9 ชุดเครื่องนอน ยี่ห้อไหนดี 2024 ครบชุด สัมผัสนุ่มลื่น นอนสบาย

ชุดเครื่องนอน คืออะไร

คือส่วนที่สวมทับเครื่องนอนของเรา ไม่ว่าจะเป็นหมอนหนุนนอน, ที่นอน, หมอนข้าง, หรือหัวเตียงก็ตาม จะมีทั้งแบบที่เป็นปลอกสวมทับ หรือเป็นผ้าคลุม อย่างเช่น ปลอกหมอนหนุน, ปลอกหมอนข้าง, ผ้าคลุมเตียง, ผ้านวม, ปลอกผ้านวม และผ้าคลุมหัวเตียง

ทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์หลักๆ คือ การป้องกันสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองเพียงเล็กน้อย หรือเป็นคราบสกปรกต่างๆ

แต่ด้วยประโยชน์ใช้งานเหล่านี้ ทำให้เกิดทั้งการออกแบบ ที่พัฒนาเสริมในเรื่องของการป้องกันไรฝุ่น, วัสดุของเนื้อผ้าที่สามารถกันน้ำได้ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องลวดลาย หรือการตัดเย็บเป็นต้น

ซึ่งทำให้ชุดเครื่องนอน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องใช้ ที่ใช้ป้องกันความสกปรก หรือการเปรอะเปื้อนที่จะลงบนที่นอนเท่านั้น

โดยหลักๆ ของชุดเครื่องนอนนั้นจะมีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่มีความสำคัญ และมีผลเพื่อให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึก นอนสบาย, มีความนุ่มเมื่อสัมผัสลงนอน ก็คือทุกอย่างที่ประกอบรวมกับเป็นชุดเครื่องนอนแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็น วัสดุที่ใช้ในการตัดเย็บ คุณภาพของการตัดเย็บ รวมถึง มาตรฐานการผลิตที่ช่วยกันรุฝ่น แต่ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่า จริงๆ แล้วชุดของเครื่องนอนนั้น มีอะไรกันบ้างดังนี้ คือ

ชุดเครื่องนอนประกอบด้วยอะไรบ้าง

1.ผ้าปูที่นอน

ผ้าปูที่นอนนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีการผลิตออกมาตามขนาดของที่นอน ซึ่งมีตั้งแต่ขนาด 3 ฟุต, 3.5 ฟุต, 5 ฟุต และ 6 ฟุต ซึ่งผ้าปูเตียงจำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อ ให้ตรงกับขนาดของที่นอน เพื่อที่จะทำให้เมื่อปู และรัดมุมเตียงทั้ง 4 มุมแล้ว เกิดความตึงพอดีทั่วทั้งเตียง รวมถึงผ้าปูที่นอน มีส่วนอย่างมาก ที่จะให้ความรู้สึกที่นอนสบาย และนุ่ม เพราะเป็นส่วนที่ผู้ใช้งาน จะสัมผัสเป็นสิ่งแรกเมื่อลงนอน

บางครั้งที่เราซื้อขนาดผ้าปูเตียงมาเล็ก หรือใหญ่เกินไปจากขนาดจริงของที่นอน และทำให้เราคิดว่า ยังไงก็สามารถใช้ร่วมกันได้ อย่างเช่น เตียง 3.5 ฟุต แต่เราซื้อผิดมาเป็นขนาด 3 ฟุต ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สามารถจะใส่แทนกันได้ นอกจากที่เราจะเลือกเป็นผ้าปูที่นอน แบบไม่รัดมุม หรือแบบที่โรงแรมนิยมใช้กัน ซึ่งก็ต้องอาศัยเทคนิคในการปูที่นอนได้อย่างชำนาญร่วมด้วย

สาเหตุที่บอกว่าทำไมผ้าปูที่นอน ถึงได้มีอิทธิพลต่อการนอนหลับของเราก็คือ การที่จะเลือกผ้าปูที่นอน เพื่อให้เกิดการนอนสบาย และนุ่มนั้น อาจจะต้องพิจารณาในเรื่องของตัวเส้นใยที่ใช้ในการทอผ้าปูที่นอนยี่ห้อนั้นๆ ร่วมด้วย

