เครื่องสำอางประทินผิวของสาว ๆ มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะ ครีมกันแดดผู้หญิง , ครีมกระชับรูขุมขน , ครีมลดริ้วรอย , ครีมลดถุงใต้ตา , ครีมบำรุงผิวหน้า , เซรั่มเกาหลี , คลีนซิ่งออย , สบู่ล้างหน้า , โฟมล้างหน้าลดสิว , โลชันผิวขาว ที่สาว ๆ ส่วนใหญ่จะต้องมีไอเท็มเหล่านี้ติดตู้เครื่องสำอางกัน
แต่บทความนี้เราจะมาพูดเกี่ยวกับครีมกันแดดกันอย่างละเอียด ว่าครีมกันแดดที่ดีควรเลือกจากอะไร ค่า SPF ค่า PA คืออะไร คุณสมบัติที่ดีของครีมกันแดด ไม่มัน ไม่เหนียว ผิวแพ้ง่าย ไม่อุดตัน กันน้ำ ครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด รังสียูวีเอ ยูวีบี ได้อย่างไร เรามาติดตามกันในหัวข้อถัดไป
ครีมกันแดดหน้า คืออะไร
ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวี แสงรังสีอัลตราไวโอเลต Ultraviolet Radiation เพื่อให้ผิวปลอดภัยจากแสงแดด หรือถูกทำลายจนไหม้ และลดโอกาสเสี่ยงการเป็นมะเร็งผิวหนัง โดยในส่วนผสมจะช่วยปกป้องผิวด้วยวิธีการต่าง ๆ ปกป้องชั้นผิวที่อยู่ลึก หรือ สะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตกลับออกไป
ประเภทของครีมกันแดดหน้า
แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สารกันแดดแบบเคมี และ สารกันแดดแบบกายภาพ
1.สารกันแดดแบบเคมี Chemical
จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติดูดซับแสงแดดที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีบนผิวหนัง โดยมีประสิทธิภาพต่างกันไปตามชนิดของสารกรองแสงที่ปกป้องกันรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี โดยสารกันแดดประเภทนี้จะมักไม่คงทน ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ง่าย
2.สารกันแดดแบบกายภาพ Physical
จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีจากแสงแดดออกไป เช่น Zinc Oxide หรือ Titanium dioxide ป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยากับผิวหนัง ครีมกันแดดประเภทนี้จะค่อนข้างเนื้อหนา และมีสีขาว
3.สารกันแดดส่วนผสมของสาร UVA และ UVB
ครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมของสารที่สะท้อนรังสี UVB UVA ออกจากผิว สารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่า โดยรวมเอาจุดเด่นของแต่ละประเภทเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้มีความคงตัวสูง ผิวสัมผัสดี ไม่เหนอะหนะ
ประเภทของครีมกันแดดตามบริเวณที่ใช้
1.แบบครีม – เป็นครีมกันแดดหน้าเหมาะใช้ทาบริเวณใบหน้า
2.แบบเจล – เหมาะสำหรับทาบริเวณที่มีขน เช่นหนังศีรษะ หน้าอก
3.แบบแห้ง – อาจผสมสารกันแดดร่วมด้วย เหมาะใช้ทาบริเวณที่อยู่รองดวงตา
4.แบบสเปรย์ – อาจนำมาใช้ทากันแดดให้แก่เด็ก ทาได้ง่าย โดยทาสารกันแดดเพื่อปกป้องผิวในปริมาณที่เพียงพอ
ค่า SPF ที่อยู่ในครีมกันแดดหน้าคืออะไร
เป็นตัวเลขบอกระดับการปกป้องผิวจากแสงแดดในการป้องกันการไหม้แดงของผิว ซึ่งเกิดจากรังสียูวีบี ซึ่งปกติยิ่งค่าสูงจะยิ่งทำให้เราอยู่กลางแดดได้นานมากขึ้นก่อนจะมีอาการผิวไหม้แดง เช่นถ้ายืนกลางแดดนาน 10 นาทีแล้วผิวไหม้แดง แต่ถ้าทาครีมกันแดด SPF15 จะอยู่กลางแดดได้นานขึ้นเป็น 10×15=150 นาที
ค่า SPF 10-15 เหมาะกับคนที่ทำงานในร่มตลอดวัน ไม่โดนแดดเลย
ค่า SPF มากกว่า 15 เหมาะกับคนที่มีกิจกรรมกลางแดดระหว่างวัน
ค่า SPF มากกว่า 30 เหมาะกับคนที่อยู่กลางแจ้งมาก ๆ
ในครีมกันแดดหน้าที่ดีควรมีค่า SPF เท่าไร
Sun Protection Factor เป็นหน่วยวัดการปกป้องผิวเราจากแดด คือการปกป้องจากรังสี UVB
