10 อันดับ เครื่องรีดผ้าไอน้ำ ยี่ห้อไหนดี 2024 ทน ใช้ง่าย ถนอมเนื้อผ้า

อุปกรณ์รีดผ้าเรียบ มีอะไรบ้าง

1.โต๊ะรีดผ้า

ความแตกต่างกันของโต๊ะรีดผ้า ที่เราสามารถมองเห็น และมีการเลือกได้ง่ายๆ คือ ระดับความสูงที่แตกต่างกัน และที่รองรีดที่ขนาดเล็กใหญ่ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ภายในตัวบ้าน หรือที่อยู่อาศัยร่วมด้วยว่า เหมาะที่จะใช้ทั้งความสูง และขนาดของโต๊ะรีดผ้าในแบบไหนได้บ้าง

แบบเตี้ย

รูปทรงของโต๊ะรีดผ้านี้ มีลักษณะเด่นที่สามารถสังเกตได้คือ มีความเตี้ยในขนาดที่ผู้ใช้งานนั้น สามารถนั่งลงรีดได้กับพื้น ซึ่งมีความสะดวก และคล่องตัวสูง ไม่ต้องเสียเวลากางปรับระดับ และสามารถรีดได้ทุกมุมของตัวเสื้อ, กระเกง และกระโปรง ได้เทียบเท่ากับโต๊ะรีดเสื้อแบบระดับที่สูงเลยทีเดียว  ความคล่องตัวที่สามารถเคลื่อนย้าย และพกพาไปต่างจังหวัด หรือที่เที่ยวต่างๆ เพื่อใช้งานพร้อมกับเครื่องรีดผ้าไอน้ำได้เลยทีเดียว

แบบ 7 ระดับ

โต๊ะรีดผ้าระดับนี้ มีความหลากหลายในการปรับระดับได้มากถึง 7 ระดับ ที่สามารถใช้งานได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือลูก โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีคุณสมบัติเสริมในการใช้งานร่วมด้วย อย่างเช่น การไม่กักเก็บความร้อน และมีการระบายความร้อนได้ดีสำหรับตัวผ้าที่หุ้มโต๊ะรีดผ้านี้

แบบ 11 ระดับ

การเน้นที่คุณสมบัติที่สามารถปรับความสูงต่ำได้มากถึง 11 ระดับนี้ เน้นในประโยชน์การใช้งานแบบเดียวกับ โต๊ะรีดผ้าแบบ 7 ระดับ แต่ในทางเดียวกันนั้น ประโยชน์การใช้งานเสริมในส่วนของ ผ้าหุ้มโต๊ะรีดผ้า หรือโต๊ะรองรีดนั้นยังเหมือนกับ โต๊ะรีดผ้าแบบ 7 ระดับก็คือ การเน้นผ้าหุ้มโต๊ะรีดผ้า ที่ต้องมีการระบายความร้อน และดีไซน์, รูปแบบ รวมถึงลวดลายที่เน้นความดูดี และเรียบสวยในตัวเอง

2.เตารีดไอน้ำหรือเครื่องรีดผ้าแบบใช้ไอน้ำ

โดยหลักๆ แล้วเราจะเห็นเตารีดไอน้ำ หรือเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำนั้น จะมีการใช้งานหลักที่เน้นการใส่น้ำ เพื่อให้ทั้งความร้อนและไอน้ำ เป็นตัวช่วยให้เสื้อผ้ามีความเรียบ แต่จะแตกต่างกันที่รูปแบบของเตารีด และส่วนที่ใส่น้ำ ซี่งมีทั้งแบบ

• เตารีดไอน้ำแบบหม้อต้มแยกออกจากตัวเครื่อง
• เตารีดไอน้ำแบบใส่น้ำภายในตัวเครื่อง
• เตารีดไอน้ำแบบพกพาขนาดเล็ก
• เตารีดไอน้ำหรือเครื่องรีดผ้าไอน้ำแบบแขวน

