ริ้วรอยบนใบหน้า เกิดจากอะไร
เราอาจจะรู้ว่าครีมลดริ้วรอยนั้น สามารถที่จะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า และร่องแก้มได้ รวมถึงช่วยให้คนอายุ 40 ปีมีหน้าที่ยกกระชับ และหน้าเด็ก แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ การที่เราต้องหลีกเลี่ยง ปัจจัยเสี่ยง
หรือสาเหตุที่เป็นตัวทำให้เกิด ริ้วรอยบนใบหน้า เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว การที่จะลดเลือนให้ริ้วรอยนั้นค่อยๆ จางลงก็ต้องใช้เวลา อีกทั้งหากเราเลี่ยงสาเหตุเหล่านี้ได้ พร้อมกับการใช้ครีมที่ช่วยลดริ้วรอย ก็จะยิ่งช่วยให้ผิวหน้าของเราดูดีได้มากยิ่งขึ้น
1.การสูบบุหรี่
เราต่างรู้กันว่าบุหรี่เป็นผลเสียต่อสุขภาพโดยรวม ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้ที่สูบเท่านั้น แต่หมายรวมถึงผู้ที่ต้องสูดเอาควันบุหรี่ในแบบที่ไม่ได้สูบร่วมด้วย หรือที่เรียกว่าSecondhand Smoke ที่สำคัญคือ ผลเสียต่อผิวหน้า หรือผิวหนังของเราโดยรวมอีกด้วย
เพราะว่าสารเคมีต่างๆ ที่มีอยู่ในควันบุหรี่ 4,000 ชนิด รวมถึงอนุมูลอิสระ ที่เป็นสารก่อให้เกิดมะเร็งแล้วนั้น ยังสร้างความเสียหายให้กับ โครงสร้างเซลล์ผิวหนังโดยรวม ซึ่งหมายถึงรวมทั้งผิวหน้าอีกด้วย
สารที่มาจากกการเผาไหม้เมื่อมีควันบุหรี่เกิดขึ้นนั้น เป็นตัวทำลายทั้งคลอลาเจน และ อิลาสติน และทั้ง 2 ตัวนี้ที่มีอยู่ในเซลล์ผิวหนัง และผิวหน้าของเราโดยธรรมชาติ โดยปกตินั้นจะมีการสร้างขึ้นมาได้เอง เป็นตัวช่วยยกกระชับ
ให้หน้าของเราไม่มีร่องแก้ม หรือไม่ให้มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อยก่อนวัย โดยเฉพาะที่ไม่ใช่คนอายุ 40 ปี แต่หากมีการรับสารเคมีจากควันบุหรี่มากๆ สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นที่ผิวหน้าของเรา ก่อนเวลาที่ควรจะมีริ้วรอย
ควันบุหรี่ที่ภายในมีสารเคมีต่างๆ ที่สามารถาเข้าไปทำลายเซลล์ผิวหนัง และเซลล์ผิวหน้าได้นั้น เกิดจากการทำลายสารธรรมชาติที่ร่างกายผลิตขึ้นมา มีคุณสมบัติโดยเฉพาะในการช่วยเรื่องหน้าหย่อนคล้อย หรือความเหี่ยวย่นของผิวหนัง ดังนั้นเรามาดูกันว่าควันบุหรี่มีการทำลายสิ่งสำคัญเหล่านี้มีอะไรกันบ้าง
2.อายุมากขึ้น
การที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนอายุ 40 ปีขึ้นไปนั้น นอกจากด้วยสิ่งแวดล้อม, มลพิษ, ความร้อน, แสงแดด และริ้วรอยจากจุดด่างดำ รวมถึงจุดแดงที่เกิดจากสิวด้วยแล้ว ที่สะสมเป็นเวลานาน ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการเกิดฝ้า และกระตามมาด้วยกับแสงแดดที่เราเจออยู่ทุกวัน
3.ความเครียด
ซึ่งสาเหตุในข้อนี้ อาจจะเป็นผลโดยตรง ต่อการเกิดริ้วรอยของใครบางคนก็เป็นได้ ทั้งการคิดเรื่องงาน หรือการทำงานที่มากจนเกินพอดี
4.แสงแดด