- SPF 30 มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง 96.7%
- SPF 45 มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง 97.8%
- SPF 50 มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง 98%
ยิ่งค่า SPF สูงจะมีความสามารถในการป้องกันรังสี UVB ได้มากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นปริมาณที่น้อยมากหากเทียบกับความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น
ในครีมกันแดดหน้าควรมีค่า PA เท่าไร
ค่า PA ในครีมกันแดดย่อมาจาก Protection grade of UVA มีหน้าที่ปกป้องผิวของเราจากรังสี UVA โดยค่า
- PA+ มีประสิทธิภาพในการช่วยปกป้อง ป้องกันรังสี UVA เริ่มต้น
- PA++ มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง UVA กลาง
- PA+++ มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง UVA สูง
- PA++++ มีความสามารถในการดูดซับรังสี UVB ได้มากถึง UVA สูงสุด
รังสี UVA และ UVB ในครีมกันแดดหน้าคืออะไร
ค่ารังสี UVA คือคลื่นรังสีที่มีค่าความยาวตั้งแต่ 320-420 nm รังสีชนิดนี้จะตกกระทบกับผิวถึงชั้นอีลาสติน ถ้าไม่ปกป้องผิวโดยการทาครีมกันแดดจะทำร้าร้ายผิวจนเป็นสาเหตุของริ้วรอย จุดด่างดำ สิวอุดตัน และอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งผิวได้
ค่ารังสี UVB เป็นคลื่นรังสีที่มีช่วงสั้นกว่ารังสี UVA มีค่าความยาวตั้งแต่ 290-320 แม้รังสีจะมีความยาวน้อยกว่ารังสี UVA แต่คลื่นที่แผ่ออกมามีพลังมากกว่า UVA โดยรังสี UVB จะมีความเข้มที่สุดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.
คุณสมบัติของครีมกันแดดหน้าที่ดี
Spf (Sun-Protection Factor) – ควรมีค่า SPF เท่ากับ 30 หรือมากกว่านั้น
กันน้ำ กันเหงื่อ – สามารถกันน้ำกันเหงื่อ ไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน
ไม่เหนียวหน้า ไม่มัน – ไม่เกิดคราบมันระหว่างวัน ไม่มัน ไม่เหนียว
เบาไม่หนักหน้า – เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า
ไม่อุดตัน – ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน ไม่อุดตัน ไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ไม่ระเหยง่าย
ซึมซับเร็ว – ซับลงสู่ผิวรวดเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับครีมกันแดดและรังสียูวีในครีมกันแดดหน้า
- ครีมกันแดดทุกตัว ไม่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ทั้งหมด โดยครีมกันแดดบางตัวอาจป้องกันเฉพาะรังสียูวีบี ในขณะที่ครีมกันแดดบางตัวสามารถป้องกันทั้งรังสียูวีบี และยูวีเอ
- ครีมกันแดดหน้าไม่สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้สมบูรณ์ ควรใช้วิธีอื่นปกป้องผิวร่วมด้วย
- ดวงอาทิตย์จะปล่อยรังสียูวีออกมาตลอดเวลา รังสีดังกล่าวสามารถแทรกชั้นผิวและทำลายผิวได้ จึงควรทาครีมกันแดดเมื่อต้องออกข้างนอกเสมอ
- ใครที่ชอบอาบแดดต้องบอกว่าเป็นอันตรายต่อผิว เนื่องจากผิวหนังจะได้รับรังสียูวีมาก ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย เกิดจุดด่างดำและฝ้าได้ ส่วนรังสียูวีบีจะทำให้ผิวไหม้ ส่งผลและเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง
- ในครีมกันแดดที่ระบุว่า Water Resistant จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเมื่ออยู่ในน้ำได้นานถึง 40 นาที ส่วนครีมกันแดดที่ระบุว่า Very Water Resistant จะช่วยปกป้องผิวเมื่ออยู่ในน้ำได้นานถึง 80 นาที ส่วนครีมกันแดดที่ระบุว่า Waterproof หรือ Sweat Proof ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการรับรอง
- คำแนะนำให้ทาครีมกันแดดที่ผสมค่าป้องกันแสงแดด SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป จะช่วยป้องกันแสงแดดได้ถึงร้อยละ 97 ส่วนครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดสูงจะช่วยป้องกันรังสีจากแสงแดดได้มากกว่าครีมกันแดดที่มีค่าดังกล่าวต่ำเพียงเล็กน้อย ครีมกันแดดจะไม่สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างสมบูรณ์
- ควรทาครีมกันแดดซ้ำหากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน เนื่องจากยังไม่มีข้อพิสูจน์ได้ว่าครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดดมากกว่า 50 จะปกป้องผิวได้ดีกว่าครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันแสงแดด 50
- สเปรย์กันแดดอาจทำให้ได้รับปริมาณสารกันแดดที่ใช้ทาผิวได้ยากกว่าสารกันแดดรูปแบบอื่น
การเลือกครีมกันแดดหน้าสำหรับคนเป็นสิว
การเกิดสิวจากการอุดตันของรูขุมขน ส่งผลให้กลายเป็นการทำร้ายผิวหน้าซ้ำเติมให้สิวเพิ่มขึ้น และรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งสิวมีได้ทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวหัวช้าง สิวหัวหนอง
1.เลือกลักษณะของเนื้อกันแดด เป็นแบบเนื้อน้ำ หรือ เจล เพื่อเข้าสู่ผิวได้เร็วกว่าครีมกันแดดอื่น ๆ
2.เลือกครีมกันแดดหน้าที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และยังช่วยช่วยลดการเกิดสิวได้อีกด้วย
3.เลือกตามผิวที่เป็น เช่นหากเป็นคนผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย ควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีสารอันตราย ไม่เกิดการระคายเคือง ไม่มีพาราเบน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสี และกลิ่น
การเลือกครีมกันแดดหน้าสำหรับคนผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่ไวต่อสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดนแสงแดด น้ำ อากาศ เครื่องสำอาง โดยผิวแพ้ง่ายเมื่อโดนแดดนิดหน่อยจะมีผื่นขึ้น เวลาใช้ครีมใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนมีส่วนประกอบของสารเคมีจะมีอาการแสบหน้า แสบผิว แสดงว่าเป็นผิวแพ้ง่าย
1.อ่อนโยนต่อผิว
แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดหน้าที่เป็นสูตรอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ตัวที่เป็นครีมกันแดดเพื่อผิวแพ้ง่าย เนื่องจากคนผิวแพ้ง่าย ผิวจะไม่แข็งแรง ถ้าใช้ตัวที่มีสารเคมีแรง ๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว และอาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้
2.เลือกครีมกันแดดแบบ Non-Chemical
ต้องทราบกันก่อนว่าครีมกันแดดมีสามประเภทได้แก่ แบบ Chemical, Physical และแบบผสม การเลือกครีมกันแดดสำหรับคนผิวแพ้ง่าย แนะนำว่าให้ใช้ครีมกันแดดแบบ Physical เพราะเป็นครีมกันแดดสำหรับคนผิวแพ้ง่าย จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB สะท้อนและหักเหรังสียูวีออกไป โอกาสตกค้างน้อยกว่า Chemical
3.สามารถปกป้องผิวจากทุกแสง
คนผิวแพ้ง่าย ควรเลือกครีมกันแดดที่ปกป้องผิวได้ทุกแสง ทั้งรังสี UVA UVB รังสี IR Protection Blue Light แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คโทรศัพท์มือถือ และควรเลือกครีมกันแดดที่ปกป้องจากฝุ่น PM2.5 ได้ด้วย
4.ไม่เกิดการอุดตัน
