วาฟเฟิล คืออะไร
คือ แป้งของขนมชนิดหนึ่ง ที่เริ่มคิดค้นมาจากประเทศเบลเยี่ยม หรือที่เรียกกันว่า Waffles ที่มาจากภาษาดัตซ์อย่าง Waffel ที่มีความหมายว่า เป็นชิ้นส่วนของรังผึ้ง ในอดีตนั้นรูปแบบขนมชนิดนี้ จะมีการทำกินตามบ้าน ซี่งจะเป็นการแบ่งตามฐานะของแต่ละครอบครัว หากเป็นครอบครัวที่มีฐานะ นอกจากจะมีส่วนผสมหลักอย่าง น้ำและแป้งแล้ว ยังมีการเพิ่มไข่ไก่ และนมสดลงไปด้วย หรือมากกว่านั้นคือ การใส่เนยสด และกินคู่กับน้ำผึ้ง
แต่สำหรับบางครอบครัวนั้น จะมีการผสมเพียงแค่น้ำและแป้งเท่านั้น จึงทำให้วาฟเฟิลที่ออกมา มีเนื้อสัมผัสที่กระด้างกว่าในแบบแรก ซึ่งรูปทรงและลวดลายด้านนอก มีความเหมือนรังผึ้งที่เป็นร่องสี่เหลี่ยม และหากเป็นรูปแบบวาฟเฟิลต้นตำรับดั้งเดิม ที่มาจากเบลเยี่ยม จะต้องเป็นวาฟเฟิลที่มีความหนา และมีเนื้อด้านในนุ่ม
วาฟเฟิล กับ รังผึ้งต่างกันอย่างไร
หากเรามองในรูปลักษณ์ภายนอก ของขนมทั้ง 2 ประเภทนี้แล้ว เราหลายคนอาจจะสงสัยกันว่า มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยม, ลวดลายเป็นตารางเหมือนรังผึ้ง รวมถึงสีของขนมที่มีเฉดสีเหลือง ซึ่งมาจากสีของวัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมนั่นเอง แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังเป็นคำถามกันอยู่ว่า ทำไมในเมื่อลักษณะภายนอกที่เหมือนกัน แต่ชื่อเรียกแตกต่างกัน ซึ่งมีการแบ่งความแตกต่างออกเป็น
ส่วนผสมและวัตถุดิบ
วาฟเฟิล
จริงๆ แล้วขนมทั้ง 2 ประเภทนี้มีส่วนคล้ายคลึงกันอย่างที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสมตั้งแต่ นมสด, แป้ง, ไข่ไก่ และน้ำตาล ซึ่งถือว่าเป็นส่วนผสมหลัก ของวาฟเฟิลที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นอย่างเช่น นมข้นจืด หรือการเติมกลิ่นวานิลลาเข้าไป แต่หลักๆ ส่วนผสมของวาฟเฟิลนั้น ก็จะมีตามข้างต้นเท่านั้น แต่ในอดีตสำหรับบางบ้าน ก็อาจจะมีส่วนผสมเพียงแค่ แป้งและน้ำเท่านั้น ตามแต่ฐานะของแต่ละครอบครัว
รังผึ้ง
หลายคนอาจจะคิดว่า รังผึ้ง หรือขนมรังผึ้งนั้น เป็นขนมในแบบไทยๆ ที่มีรสชาติและส่วนประกอบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการใส่ข้าวโพด หรือลูกเกดผสมกับตัวแป้ง ซึ่งในส่วนประกอบหลัก ที่ทำให้รังผึ้งแตกต่างไปจากวาฟเฟิลนั่นก็คือ รังผึ้งจะมีส่วนผสมที่เป็นน้ำกะทิ หรือหัวกะทิร่วมด้วย ซึ่งทำให้เราได้กลิ่นและรสชาติของความเป็นไทยจากขนมประเภทนี้
