต สารช่วยให้เกิดฟอง ลดแรงตึงของผิวน้ำ
- พาราเบน สารระงับการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยืดอายุผลิตภัณฑ์
- ฟอร์มัลดีไฮต์ ก่อให้เกิดการระคายเคือง อย่างเช่น แสบตา และระคายเคืองผิวหนัง มีส่วนให้เกิดมะเร็งได้ หากร่างกายได้รับเข้าไปในเวลานาน และปริมาณที่มาก
เลือกกลิ่นของน้ำยาล้างขวดนม
ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นน้ำยา ในการล้างขวดนมให้กับทารกในแบบไม่มีกลิ่นหรือเป็นกลิ่นอ่อนๆ ที่มาจากสารสกัดธรรมชาติเพียงเท่านั้น เพราะยิ่งน้ำยาที่ใช้ล้างขวดนม มีกลิ่นที่แรงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้มีปัญหาในการล้างออกจาก ขวดนมได้ยากมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งหากยังมีกลิ่นติดค้างที่ขวดนม โดยที่เราไม่ระวังความสะอาด ในการล้างขวดนมที่ดีพอ ก็อาจเป็นสาเหตุให้ทารกเกิดอาการแพ้, ภูมิแพ้ จากกลิ่นที่เป็นตัวกระตุ้นอาการอย่างเช่น
- จมูก แสบ, คันยิบๆ ที่จมูก และมีอาการจามรวมถึง น้ำมูกไหลร่วมด้วย
- ตา น้ำตาไหล, แสบบริเวณตา และคันตา
- ระบบทางเดินหายใจ มีการหายใจลำบาก และแน่นหน้าอก
- ผิวหนัง เกิดการแสบ, คัน และขึ้นผื่นแดง ซึ่งสามารถเป็นได้ทั่วร่างกาย
โดยอาการแพ้ หรือภูมิแพ้ที่เกิดจากกลิ่นที่แรง หรือกลิ่นฉุนนี้ อาจเพียงแค่ก่อความรำคาญ หรือเป็นสาเหตุเริ่มแรกของอาการเกิดภูมิแพ้ และอาการแพ้กับทารกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ในทารกที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ, ทารกคลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่มีโรคประจำตัวมาพร้อมกับการเกิดอยู่แล้ว ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะทารกที่มีอาการภูมิแพ้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งทำให้เราควรระวังปัจจัยเสี่ยง ในเรื่องกลิ่นของน้ำยามากขึ้น
เลือกน้ำยาล้างขวดนมที่ฟองน้อย
นอกจากเรื่องกลิ่นและส่วนประกอบของ น้ำยาล้างขวดนม ที่เราควรใส่ใจ และพิถีพิถันในการพิจารณาเลือกซื้อแล้วนั้น การดูที่ตัวน้ำยาควรที่จะมีการให้ฟองที่น้อย ในขณะที่ทำการล้าง เพื่อที่จะช่วยให้การล้างคราบฟองออกได้ง่าย และไม่เหลือทิ้งคราบฟองไว้กับตัวขวดนม ซี่งสารตกค้างเหล่านี้ ส่งผลเสียให้กับทารก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้หมด
วิธีล้างขวดนม ให้สะอาด
สรุป
นอกจากการเลี้ยงดูทารกนั้น ที่เราจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของ ความรัก ความเอาใจใส่ในการดูแลทางด้านจิตใจแล้ว การให้ความสำคัญกับความสะอาด ทั้งด้านเสื้อผ้า และร่างกาย รวมถึงอาหารการกินก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กันทีเดียว โดยเริ่มต้นที่การเลือกใช้ น้ำยาล้างขวดนม ที่มีความอ่อนโยน เน้นการทำความสะอาดคราบนมออกได้ง่าย, ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง และไม่มีสารตกค้าง ที่จะส่งผลเสียต่อทารก
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
น้ำยาล้างขวดนม Lamoon
-ไม่ทิ้งสารตกค้าง อ่อนโยนจากธรรมชาติ 100 %
-สามารถล้างคราบไขมันจากนมออกได้ง่าย
น้ำยาล้างขวดนม Babi Mild
-สำหรับทำความสะอาดขวดนม จุกนม และภาชนะ
-ผ่านการทดสอบการระคายเคือง ไม่ใส่สารพาราเบน ไม่ใส่สี
น้ำยาล้างขวดนม D-Nee
-สามารถขจัดคราบไขมันและกลิ่นคาวนมได้อย่างสะอาด
-ปราศจากน้ำหอม สารสกัดออร์แกนิคอโลเวล่า
น้ำยาล้างขวดนม Kodomo
-หมดกังวลเรื่องสารตกค้าง สะอาด ปลอดภัย
-เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด ทำความสะอาดของเล่นได้
น้ำยาล้างขวดนม Pigeon
-มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 100 % และยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
-สามารถทำความสะอาดคราบขวดนม จุกนม และของเล่น
น้ำยาล้างขวดนม Save D
-สามารถขจัดคราบสิ่งสกปรกได้มากถึง 7 ชนิด
-มีสารสกัดออร์แกนิคจากคาโมมายด์และแตงกวา
น้ำยาล้างขวดนม Enfant
-สูตรออร์แกนิค ลดปัญหากลิ่นจากนมและขจัดกลิ่นตกค้าง
-สารทำความสะอาดย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
น้ำยาล้างขวดนม Pipper Standard
-อ่อนโยน ไม่มีสารตกค้างที่เป้นอันตราย
-สามารถใช้ล้างผักและผลไม้ได้เป็นอย่างดี
น้ำยาล้างขวดนม Toddy
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 450 มิลลิลิตร
-สามารถขจัดคราบโปรตีนของน้ำนมได้เป็นอย่างดี
น้ำยาล้างขวดนม Pureen
-ไม่ทิ้งสารตกค้าง สารสกัดจากมะพร้าวและข้าวโพด
-อ่อนโยน สามารถล้างขวดนม ของเล่นเด็ก และผักผลไม้ได้