เครื่องรีดผ้าไอน้ำ คืออะไร

คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในการรีดผ้า หรือเตารีดที่มีการใช้ไอน้ำและความร้อน เป็นตัวช่วยให้เสื้อผ้ามีความเรียบ ซึ่งไอน้ำจากตัวเตารีดนั้นมาจากตัวหม้อต้มที่แยกออกมาต่างหากกับตัวเตารีด และแบบที่อยู่ในตัวของเตารีด ทั้ง 2 แบบนี้สามารถเรียกได้ทั้ง เครื่องรีดผ้าไอน้ำ, เตารีดไอน้ำ หรือ Steam Iron

ซึ่งเตารีดไอน้ำนี้ มีการเริ่มต้นมาจากเตารีดแบบแห้ง หรือเตารีดแบบที่ไม่ใช้ไอน้ำ หรือไม่ต้องพึ่งหม้อต้มไอน้ำนั่นเอง การรีดเสื้อให้เรียบจึงใช้เพียงความร้อน และแรงกดผ้าจากตัวเตารีดให้เรียบเท่านั้น ดังนั้นเตารีดในอดีตที่ในปัจจุบันก็ยังมีใช้กันอยู่ จะมีเพียงวัสดุที่เป็นเหล็ก มีความหนักซึ่งเป็นผลดีต่อการรีดผ้าให้เรียบ และจับจีบแน่น

ส่วนอีกรูปแบบหนี่งของเตารีดแบบไม่ใช้ไอน้ำ ก็คือเป็นแบบผิวหน้าเตารีดเคลือบ หรือnon stick นั่นเอง แต่สำหรับเครื่องรีดผ้าไอน้ำ หรือ Steam Iron มีตัวเลือกที่หลากหลายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบพกพา, แบบหม้อต้มแยกต่างหากจากตัวเครื่อง, แบบที่มีการใส่น้ำในตัวเครื่อง หรือเตารีดไอน้ำแบบแขวน ซึ่งนอกจากให้ความสะดวกสบายกับผู้ใช้งานด้วยแล้ว ยังสามารถเลือกได้ตามความต้องการในการใช้งานของแต่ละครอบครัว และความถนัดของผู้รีดผ้าอีกด้วย

เครื่องรีดผ้าไอน้ำ มีกี่แบบ

เราอาจจะคุ้นเคยและเห็นบ่อยกับเตารีดไอน้ำ แบบที่ใส่น้ำในตัวเครื่องเลย ซึ่งจริงๆ แล้วในกลุ่มเตารีดที่ใช้ไอน้ำนี้ ยังมีอีกหลายแบบที่เน้นการใช้ไอน้ำในการรีดเสื้อ และล่าสุดในความนิยมที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กับเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำที่สามารถพกพาได้ หรือในรูปแบบเล็กกะทัดรัด สามารถพกติดกระเป๋าเดินทางทั้งใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ หรือเที่ยวต่างจังหวัด

ซึ่งเครื่องรีดผ้าที่ใช้ไอน้ำนี้ ก็เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เน้นในเรื่องการช่วยผ่อนเบางานบ้านให้ง่ายขึ้น และประหยัดเวลามากขึ้น เหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายอย่างภายในบ้าน ที่นอกจากเน้นการใช้งานที่สะดวกแล้วนั้น ยังช่วยให้ชีวิตของเราสบายมากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น แอร์เคลื่อนที่ , เครื่องซักผ้าอบผ้าในตัว , เครื่องซักผ้า , ตู้เย็น 5 คิว , ไมโครเวฟ , ไฟฉุกเฉิน , พัดลมไอเย็น , เครื่องฟอกอากาศ , เครื่องซักผ้าฝาหน้า , รางปลั๊กไฟ