เนื้อของส่วนผสม
วาฟเฟิล
ด้วยส่วนประกอบหลักของวาฟเฟิล ที่มีแป้ง, นม และไข่ไก่นั้น ทำให้เนื้อของแป้งที่เมื่อผสมกันเรียบร้อย จะมีความข้นและหนืดของตัวส่วนผสม มีผลให้เมื่อวาฟเฟิลสุก จะได้เนื้อสัมผัสที่ด้านนอกกรอบนิดๆ และเนื้อด้านในที่เน้นความหนานุ่ม สามารถกินร่วมกับผลไม้สด หรือราดน้ำผึ้งด้านบน ได้อร่อยมากขึ้นไปอีก โดยในบางสูตรนั้น จะเน้นการใส่ไข่ในปริมาณที่มากกว่า ขนมรังผึ้งอีกด้วย
รังผึ้ง
หากนำส่วนผสมของขนมทั้ง 2 ประเภทนี้มาเปรียบเทียบ เราจะได้เห็นว่า ส่วนผสมของขนมรังผึ้งนั้น จะมีความเหลวมากกว่า ส่วนผสมของวาฟเฟิล โดยส่วนหนึ่งที่ทำให้แป้งของขนมรังผึ้ง มีความเหลวก็คือ ส่วนประกอบที่เป็นหัวกะทินั่นเอง และมีการใส่ไข่ในปริมาณที่น้อยกว่า แป้งวาฟเฟิล ทำให้เราได้รสชาติ และกลิ่นของขนมรังผึ้งในแบบความหอมของกะทิ หรือแบบขนมไทยๆ มากกว่า
อุปกรณ์หรือเตาที่ใช้ในการทำ
เตาไฟฟ้ากับวาฟเฟิล
หรือที่เรารู้จักกันดีคือ ในรูปแบบของเครื่องทำวาฟเฟิลนั่นเอง ซึ่งวาฟเฟิลนั้นจะเน้นการใช้เครื่องไฟฟ้าชนิดนี้ในการทำ ซึ่งด้วยความที่ตัวเครื่อง มีการให้ความร้อนที่คงที่ และมีการกระจายความร้อนได้ทั่วถึง ทำให้แผ่นวาฟเฟิลที่ออกมา มีสีเหลืองและสุกเสมอกันทั่วแผ่น รวมถึงมีฟังก์ชั่นพิเศษ ทั้งระบบตัดไฟอัตโนมัติ และการออกแบบให้มีไฟแสดงสถานะการทำงาน
รวมถึงรูปแบบร่องลายตารางด้านในของตัวเครื่อง ที่มีทั้งแบบลึกและแบบตื้น มีผลให้เนื้อสัมผัสของวาฟเฟิลที่แตกต่างกันอีกด้วย รวมถึงระบบการทำงานโดยรวมของตัวเครื่อง ในแบบอัตโนมัติ ช่วยให้มีการใช้งานที่ง่ายและสะดวก เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันนี้ ที่เน้นความรวดเร็ว โดยเฉพาะมื้อเช้าที่ต้องรีบเร่ง ง่ายต่อการทำวาฟเฟิลราดน้ำผึ้ง กินคู่กับกาแฟร้อนแก้วโปรด หรือนมสดสำหรับเด็กๆ เป็นอย่างยิ่ง
เตากับขนมรังผึ้ง
ขนมรังผึ้งจะเน้นขั้นตอนการทำ ที่ต้องใช้อุปกรณ์เป็นแม่พิมพ์ ที่มีลายเหมือนกับเครื่องที่ใช้ทำวาฟเฟิล โดยด้านในจะมีลายตาราง หรือคล้ายกับรังผึ้งนั่นเอง แต่ในความต่างกันก็คือ ความร้อนที่ได้ในการทำขนมรังผึ้งนั้น จะได้มาจากเตาถ่าน หรือในปัจจุบันนี้อาจจะเป็นเป็นเตาแก๊สก็ตาม ซี่งผู้ใช้งานต้องควบคุมไฟ เพื่อให้ตัวขนมมีระดับความสุกที่เท่ากัน และสีของขนมที่ได้เป็นสีเดียวกันทั้งแผ่น
ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า ตัวอุปกรณ์แม่พิมพ์ หรือเครื่องที่ใช้ทำขนมรังผึ้งนี้นั้น ด้านในที่เป็นส่วนเทตัวแป้ง จะมีความตื้น และเน้นการเทแป้งในปริมาณที่ไม่มาก เพื่อให้สามารถควบคุมความสุกของขนมได้เท่ากันทั้งแผ่น เพราะรูปแบบเตาถ่าน ที่ใช้ทำขนมรังผึ้งนั้น ไม่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ และไม่มีฟังก์ชั่นของไฟแสดงสถานะ
แต่ในปัจจุบันนี้นั้น มีการดัดแปลงนำเอาเครื่องที่ใช้ทำวาฟเฟิล หรือ Waffle Maker มาเป็นอุปกรณ์ในการทำขนมรังผึ้งกันมากขึ้น ซึ่งเหมือนกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวอย่างเช่น เครื่องดูดควัน , เครื่องทำแซนวิช , กระทะเหล็ก , ไมโครเวฟ , เตาปิคนิค , เครื่องบดอาหาร , เครื่องปั่นสมูทตี้ , เตาแก๊สปิ้งย่าง , เตาปิ้งย่างไฟฟ้า , เครื่องคั้นน้ำส้ม ที่มีการใช้งานที่อเนกประสงค์ รวมถึงดัดแปลงเมนูอาหารได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น
เครื่องทำวาฟเฟิล คืออะไร
คือ เครื่องที่ใช้ทำวาฟเฟิล หรือแผ่นแป้งที่มีส่วนผสมอย่าง นมสด, ไข่ไก่, แป้ง และอาจจะมีการเพิ่มเติมด้วยเนย และกลิ่นวานิลลาเข้าไป เพื่อให้ได้ความหอมมากขึ้น โดยเครื่องทำวาฟเฟิล หรือ Waffle Maker นี้นั้นจะมีการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ไม่ว่าจะเป็นระบบตัดไฟอัตโนมัติ หรือระบบฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษอื่นๆ รวมถึงใช้วัสดุที่ทนความร้อนได้สูง ดังนั้นวาฟเฟิลที่เราได้ออกมา จึงมีสีเหลืองสวย และมีผิวด้านนอกที่กรอบ และมีเนื้อด้านในที่นุ่มน่ากิน
เครื่องทำวาฟเฟิล มีกี่แบบ
แบ่งตามอุปกรณ์
เครื่องทำงานด้วยไฟฟ้า
โดยส่วนใหญ่ที่เราเห็นและคุ้นเคยกัน จะเป็นรูปแบบตัวเครื่อง ที่ใช้ไฟฟ้าและมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ รวมถึงจะมีมีไฟแสดงสถานะด้านหน้า หรือส่วนฝาเปิดเครื่องด้านบน รูปแบบเครื่องที่ใช้ไฟฟ้า จะมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่า รวมถึงการควบคุมความร้อนได้หลายระดับ เราจึงไม่ต้องห่วงว่าวาฟเฟิลจะไหม้ หรือมีสีเข้มจนเกินไป
ด้านในแม่พิมพ์จะเป็นโลหะเคลือบกันติด หรือวัสดุแบบ non-stick หรือวัสดุสแตนเลส ที่ถือว่านอกจากจะนำความร้อนได้ดีแล้ว ยังเป็นวัสดุที่ใช้ทน, ให้ความสวยงามแวววาว และยังช่วยในเรื่องการทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงรูปแบบใหม่ที่ออกมาอย่างเช่น เครื่องทำวาฟเฟิลฮ่องกง หรือแบบไส้กรอก ไม่ว่าจะเป็นการทำกินเองที่บ้าน หรือทำขายก็มีการใช้งานที่สะดวก