และควรมีเส้นใยที่ใช้ในการทออยู่ที่ 300-600 เส้นใยต่อตารางนิ้ว การเลือกคือ ยิ่งมีจำนวนเส้นใยมากแค่ไหน เป็นสิ่งที่จะแสดงให้เรารู้ว่า ผ้าปูที่นอนผืนนั้น จะช่วยให้เรานอนสบาย และให้ความนุ่มเมื่อสัมผัสตัวลงนอนได้มากเท่านั้น

รวมถึงสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง ที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับ จำนวนเส้นใยที่ทอมาเป็นผ้าปูที่นอนก็คือ เนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บ เพราะหากคิดถึงชุดเครื่องนอน ผ้าปูที่นอนคือไอเท็มหลัก ที่คิดว่าหลายคนอาจจะต้องใช้เวลา

ในการเลือกซื้อนานที่สุด และเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บเป็นผ้าปูที่นอนนี้นั้นก็มีหลากหลายชนิด ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของผู้เลือกซื้อเป็นสำคัญ

ผ้าฝ้าย

เนื่องจากตัวผ้าฝ้าย มีการทอด้วยใยธรรมชาติ 100% จึงทำให้มีคุณสมบัติที่ดีต่อ สภาพอากาศที่ร้อนชื้น ด้วยการระบายอากาศได้ดี, ดูดซึมน้ำและความชื้นได้ดี และสามารถระบายความร้อน อีกทั้งยังมีราคาที่ถูก และมีแบบให้เลือกหลากหลาย อีกทั้งสำหรับการดูแลรักษาความสะอาดนั้น ยังสามารถนำไปซัก และรีดได้แบบทั่วไป

ผ้าโพลีเอสเตอร์

หรือจะเรียกว่าเป็นเนื้อผ้าใยสังเคราะห์ ที่มีความนิยมในการนำมาใช้ผลิตทั้ง ผ้าปูที่นอน หรือเสื้อผ้าในรูปแบบต่างๆ อย่างหลากหลาย ด้วยคุณสมบัติของเนื้อผ้า ที่คงตัว, ระบายอากาศได้ดี, แห้งเร็ว ไม่ยับง่าย และมีความยืดหยุ่นที่สูง ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกอีกทาง ที่รองมาจากผ้าฝ้าย และง่ายสำหรับการดูแลรักษาความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นด้วยการซัก หรืออบให้แห้ง

ซึ่งด้วยตัวเนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ ดูดความชื้นได้น้อย ดังนั้นจึงมีผลให้เมื่อซักแล้ว แห้งได้เร็ว เพียงแค่นำเข้า เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว และที่สำคัญคือ เราสามารถจะรีด หรือไม่รีดก็ได้ เพราะโดยธรรมชาติแล้ว เนื้อผ้าชนิดนี้จะไม่ค่อยยับ ผ้าปูที่นอน ที่ผลิตมาจากโพลีเอสเตอร์นี้ สามารถนำไปปูได้ทั้ง ที่นอนสปริง , ที่นอนยางพารา , ที่นอนเป่าลม , ที่นอน 3.5 ฟุต

แต่หากผู้ใช้ต้องการรีด ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน หรือตัวปลอกหมอน ที่ใช้สวม หมอนขนเป็ด , หมอนขนห่าน หรือ หมอนแก้ปวดคอ นั้นควรที่จะเน้นการใช้ไฟที่ความร้อนต่ำเท่านั้น ด้วยคุณสมบัติที่เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ที่มีการทนความร้อนได้น้อย แต่ส่วนใหญ่หลังซักและอบผ้าแล้ว เนื้อผ้าชนิดนี้จะไม่มีรอยยับเลย

ผ้าซาติน

เสน่ห์ของเนื้อผ้าชนิดนี้ก็คือ มีความมันเงา และลื่น มีความหรูหราด้วยธรรมชาติของตัวเนื้อผ้าเอง ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่ว่าจะนำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า หรือผ้าปูที่นอนก็ตาม ดังนั้นเราจึงมักจะได้ยินผู้ใช้ที่นิยมเลือกซื้อชุดเครื่องนอน ที่เป็นเนื้อผ้าชนิดนี้ก็คือ นอนแล้วรู้สึกเย็นสบาย ให้ความนุ่มลื่นทุกการพลิกตัวในเวลานอน