1.แบบหม้อต้มแยก

หลายคนอาจจะไม่เคยชินกับรูปแบบหม้อต้มแยก ของเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำนี้ แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น ก็มีความคล้ายกับเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำที่เราคุ้นตากันดีนั่นเอง เพียงแต่มีการออกแบบแยกตัวใส่น้ำให้ออกมานอกตัวเครื่อง หรือเรียกว่า หม้อต้ม ซึ่งหากเราเลือกใช้งานแบบแยกหม้อต้มนี้ ก็จะมีข้อดีในเรื่องการใช้งานรีดเสื้อได้หลายตัว ตัดขั้นตอนการเติมน้ำหลายรอบไปได้มากทีเดียว

ที่สำคัญก็คือ นอกจากที่เราจะสามารถประหยัดเวลา และตัดขั้นตอนการเติมน้ำไปได้มากแล้วนั้น พลังไอน้ำที่ได้จากแบบหม้อต้มแยกนี้ ก็จะมีมากกว่าเตารีดไอน้ำแบบใส่น้ำในตัวเครื่องอีกด้วย ซึ่งหมายความว่า จะได้ประสิทธิภาพการรีดเสื้อให้เรียบได้มากกว่า และประหยัดเวลาในการรีดเสื้อได้มากกว่าอีกด้วย

2.แบบใส่น้ำในตัวเครื่อง

รูปแบบที่ใส่น้ำในตัวเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำนี้ เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี อีกทั้งรูปทรงก็มีความคล้ายกับ เตารีดแบบแห้งที่ไม่ต้องใช้ไอน้ำ และมีการใช้งานเหมือนเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำ ที่มีหม้อต้มแยกออกจากตัวเครื่อง รูปแบบการใส่น้ำในตัวเครื่องนี้นั้น อาจจะเหมาะสมกับผู้ที่มีเสื้อผ้าที่ต้องการรีดไม่มากจนเกินไป ซึ่งเราสามารถคอยเติมน้ำในตัวเครื่องเตารีดได้เรื่อยๆ เมื่อเห็นระดับน้ำที่ลดลง

3.แบบพกพา

ต้องบอกเลยว่าเป็นไอเท็มของเครื่องรีดผ้าไอน้ำที่มาแรง และมีคนสนใจเลือกซื้อกันเป็นจำนวนมาก อาจด้วยราคาต่อตัวเครื่องที่ไม่แพงมาก และยังสามารถพกติดตัวไปนอกสถานที่ได้แบบง่ายๆ, น้ำหนักไม่มาก และมีการใช้งานที่ง่าย คล้ายกับเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำที่ใช้การแขวนรีดนั่นเอง แต่แตกต่างกันเพียงแค่ หากเป็นแบบพกพา การรีดเสื้อในแต่ละตัว ต้องแขวนไม้แขวนในการรีด ซึ่งลักษณะการรีดแบบนี้ จะช่วยให้รีดได้ง่าย และเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของตัวเสื้อผ้า

4.แบบแขวน

ซึ่งอาจจะดูเป็นรูปแบบผสมระหว่าง เครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำที่เป็นหม้อต้ม และแบบพกพา นั่นคือจะมีหม้อต้ม หรือส่วนที่ใส่น้ำอยู่ด้านล่างสุดของตัวเครื่อง เป็นฐานวางบนพื้น และส่วนที่ใช้ในการรีด หรือหน้าเตารีดที่มีความคล้ายกับเตารีดไอน้ำแบบพกพา ที่มีด้ามจับ และมีหัวเตารีดที่เป็นตัวพ่นไอน้ำ เพื่อช่วยให้เสื้อผ้ามีความเรียบ

ข้อควรระวังในการใช้เครื่องรีดผ้าไอน้ำ

1.ระดับน้ำ

สิ่งสำคัญอันดับแรกเลยทีเดียว สำหรับการใช้งานเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำ ก็คือการสังเกตดูระดับน้ำอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลาในการรีดเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นทั้งรูปแบบหม้อต้มแยก, เติมน้ำในตัวเครื่อง, แบบพกพา หรือแม้แต่แบบแขวนก็ตาม เพราะเมื่อไหร่ที่น้ำแห้ง และยังคงมีการใช้งานไปเรื่อยๆ ในการรีดเสื้อ ที่สำคัญที่สุดเมื่อเราไม่สังเกต เราจะกดใช้งานตัวพ่นไอน้ำไปเรื่อยๆ