สิ่งสำคัญของคนผิวแพ้ง่ายคือ เรื่องของการอุดตัน แนะนำว่าไม่ควรเลือกครีมกันแดดที่มีน้ำหอม สีสังเคราะห์ แอลกออฮอล์ เพราะสารเคมีเหล่านี้จะเป็นอันตรายต่อคนผิวแพ้ง่าย เกิดการอุดตันต่อผิวได้
5.กันน้ำได้ดี
ครีมกันแดดสำหรับคนผิวแพ้ง่ายควรเลือกที่สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ดี เพราะเวลาเจอแดดอาจทำให้ครีมเครื่องสำอางไหลลงมาเป็นคราบได้
วิธีเลือกซื้อ ครีมกันแดดหน้า
1.พิจารณาจาก Broad-spectrum
ควรพิจารณาจาก Broad-spectrum แปลว่าครีมกันแดดตัวหน้านี้สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB ให้พิจารณาว่าหากค่า SPF สูงจะสามารถป้องกันได้แค่รังสี UVB ซึ่งปอ้งกันผิวหมองคล้ำ
แต่หากมีค่า PA ด้วย แสดงว่าครีมกันแดดนั้นจะสามารถป้องกันรังสี UVA ลงลึกสู่ผิวมากกว่า ดังนั้นหากเลือกครีมกันแดดที่เป็นฉลากภาษาไทยควรเลือกที่มีทั้งคำว่า SPF และ PA ตัวเลขและเครื่องหมายบวกมากเท่าไร ยิ่งมีประสิทธิภาพในการกันแสงแดดได้มากขึ้น
2.ส่วนผสมหลัก
ครีมกันแดดแบ่งเป็นส่วนผสมจากสารเคมี และส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากสารเคมีมักจะดูดซึมรังสียูวีเอ ยูวีบีไว้เล็กน้อย ส่วนครีมกันแดดส่วนผสมจากธรรมชาติจะทำหน้าที่สะท้อนรังสียูวีเอ ยูวีบีออกไปจากผิว
ส่วนผสมจากสารเคมีเช่น ซิงค์ออกไซด์ หรือ ไทเทเนียมไดออกไซด์ มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสียูวีเอยูวีบีได้ดี ขณะที่สารเคมีบางตัวเช่น ไบซอกโทรโซล จะมีการทำงานข้ามความยาวคลื่นยูวีเอและยูวีบี
3.ครีมกันแดดต้องกันน้ำ Water Resistant
สำหรับสาว ๆ ที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือ ว่ายน้ำ ดำน้ำ ไปเที่ยวทะเล ควรเลือกครีมกันแดดหน้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้ 2-4 ชั่วโมง และทากันแดดซ้ำหลังจากว่ายน้ำหรือเล่นกีฬาเสียเหงื่อมาก เพื่อคงประสิทธิภาพไว้ได้สูงสุด
4.ไม่เกิดการระคายเคือง
ในครีมกันแดดมีส่วนผสมของสารเคมีและสารจากธรรมชาติมากมาย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยในตัวครีมกันแดดจะต้องปราศจากน้ำหอม และสารกันเสีย ไม่มีพาราเบน
5.เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือมากกว่านั้น
ค่า SPF จะช่วยบอกระดับการป้องกันผิวจากรังสียูวีบี โดยครีมกันแดดที่มีค่า SPF15 จะกรองรังสียูวีบีได้ร้อยละ 93 หรือครีมกันแดดที่มีค่า 30 จะกรองได้ร้อยละ 97 ส่วนครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำกว่า 15 สามารถป้องกันผิวไหม้ได้ แต่ไม่ป้องกันมะเร็งผิวหนัง
วิธีใช้ครีมกันแดดหน้าอย่างถูกต้อง
1.ให้ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดเป็นเวลาอย่างน้อย 15-30 นาที
2.ทาทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือ หลังการออกกำลังกาย
3.สำหรับการทาผิวหน้า ควรใช้ครีมกันแดดเพียง 1 ช้อนชา
4.เก็บครีมในอุณหภูมิห้องปกติ แต่อย่าให้โดนแดด และไม่ต้องแช่เย็น
5.ครีมกันแดดแบบเนื้อครีม จะปกป้องผิวได้มีประสิทธิภาพกว่าแบบสเปรย์
6.การเลือกค่า SPF และ PA ให้พิจารณาจากการใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าต้องทำงานออกแดดทั้งวันก็ควรเลือกค่า SPF สูงกว่า
7.ไม่ใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ เนื่องจากครีมกันแดดจะเสื่อมประสิทธิภาพ รวมทั้งไม่ใช้ครีมกันแดดที่ซื้อทิ้งไว้ 3 ปีหรือนานกว่านั้น
8.ไม่ควรทาครีมกันแดดให้แก่เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน โดยดูแลเด็กไม่ให้โดนแสงแดดมากเกินไป
ทำไมเราถึงต้องทาครีมกันแดด?