อีกทั้งในการดูแลรักษาความสะอาดนั้น สามารถทำได้ง่าย โดยหากเป็นการซัก ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิระหว่าง 40-45 องศาเซลเซียส และในการใช้ไฟในการรีดนั้น ถึงแม้เนื้อผ้าขนิดนี้จะมีรอยยับไม่มาก หลังจากการซักอบแล้ว แต่ควรที่จะรีดเพื่อให้เกิดความมันเงาที่ตัวเนื้อผ้า โดยสามารถใช้ไฟที่ไม่เกิน 200 องศาเซลเซียสเพียงเท่านั้น

ผ้าไหม

ลักษณะเฉพาะของผ้าไหมนั้น มีความเหมือนกับผ้าซาติน ในเรื่องของความมันเงา และความลื่นในตัวเนื้อผ้า แต่มีความลื่นมากกว่าผ้าซาติน และด้วยราคาผ้าไหมจะมีราคาแพงกว่าเนื้อผ้าหลายชนิด ที่นำมาตัดเย็บเป็นผ้าปูที่นอน

ด้วยคุณสมบัติที่ให้ความเย็นสบาย และความอ่อนนุ่ม ช่วยให้นอนสบาย และอีกคุณสมบัติหนึ่งที่คล้ายกับ ตัวขนเป็ด และขนห่านคือ ปรับอุณหภูมิให้แม้จะเป็นช่วงอากาศหนาว เนื้อผ้าไหมจะช่วยปรับให้ร่างกายเราอุ่นขึ้นได้

ความแตกต่างระหว่างผ้าซาติน และผ้าไหมที่นำมาตัดเย็บ เป็นผ้าปูที่นอนนั้น หากเป็นผ้าซาติน จะเน้นการออกแบบ และลวดลายให้มีความหรูหรา อย่างเช่น ลายแฟชั่นตามเทรนด์ที่นิยมกันในช่วงเวลานั้นๆ หรือมีสีเหลือง สีทองตัดกับสีดำ เป็นเอกลักษณ์ แต่หากเป็นผ้าไหม ด้วยตัวเนื้อผ้าที่มีความมัน และเป็นเอกลักษณ์ของความหรูหรา ที่มีมากกว่าผ้าซาติน ส่วนใหญ่เราจะเห็นในรูปแบบของ ผ้าปูที่นอนที่เป็นสีพื้น แต่เป็นเฉดสีที่สามารถใช้งานได้ร่วมสมัย

ผ้าลินิน

คุณสมบัติจะเรียกว่า มีความคล้ายกับผ้าฝ้ายเลยทีเดียว ซึ่งเนื้อผ้าลินินเป็นเนื้อผ้าที่มีรูระบายอากาศได้ดี ซึ่งด้วยคุณสมบัตินี้ จึงทำให้เมื่อนำมาตัดเย็บเป็น ผ้าปูที่นอนจะช่วยให้มีการระบายความร้อนในขณะที่เราใช้งาน ซักทำความสะอาดและนำไปอบ หรือนำไปตากแดดร่มๆ ก็แห้งได้โดยใช้เวลาไม่นานเท่ากับ ผ้าใยสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ

แต่ส่วนหนึ่งที่เป็นข้อแตกต่างระหว่าง ผ้าลินิน และผ้าฝ้ายคือ เส้นใยของผ้าลินินที่มีความแข็งแรง และทนทานมากกว่าผ้าฝ้าย ซึ่งมีผลทำให้การซักอบรีดในหลายครั้ง สภาพของเนื้อผ้า และการตัดเย็บจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่ หรือเรียกว่า มีอายุในการใช้งานได้นานกว่า การนำผ้าฝ้ายมาตัดเย็บเป็นผ้าปูที่นอน

2.ปลอกหมอนหนุน และปลอกหมอนข้าง

วัสดุเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บเป็นทั้งปลอกหมอนหนุน และปลอกหมอนข้างนั้น หากเป็นชุดเครื่องนอน ที่มาพร้อมกันเป็นเซตจะเป็นเนื้อผ้าเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน, ปลอกหมอนหนุน, ปลอกหมอนข้าง

ซึ่งหากเราเลือกจำนวนเส้นใยในการทอ ที่มีมากกว่า 400   เส้นใยต่อตารางนิ้วแล้วนั้น ก็จะช่วยให้เรานอนสบายมากขึ้น แต่โดยปกติแล้ว หากต้องการในความนุ่ม, เบาสบายในการนอนระดับปกติ เพียงแค่เลือกจำนวนเส้นใยระหว่าง 200-300 เส้นใยก็เพียงพอ

