น้ำจิ้มซีฟู้ด คืออะไร
คือน้ำจิ้มที่กินคนส่วนใหญ่เน้นกินคู่กับอาหารทะเล หรืออาหารซีฟู้ดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผา, หอยแครงย่าง, ปลาหมึกย่าง, ทะเลลวกจิ้ม, ปูม้านึ่ง หรือหมูย่าง เป็นต้น น้ำจิ้มซีฟู้ดยังถือว่าเป็นน้ำจิ้มที่ช่วยชูรสชาติ ให้อาหารจานนั้นๆ มีรสชาติความอร่อยเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น เป็นตัวช่วยให้เราเจริญอาหาร
น้ำจิ้มซีฟู้ด กินกับอะไรได้บ้าง
จริงๆแล้วด้วยรสชาติจัดจ้าน ของน้ำจิ้มอาหารทะเลนี้ เราสามารถนำมาปรับกินได้กับอาหารหลากหลาย หรือแม้กระทั่งนำมาเป็นเครื่องเคียงในรูปแบบน้ำจิ้ม ร่วมกับมื้ออาหารแทนพริกน้ำปลาก็ยังได้ ซี่งให้รสชาติที่ครบรสมากกว่าอีกด้วย เราสามารถนำมาจิ้มกับของทอด หรือของกินเล่น อย่างเช่น เกี๊ยวทอด, ปอเปี๊ยะทอด และลูกชิ้นทอดยืนกิน ที่เป็นเทรนด์ติดลมบนมาถึงวันนี้ ได้แบบอร่อยและทำให้อยากกินไปเรื่อยๆ
รวมถึงอาหารจานหลัก ที่ต้องถูกจับคู่กับน้ำจิ้มรสจัดชนิดนี้ อย่างเช่น อาหารทะเลเผา ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเผา, ปลาหมึกย่าง และอาหารทะเลอีกหลากหลายชนิด โดยใช้ร่วมกับ เตาแก๊สปิ้งย่าง , เตาปิ้งย่างไฟฟ้า , เตาปิคนิค รวมถึงเครื่องปรุงรสและวัตถุดิบต่างๆ ที่กินร่วมกับอาหารทะเลาเผา และน้ำจิ้มอาหารทะเลนี้ ไม่ว่าจะเป็น กะทิกล่อง , กุนเชียง , กิมจิ , น้ำปลาแท้ , มาม่าเกาหลี , ข้าวญี่ปุ่น , ผงโรยข้าว ที่มาช่วยเสริมให้ทุกอย่างลงตัวมากขึ้น
อย่างเช่น กะทิกล่องที่ใครจะไปรู้ว่าเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่ง ในการย่างกุ้งแม่น้ำ ให้มีรสชาติที่หอม และหวานมันมากขึ้น, กุนเชียงที่เราสามารถนำมาทอด กินเล่นๆ แบบหยุดไม่อยู่ เมื่อนำมาจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด หรือกิมจิที่เปีนเครื่องเคียงกินร่วมกับ อาหารทะเลเผาและข้าวญี่ปุ่นร่วมกับน้ำจิ้มอาหารทะเลนี้ พร้อมกับผงโรยข้าวได้อย่างลงตัว
กุ้งเผา
หากเราพูดถึงกุ้งเผา ส่วนใหญ่แล้วจะต้องเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือไข่หัวกุ้งที่มันเยิ้ม และเมื่อนำมาเผาจนสุกแบบพอดีแล้ว สามารถที่จะนำมากินคู่กับน้ำจิ้มรสแซ่บอย่างน้ำจิ้มซีฟู้ดนี้ หรือตักน้ำจิ้มมาผสมกับไข่กุ้ง และคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ ที่รับรองความอร่อย และหอมมันไม่แพ้กับมันปูเลยทีเดียว
เรามักจะเห็นว่าการนำกุ้งแม่น้ำมาเผานั้น สามารถที่จะทำให้สุกได้ง่ายๆ และไม่ทำลายเนื้อกุ้ง ให้มีเนื้อสัมผัสที่ยังคงความนุ่มละมุน และมีความหวานในเนื้อกุ้งอยู่ ด้วยการผ่ากลางลำตัวกุ้ง ที่มีความหนาออกทั้ง 2 ข้าง และวางเผาโดยหงายส่วนที่เป็นเนื้อกุ้งขึ้น ส่วนที่เป็นเปลือกกุ้งให้โดนไฟด้านล่าง และควรคุมไฟไม่ให้แรงจนเกินไป