เครื่องใช้ความร้อนจากเตา
ลักษณะจะเป็นแม่พิมพ์ที่เหมือนกับแบบไฟฟ้า มีลายตารางด้านในที่เหมือนกัน แตกต่างกันตรงที่การใช้ความร้อน ที่ต้องใช้ร่วมกับเตาถ่าน หรือเตาแก๊ส เหมือนกับการทำขนมรังผึ้ง การใช้เครื่องรูปแบบนี้นั้น ผู้ใช้จะต้องควบคุมความร้อนได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่มาจากถ่าน หรือเตาแก๊สนั้น จะเป็นความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ การพลิกแม่พิมพ์จะต้องทำด้วยความชำนาญ
แบ่งตามรูปแบบแม่พิมพ์
แม่พิมพ์แบบแผ่นหนา
หากเราศึกษาที่มาของวาฟเฟิลแล้วนั้น จะรู้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศเบลเยี่ยม ด้วยชื่อ Waffle ที่เราเรียกกันจนติดปากนั้น มาจากคำว่า Wafel ที่เป็นภาษาดัตซ์ หรือภาษาประจำชาติของประเทศเบลเยี่ยมนั่นเอง มีความหมายคือ ชิ้นส่วนของรังผึ้ง ที่มาจากลวดลายของแม่พิมพ์ที่ใช้ทำวาฟเฟิล
เอกลักษณ์เด่นของเครื่องทำวาฟเฟิลแบบแผ่นหนานี้ จะเรียกได้อีกอย่างคือ Belgian Waffle Maker นอกจากลายตารางที่คล้ายรังผึ้งนั้น โครงสร้างตัวเครื่องจะมีรูปแบบทรงลึก และหนา ดังนั้นในการเทแป้งวาฟเฟิลทำในแต่ละครั้ง เราจะได้แผ่นวาฟเฟิลที่หนานุ่ม ซี่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมของวาฟเฟิล เหมาะสำหรับการราดน้ำผึ้งด้านบน หรือกินคู่กับผลไม้สด, ทาเนย หรือแยมได้ในแบบเดียวกับขนมปังเลยทีเดียว
แม่พิมพ์แบบแผ่นบาง
รูปแบบแม่พิมพ์เหมือนกับแบบแรก หรือแบบแผ่นหนา แตกต่างกันที่ความลึกของส่วนที่เป็นแม่พิมพ์จะตื้นกว่า ดังนั้นในการเทแป้งวาฟเฟิลแต่ละครั้งนั้น ไม่สามารถเทได้ในปริมาณที่มากเท่าๆ กับแบบแรก วาฟเฟิลที่ได้จากเครื่องประเภทนี้ จะมีความบางกว่า และเป็นเครื่องที่เน้นความบางกรอบมากกว่า เครื่องในแบบแรก รูปแบบวาฟเฟิลที่ได้ออกมา จึงมีความคล้ายกับขนมรังผึ้ง แต่ให้รสชาติและกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน
แม่พิมพ์แบบวาฟเฟิลฮ่องกง
ในรูปแบบลวดลายที่เป็นตารางเหมือนรังผึ้งนั้น หากเป็นเครื่องแบบวาเฟิลฮ่องกง จะมีการออกแบบลายที่คล้ายรังผึ้ง แต่จะเป็นรังผึ้งที่เป็นลายรูปทรงกลม แตกต่างไปจากรูปทรงรังผึ้งแบบสี่เหลี่ยมดั้งเดิม และเมื่อแป้งวาฟเฟิลสุก เนื้อสัมผัสรูปแบบนี้จะให้ความกรอบด้านนอก ที่มากกว่ารูปแบบรังผึ้งแบบสี่เหลี่ยมซี่งกำลังเป็นที่นิยมกันในตอนนี้
แม่พิมพ์แบบไส้กรอก