3.ผ้านวม

หากเรามีการสั่งซื้อชุดเครื่องนอน ไม่ว่าจะเป็นแบบหน้าร้าน (Offline) หรือแบบร้านค้าออนไลน์ (Online) นั้น นอกจากเราจะได้ผ้าปูที่นอน, ปลอกหมอนทั้งหมอนหนุน และหมอนข้าง

แล้วนั้นอีกสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในเซตชุดของเครื่องนอนก็คือ ผ้านวม ซึ่งหลายคนคงสงสัย และตั้งคำถามกันว่า ความแตกต่างของระดับราคา พิจารณาจากส่วนไหน ผ้านวมหลายยี่ห้อก็มีราคาที่แพงกว่าอีกหลายยี่ห้อ ส่วนสำคัญที่เป็นตัวแบ่งระดับราคาก็คือ

เส้นใยสังเคราะห้ และเส้นใยฝ้าย

สิ่งที่จะได้จากวัสดุเส้นใยประเภทนี้ ที่บุไว้ด้านในผ้านวมก็คือ สามารถห่มกันหนาวได้ระดับหนี่ง, ระบายอากาศได้ดี รวมถึงมีน้ำหนักเบา ซึ่งทำให้การนำไปซักอบ แห้งได้เร็ว รวมถึงมีราคาที่ถูก

แต่ด้วยความนุ่มฟูเมื่อสัมผัส หรือนำมาห่มแล้วนั้น อาจจะไม่เท่าวัสดุที่เป็นขนเป็ด หรือขนห่าน แต่เหมาะสมกับผู้ที่ใช้งาน เพื่อห่มกันหนาวกับอากาศที่ไม่ได้หนาวมาก หรือในอุณหภูมิภายในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ  

ขนเป็ด หรือขนห่าน

วัสดุทั้งขนเป็ด หรือขนห่านที่ใช้บุด้านในผ้านวม จะเน้นในการใช้งาน เพื่อป้องกันอากาศหนาวโดยเฉพาะ ดังนั้นหากใครที่เคยไปพักโรงแรมที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาว หรือมีหิมะตก นอกจากจะมีการนำหมอนขนเป็ด หรือขนห่านมาใช้ในห้องพักแล้วนั้น ผ้าห่มตรงนี้ก็จะบุด้านในด้วยขนเป็ด หรือขนห่านด้วยเช่นกัน เพราะในอากาศที่หนาวจัดแบบหิมะตก แม้เปิดฮีตเตอร์เพียงอย่างเดียว ก็ไม่ช่วยให้หายหนาวได้ ดังนั้นผ้านวมควรบุด้วยขนเป็ด หรือขนห่านเท่านั้น

4.ปลอกผ้านวม

หากเราจะเปรียบเทียบในความเหมือน ซี่งจะเหมือนกับผ้าปูที่นอนนั่นเอง ที่จะต้องมีผ้าคลุม หรือปลอกใส่ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง หรือคราบเปื้อนต่างๆ ที่จะลงสู่ผ้านวม และที่นอน

แต่สิ่งสำคัญก็คือ ทั้งตัวผ้าปูที่นอน และปลอกผ้านวม จะเน้นการผลิต ที่มีทั้งการเคลือบกันไรฝุ่น และแอนตี้แบคทีเรีย (Anti Bacteria) รวมถึงทั้ง ผ้าปูที่นอน และปลอกผ้านวม ถือว่าเป็นชุดเครื่องนอน ที่มีความใกล้ชิดกับเราในการใช้งานมากที่สุดก็ว่าได้

5.ผ้าคลุมเตียง

หลายคนอาจจะมองว่า ผ้าคลุมเตียงกับผ้าปูที่นอนนั้น มีความหมายเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วเป็นชิ้นผ้าคนละชิ้น และมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ผ้าคลุมเตียงนั้น ไม่ได้ติดมาพร้อมกับ ชุดเซตเครื่องนอน แต่เราอาจจะต้องซื้อมาเพิ่ม เป็นเครื่องใช้เสริม

การใช้งานหลักคือ เป็นผ้าชิ้นที่เราใช้คลุมทั้งหมดบนเตียง เมื่อมีการจัดเตียงเสร็จเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการปูที่นอน, ใส่ปลอกหมอนหนุน และปลอกหมอนข้าง, รวมถึงการคลุมผ้านวมทับผ้าปูที่นอนแล้ว