ซึ่งการคุมไฟไม่เบามากไป และไม่แรงจนเกินไปนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เนื้อกุ้ง ค่อยๆ กุ้งจนเกิดน้ำตกลงมา จนเนื้อกุ้งแห้งสนิทดี รวมถึงถนอมความฉ่ำด้านใน ทำให้เนื้อไม่กระด้าง ซึ่งเราสามารถนำมาเผาบนเตาแก๊ส, เตาไฟฟ้า, เตาถ่าน ที่มีกระทะ หรือตะแกรงรองด้านบนได้หมด เพียงแต่ต้องควบคุมไฟให้ดี และหมั่นคอยดูไม่ให้สุกจนเกินไป
แต่กุ้งแม่น้ำเผาไม่ว่าจะเป็นตามร้านอาหาร หรือทำกินเองตามบ้าน เรามักจะเห็นความแตกต่างของแต่ละที่ ที่มีฉ่ำของเนื้อกุ้งแตกต่างกัน, ไข่หัวกุ้งที่สุกเกินหรือสุกไม่พอดี และเปลือกไหม้แต่เนื้อกุ้งสุกไม่เท่ากัน ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเคล็ดลับในการเผากุ้ง ซี่งตรงนี้จะแชร์ในส่วนของการเผากุ้งอย่างไรให้ได้กุ้งเผาอร่อยๆ แบบง่ายๆ กัน
- เมื่อผ่ากลางตัวกุ้ง วางเผาแล้วให้ตักไข่กุ้งออกมาก่อน จนเผาใกล้สุกแล้ว ค่อยตักไข่กุ้งใส่ด้านในส่วนหัวกุ้ง จะได้ไข่กุ้งสุกแบบพอดี และเยิ้มได้ที่
- ก่อนนำกุ้งมาเผาบนเตา เมื่อผ่ากลางตัวกุ้งแล้ว ให้ใช้แปรงจุ่มกะทิกล่องทาบนเนื้อกุ้ง ให้เกิดความหอมมัน และคอยทาเรื่อยๆ เหมือนการย่างหมูสะเต๊ะ เพื่อให้น้ำกะทิเข้าเคลือบเนื้อกุ้งด้านนอกให้มีความหอมมัน และเป็นการกักเก็บความหวาน และฉ่ำของเนื้อกุ้งด้านในได้พร้อมๆ กัน และสิ่งนี้ถือว่าเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้กุ้งเผา อร่อยมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว
วิธีเลือกกุ้ง
ความอร่อยของกุ้งเผานั้น เป็นหลายองค์ประกอบมารวมกัน ทั้งน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด, การเผากุ้งให้ความพอดี, เคล็ดลับของแต่ละคนในการเผากุ้ง และที่สำคัญคือ การเลือกวัตถุดิบสดอย่างกุ้งแม่น้ำ, กุ้งลายเสือ หรือกุ้งน้ำจืดตัวขนาดใหญ่อย่างไร ให้ได้กุ้งที่มีความสด และเนื้อหวานอร่อยได้
- หัวกุ้งไม่หลุดออกจากตัว
- เปลือกมีความมันลื่น ยิ่งลื่นเท่าไหร่แปลว่า มีความสดมาก
- จับที่ตัวกุ้งเนื้อต้องแน่น ไม่เละ หรือยุบตัว
- กุ้งแม่น้ำต้องมีสีน้ำเงินครามเข้ม
- ถ้าเป็นกุ้งแม่น้ำตัวเล็ก จะมีหัวที่มีไข่ใหญ่กว่าส่วนตัวที่มีเนื้อ
ปลาหมึกย่าง
ปลาหมึกย่างถือว่าเป็นอาหารทะเลอีกอย่าง ที่หลายคนต้องจับคู่กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ในแต่ละคนก็จะมีความชื่นชอบกินในแต่ละส่วนของปลาหมึกย่าง อย่างเช่น ส่วนปากปลาหมึก, ส่วนปีก, ส่วนหนวด, ส่วนเนื้อ หรือส่วนไข่ปลาหมึก เป็นต้น แต่ละส่วนก็จะมีเนื้อสัมผัส และความอร่อยที่แตกต่างกัน หรือปลาหมึกย่าง 1 ตัวเราสามารถที่จะกินคละส่วนกันได้ ซึ่งก็จะทำให้เราได้รู้ความอร่อยที่แตกต่างกัน