เราหลายคนคงจะคุ้นเคย วาฟเฟิลที่มีด้านในเป็นไส้กรอก เครื่องทำวาฟเฟิลในรูปแบบไส้กรอกนี้ จะช่วยให้การทำวาฟเฟิลไส้กรอกง่ายมากขึ้น และสามารถทำกินได้ง่ายๆ ที่บ้าน รวมถึงสามารถนำมาทำขายได้อีกด้วย โดยจะทำให้เราได้รูปทรงวาฟเฟิลแบบไส้กรอก ที่เท่ากันทุกชิ้น และมีเนื้อแป้งด้านนอกที่กรอบนอกนุ่มใน มีสีแป้งวาฟเฟิลที่เหลืองสวยและน่ากิน
ตัวอย่างฟังก์ชั่นที่ดีของเครื่องทำวาฟเฟิล
กำหนดระดับความร้อนได้
เครื่องที่ใช้ทำวาฟเฟิลนั้น สามารถกำหนดระดับความร้อนได้ ในบางรุ่นสามารถกำหนดได้มากถึง 7 ระดับเลยทีเดียว และการปรับความร้อนได้นี้ ทำให้เราสามารถกำหนดสีของแป้งวาฟเฟิล ให้มีสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเหลืองเข้มไปพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำวาฟเฟิลเป็นแผ่น หรือเป็นแบบไส้กรอกก็ตาม
ตัดไฟอัตโนมัติ
อย่างที่เราได้เน้นเรื่องคุณสมบัติของเครื่องคือ มีการใช้งานง่ายและสะดวก ไม่ต้องอาศัยความชำนาญ เพียงแค่ดูสัญญาณไฟจากตัวเครื่อง ที่จะมีสัญญาณไฟสีแดง แสดงว่าตัวเครื่องกำลังทำงานอยู่ หรือเป็นการวอร์มเครื่องอยู่ และสัญญาณไฟสีเขียวเป็นการแสดงให้เรารู้ว่า สามารถเปิดเครื่องเพื่อดูวาฟเฟิล หรือวาฟเฟิลสุกแล้ว ซึ่งในระหว่างนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสัญญาณไฟสีแดง เราก็ยังสามารถที่จะเปิดเครื่องดูได้อยู่ตลอดเวลา
กระจายความร้อนทั่วแม่พิมพ์
ด้วยความที่วัสดุส่วนที่เป็นแม่พิมพ์ของตัวเครื่องนั้น เป็นโลหะเคลือบหรือเป็นสแตนเลส มีคุณสมบัติในการนำความร้อนได้ดี และสามารถส่งผ่านความร้อน และกระจายได้ทั่วบริเวณของแผ่นแป้งวาฟเฟิล ช่วยให้วาฟเฟิลสุกได้ทั่วแผ่น ในระดับความร้อนเท่ากัน และช่วยให้มีสีเหลืองเท่ากันและสม่ำเสมอทั่วแผ่น
แม่พิมพ์แบบ non-stick
ส่วนของแม่พิมพ์ที่ถือว่า เป็นส่วนประกอบที่สำคัญอย่างยิ่ง สำหรับตัวเครื่องทำวาฟเฟิลจะเป็นโลหะเคลือบเซรามิค หรือวัสดุเคลือบแบบnon-stick ที่ไม่ทำให้แป้งวาฟเฟิลติดกับแม่พิมพ์ในขณะที่สุกแล้ว แต่การทาน้ำมันก่อนที่จะเทแป้งลงไป เพื่อให้เนื้อผิวและสีของวาฟเฟิลนั้น เมื่อสุกมีความแวววาว และน่ากินยิ่งขึ้น
ฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ
ฟังก์ชั่นอื่นๆ ของตัวเครื่องที่เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย สำหรับเครื่องที่มีทั้งฟังก์ชั่นการออกแบบ และฟังก์ชั่นการทำงานของตัวเครื่องทำวาฟเฟิลที่ดี ถือว่าเป็นส่วนประกอบที่ ผู้ใช้ทุกคนควรเก็บไว้ในการพิจารณาเลือกซื้อ เพื่อให้ได้ตรงตามความต้องการ และมีการใช้งานที่อเนกประสงค์ ซี่งมีฟังก์ชั่นพิเศษดังนี้ คือ