เป็นปัจจัยตัวหลัก และเป็นสาเหตุที่หลายครีมที่ใช้บำรุงผิว และครีมที่ใช้ลดริ้วรอยนั้น มีการเน้นในการเติมกันแดดเพิ่มเข้าไป เพื่อสามารถที่จะใช้ทาได้ในเวลาที่ออกไปนอกบ้านร่วมด้วย เพราะแสงแดดไม่เพียงแต่ให้ความร้อน และอบอ้าวเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างริ้วรอยเหี่ยวย่นบนผิวหน้าของเรา ได้เพิ่มมากกว่าเดิมอีกด้วย
5.นอนดึก หรือพักผ่อนน้อย
เราสามารถสังเกตตัวเองได้ว่า เมื่อไหร่หรือคืนไหนที่มีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่เต็มที่นั้น ตื่นมาผิวหน้าจะมีความไม่สดชื่น และรวมถึงมีริ้วรอยความเหี่ยวย่นที่สังเกตได้ชัดเจนทีเดียว กับวันที่เรานอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ และหลับลึกด้วยแล้วนั้น ตื่นมาจะมีผิวหน้าที่สุขภาพดี เนียน และสดใส
ริ้วรอยมักเกิดขึ้นบริเวณใดได้บ้าง
ร่องแก้ม
หลักๆ นั้นบริเวณที่ร่องแก้ม สาเหตุที่มักจะเจอกับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป รวมถึงการลดลงของตัวคลอลาเจน และอิลาสติน ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ผิวหน้า มีความยืดหยุ่น และกระชับ เมื่อมีปริมาณของคลอลาเจน และอิลาสตินที่ลดลง จึงทำให้เกิดร่องแก้มที่หย่อนคล้อยลงมา จากปีกจมูกจนถึงมุมปาก
รอบดวงตา
ซึ่งการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นตีนกา, ถุงใต้ตา หรือรอยคล้ำรอบดวงตานั้น มีสาเหตุได้ทั้งแบบเดียวกับ ปัญหาร่องแก้ม ที่เกี่ยวกับตัวคลอลาเจน และอิลาสตินที่ลดปริมาณลง และไม่มีการเติมเต็ม
หรือไม่มีการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอยเป็นประจำ จึงทำให้เกิดริ้วรอยเหล่านี้ขึ้นมา รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนอนดึก, นอนไม่พอ, อดนอน รวมถึงการที่มีพฤติกรรมในการจับตา หรือขยี้ตาเป็นประจำ
ใบหน้า
สาเหตุหลักเกิดจาก ความเสื่อมลงของตัวอิลาสติน และคลอลาเจน รวมถึงตามวัยอายุ โดยเกิดกันมากกับคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป รวมถึงปัจจัยเสริมเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจากแสงแดด, ความร้อน, การสูบบุหรี่ หรือ การมีพฤติกรรมในการนั่งเท้าแก้ม หรือนอนคว่ำอยู่เป็นประจำ เป็นต้น
หน้าผาก
สาเหตุนอกจากจะเกิดจากการเสื่อมลงของตัวคลอลาเจน และอิลาสติน ที่มีการผลิตตามธรรมชาติ ในชั้นใต้ผิวหนังนั้น ก็ยังมีผลมาจากด้วยวัย สำหรับคนที่อายุ 40 ปีเริ่มที่จะมีรอยย่นที่หน้าผาก และพฤติกรรมที่ชอบพงกหน้าผาก หรือทำหน้าผากย่นอยู่บ่อยๆ ก็สามารถเป็นปัจจัยที่ช่วยเร่ง ให้เกิดริ้วรอยตรงส่วนหน้าผาก ได้เร็วมากขึ้น
ครีมลดริ้วรอย คืออะไร
คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวหน้า ที่ช่วยในการลดเลือนริ้วรอย ให้ดูยกกระชับ รวมถึงการช่วยลดริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม จนถึงทั่วทั้งใบหน้า เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย และคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