ปลาหมึกที่นิยมนำมาย่างกินกันนั้น จะเน้นที่ปลาหมึกกล้วยที่มีลักษณะหนังด้านนอกสีแดงเข้ม ลำตัวทรงยาวเรียว, ปลาหมึกกระดองจะมีลำตัวสั้น และมีหนวดที่สั้น ส่วนปลาหมึกหอมที่จะมีลำตัวยาวและมีส่วนกว้าง ถือว่าเป็นปลาหมึกที่มีการนำมาทำอาหารมากพอสมควร ซี่งปลาหมึกทั้งหมดนี้ เราสามารถนำมาย่างกินได้ ซึ่งความอร่อยก็จะขึ้นอยู่กับ ความหนาของเนื้อปลาหมึก และความกรอบในการย่างที่พอดี
วิธีเลือกปลาหมึก
- เลือกแบบที่ไม่ลอกหนัง จะเป็นการบอกได้ว่าปลาหมึกตัวนั้นสดอยู่
- ตาใส และมีเยื่อด้านในไม่หลุดลุ่ย
- ลำตัวมีความแน่น ทำให้รู้ว่าเนื้อด้านในลำตัวมีความสดอยู่
- หัวปลาหมึกต้องแน่น ไม่หลุดออกจากตัว หรือแหว่งออกมา
ทะเลลวกจิ้ม
เราสามารถเห็นอาหารทะเล ที่นำมาทำเป็นทะเลลวกจิ้มได้ ไม่ว่าจะเป็น หอยแครง, หอยแมลงภู่, หอยเชลล์, เนื้อปลาชนิดต่างๆ, กุ้ง และปลาหมึก เป็นต้น ยิ่งกินกับน้ำจอ้มซีฟูดยิ่งอร่อย ซึ่งหากเป็นอาหารทะเลลวกจิ้ม จำพวกหอยจะมีการลวกแบบทั้งเปลือกด้านนอก และเวลาจัดวางบนจาน จะแกะเปลือกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สะดวกกับคนกินได้ง่าย เพียงแค่ใช้ส้อมจิ้มเท่านั้น หากเป็นกุ้งก็จะนิยมลวกตอนไม่แกะเปลือก เพื่อที่จะไม่ให้กุ้งลดขนาดตัวเล็กจนเกินไป
ส่วนเนื้อปลา และปลาหมึกนั้น จะเป็นการหั่นเป็นชิ้นพอคำ ไม่เล็กจนเกินไป แล้วนำไปลวกให้สุกพอดี โดยเฉพาะทะเลลวกจิ้ม ที่เป็นเนื้อปลาและปลาหมึกนี้ จะใช้เวลาลวกในน้ำเดือดไม่นาน เพียงแค่ไม่เกิน 1-2 นาทีเท่านั้น สำหรับปลาและปลาหมึกที่หั่นเป็นชิ้นพอคำแล้ว และควรให้คลายความเย็น ในกรณีนำออกจากช่องแข็งแล้ว
ที่สำคัญคือ อาหารทะเลลวกจิ้ม หรืออาหารทะเลทุกชนิด หากต้องการกินให้ได้ความสดใหม่ และลิ้มรสเนื้อของอาหารทะเลที่อร่อยจริงๆ แล้ว ต้องกินตอนที่ทำเสร็จร้อนๆ จะทำให้ได้รสชาติความอร่อยอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความหวานจะเนื้อของอาหารทะเล และเนื้อสัมผัสที่นุ่มฉ่ำด้านในของเนื้อกุ้ง, เนื้อปลา, เนื้อหอย หรือเนื้อปลาหมึก
น้ำจิ้มซีฟู้ดที่อร่อยๆ เป็นอย่างไร
เนื้อเข้มข้น
เนื้อน้ำจิ้มควรที่จะมีความเข้มข้น หมายถึงมีเนื้อของส่วนประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนู, กระเทียม, รากผักชี หรือบางสูตรจะมีเพิ่มข่าอ่อน, หอมแดง, ผักชี และใบสะระแหน่เข้าไปด้วย ทั้งนี้เพื่อเน้นหลักๆ คือให้มีเนื้อน้ำจิ้มอาหารทะเลที่เข้มข้น เมื่อเรานำกุ้งเผา, ปลาหมึกย่าง, ทะเลลวกจิ้ม หรือหมูย่างจิ้มลงไป จะสามารถช้อนเอาตัวเนื้อน้ำจิ้มกินพร้อมกับอาหารเหล่านี้ได้ ช่วยเพิ่มความจัดจ้านในอาหารแต่ละคำได้