- ตัวล็อคด้านนอก เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน
- ขอบด้านข้างรอบตัวเครื่องกันความร้อน และสะดวกในการใช้งาน
- วัสดุสแตนเลส หรือโลหะเคลือบ เป็นวัสดุที่ใช้ทน
วิธีใช้เครื่องทำวาฟเฟิล
ด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวเครื่องทำวาฟเฟิลจะมีการใช้งานที่ง่ายและสะดวก แต่เราอาจจะต้องมาดูกัน ในส่วนของหลักการใช้งาน ซึ่งมีไม่กี่อย่างที่เราควรเน้นทั้งก่อนที่ทำการเทแป้งวาฟเฟิล และในช่วงที่เทแป้งวาฟเฟิลไปแล้ว ซึ่งโดยปกตินั้นตัวเครื่อง จะมีการทำงานอัตโนมัติ และควบคุมความร้อน เพื่อให้แป้งวาฟเฟิลสุกได้ทั่วถึงกันทั่วแผ่นอยู่แล้ว
- เสียบปลั๊กเมื่อไฟเข้าเครื่อง เราจะเห็นสัญญาณไฟสีแดงขึ้น
- รอจนเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟสีเขียว แล้วใช้แปรงซิลิโคนจุ่มน้ำมันทาที่แม่พิมพ์
- ควรทาน้ำมันทั้งด้านบน และด้านล่างของแม่พิมพ์ เพื่อให้สีวาฟเฟิลออกมาน่ากิน
- เทแป้งวาฟเฟิลที่ผสมเรียบร้อยแล้วลงไป หลังจากที่ทาน้ำมัน
- จากนั้นปิดฝาตัวเครื่อง รอให้ขึ้นสัญญาณไฟสีเขียวขึ้นอีกรอบ
- หลังจากที่เทแป้งลงไปแล้ว จะรอเวลาโดยประมาณ 2-3 นาที
- หากได้สีตรงตามที่ต้องการแล้ว คีบวาฟเฟิลออกมาได้ทันที
- เราสามารถทำวาฟเฟิลแผ่นต่อไป โดยเทแป้งหลังจากนั้นตามขั้นตอนเดิม
- เมื่อใช้งานเครื่องเสร็จแล้ว ให้ดึงปลั๊กออก และเปิดฝาเครื่องให้เย็น
หลังจากที่เราเทแป้งวาฟเฟิล ลงไปด้านในแล้วนั้น เราสามารถที่จะปรับระดับความร้อนได้ตั้งแต่ ระดับ 2-4 ซึ่งอยู่ที่ว่าเราจะให้เครื่องค่อยๆ ทำความร้อนให้แป้งสุกในระดับ 2 หรือใช้แบบความร้อนเร็วมากขึ้นกว่านั้น ระหว่างนั้นเราสามารถที่จะเปิดเครื่องดูสีของ วาฟเฟิลได้ตลอดเวลา และหากต้องการให้แป้งวาฟเฟิล มีเนื้อสัมผัส หรือมีส่วนผสมอื่นๆ อย่างเช่น เม็ดข้าวโพดสุก หรือลูกเกด สามารถโรยหลังจากที่เทแป้งได้ทันที
วิธีเลือกซื้อเครื่องทำวาฟเฟิล
ประเภทเครื่อง
หลักๆ แล้วเราควรรู้ว่า เราเหมาะสมกับการใช้งานเครื่องที่ใช้ไฟฟ้า หรือแบบใช้ร่วมกับเตา หากเราต้องการความสะดวกสบายในการใช้งาน รูปแบบใช้ไฟฟ้าก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า หรือหากดูในรูปแบบของตัววาฟเฟิล เครื่องทำวาฟเฟิล เราสามารถเลือกได้ตามความชอบว่า ต้องการวาฟเฟิลในแบบแผ่นหนา, แบบแผ่นบาง หรือวาฟเฟิลแบบไส้กรอก เป็นต้น