การใช้งานและลืมดูน้ำที่แห้งไปของเครื่องรีดผ้าไอน้ำนี้ นอกจากจะมีส่วนให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานแล้วนั้น ยังทำให้เครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำนี้ มีอายุการใช้งานที่ไม่นานอีกด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม เราจะสามารถสังเกตได้ง่ายๆ เพราะส่วนที่เติมน้ำนั้น ส่วนใหญ่แล้วทุกยี่ห้อ จะออกแบบมาให้มีความใส และสังเกตเห็นระดับน้ำได้ง่าย

2.หน้าเตารีด

เมื่อทำการรีดเสื้อทุกๆ ครั้ง ควรวางหน้าเตารีดกับโต๊ะรีดผ้า โดยเน้นวางบนตะแกรงที่มีการออกแบบให้วางเฉพาะสำหรับโต๊ะรีดผ้า ซึ่งจะเป็นส่วนที่อยู่ริมขวาสุด หรือสามารถวางตรงส่วนที่รองรีดได้ โดยหันหน้าเตารีดออกนอกตัว ซึ่งในวันนี้มีการทำแผ่นซิลิโคน ที่สำหรับการใช้งานในการวางพักเตารีด เพื่อความสะดวกและช่วยให้การหยิบจับไม่ทำให้ตัวเตารีดไอน้ำลื่น และทำให้เป็นอันตรายกับตัวเราอีกด้วย

3.ตัวกดพ่นไอน้ำ

เราต่างรู้กันว่าหน้าเตารีดจะมีรูที่ปล่อยตัวไอน้ำ ที่เป็นความร้อนด้านในที่เราเติมน้ำ ทั้งในส่วนของหม้อต้มแยก และส่วนของในตัวเครื่องเตารีดเอง และตัวกดพ่นไอน้ำส่วนใหญ่แล้ว จะเน้นอยู่ที่บริเวณด้ามจับตัวเตารีด ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เราจับเตารีดเพื่อรีดเสื้อทุกครั้ง ควรที่จะหันหน้าเตารีดลงที่ตัวเสื้อ หรือหันออกด้านนอก ห่างจากตัวและใบหน้าของเราเอง อย่างเช่น หากต้องการเช็คดูว่า มีไอน้ำออกมาหรือไม่ หรือเตารีดร้อนพอที่จะรีดหรือยัง เป็นต้น

4.การวางตั้งพักเครื่อง

สำหรับเตารีดไอน้ำทั้งแบบแยกหม้อต้ม และแบบใส่น้ำในตัวเครื่องนั้น การวางพักเตารีด เพื่อรอหยิบเสื้อตัวใหม่ หรือกำลังเติมน้ำเข้าเครื่องก็ตาม ควรที่จะพักเตารีด ด้วยการหันหน้าเตารีดออกนอกตัวเรา ไม่ควรทั้งการวางหน้าเตารีดเข้าหาตัวเรา หรือหันข้างเตารีดก็ตาม เพราะอาจเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ เมื่อเราเผลอไปกดส่วนที่ปล่อยไอน้ำขึ้นมา

5.เทน้ำทิ้งและพักเครื่องให้เย็น

เมื่อเรารีดเสื้อผ้าเป็นตัวสุดท้าย จนถึงการดึงปลั๊กเครื่องรีดผ้าไอน้ำออกเรียบร้อย น้ำด้านในตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นแบบหม้อต้มแยก หรือแบบเติมน้ำในตัวเครื่อง ควรเน้นเททิ้งในทุกๆ ครั้งที่มีการรีดครั้งนั้นๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งค้างไว้ เพราะจะเป็นแหล่งที่สะสมตะกรันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก่อนเทควรที่จะเขย่าและเททิ้งลงพื้นให้อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด เพื่อป้องกันการกระเด็นเข้าหาตัว

