10 อาหารลูกแมว ยี่ห้อไหนดี 2024 ถูกและดี กินแล้วอ้วน ตาไม่แฉะ

เลี้ยงแมวต้องเตรียมอะไรบ้าง

ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเลี้ยงแมว หรือบางบ้านที่กำลังต้อนรับสมาชิกใหม่ จากการคลอดลูกของแม่แมว และต้องมีการหาอุปกรณ์ ของใช้ที่จำเป็นเบื้องต้นมาเตรียมไว้ล่วงหน้า สำหรับลูกแมวหลายตัว ซึ่งหากดูกันจริงๆ แล้วอุปกรณ์ทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับแมว ไม่ได้มีเยอะเพียงแต่ หลังจากนั้นเราอาจจะค่อยๆ เห็นว่า มีของใช้อย่างอื่นที่เสริมเข้ามา อย่างเช่น เครื่องนวดศีรษะแมว เพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย หรือของเล่นที่เป็นตัวปลาเคลื่อนไหวได้ เป็นต้น

1.ตะกร้า, รถเข็น, กรง

ใช้ในกรณีที่เราต้องเคลื่อนย้ายแมวไปที่อื่น หรือพาแมวออกไปนอกตัวบ้าน ซึ่งไม่สามารถที่จะอุ้มแมวได้ เพราะอาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับแมวที่เราเลี้ยง อย่างเช่น การกระโดดหนี, สุนัขไล่กัด หรือ ความไม่สะดวกในการพาเข้าบางสถานที่ โดยเฉพาะที่ๆ เป็นที่สาธารณะ อย่างเช่น สวนสาธารณะ หรือห้างสรรพสินค้า

ซึ่งช่วงหลังๆ จะเริ่มมีผู้เลี้ยงที่นิยมในการใช้รถเข็นแมวเพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งที่ควรระวัง และแตกต่างจากการพาสุนัขขึ้นรถเข็นก็คือ แมวอาจจะขี้ตกใจกับสถานที่ใหม่ๆ ได้ง่ายกว่าสุนัข ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนด้วยการล็อก หรือเกี่ยวสายจูงกับตัวปลอกคอแมว ไว้กับรถเข็น หรือทำสายจูงให้สั้น และเกี่ยวกับตัวรถเข็น

2.ที่นอนแมว

ที่นอนแมว อุปกรณ์ชิ้นนี้มีการผลิตให้มีทางเลือก และเป็นตัวเลือกให้กับผู้เลี้ยงแมว หรือทาสแมวกันจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ทั้งรูปแบบที่นอน, สี, ขนาด และตัววัสดุที่นำมาทำเป็นที่นอน เราสามารถเลือกเบาะ หรือที่นอนที่ผลิตมาให้กับสุนัข มาใช้ร่วมกับแมวได้

แต่จะสังเกตได้ว่า ถ้าที่นอนรุ่นไหน ที่ออกแบบผลิตมาเฉพาะให้กับแมวเท่านั้น จะมีการติดของเล่น หรือลูกบอลที่เป็นไหมพรม หรือผ้าห้อยลงมา เพื่อให้แมวได้เล่น หรือตะปบได้

แต่ส่วนใหญ่ด้วยความที่แมว เป็นสัตว์ที่มีโลกส่วนตัวมากกว่าสุนัข การเลือกที่นอนที่มีลักษณะเป็นโดม หรือมีมุมปิดที่มืด และเงียบสงบ ก็จะเป็นทางเลือกที่ตรงกับนิสัยของแมว ให้เราสังเกตของเล่นง่ายๆ ที่แมวเกือบทุกตัวชอบก็คือ การกัดกล่อง หรือลังกระดาษให้ตัวเองสามารถที่จะเข้าไปนั่ง, นอน หรือหลบซ่อนตัวในนั้นได้เป็นเวลานานๆ

3.กระบะทรายแมว, ห้องน้ำแมว

แบบรุ่นก่อนที่มีการใช้กันมานานคือ รูปทรงสี่เหลี่ยมที่คล้ายกับถาดพลาสติก ซึ่งเป็นที่ในการใส่ทรายแมวลงไปเท่านั้น แต่ กระบะทรายแมว ที่มีการคิดค้นให้มีความสะดวก ทั้งตัวของเจ้าของ และความเป็นส่วนตัวของแมวมากขึ้นคือ การทำเหมือนห้องน้ำ หรือโดมที่มีหลังคา แมวไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครแอบดูในช่วงเวลาทำธุระส่วนตัวอยู่