ขนาดตัวเครื่อง
นอกจากเราจะหมายถึงขนาดตัวเครื่องแล้วนั้น เรายังควรที่จะพิจารณาไปถึง ขนาดจำนวนแผ่นวาฟเฟิลที่จะได้ต่อการเทแป้งทำต่อรอบอีกด้วย ซึ่งมีทั้งแบบเครื่องเล็กสไตล์มินิมอล สำหรับ 1 คนใช้งาน หรือเป็นแม่พิมพ์ที่ทำได้ 2 แผ่นขึ้นไปต่อรอบ ซึ่งจะครอบคลุมกับจำนวนสมาชิกในบ้าน และเป็นการประหยัดไฟไปอีกทางหนึ่งด้วย
วัสดุ
เน้นเป็นวัสดุนำความร้อนได้ดี อย่างเช่น วัสดุที่ทำจากสแตนเลส โดยเฉพาะเครื่องในรูปแบบไส้กรอก ที่เน้นการให้ความร้อนได้เร็วและกระจายได้ทั่วถึง ทำให้เราได้วาฟเฟิลไส้กรอกที่เหลืองกรอบด้านนอก และด้านในมีเนื้อแป้งที่นุ่ม เข้ากันกับไส้กรอกด้านใน ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่หลากหลาย รวมถึงเป็นอาหารว่างกินเล่นให้เด็กๆ ได้อร่อยไปพร้อมกับความสนุกสนานอีกด้วย
วิธีดูแลรักษาเครื่องทำวาฟเฟิล
ในการทำวาฟเฟิลนั้น จะมีส่วนผสมที่ไม่ว่าจะเป็น เนย, ไข่ หรือตัวแป้ง ที่อาจติดเป็นคราบตามขอบเครื่อง หรือตามร่องแม่พิมพ์ ซึ่งในแม่พิมพ์ที่เป็นแบบหนา จะเป็นร่องลึก การใช้กระดาษอเนกประสงค์ หรือกระดาษครัวเช็ด อาจจะทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่เข้าถึงทุกคราบ และในร่องแม่พิมพ์ที่ลึกๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ส่วนหากเป็นแม่พิมพ์ สำหรับบางรุ่นสที่สามารถถอดออกมาได้ เราสามารถล้างได้แบบปกติ โดยใช้น้ำยาขจัดความมันทั่วไป แต่เน้นวัสดุที่ใช้ในการถูล้างนั้น ควรเป็นฟองน้ำ ที่ไม่ทำลายพื้นผิวเคลือบของเครื่องด้านใน อีกทั้งยังเป็นการใช้ถนอมวัสดุที่ใช้ทนของตัวเครื่อง ให้มีอายุการใช้งานที่นานได้อีกด้วย
- ผสมแป้งสาลีกับน้ำ พร้อมกับเสียบไฟตัวเครื่อง
- เมื่อเครื่องร้อนและแสดงสัญญาณไฟสีเขียวแล้ว ให้เราเทน้ำแป้งลงไปด้านใน
- ปิดฝาเครื่อง เพื่อให้น้ำแป้งดึงเอาคราบจากแม่พิมพ์ออกมา
- เปิดฝาเครื่องโดยที่ไม่ต้องให้ขึ้นสัญญาณไฟเขียวอีกรอบ
- ใช้ไม้จิ้มลูกชิ้น เขี่ยแผ่นแป้งที่จับกับคราบต่างๆ ออกมา
- ทำแบบนี้อีกรอบ หรือจนกว่าแม่พิมพ์ด้านในจะสะอาด และหายมัน
- หลังจากนั้นดึงปลั๊กออก และใช้กระดาษครัว เช็ดตามร่องแม่พิมพ์อีกครั้ง
รีวิวเครื่องทำวาฟเฟิลของวีรสุ
สรุป