รสชาติ
เรามักจะเคยได้ยินเวลาทำอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ หรือเมนูยำต่างๆ นั้น จะต้องมีคำว่า 3 รสเข้ามาด้วย ทั้งนี้เพราะรสชาติหลักๆ ที่สำคัญที่มีส่วนทำให้อาหารไทย ที่เน้นรสแซ่บ จะต้องมีรสเปรี้ยว และรสเผ็ดนำ ส่วนรสที่สามนั้น จะขึ้นอยู่กับผู้ปรุงว่าเน้นรสชาติไปทางไหน ระหว่างรสเค็ม หรือรสหวาน ที่เป็นรสชาติติดปลายลิ้นรสที่สาม
- รสเผ็ด, รสเปรี้ยว และรสเค็ม ซึ่งรสเค็มสามารถใช้เกลือ, น้ำปลา หรือน้ำปลาร้าได้
- รสเผ็ด, รสเปรี้ยว และรสหวาน สามารถใช้น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทราย, น้ำเชื่อมเคี่ยว หรือน้ำตาลปี๊บ
สีสัน
เราจะสังเกตน้ำจิ้มซีฟู้ดในแต่ละสูตร หรือแต่ละผู้ทำนั้นจะมีสีสันที่แตกต่างกันไป บางสูตรก็จะมีทั้งพริกขี้หนูสีเขียว และพริกขี้หนูสีแดงผสมกัน หรือบางสูตรจะเน้นสีแดง หรือสีเขียวเข้มล้วน ซึ่งขึ้นอยู่กับการนำเอาพริกขี้หนูสีอะไรมาทำ แต่ที่สำคัญคือ สีของพริกขี้หนูและผักที่นำมาทำเป็นน้ำจิ้ม เมื่อทำเสร็จแล้วสีต้องดูสดใหม่ ไม่มีสีคล้ำเข้ม หรือสีออกน้ำตาลเข้ม ซึ่งนั่นแปลว่า มีการนำพริกขี้หนูมาทำน้ำจิ้มที่นาน หรือทำข้ามวัน
วิธีเลือกซื้อน้ำจิ้มซีฟู้ด
เนื้อน้ำจิ้ม
หากเราดูจากภายนอกขวดแล้ว ควรมองเห็นความเข้มข้นของน้ำจิ้ม เพราะหากน้ำจิ้มมีความเข้มข้น ก็จะช่วยให้ในเวลาเราจิ้มอาหาร จะสามารถตักเครื่องส่วนประกอบของน้ำจิ้มกินร่วมกับอาหารด้วยได้ ที่สำคัญส่วนประกอบต่างๆ ของน้ำจิ้มจะช่วยในการตัดเลี่ยนในตัวอาหารได้อีกทาง
สีสันน้ำจิ้ม
โดยเฉพาะสีของพริกขี้หนู ไม่ว่าจะเป็นพริกขี้หนูชนิดไหนก็ตาม ควรมีสีเขียวและสีแดงที่สดใหม่ซี่งจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความน่ากินให้กับน้ำจิ้มอาหารทะเลได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น ที่เรามักจะบอกกันว่า อาหารนอกจากอร่อยแล้ว ความสวยงามก็ต้องมาด้วย ซึ่งสำหรับสีสันของน้ำจิ้มก็เป็นส่วนสำคัญทีเดียวในการเลือกพิจารณาซื้อ
รสชาติและส่วนประกอบของน้ำจิ้มซีฟู้ด
ความชอบในรสชาติของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน ซึ่งบางคนก็จะชื่นชอบน้ำจิ้มอาหารทะเล ที่มีรสเผ็ดนำ หรือบางคนชอบรสเปรี้ยวนำ ทั้งหมดนี้อยู่ที่เราต้องดูสัดส่วนของส่วนประกอบร่วมในการพิจารณาเลือกซื้อด้วยว่า มีเปอร์เซ็นต์ของพริกขี้หนู และความเปรี้ยวเท่าไหร่ รวมถึงยังทำให้เราได้รู้ด้วยว่า น้ำจิ้มอาหารทะเลขวดนี้ มีรสชาติตามเป็นรสอะไร อย่างเช่น รสเค็ม หรือรสหวาน
รูปแบบบรรจุภัณฑ์