สรุป
นอกจากการใช้ครีมกันแดดหน้าในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ยูวีบีแล้ว ควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดดจัด สวมเสื้อผ้าคลุมให้ทั้งแขนและขาอย่างมิดชิดเมื่อต้องออกแดด พกแว่นดำ หรือ ใส่หมวกปิด เพื่อปกป้องผิวอันอ่อนโยนของเราไม่ให้โดนแสงแดดมากเกินไป
เพราะหากไม่ทาครีมกันแดดแล้วอาจก่อให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า รอยแดงบนผิวหน้าได้ หากร้ายกว่านั้นอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมากและโอกาสรักษาก็ยาก ดังนั้นการป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
นามปากกา เถาองุ่น การศึกษาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นนักรีวิวผลิตภัณฑ์ด้านการบำรุงผิวโดยเฉพาะ ทั้งผิวกาย ผิวหน้า ความงาม และเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายมาแล้วหลายยี่ห้อ
ครีมกันแดดหน้า Plantnery
-ช่วยป้องป้องการเกิดฝ้าแดด จุดด่างดำ
-เนื้อเจลครีม บางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบไว
-เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบาง ผิวมัน เป็นสิว
ครีมกันแดดหน้า Dr.Pong
-เหมาะสำหรับผิวเป็นสิวและผิวบอบบางแพ้ง่าย
-สูตรอ่อนโยน เนื้อสัมผัสเบาบาง SPF 50 PA+++
ครีมกันแดดหน้า Garnier
-ช่วยคุมมัน บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ
-ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด SPF 50 PA+++
ครีมกันแดดหน้า KA
-เนื้อซอฟท์ครีม สัมผัสเบา ไม่มัน สบายผิว
-ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ป้องกันการเกิดริ้วรอย
ครีมกันแดดหน้า Biore
-เนื้อเอสเซนส์สูตรน้ำ บางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ
-ช่วยไม่ให้ผิวหมองคล้ำ ป้องกันการเกิดจุดด่างดำจากรังสี
ครีมกันแดดหน้า Cathy Doll
-ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA,UVB ไม่มีสีและพาราเบน
-สูตรสำหรับออกแดดแรงมากเป็นพิเศษ เนื้อฟลูอิด ซึบเร็ว
ครีมกันแดดหน้า CUTE PRESS
-ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้เรียบเนียนแลดูสุขภาพดี
-เนื้อเจล ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ SPF 50+ PA+++
ครีมกันแดดหน้า L'Oreal
-ช่วยปกป้องผิวจากอณูของฝุ่นและมลภาวะ
-สูตรแมทท์แอนด์เฟรช เนื้อบางเบา ซึบเร็ว ไม่มันวาว
ครีมกันแดดหน้า ANESSA
-ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีทำร้าย ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
-เนื้อเจลผิวโกลว์ สดชื่น สบายผิว ล็อกความชุ่มชื่นยาวนาน
ครีมกันแดดหน้า Srichand
-สูตรผิวขาวกระจ่างใส เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย
-สามารถใช้แทนเบสเมคอัพได้ SPF50+ PA++++