สารสำคัญช่วยให้ผิวหน้าปราศจากริ้วรอยในครีมลดริ้วรอย
1.คลอลาเจน (Collagen)
เป็นโปรตีนที่มีอยู่ในร่างกาย โดยถ้าจะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ของร่างกายนั้น มีมากเท่ากับร้อยละ 80 หรือ 1 ใน 3 ของโปรตีนรวมในร่างกายเลยทีเดียว คลอลาเจนมีผลอย่างมาก ต่อการเจริญเติบโต และความมีสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง, ผิวหน้า, ผม, เล็บ, หลอดเลือด, กล้ามเนื้อ, ฟัน และเส้นเอ็น
โดยเฉพาะเราอาจจะคุ้นกันดีระหว่างความสัมพันธ์ และการเชื่อมต่อระหว่างคลอลาเจน และผิวหน้า ที่มีผลต่อกันอย่างมาก ทำให้มีเครื่องสำอาง และครีมบำรุงผิวมากมาย ที่มีการเพิ่ม หรือเติมคลอลาเจนไว้ในเนื้อครีม แต่สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุด คือ คลอลาเจนที่ร่างกายของเราผลิตได้เองแบบธรรมชาติ ช่วงวัยที่มีคลอลาเจนเพิ่มมากที่สุดก็คือ อายุ 20 ปี
ซึ่งหากไม่นับการสูบบุหรี่ ที่เป็นปัจจัยที่น่ากลัวเลยทีเดียว ในการทำลายชั้นผิวหนังที่เป็นคลอลาเจนนั้น สำหรับคนอายุ 40 ปี จะมีการผลิตคลอลาเจนที่ลดลง หรือมีการผลิตคลอลาเจนที่ช้าลง 30% สามารถเทียบได้เท่ากับ 1.5% นั่นเอง ซึ่งไม่เพียงแต่เส้นผมเกิดการขาด, แห้ง หรือกล้ามเนื้อที่ฝ่อลง ผิวหน้าจะเป็นส่วนสำคัญที่สังเกตเห็นได้ง่าย กับริ้วรอย และรอยร่องแก้มที่ชัดเจน
โดยธรรมชาติลักษณะของตัวคลอลาเจนนั้น จะเป็นคล้ายกับเส้นใยเนื้อเยื่อ ที่มีความยืดหยุ่น หรือมีแรงดึงที่สูงทำให้ผิวหน้าของเรา มีความเด้ง และไม่มีลักษณะหน้าหย่อนคล้อย เป็นกลุ่มโปรตีนเส้นใย ที่ช่วยยึดและเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน นอกเหนือจากการช่วยในเรื่องผิวหน้าให้มีความอ่อนวัย และเทียบเท่ากับการใช้ครีมลดริ้วรอย ที่ช่วยยกกระชับให้หน้าเด็กลง
หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน คลอลาเจนที่มีความคล้ายกับอิลาสตินนั้น ก็เหมือนกับกาวที่เป็นตัวยึดเกาะให้ทุกเซลล์ผิวหนังในร่างกาย รวมถึงอวัยวะทุกส่วน อย่างเช่น กระดูก, กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นมีการยึดติด เชื่อมและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะเห็นภาพได้ว่า สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้นนั้น นอกจากผิวหนัง และผิวหน้าที่จะเหี่ยวย่นมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว กระดูก หรือการก้าวเดิน ก็จะมีความลำบาก, ติดขัด และมีเสียงข้อต่อระหว่างกระดูกนั่นเอง
ซึ่งในส่วนของคลอลาเจนนั้น ที่มีความสำคัญทั้งต่อผิวหน้า และส่วนต่างๆ ของร่างกาย เราอาจจะลงลึกในการแบ่งประเภทของตัวคลอลาเจนมากขึ้น ว่าคลอลาเจนชนิดไหน มีหน้าที่ดูแลในส่วนไหนชองอวัยวะ หรือมีความโดดเด่นช่วยในเรื่องอะไรกันบ้าง
คลอลาเจน Type I