เราจะคุ้นตากันดีในรูปแบบของขวดแก้ว ที่ด้วยวัสดุต้องการถนอมคุณภาพของน้ำจิ้ม ที่มีส่วนประกอบของความเปรี้ยวร่วมด้วย ไม่สามารถที่จะใช้เป็นวัสดุพลาสติกได้ แต่ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งคือ ในแบบที่เป็นซอง ก็จะเป็นน้ำจิ้มอาหารทะเลในรูปแบบผง ที่ให้ความสะดวกสบายในการนำมาผสมกับน้ำร้อน ก็สามารถจิ้มกินคู่กับอาหารทะเลต่างๆ ได้ทันที
วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
หลักใหญ่ๆ ของการทำน้ำจิ้มอาหารทะเลนั้น จะมีเพียงวิธีการตำและการปั่น ที่นิยมทำกัน โดยเน้นให้เนื้อน้ำจิ้มมีความละเอียด ทำให้เวลาจิ้มอาหารจะได้รสชาติที่ครบถ้วนของส่วนประกอบเครื่องปรุงที่ใส่ลงไป รวมถึงปริมาณสัดส่วนของเครื่องปรุง ที่มากน้อยขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบ้าน หรือแต่ละคน ที่บางคนอาจจะเน้นความเปรี้ยวนำ หรือเน้นเผ็ดนำเป็นต้น
ส่วนประกอบน้ำจิ้มซีฟู้ด
1.พริกขี้หนูสวน, พริกขี้หนูจินดา หรือสามารถผสมกันได้ และสามารถผสมสีกันได้
2.รากผักชี
3.กระเทียม
4.เครื่องปรุงต่างๆ น้ำปลา, มะนาว, น้ำตาล
5.ส่วนเพิ่มเติม ที่จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ อย่างเช่น หอมแดง, ข่าอ่อนเล็กน้อย, ใบสะระแหน่, ผักชี,
การใช้เครื่องปรุงอื่นๆ แทนทำให้เกิดรสชาติที่แปลกใหม่
1.ความเค็มจากน้ำปลา สามารถใช้เกลือ หรือน้ำปลาร้าแทนตามความชอบได้
2.ความเปรี้ยวจากมะนาว สามารถใช้เลมอน หรือน้ำมะขามแทนได้
3.ความหวานจากน้ำตาล สามารถใช้ถั่วตัดตำละเอียด, น้ำเชื่อม หรือน้ำตาลมะพร้าวแทนได้
เคล็ดลับทำน้ำจิ้มซีฟู้ด
1.นำพริกขี้หนูไปแช่ในน้ำมะนาวที่บีบออกมาบางส่วน ผสมรวมกับน้ำตาลเล็กน้อย จะช่วยให้สีของพริกขี้หนูดูสดใหม่ตลอด
2.หากต้องการใส่ผักชี หรือใบสะระแหน่ลงไปในน้ำจิ้ม ในกรณีที่เป็นการตำ ควรใช้การหั่นซอยละเอียดโรยหน้าตอนตักลงถ้วย แต่หากเป็นการปั่น ควรใส่เป็นอันดับสุดท้าย เพื่อป้องกันไม่ให้ผักเกิดการช้ำใบ และจะทำให้เกิดกลิ่นไม่ดีได้
3.การใส่ถั่วตัดลงไปในน้ำจิ้ม ควรตำให้ละเอียด หรือมีการหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนลงปั่น จะช่วยให้น้ำจิ้มอาหารทะเลน่ากิน ในรูปแบบของน้ำจิ้มถั่วตัดให้ความหวานแทนน้ำตาล และมีเนื้อสัมผัสเคี้ยวจากถั่วลิสง
4.เราสามารถดัดแปลงน้ำจิ้มรสเด็ด ที่ใช้จิ้มอาหารทะเล โดยการผสมมายองเนสเข้าไป เพื่อเพิ่มความเข้มข้น และความหอมมัน เราจะได้รูปแบบน้ำจิ้มสลัดรสจัดจ้าน สามารถเป็นตัวเลือกได้กับการกินคู่กับ อาหารทะเลรูปแบบต่างๆ
5.กระเทียมที่นำมาใช้ สามารถใช้ได้ทั้งกระเทียมจีน และกระเทียมไทย แต่หากต้องการให้น้ำจิ้มมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เด่นชัด ควรใช้กระเทียมไทยแกะเปลือก แต่ไม่ควรใส่ในปริมาณมากกว่าพริกขี้หนู จะทำให้น้ำจิ้มเกิดกลิ่นและรสกระด้างเกินไป