อีกทั้งข้อแตกต่างที่หากวันนี้ เราลองเลือกใช้ ห้องน้ำแมว ที่เรียกว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ในการขับถ่ายหนักของแมวทุกครั้ง เครื่องจะมีการวนทรายด้านในให้เอง โดยที่ไม่ต้องให้เรามาใช้ส้อมกลม หรือไม่ต้องให้แมวใช้เท้ากลบให้เมื่อยเหมือนแต่ก่อน

4.ทรายแมว

ทรายแมว ที่เป็นแบบดีควรที่จะเป็นเม็ดใหญ่ ที่สามารถยึดจับสิ่งที่แมวขับถ่ายได้เป็นก้อน แต่ทางเลือกสำหรับตอนนี้ ที่มีทรายในรูปแบบที่เป็นการย่อยสลายทางชีวภาพได้เอง ซึ่งวัสดุก็จะอิงในแนวธรรมชาติ

อย่างเช่น ข้าวบาร์เลย์, เศษขี้เลื่อย หรือข้าวบาร์เลย์ มีการเก็บกลิ่นได้ แต่ก็มีระดับราคาที่แพงเลยทีเดียว ในเมืองนอกจะนิยมใช้ทรายในรูปแบบนี้ เพื่อเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อม งดการผลิตที่ใช้สารสังเคราะห์อีกด้วย

ส่วนอีกรูปแบบของทรายแมวที่เริ่มมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้นคือ ทรายแมวในรูปแบบซิลิก้าเจล เน้นในเรื่องเก็บกลิ่นได้นาน และใช้ซ้ำได้ ซึ่งอาจจะช่วยผู้เลี้ยงแมวประหยัดได้มากกว่า ทรายในรูปแบบที่จับเป็นก้อน รวมถึงมีน้ำหนักเบากว่าทรายที่ใช้กันอยู่แบบเดิมๆ อีกด้วย

5.อ่างอาบน้ำ

ของใช้ที่ใครหลายคนอาจจะคิดว่า ไม่เห็นมีความจำเป็นเลย ก็คล้ายกับการอาบน้ำให้สุนัข แต่แท้ที่จริงแล้ว การมีอุปกรณ์ที่ช่วยให้แมวใช้ขาวางเกี่ยว หรือยึดไว้ก็จะเป็นความสบายมากกว่า รวมถึงอ่างอาบน้ำยังถือว่าเป็นตัวกั้นบริเวณ ให้แมวหนี หรือออกจากส่วนที่กำลังอาบน้ำอยู่ยาก การมีอ่างอาบน้ำก็ถือว่า เป็นการช่วยให้งานอาบน้ำง่าย ขึ้นสำหรับผู้เลี้ยงแมวได้อีกทางหนึ่ง

6.ของเล่น และเสาฝนเล็บ

หากเรามองว่าอาหารสำคัญสำหรับแมว ของเล่น และเสาฝนเล็บก็เป็นสิ่งที่แยกไม่ออกจากกัน เพราะด้วยความที่เรารู้แล้วว่า อาหารของแมวจำเป็นที่จะต้องมีโปรตีนที่อยู่ในปริมาณที่สูง หรือ 35-40% เลยทีเดียว ดังนั้นการกินอาหารเข้าไป ก็จำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเหล่านั้นออกมา ที่การเล่น หรือการออกกำลังกาย

พฤติกรรมของแมวที่ขาดไม่ได้ และเรามักจะเห็นคุ้นตากันเสมอคือ การฝนเล็บ ทั้งกับการฝนบนเครื่องใช้, เฟอร์นิเจอร์ หรือผนังห้องก็ตาม โดยเฉพาะหากเราไม่ซื้อเสาฝนเล็บนี้มาในทันที ที่บ้านเราเริ่มเลี้ยงแมวแล้วละก็ เราอาจจะต้องเตรียมเก็บเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ มาแทนของเก่าในเร็ววันก็เป็นได้

7.อาหารเสริมแมว

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแมวที่โตแล้ว หรือลูกแมวก็ตาม ควรที่จะมีการกิน อาหารเสริมแมว เพื่อบำรุง ให้น้องแมวเรากินได้เยอะ ทำให้อ้วนและเสริมทั้งในส่วนของกระดูก, ฟัน, การเคลื่อนไหวข้อต่อต่างๆ รวมถึงการทำงานของสมอง และขน