เป็นคลอลาเจน ที่เราสามารถพบได้ที่บริเวณาของเส้นเอ็น, กระดูก และผิวหนัง ที่มีสัดส่วนมากที่สุดหากเทียบกับคลอลาเจนในร่างกาย มีมากถึง 90% เลยทีเดียว
คลอลาเจน Type II
คลอลาเจนชนิดนี้ เรามักจะได้ยินในอาหารเสริมที่มีคลอลาเจนชนิด Type II นี้สำหรับการกินเสริม เพื่อสร้างกระดูกอ่อน และวุ้นในตา
คลอลาเจน Type III
เป็นคลอลาเจนที่มีการช่วยสร้างผิวหนัง หรือผนังหลอดเลือดที่มีการสร้างชั้นผิวหนังาขึ้นมาใหม่ เน้นในเรื่องการซ่อมแซมในส่วนผิวหนัง หรืออวัยวะภายในที่มีการโดนทำลาย
คลอลาเจน Type V
หรือเรียกว่าเป็นคลอลาเจนประเภทที่ 5 ที่สามารถพบได้ในบริเวณที่เดียวกับ คลอลาเจน Type I ที่พบอยู่ชั้นใต้ผิวหนัง หรือในทารกที่อยู่ในครรภ์ของแม่
2.อิลาสติน (Elastin)
จะมีส่วนที่คล้ายกับคลอลาเจน คือสร้างความยืดหยุ่น แต่จะเน้นในเรื่องของผิวหนัง และผิวหน้า ซึ่งจะยึดเซลล์ผิว หรือเนื้อเยื่อผิวภายในให้เรียงตัวกันอย่างสมดุล และเหมาะสม และคุณสมบัติเฉพาะก็คือ สามารถที่จะยืดตัวได้มากกว่าคลอลาเจน ซึ่งอิลาสตินก็เหมือนกับคลอลาเจน ในรูปของโปรตีนที่มีความยืดหยุ่น
อิลาสตินทำทำหน้าที่เป็นตัวยืดคล้ายกับหนังยาง ที่สามารถยืดและหดกลับได้ เมื่อเรายังมีอายุในช่วงวัย 20 ปี ก็จะเป็นช่วงวัยที่มีทั้งคลอลาเจน และอิลาสติน ที่เพิ่มขึ้นมาก การทำงานของอิลาสติน จึงมีความสัมพันธ์กับเนื้อเยื่อ และกล้ามเนื้อที่ไม่ต่างไปจากคลอลาเจน ซึ่งวิธีสังเกตดูว่า ผิวหนัง, ผิวหน้า และส่วนต่างๆ ของข้อต่อ และกระดูกมีอิลาสตินที่ดีพอหรือไม่ คือดูที่การสปริงตัวกลับเร็ว
ในทางกลับกันหากมีอิลาสติน ที่เสื่อมสภาพ หรือมีระดับของอิลาสตินที่น้อย ก็จะมีการยืดหดกลับมาที่ช้า และมีผิวหน้าที่มีรอยย่น และไม่ยกกระชับ โดยไม่จำเป็นที่คนๆ นั้นจะเป็นคนอายุ 40 ปีหรือไม่ก็ตาม เพราะหากเป็นในคนที่อายุน้อยกว่า 40 ปี แสดงว่าอาจจะมีสาเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการทำลายอิลาสติน อย่างเช่น ควันบุหรี่ เป็นต้น
3.ไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid)
เป็นสารที่มีอยู่ในธรรมชาติของชั้นใต้ผิวหนังเรา ที่มีส่วนในการเก็บกักความชุ่มชื่น และน้ำให้มีผิวมีความอิ่มเอิบ และดูนุ่มเด้งฟู ทำให้หน้าเด็ก หากมีการสูบบุหรี่ที่มาก หรือเป็นประจำ สารตัวนี้ก็เหมือนกับทั้งคลอลาเจน และอิลาสตินเช่นกัน ที่จะโดนทำลายไปเรื่อยๆ โดยที่ครีมลดริ้วรอย ส่วนใหญ่ก็จะมีการเติมสารชนิดนี้เข้าไป เพื่อประโยชน์ในการบำรุงชั้นใต้ผิวหนัง ให้มีการชุ่มชื่นกลับคืนมา
คุณสมบัติของครีมลดริ้วรอยที่ดี
บำรุงผิวหน้าเด้งตึง หน้าเด็ก
เปปไทด์ หรือสารสกัดเปปไทด์ เป็นส่วนที่ช่วยในการกระตุ้น เพื่อให้มีการผลิตคลอลาเจน ที่ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น หรือช่วยให้หน้าเด็กมากขึ้น การแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้านั้น ขึ้นอยู่กับตัวคลอลาเจนที่ต้องมีการเพิ่มระดับ เพื่อลดเลือนริ้วรอย และช่วยให้ผิวหน้าดูเด้ง ซี่งไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม หรือรอยตีนกาก็ตาม สามารถที่จะหายไปได้ โดยที่ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดเปปไทด์