รวมถึงการพักหน้าเตารีดให้มีความเย็นลงจนไม่เหลือความร้อนแล้ว จึงสามารถเก็บเข้าตู้ในกรณีที่มีการเก็บเข้าตู้เก็บอย่างเป็นสัดส่วน ส่วนหากใครที่ใช้วิธีวางบนโต๊ะรีดผ้านั้น ก็ควรที่จะหาผ้ามาคลุมเพื่อกันสิ่งสกปรกเข้าไปในช่องปล่อยไอน้ำหน้าเตารีด หรือเพื่อป้องกันคราบฝุ่นสกปรกมาเกาะหน้าเตารีด ซึ่งจะทำให้การรีดเสื้อครั้งต่อไป อาจเกิดคราบขึ้นบนเสื้อขาวได้

วิธีการรีด กับ เครื่องรีดผ้าไอน้ำ

1.ควรพ่นไอน้ำออกมาก่อน แล้วค่อยตามด้วยการรีดทับส่วนที่พ่นไอน้ำ เพื่อให้เนื้อผ้าคลายตัว และรีดทับเพื่อให้เนื้อผ้าเรียบ

2.เน้นจุดที่เสื้อผ้ายับง่าย และเรียบยากด้วยการพ่นไอน้ำย้ำแล้วรีดทับ

3.ไม่ควรรีดทับกระดุม เพราะจะทำให้กระดุมละลายได้ เน้นการรีดที่เหมือนกับเตารีดแห้งในแบบเดิม

4.ควรเรียงลำดับเสื้อผ้า จากการเริ่มต้นรีดด้วยเสื้อผ้าที่เน้นใช้ไฟเบา เพราะการเริ่มต้นรีด ความร้อนที่ตัวเครื่องยังไม่แรงมาก เมื่อความร้อนมาเต็มที่แล้วให้เลือกเสื้อผ้าที่เน้นใช้ความร้อน, เสื้อผ้าเนื้อหนา หรือผ้าที่เรียบยาก จากนั้นเมื่อถึงเสื้อตัวสุดท้ายที่ใกล้จะปิดเครื่องแล้ว ให้เน้นที่เสื้อผ้าที่สามารถใช้ไฟอ่อนรีดได้

5.การรีดเสื้อที่มีเนื้อผ้าที่บางเบา หรือผ้าสีขาว ควรมีผ้าเช็ดหน้าผืนบางวางทับด้านบนในการรีดทุกครั้ง โดยเฉพาะการรีดจีบแขนเสื้อ

6.ผ้าเนื้อสีเข้ม ควรที่จะเน้นการรีดด้านในตัวเสื้อ

7.เมื่อมีการเปลี่ยนเนื้อผ้าการรีด และมีการปรับระดับความร้อน ก่อนที่จะวางหน้าเตารีดบนผ้า ควรทดสอบกับผ้าเช็ดหน้าผืนบางก่อน เพื่อป้องกันความร้อนที่มากจนเกินไป

8.การใช้งานเครื่องรีดผ้าไอน้ำในรูปแบบแขวนนั้น สามารถใช้มือจับหัวเตารีดที่พ่นไอน้ำ แล้วไล่รีดพ่นไอน้ำตามจุดต่างๆ บนเสื้อผ้า และส่วนที่เป็นมุมเสื้อที่เข้าถึงยาก ควรที่จะใช้มืออีกข้างช่วยจับให้เกิดความตึงของเนื้อผ้า เพื่อที่จะช่วยให้ไอน้ำเข้าถึงเนื้อผ้าส่วนนั้น และเรียบได้ง่าย

9.หากเป็นเครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำสำหรับพกพานั้น ควรเน้นการรีดแบบจุดหรือตำแหน่งที่เป็นบริเวรแคบๆ แล้วค่อยๆ เลื่อนไปส่วนอื่นๆ ของเสื้อผ้า ไม่ควรรีดในแบบบริเวณกว้าง ด้วยความที่ตัวเครื่องพ่นไอน้ำแบบพกพา มีพลังไอน้ำที่น้อย ดังนั้นการเน้นเป็นบริเวณแคบๆ ทีละจุดจะช่วยให้เสื้อเรียบได้มากกว่า