8.ชามน้ำ ชามอาหาร

วัสดุที่ผลิตตัวชามน้ำ และชามอาหารแมวนั้น จะมีตั้งแต่พลาสติกแบบหนา ที่มีสีสันหลากหลาย ไปถึงชามแก้ว ที่มีฐานไม้เป็นตัววางชามให้สูงในระดับที่แมวไม่ต้องก้มมาก รวมถึงชามที่ด้านนอกเคลือบด้วยซิลิโคน ให้มีการยึดเกาะ และจับไม่หลุดมือ ภายในที่ใส่อาหารเป็นสแตนเลส ให้เวลาที่แมวกินอาหารเม็ดได้สะดวก และมีอายุการใช้งานที่นานกว่าวัสดุที่เป็นพลาสติก

9.ปลอกคอแมว

ซึ่งถ้าจะบอกว่า ปลอกคอแมว เป็น accessory ชิ้นสำคัญเลยทีเดียว ที่เจ้าของเกือบทุกคน มีความอยากซื้อมาเปลี่ยนให้กับแมวของตัวเองอยู่เรื่อยๆ มีทั้งวัสดุที่เป็นเชือกถัก, ผ้า, ยาง, พลาสติกหลากหลายสี, และซิลิโคน รวมถึงต้องมาพร้อมกับจี้ หรือกระพรวน

10.อุปกรณ์ในการทำความสะอาดตัวแมว

สิ่งที่เราควรจะระวังคือ ความบ่อยในการอาบน้ำให้กับแมวนั้น แตกต่างจากสุนัขอย่างมาก สุนัขควรที่จะอาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง แต่แมวไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะโดยปกติแล้วแมวจะเลียทำความสะอาดให้ตัวเองอยู่ตลอดเวลาทุกวัน การอาบน้ำให้แมวควรทำเพียงแค่ 1-3 เดือนต่อครั้งเท่านั้น

แต่ด้วยความที่นานๆ ถึงจะอาบน้ำให้แมวที ดังนั้นการทำความสะอาดตัวของแมว ก็ควรที่จะมีรายละเอียด และดูแลความสะอาดตั้งแต่ตัว,ฟัน,  หู, เล็บ และขน ด้วยการเตรียมวางอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องเป่าขนแมว หรือ ยาสีฟันแมว , ยาหยอดหูแมว , กรรไกรตัดเล็บแมว , ที่แปรงขนแมว , ลูกกลิ้งเก็บขนแมว

แมวท้องกี่เดือน

แม่แมวจะมีช่วงเวลาในการตั้งท้องอยู่ที่ 2 เดือน หรือ 63-67 วันโดยประมาณ แม่แมวบางตัวอาจจะมีการคลอดลูกเร็ว หรือล่าช้ากว่านี้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพความพร้อม และสุขภาพของแม่แมวร่วมด้วย

ลูกแมวกินอะไรได้บ้าง ห้ามกินอะไร

อาหารที่ลูกแมวกินได้เบื้องต้น และปลอดภัยสำหรับตัวลูกแมวเองด้วยคือ อาหารเหลว อย่างเช่น น้ำนมจากแม่แมว, นมทดแทนที่ต้องระบุเฉพาะว่า สำหรับลูกแมวเท่านั้น รวมถึงอาหารลูกแมวแบบเปียก ทั้งแบบที่เป็นเนื้อมูส, เนื้อครีม, และเนื้อเจลลี่

ที่อาจจะเป็นในรูปแบบน้ำเกรวี่ร่วมด้วย หากหย่านมได้เกิน 1-2 สัปดาห์แล้วจึงค่อยๆ นำอาหารเม็ดสำหรับลูกแมว ใส่น้ำสะอาด หรือนมลงไป เพื่อปรับให้ลูกแมวสามารถเรียนรู้การเคี้ยวอาหาร

ส่วนอาหารที่ห้ามลูกแมวกินนั้น หากเป็นเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่ๆ หรือกระดูกก็แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยง และอาจเป็นอันตรายหากไม่มีการเคี้ยวที่ละเอียดพอ รวมถึงนมโค ซึ่งจะทำให้ลูกแมวท้องเสีย หากต้องให้ลูกแมวกินนมนั้น ควรที่จะดูเป็นนมที่มีการระบุเฉพาะว่า สามารถให้ลูกแมวกิน หรือใช้คำว่า Kitten Milk ส่วนใหญ่จะเป็นนมผงให้เรามาละลายเอง