ส่วนใหญ่หากเราเลือกที่จะมีครีมลดริ้วรอยกระปุกหนึ่ง ความต้องการที่ต้องมาอันดับแรกก็คือ การช่วยให้ผิวหน้าเราดูเต่งตึง และนุ่มเด้ง มีผิวและหน้าเด็ก โดยที่ส่วนใหญ่สารสกัดชนิดนี้ จะมีอยู่ในครีมลดริ้วรอย ที่มีคุณสมบัติไม่ต่างไปจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมบำรุงผิวหน้า , โคลนพอกหน้า , เซรั่มเกาหลี , ฮาดะลาโบะ , น้ำตบ , โฟมล้างหน้าลดสิว , ครีมรกแกะ , ครีมกระชับรูขุมขน , เซรั่มหน้าใส , วิตามินบำรุงผิว
ลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี
ด้วยสารสกัดวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติหลักๆ คือการซ่อมแซมผิวหน้า หรือจุดที่เสียหาย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย หรือแม้แต่รอยสิวก็ตาม ให้เซลล์ผิวบริเวณนั้นกลับคืนสู่สภาพที่แข็งแรง และสมบูรณ์ การลดเลือนริ้วรอยนั้น มาจากการที่ตัวสารสกัดชนิดนี้ มีการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว และรวมถึงการดูดซึมคลอลาเจน เพื่อมาซ่อมแซมส่วนของเซลล์ ที่โดนทำลาย
สารสกัดอีกหนึ่งตัว ที่ทำหน้าที่ร่วมกับตัวสารสกัดวิตามินซี ก็คือ เรตินอล โดยครีมที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอย จำเป็นที่จะต้องมีเรตินอล ที่ช่วยลดการสูญเสียของคลอลาเจน และอิลาสติน นอกเหนือจากนี้แล้ว ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องของ การเพิ่มความกระจ่างใส และ ลดจุดด่างดำ, ฝ้าอันมีสาเหตุจากการเจอความร้อน และแสงแดดทางตรง
อีกทั้งสารสกัดเรตินอลนี้ เน้นเฉพาะนอกจากจะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ ของครีมลดริ้วรอยแล้วนั้น ยังเป็นส่วนประกอบของครีมที่ใช้สำหรับ คนอายุ 40 ปี หรือแม้กระทั่งครีมที่มีการช่วยให้หน้าเด็กมากขึ้น อย่าง ครีม anti anging เป็นต้น
สาเหตุที่เรตินอล จึงเป็นส่วนประกอบที่หลายผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิว หรือช่วยลดริ้วรอยนำมาเป็นส่วนประกอบก็คือ ด้วยคุณสมบัติที่จะเน้นในการกระตุ้นคลอลาเจน สร้างเซลล์ผิวใหม่ร่วมด้วย
ดังนั้นเมื่อไหรก็ตามที่เราโดนแสงแดด หรือแม้แต่ปัญหาที่นั่งทำงานใกล้กับหลอดไฟมากเกินไป ทำให้ผิวหน้ามีความหมองคล้ำนั้น การกระตุ้นให้คลอลาเจนผลิตเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา ก็จะได้การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่กระจ่างใส และมีทั้งผิวขาว และลดเลือนริ้วรอยร่วมด้วย ข้อดีร่วมด้วยก็คือ นอกจากช่วยลดริ้วรอยแล้ว ยังช่วยลดรอยแดงที่เกิดจากสิวได้อีกด้วยทางหนึ่ง