ส่วนสุดท้ายก็คือ การใช้ผ้าคลุมเตียงคลุมทับทุกอย่างอีกที ทั้งนี้เราจะเห็นได้ว่า หากผ้าทุกชิ้นมีการซักอบทำความสะอาดเรียบร้อย ผ้าคลุมเตียงถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ในการคลุมฝุ่นละอองไม่ให้ตกลงมา บนที่นอนที่เราทำความสะอาดแล้ว

ซึ่งในปัจจุบันนี้การผลิตผ้าคลุมเตียง ก็จะมีการเคลือบป้องกันไรฝุ่น และป้องกันแบคทีเรียร่วมด้วยเหมือนกับผ้าปูที่นอน และปลอกผ้านวม

6.ผ้าคลุมหัวเตียง

เตียงในรูปแบบที่มีการนำมาใช้งานกันมาก คือการมีหัวเตียงที่สูงขึ้น และไม่มีเพียงแค่โครงเหล็ก มีการบุหัวเตียงด้วยวัสดุด้านใน ซึ่งผ้าคลุมหัวเตียงที่เราจำเป็นต้องเลือก ให้ตรงกับขนาดของที่นอน อย่างเช่น 3.5 ฟุต, 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต เป็นเครื่องใช้บนที่นอนเสริม ที่เราต้องซื้อแยกต่างหากจากชุดของเครื่องนอน เหมือนกับ ผ้าคลุมเตียง และปลอกผ้านวม

วิธีเลือกซื้อชุดเครื่องนอน

1.เลือกตามวัสดุ

จากข้อมูลข้างต้นของการส่วนประกอบของ ชุดที่ประกอบเป็นเครื่องนอนแล้วนั้น เราจะเห็นวัสดุหลักๆ ที่แยกออกเป็น เนื้อผ้าที่ใช้ตัดเย็บ กับตัววัสดุที่บุด้านในผ้านวม ซึ่งอาจจะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อไปพร้อมๆ กันร่วมด้วย คือ

ผ้าปูที่นอน, ปลอกหมอนหนุน และปลอกหมอนข้าง

วัสดุที่เป็นผ้าในการนำมาตัดเย็บ ซึ่งโดยหลักๆ ส่วนใหญ่จะนิยมเนื้อผ้า ที่เน้นระบายอากาศ และระบายความร้อนได้ดี, ไม่เก็บความชื้น ไม่ยับง่าย ซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดี สำหรับการใช้งานที่ผู้ใช้ไม่ต้องมีความยุ่งยาก ในการดูแลทำความสะอาดตัวชุดเครื่องนอนมากมายนัก

ผ้านวม

วัสดุที่ใช้บุด้านใน ที่เน้นในเรื่องการให้ความอบอุ่น และป้องกันอากาศหนาวนั้น เราสามารถที่จะเลือกได้ตามการใช้งาน ซึ่งหากเป็นการห่มภายในห้อง ที่มีการเปิดแอร์อินเวอร์เตอร์เพียงเท่านั้น เราสามารถที่จะเลือกแบบใยสังเคราะห์ หรือผ้าฝ้าย แต่สำหรับสถานที่ๆ มีอากาศหนาวมากๆ ควรที่จะเลือกที่ด้านในบุ ขนเป็ด หรือขนห่าน เพื่อให้ความอบอุ่น

2.เลือกตามรูปแบบ

ซึ่งมีความหมายรวมถึง การตัดเย็บ, ลวดลาย และตัวเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บเป็น ผ้าปูที่นอนร่วมด้วย ซึ่งการพิจารณาเลือกตามรูปแบบนี้นั้น จะเป็นตัวบอกถึงลักษณะเฉพาะ ของผู้เลือกใช้อีกด้วย ที่แบ่งหลักๆ ได้เป็นดังนี้ คือ

แบบหรูหรา

อย่างเช่น สำหรับผ้าไหม หรือผ้าซาติน ที่โดยเนื้อผ้าแล้ว ส่วนใหญ่จะนำมาออกแบบ และตัดเย็บเป็นผ้าปูที่นอนในรูปแบบที่หรูหรา และเน้นลวดลายที่ไม่เยอะจนเกินไป แต่ให้ความดูดี และสามารถใช้งานได้อย่างร่วมสมัย