อาหารลูกแมว มีแบบไหนบ้าง

หลังจากที่ลูกแมวคลอดออกมาแล้วประมาณ 6-9 สัปดาห์ หรือ 1.5-2 เดือนนั้น เป็นช่วงเวลาที่ควรฝึกให้ลูกแมวปรับตัวมากินอาหารลูกแมว เพราะเริ่มจะเป็นช่วงที่แม่แมวจะมีน้ำนมที่ค่อยๆ ออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าลูกแมวที่คลอดออกมาหลายตัว เกิดการแย่งกินน้ำนมจากแม่แมว ก็จะทำให้ลูกแมวมีสารอาหารไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตได้ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาดังกล่าวผู้เลี้ยงควรที่จะเริ่มฝึกลูกแมว โดยตัวอาหารที่เหมาะกับลูกแมว แบ่งออกได้เป็น 3 แบบคือ

1.อาหารลูกแมว รูปแบบเม็ด

รูปทรงเม็ดของอาหารแมวชนิดนี้ จะมีหลากหลายมาก แต่จะเน้นที่รูปทรงกลม, ทรงรี และอาจจะมีแบบสามเหลี่ยม และรูปทรงต่างๆ ที่เน้นปลายมน และมีขนาดที่เล็กกว่าอาหารสำหรับแมวทั่วไป ส่วนรสชาติจะเน้นที่ปลาเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่น ปลาทู, ปลาทะเล, ปลาทูน่า, และปลาแซลมอน รวมถึงจะมีคละกับเม็ดอาหารที่เป็นสีเขียว ที่เป็นส่วนผสมของผักที่แมวสามารถกินได้

การเริ่มต้นให้ลูกแมวปรับเปลี่ยนจากน้ำนมจากแม่แมว เป็นอาหารในรูปแบบที่ต้องเคี้ยว หรืออาหารหนักนั้น เราอาจจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการเทอาหารเม็ดพร้อมกับน้ำสะอาด หรือนมลงไป เพื่อให้เกิดความนิ่มของตัวอาหารเม็ด และช่วยให้ลูกแมวเคี้ยวได้ง่ายมากขึ้น ในช่วงอายุที่ยังมีฟันขึ้นไม่สมบูรณ์

ข้อควรระวังก็คือ การเทน้ำ หรือนมไม่ควรที่จะเทลงไปจนล้นชามอาหาร หรือท่วมอาหารเม็ดมากจนเกินไป เราอาจจะกะปริมาณในการเทของเหลวกับสัดส่วนของอาหารเม็ดคือ 1:1 หรือสามารถเพิ่มของเหลวอย่างน้ำสะอาด หรือนมได้มากขึ้นเพียงเล็กน้อย สิ่งที่เราต้องการหลักๆ คือ ต้องการให้อาหารเม็ดมีความอ่อนตัว และนุ่มเพื่อให้ลูกแมวกินได้ง่าย

ถ้าเทน้ำสะอาด หรือนมมากจนเกินไป จะทำให้ลูกแมวมีปริมาณการกินอาหารต่อมื้อ ที่มากจนเกินพอดี และเป็นผลเสียต่อช่วงเวลาแรกที่กำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้ลูกแมวเกิดอาการอาหารไม่ย่อย หรือท้องอืดร่วมด้วย จึงเน้นเรื่องการให้ลูกแมวได้กินอาหาร แต่ไม่ควรเน้นเรื่องปริมาณที่มาก ด้วยวัยยังน้อย และอยู่ในช่วงการปรับตัวในการกินอาหาร

โดยการฝึกให้ลูกแมวของเรากินอาหารเม็ดเ็นประจำเป็นหลักจนติดเป็นนิสัยจะทำให้แมวของเราอ้วนได้ดีกว่าน้องแมวที่ชอบกินแต่อาหารเปียกเพราะว่าสารอาหารของอาหารเม็ดมีสมบูรณ์ครบถ้วนกว่าในอาหารเปียกนั่นเอง

แต่ถ้าพูดถึงความอร่อยอย่างเดียวอาหารเปียกสำหรับน้องแมวจะกินอร่อยกว่าอาหารเม็ดนะ

2.อาหารลูกแมว เปียกแบบเนื้อเจลลี่, น้ำเกรวี่

บรรจุภัณฑ์ที่จะช่วยให้เราสังเกตได้ง่ายมากขึ้นคือ อาหารเปียกจะใส่ในรูปแบบซองมากกว่า รูปแบบอื่นๆ มีรสชาติให้เลือกที่หลากหลาย คล้ายกับตัวอาหารเม็ด แต่ส่วนใหญ่จะเน้นในส่วนของเนื้อปลา, เนื้อไก่ และผัก เนื้อสัมผัสของตัวอาหารลูกแมวแบบนี้จะเป็นเจลลี่ ผสมกับเนื้อสัตว์เป็นชิ้นๆ  เนื้อสัตว์ชิ้นไม่ใหญ่เกินไป