ช่วยยกกระชับใบหน้า หมดปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
โคเอนไซม์คิวเท็น หรือ Coenzyme Q10 ที่ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้า รวมถึงริ้วรอยความเหี่ยวย่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม, ระหว่างคิ้ว, ถุงใต้ตา หรือตีนกาก็ตาม ให้ยกกระชับ และหน้าเด็ก โดยเน้นในเรื่องการยกกระชับใบหน้า และสร้างความอ่อนกว่าวัยไปพร้อมๆ กัน เราจึงไม่แปลกใจว่า ส่วนใหญ่แล้วครีมบำรุงผิว และครีมที่ช่วยในการลดริ้วรอย จะมีสารสกัดตัวแทบจะทุกยี่ห้อเลยทีเดียว
ผลัดเซลล์ผิวเก่า
การผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมานั้น สำหรับสารสกัดAHA หรือ BHA มีส่วนให้ริ้วรอยลดลง เพราะเมื่อเกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแล้วนั้น ริ้วรอยที่อยู่บนใบหน้าตามจุดต่างๆ
รวมถึงริ้วรอยที่เป็นจุดด่างดำ หรือจุดแดง ก็จะค่อยๆ ลดเลือน และจางหายไป แต่หากผลิตภัณฑ์ครีมลดริ้วรอย ที่มีสารสกัดAHA หรือ กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือ Alpha Hydroxy Acids นั้น ไม่ควรที่จะมีการใช้ประจำ หรือหากทาประจำ ไม่ควรที่จะทา หรือใช้ในปริมาณที่หนา
วิธีเลือกซื้อครีมลดริ้วรอย
1.สำหรับคนผิวแพ้ง่ายใช้ได้
การเลือกพิจารณาผลิตภัณฑ์ ครีมลดริ้วรอยบนผิวหน้านั้น ควรมีใส่ใจในรายละเอียด ที่ต้องป้องกันการระคายเคือง รวมถึงผู้ที่มีผิวหน้าที่แพ้ง่ายก็สามารถเลือกใช้ได้อย่างปลอดภัย หรือมีส่วนประกอบของสารสกัดจากธรรมชาติ
อย่างเช่น เมล็ดองุ่น ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีริ้วรอย หรือจุดด่างดำ และมีสารสกัดจากสาหร่าย ที่ช่วยเติมความอิ่มน้ำ และให้ผิวหน้าดูชุ่มชื่นมีสุขภาพที่ดีร่วมด้วย
2.สารสกัดที่สำคัญช่วยฟื้นฟู และบำรุงผิว
ซึ่งเป็นสารที่ชั้นผิวหนังเราผลิตขึ้นโดยธรรมชาติ แต่มีการถูกทำลายลง ไม่ว่าจะเป็นด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น, สภาพสิ่งแวดล้อม, ความร้อน หรือ ปัจจัยในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น การสูบบุหรี่ เป็นต้น เราควรพิจารณาเลือกที่มีสารสกัดหลักๆ ที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเช่น กรดไฮยาลูโรนิค, คลอลาเจน, อิลาสติน, AHA และ BHA
3.เหมาะสำหรับคนอายุ 30 – 40 ปีขึ้นไป
เลือกส่วนประกอบที่มีในตัวครีม ที่ช่วยลดริ้วรอยบนผิวหน้า อย่างเช่น ไฮยาลูโรนิค หรือ Hyaluronic Acid ที่มีส่วนช่วยในการเก็บกัก ความชุ่มชื่นใต้ผิวหนัง และให้ผิวดูฉ่ำน้ำ มีสุขภาพผิวหน้าที่ดูดี รวมถึงหากมีส่วนประกอบของวิตามินซี ในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวต่างๆ ที่โดนทำลาย ไม่ว่าจะเป็นจากแสงแดด ที่ทำให้เกิดฝ้าหรือกระ, ริ้วรอยที่เกิดจากการขมวดคิ้ว, การเท้าคาง หรือแม้แต่ริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยนั้น ก็จะช่วยให้ดูจางลงได้