แบบเรียบง่าย

เราจะสังเกตได้จากวัสดุเนื้อผ้า อย่างเช่น ผ้าฝ้าย, ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าลินิน เป็นต้น ลวดลายจะเน้นเป็นสีพื้น หรือถ้ามีลายก็จะมีลายที่ไม่มากเกินไป เช่นลายตาราง, ลายเส้นตัด ที่มีสีหลักๆ เพียงแค่ไม่เกิน 3 สีเท่านั้น

แบบแฟชั่น

ตรงนี้หมายรวมถึงลายที่อยู่ในกระแสนิยม ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน, หนัง, เทรนด์แฟชั่น หรือโลโก้ต่างๆ ซึ่งการเลือกซื้อก็เป็นไปตามความชอบส่วนบุคคล และส่วนใหญ่จะเป็นลายที่เป็นลิขสิทธิ์ แต่ถือว่าได้รับความสนใจไม่น้อยไปกว่า ชุดของเครื่องนอนที่เป็นสีพื้น หรือแบบเรียบๆ

3.เลือกตามฟังค์ชั่นเสริม

เช่น ชุดเครื่องนอนที่สามารถป้องกันไรฝุ่น และป้องกันแบคทีเรียได้ ด้วยการถักทอที่ละเอียด ด้วยวัสดุที่เอื้ออำนวย หรือจะเลือกแบบที่การตัดเย็บไร้รอยต่อดูสวยงามน่าใช้ ปูแล้วน่านอนสามารถเสริมความอยากนอนได้ดีอีกด้วย

หรือจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งคือคุณสมบัติกันน้ำ ก็เป็นที่น่าสนใจในการพิจารณาเลือกซื้อได้อีกด้วย

แนะนำเครื่องนอนที่น่าสนใจ

1.Satin Plus ชุดเครื่องนอนนุ่มมาก

มีให้เลือก 3.5 5 6 ฟุต ทอผ้าไมโครฟิล 100% ความละเอียด 290 รองรับความหนาของที่นอน 14 นิ้ว สัมผัสเรียบ ไม่มีรอยต่อ  สะดวกต่อการใช้งาน ขอบยางยืดอย่างดี รัดมุม 4 ด้าน ขอบยางยืดอย่างดี ช่วยให้การปูที่นอนเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

2.SANTA ชุดเครื่องนอน ผ้าห่ม ผ้านวม

ขนาด 5 6 ฟุต ทอด้วยเทคนิคพิเศษ 340 เส้นด้าย นุ่มสบายระบายอากาศดี สีสันสดใส คงทน ไม่ซีดจาง รองรับที่นอนสูงสุด 14 นิ้ว ด้วยเทคนิคพิเศษ นุ่ม สบาย ระบายอากาศดี คงทน ไม่ซีดจาง ยางรัดมุมผ้าปูทั้ง 4 ด้าน รองรับที่นอนสูงสุด 14 นิ้ว ป้องกันไรฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ระคายเคือง

3.Tulip Delight ชุดเครื่องนอน ผ้านวม

มีขนาด 3.5 5 6 ฟุต ผลิตจากเส้นในไมโครไฟเบอร์ ทอละเยอดถึง 380 เส้นด้าย/10 ตรซม. ทอลวดลายในตัวผ้า ดูดีมาก ๆ ให้ความนุ่มนวล น่าสัมผัส ไม่ระคายเคือง ซักทำความสะอาดได้ง่าย รองรับที่นอนหนาถึง 13 นิ้ว

รีวิวชุดเครื่องนอนถูกและดี

สรุป

ทั้งหมดนี้เราจะเห็นได้ว่า ที่นอนไม่ได้เป็นแค่สิ่งเดียว ที่มีความสำคัญต่อการนอนของเราทุกคน แต่ในวันนี้เครื่องใช้ที่นำมาสวมใส่กับเครื่องนอนเหล่านี้ มีความสำคัญ และมีความใกล้ชิดกับตัวเรามากขึ้น ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อได้หลากหลายรูปแบบที่สวยๆ และเน้นในเรื่องของคุณภาพดี, ราคาสบายกระเป๋า รวมถึงช่วยให้เรานอนสบายในทุกคืนอีกด้วย

ดูแลบทความโดย ปิยวรรณ

ยุ้ย ปิยวรรณ เป็นนักวิเคราะห์ วิจารณ์ ชำนาญการเรื่องเครื่องนอน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการนอน  มีประสบการณ์การตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอนยาวนานมากกว่า 10 ปี

• Facebook
• X
• Line