เหตุผลสำคัญในการทำหีบห่อแบบซองคือ เน้นการฉีกให้ลูกแมวกินในครั้งเดียว หรือมื้อเดียวให้หมด ไม่นิยมให้แบ่งเก็บ เพราะอุณหภูมิ และความชื้นในการแช่ในตู้เย็น อาจทำให้เนื้อเจลลี่ละลาย หรือมีสภาพไม่เหมือนเดิมได้ ส่วนบรรจุภัณฑ์ในอีกรูปแบบหนึ่งคือ แบบถาดอลูมิเนียม ที่มีความสะดวกในการเทให้ลูกแมวกินได้มากกว่า ไม่ต้องหาภาชนะ เหมาะในการพกพาไปนอกสถานที่

3.อาหารเปียกแบบเนื้อมูส, เนื้อครีมข้น

เป็นลักษณะอาหารเปียก สำหรับลูกแมวที่กำลังหย่านม แต่หากดูในคุณภาพของเนื้ออาหาร และวัตถุดิบที่นำมาผลิตนั้น จะมีระดับที่ดีกว่าอาหารเปียกแบบเนื้อเจลลี่ หรือแบบน้ำเกรวี่ รวมถึงตัวเนื้อสัตว์ที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตร่วมด้วย จะมีคุณภาพ, กลิ่น และรสชาติที่ดีกว่า

เนื้อสัมผัสอาหารมีความแตกต่างจากอาหารเปียกแบบเจลลี่ หรือแบบน้ำเกรวี่ คือ มีความละเอียดมาก หากเป็นซองบางยี่ห้อ โดยเฉพาะยี่ห้อที่นำเข้าจากญี่ปุ่น จะมีเนื้อเป็นครีมข้น  ลูกแมวที่ยังไม่ชินกับการเคี้ยวอาหาร สามารถปรับตัวด้วยการเลียอาหารในรูปแบบนี้ได้ง่ายๆ

หากเป็นลูกแมวที่เริ่มหัดกิน แนะนำเนื้ออาหารมูสที่เป็นแบบครีมข้นก่อน อาหารเปียกที่เป็นเนื้อครีมแบบนี้ จะเน้นเป็นรสปลา อย่างเช่น ปลาทะเล, ปลาทูน่า เป็นต้น

อีกหนึ่งข้อดีที่แตกต่างจากอาหารเปียกในแบบเนื้อเจลลี่คือ ความสามารถในการเก็บอาหารเปียกชนิดนี้ได้ ซึ่งรูปแบบของอาหารเนื้อมูลนี้นั้น ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบของกระป๋องขนาดเล็ก ส่วนรูปแบบที่เป็นซองก็มีให้ลูกแมวกินหมดในครั้งเดียวได้ ให้เลือกซื้อแบบเป็นซอง เพราะจะมีปริมาณที่น้อยกว่า มีราคาที่ถูกกว่าแบบกระป๋อง

ถ้าเราต้องเก็บแช่ในตู้เย็นในส่วนอาหารที่กินไม่หมด  ควรเลือกซื้อแบบที่เป็นกระป๋อง เมี่อเราแบ่งส่วนที่จะให้ลูกแมวในมื้อนี้แล้วนั้น ส่วนที่เหลือเราสามารถที่จะปิดด้วยพลาสติกแรป หรือนำย้ายไปชามแก้ว

หรือภาชนะที่เป็นแก้วที่มีฝาปิดที่มิดชิด กันอากาศเข้า การใช้พลาสติกแรปชั้นแรก แล้วค่อยปิดฝา เป็นวิธีการเก็บที่จะช่วยให้อาหารเปียกชนิดนี้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น การแช่ในตู้เย็นนั้น สามารถเก็บได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น

อาการตาแฉะของน้องแมว

บางครั้งอาหารที่น้องแมวกินอยู่จะเป็นสาเหตุให้น้องแมวตาแฉะได้โดยที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึงเลยก็เป็นได้ เพราะสารอาหารที่อยู่ในอาหาร บางครั้งน้องแมวเราแพ้สารอาหารตัวนั้นจึงทำให้มีอาการตาแฉะเกิดขึ้น วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหยุดอาหารตัวต้องสงสัยดู และลองเปลี่ยนยี่ห้ออาหารไปเรื่อยๆ และคอยสังเกตุว่าอาหารเหล่านั้นจะหายไปหรือไม่