อายุ 40 อยากหน้าใสให้ทำแบบนี้
สรุป
เราจะรู้ได้ทันทีว่า ผิวหน้าของเรามีการเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้น ทั้งร่องแก้ม, ใบหน้า หรือระหว่างคิ้ว ซึ่งเป็นไปได้จากสาเหตุหลายอย่าง อย่างที่เราได้กล่าวในข้างต้นแล้วนั้น และการดูแลป้องกันจากปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้นั้น ก็อาจจะยังไม่พอ หากไม่มีการเลือกใช้ ครีมลดริ้วรอยร่วมด้วย เพื่อช่วยในการลดริ้วรอยบนใบหน้า, ร่องแก้ม พร้อมกับยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ให้ดูเด็กเหมือนเรากลับไปมีอายุ 14 อีกครั้ง
นามปากกา เถาองุ่น การศึกษาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นนักรีวิวผลิตภัณฑ์ด้านการบำรุงผิวโดยเฉพาะ ทั้งผิวกาย ผิวหน้า ความงาม และเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายมาแล้วหลายยี่ห้อ
ครีมลดริ้วรอย Eucerin
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 48 กรัม เนื้อครีม ทาง่าย
-ช่วยลดเลือนริ้วรอยลึก บำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้น
ครีมลดริ้วรอย L'OREAL
-ช่วยกระชับรูขุมขน และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์เปล่งปลั่ง
-ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ดูเด้งเต่งตึง ริ้วรอยแห่งวัยดูลดเลือนลง
ครีมลดริ้วรอย LANEIGE
-ช่วยต่อต้านริ้วรอยและให้ผิวกระชับเรียบเนียนขึ้น
-เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดการบำรุง
ครีมลดริ้วรอย OLAY
-ช่วยฟื้นบำรุงผิวพรรณ ควบคุมความมัน และปรับสภาพผิว
-ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียของผิวหนัง ลดการเกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ
ครีมลดริ้วรอย Himalaya
-ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ลดเลือนและชะลอริ้วรอย
-ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นกระชับ ลดตีนกา ร่องลึก ร่องแก้ม
ครีมลดริ้วรอย Garnier
-ช่วยลดเลือนริ้วรอย เหี่ยวย่น ตีนกา และจุดด่างดำจางลง
-เหมาะสำหรับผิวคนเอเชีย ช่วยฟื้นบำรุงความยืดหยุ่นผิว
ครีมลดริ้วรอย Hira Blue
-ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิว
-เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ปราศจากแอลกอฮอล์
ครีมลดริ้วรอย Giffarine
-ช่วยปกป้องผิว ต้านอนุมูลอิสระ และลดเลือนริ้วรอย
-ช่วยให้ผิวอิ่มฟู ตึงกระชับ ลดเลือนจุดด่างดำ
ครีมลดริ้วรอย Smooth E
-ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก เสริมคอลลาเจน
-ช่วยปกป้องฟื้นฟูและบำรุงผิวขาวกระจ่างใส
ครีมลดริ้วรอย Yanhee
-ช่วยบำรุงผิวให้เรียบตึงทั้งบริเวณหน้าผาก หางตา ร่องแก้ม
-ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ยับยั้งการตึงตัวของกล้ามเนื้อ