10.หากต้องการเน้นจีบทั้งส่วนของกางเกง, กระโปรง หรือแขนเสื้อนั้น ควรเริ่มที่คลายเนื้อผ้ากับการพ่นไอน้ำ และตามด้วยรีดทับรอบแรก และพ่นไอน้ำอีกรอบเพื่อย้ำ และรีดทับซ้ำ

วิธีเลือกซื้อเครื่องรีดผ้าไอน้ำ

1.ปริมาณเสื้อผ้า

หากเรามีการรีดเสื้อต่อครั้งในปริมาณที่มาก หรือมีการซักรีดเสื้อผ้าเพียงแค่ 1 ครั้งต่ออาทิตย์ กับสมาชิกครอบครัว 4-5 คนขึ้นไป การเลือกแบบหม้อต้มแยกออกจากตัวเครื่องรีดผ้า จะเป็นการเลือกที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้การรีดเสื้อในแต่ละตัวเสร็จได้เร็ว ด้วยเครื่องในแบบหม้อต้มแยกนั้น มีพลังไอน้ำที่มากกว่าเครื่องรีดผ้าไอน้ำทุกแบบ

2.ประเภทเครื่อง

เครื่องที่เป็นแบบหม้อต้มแยกนั้น นอกจากจะไม่ต้องเสียเวลาในการเติมน้ำเรื่อยๆ แล้ว ยังมีข้อดีที่เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยคือ พลังไอน้ำที่มีความแรงมากกว่าแบบเติมน้ำในตัวเครื่อง, แบบแขวน และแบบพกพา ซึ่งหมายถึงการช่วยให้การรีดผ้าได้เรียบกว่า และใช้เวลารีดที่เสร็จเร็วกว่าในแบบการใส่น้ำในตัวเครื่องอีกด้วย

3.ชนิดของเสื้อผ้า

หากเป็นเสื้อสูท, ชุดราตรี โดยเฉพาะเสื้อผ้าสตรีที่มีเนื้อผ้าเป็นชีฟอง หรือเส้นใยแบบบางเบา การเลือกใช้เครื่องรีดผ้าแบบไอน้ำ ที่เป็นการแขวนจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะด้วยตัวหัวเตารีด และด้ามจับจะช่วยให้เข้าถึงการรีดได้ทุกส่วนของเสื้อผ้า โดยเฉพาะเป็นรูปแบบเสื้อผ้าที่เน้นการแขวนแล้วรีด จะเรียบมากกว่าการวางในแนวราบแล้วรีด

รีวิว เครื่องรีดผ้าไอน้ำ รีดง่าย เร็ว เบาแรง Tefal Pro Style

สรุป

ด้วยความหลากหลายของเครื่องรีดผ้าไอน้ำ ทั้งประเภทและรูปแบบการใช้งาน ซึ่งนอกจากที่เราจะดูในเรื่องการใช้งานที่เหมาะสม อย่างเช่น มีปริมาณเสื้อผ้าที่ต้องรีดในจำนวนที่มาก ตัวเลือกที่เหมาะสมควรที่จะเป็นแบบหม้อต้มแยกมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามการดูในส่วนของชนิดเสื้อผ้าแต่ละชุด และเนื้อผ้าก็มีความสำคัญในการเลือกใช้ในแต่ละแบบร่วมด้วย

ดูแลบทความโดย นัทนิกา

จบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาเอกประชาสัมพันธ์และวารสารศาสตร์ ปัจจุบันทำงานเป็นนักเขียนคอนเท้นท์ครีเอเตอร์ฟรีแลนซ์ ประสบการณ์มากกว่า 5 ปี ถนัดด้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และผลิตภัณฑ์ด้านอื่นๆ

• Facebook
• X
• Line