วิธีเลือกซื้ออาหารลูกแมว

1.เลือกจากส่วนผสม

หากเป็นอาหารลูกแมว หรือแม้กระทั่งอาหารของแมวทั่วไป จะเน้นส่วนผสมที่เป็นเนื้อปลาเป็นหลัก มากกว่าเนื้อสัตว์ใหญ่อย่างเนื้อวัว แต่ก็มียี่ห้อที่มีให้เลือกรสชาติที่เป็นเนื้อวัว หรือไก่งวง การพิจารณาเลือกจึงเน้นที่การดูส่วนผสม ที่เป็นโปรตีนเป็นหลัก และควรจะมีโปรตีนอยู่ที่ 35-40% สำหรับลูกแมว หรือแมวที่โตแล้วก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากสุนัข จะเน้นโปรตีนเพียงแค่ 25-30% เพียงเท่านั้น

ส่วนผสมอื่นๆ อย่างเช่นกรดไขมัน, DHA ที่จะช่วยในเรื่องระบบประสาท และการมองเห็น, การเสริมสร้างพัฒนาการในทุกด้านของลูกแมว และการบำรุงขนให้เงาสวยตั้งแต่ยังเล็ก รวมถึงแร่ธาตุ สารอาหารเสริมต่างๆ อย่างเช่น แคลเซียม ที่เป็นส่วนที่สำคัญสำหรับลูกแมว ที่ยังต้องบำรุงในเรื่องของกระดูก และฟันร่วมไปด้วย

2.เลือกจากความปลอดภัย

โดยที่เน้นในเรื่องไม่มีสารปรุงแต่ง, ไม่เจือสี, ไม่มีสารสังเคราะห์  และไม่มีสารกันบูด ซึ่งหากเป็นสินค้านำเข้า เราสามารถที่จะสังเกตได้จากการระบุที่ว่า no preservation, no GMO, no synthetic และ no hormone เป็นต้น ซี่งทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่า อาหารลูกแมวจะมีการผลิต และส่วนผสมที่ปลอดภัย

3.เลือกจากเนื้อสัมผัสของอาหาร

อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นว่า ไม่ว่าจะเป็นเนื้ออาหารในรูปแบบเจลลี่, น้ำเกรวี่, มูส หรือแบบเม็ดนั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้เลี้ยงที่มองดูว่า เหมาะสมกับลูกแมวในช่วงวัยตอนนั้นแค่ไหน ซึ่งในระยะเริ่มต้นที่หย่านมนั้น อาจจะดูเป็นอาหารเปียกในรูปแบบครีมข้นไปก่อน แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นมูสแบบกระป๋อง จากนั้นจะให้กินเป็นอาหารเม็ดเลยก็ได้ แต่ควรจะใส่น้ำสะอาด หรือนมตามสัดส่วนที่ได้บอกไป

4.เลือกจากของถูกและดี

อาหารลูกแมวมีหลากหลายยี่ห้อแตกต่างกันไป แต่ละอย่างก็จะมีข้อดี ข้อเสีย คุณภาพ สารอาหารหรือความอร่อยที่แตกต่างกัน โดยมากที่มีคุณภาพดีกินอร่อยราคาจะค่อนข้างสูง แต่เราจะมีโอกาสดีๆอยู่เสมอที่จะได้ของถูกและดีมาให้น้องแมวของเรานั่นก็คือ โปรโมชั่นนั่นเอง

โดยในปีๆนึงหลายยี่ห้อมักทำโปรโมชั่นลดราคา หรือได้เบิ้ลคูณสอง ให้พวกเราได้เลือกซื้อกันโดยการซื้อของตามโปรโมชั่นนี่เองทำให้เราได้ของถูกและดีต่อน้องแมวของเรามาครอบครอง

เลี้ยงลูกแมวต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้าง?

สรุป

ไม่ว่าจะเป็นลูกแมว หรือลูกสุนัขก็ตาม การดูแลในระยะช่วงวัยนี้นั้น ควรที่จะมีความใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะลูกแมวอยู่ในช่วงที่กำลังสร้างภูมิต้านทาน ดังนั้นการระวังในเรื่องอาหาร และความสะอาดทั้งเรื่องอาหารที่กินเข้าไปในร่างกาย และความสะอาดภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ หรือที่อยู่อาศัยก็ไม่ควรที่จะมองข้าม

• Facebook
• X
• Line