น้ำจิ้มซีฟู้ดแบบปั่นแซ่บเวอร์
สรุป
เราจะเห็นได้ว่าอาหารทะเล ที่เป็นอาหารจานโปรดของใครหลายคน และรวมถึงอาหารทะเลเผา, ย่าง หรือทะเลลวกจิ้มนั้น ก็ยังเป็นเมนูที่นิยมที่ไม่ว่าจะเป็นการทำกินเองที่บ้าน หรือสั่งกินตามร้านอาหาร และที่ขาดไม่ได้คือ น้ำจิ้มอาหารทะเล ที่สามารถเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับอาหารเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเฉพาะหมูย่าง ที่เมื่อจิ้มคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด อย่างน้ำจิ้มซีฟู้ดนี้แล้วต้องยกนิ้วให้กับรสชาติที่จัดจ้าน
เชพขวัญ ขวัญเรือน ผู้ชำนาญการด้านการทำอาหารและเครื่องครัว ประสบการณ์ด้านการทำอาหารมากกว่า 20 ปี เคยอยู่ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง มีความรู้และเชี่ยวชาญ เป็นนักเขียนและวิจารณ์รีวิวอาหาร และแนะนำเครื่องใช้ในครัวเรือน
น้ำจิ้มซีฟู้ด Goodlife
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 200 มิลลิลิตร
-เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตเเละหัวใจ
น้ำจิ้มซีฟู้ด เด็กสมบูรณ์
-เหมาะสำหรับเป็นน้ำจิ้มอาหารทะเล หรือทำเป็นเมนูยำ
-ผลิตจากพริกสด มะนาวสด กระเทียมสด ที่คัดสรรอย่างดี
น้ำจิ้มซีฟู้ด Sukishi
-สูตรเด็ด รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบรส
-แบบขวดใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก กินกับอะไรก็อร่อย
น้ำจิ้มซีฟู้ด แม่ประนอม
-ไม่ใส่สี ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่วัตถกันเสีย
-เหมาะกับทานคู่อาหารทะเล หรือทานคู่กับก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
น้ำจิ้มซีฟู้ด Pure Foods
-วัตถุดิบคุณภาพดีที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน
-รสเผ็ดเปรี้ยวหวานกลมกล่อมลงตัวเข้ากับอาหารทะเล
น้ำจิ้มซีฟู้ด อสร.
-เหมาะกับอาหารทะเล ของทอด และน้ำยำก็ได้
-ผลิตจากพริกจินดาสด กระเทียมสด แซ่บ ครบรส
น้ำจิ้มซีฟู้ด ตราหอยนางรม
-รสชาติจัดจ้าน เข้มข้น อร่อย กลมกล่อม ถึงเครื่อง
-ไม่แต่งสี ไม่ใส่แป้ง ผลิตที่ทันสมัย สะอาด ถูกหลักอนามัย
น้ำจิ้มซีฟู้ด ง่วนสูน
-ชนิดผง 1 ซอง ทานได้ 2 คน ทำทานง่าย
-สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 24 เดือน
น้ำจิ้มซีฟู้ด เจ๊เล็ก
-สามารถเก็บรักษาได้ยาวนานถึง 24 เดือน
-รสชาติครบรส เปรี้ยว เผ็ด หวาน เค็ม อร่อยแซ่บ
น้ำจิ้มซีฟู้ด แอโร่
-รสชาติกลมกล่อม เผ็ดกำลังดี หอมมะนาวอ่อนๆ
-เนื้อพริกกระเทียมผสมลงไปกับน้ำจิ้มจนเป็นเนื้อเดียวกัน