วาฟเฟิลที่ไม่ได้เป็นเพียงขนมกินเล่นเท่านั้น แต่สามารถดัดแปลงเป็นอาหารเช้า ไม่ว่าจะเป็นการราดน้ำผึ้งด้านบน, เมเปิ้ลไซรัป หรือทาเนยและแยมคล้ายกับขนมปัง แต่ให้รสชาติที่หอมและอร่อยกว่าขนมปัง รวมถึงเครื่องทำวาฟเฟิลยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่พิเศษหลายอย่าง และมีระบบการใช้งานที่ปลอดภัย อย่างเช่น ระบบตัดไฟอัตโนมัติ และมีไฟแสดงสถานะการทำงานอยู่ตลอด ช่วยให้ได้ทั้งความอร่อย และความสนุกในการทำร่วมกันทั้งครอบครัว
เชพขวัญ ขวัญเรือน ผู้ชำนาญการด้านการทำอาหารและเครื่องครัว ประสบการณ์ด้านการทำอาหารมากกว่า 20 ปี เคยอยู่ร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง มีความรู้และเชี่ยวชาญ เป็นนักเขียนและวิจารณ์รีวิวอาหาร และแนะนำเครื่องใช้ในครัวเรือน
เครื่องทำวาฟเฟิล HOMEMATE รุ่น HOM-TSK2103W
-ดีไซน์รูปทรงสี่เหลี่ยม น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
-มีไฟแจ้งเตือนสถานะการทำงานเมื่อเครื่องทำงานเสร็จ
เครื่องทำวาฟเฟิล MAXIE MINI รุ่น MAXIE 03
-ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาไปใช้นอกสถานที่ได้
-ใช้งานง่าย สุกเร็ว ช่วยให้ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น
เครื่องทำวาฟเฟิล CASIKO รุ่น CK 5017
-มีไฟสีแดง-สีเขียว แสดงสถานะการทำงาน
-แม่พิมพ์เคลือบ NON-STICK ทำให้ขนมไม่ติดพิมพ์
เครื่องทำวาฟเฟิล HOUSE WORTH รุ่น HW-WM03
-หน้าเตาเคลือบ non-stick ทำความสะอาดง่าย
-หน้ากากเครื่องเป็นสแตนเลสคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน
เครื่องทำวาฟเฟิล Galaxy รุ่น SW-074
-ดีไซน์ทำขนมวาฟเฟิลรูปดอกไม้ กำลังไฟ 1,200 วัตต์
-ลวดลายน่ารักทันสมัยน้ำหนักเบาประหยัดพื้นที่การใช้งาน
เครื่องทำวาฟเฟิล Newwave รุ่น NW-WFW03
-ขนาดของสินค้า 19.5 ซม. x 21 ซม. x 7.5 ซม.
-สามารภทำวาฟเฟิลได้ครั้งละ 2 แผ่น กำลังไฟ 750 วัตต์
เครื่องทำวาฟเฟิล Fry King รุ่น FR-C5
-ขนาดของสินค้า 25.1 ซม. x 12.6 ซม. x 26.2 ซม.
-สามารภทำวาฟเฟิลได้ครั้งละ 6 ชิ้น / ครั้ง
เครื่องทำวาฟเฟิล Phlinice
-สามารถตั้งอุณหภูมิได้ถึง 50 – 250 องศาเซลเซียส
-ขนาดของสินค้า 33 ซม. × 22.5 ซม. × 25 ซม.
เครื่องทำวาฟเฟิล IMARFLEX รุ่น IF-194 700W
-สามารภทำวาฟเฟิลได้ครั้งละ 2 ชิ้น / ครั้ง
-มีหูหิ้วสำหรับหยิบจับ เคลื่อนย้ายที่สะดวก
เครื่องทำวาฟเฟิล Russell Taylors
-สามารภทำวาฟเฟิลได้ครั้งละ 4 ชิ้น / ครั้ง
-ฐานเป็นยางกันลื่น สามารถควบคุมอุณหภูมิการทำงานได้