10 ทรีทเม้นท์ผม ยี่ห้อไหนดี 2024 เข้มข้น ใช้ดี ผมนุ่มสลวย เรียบลื่น

ปัญหาเส้นผม มีอะไรบ้าง

เราหลายคนอาจต้องเจอกับสภาพเส้นผม ที่มีปัญหาที่แตกต่างกันไป ทำให้เราต้องเลือกใช้ทรีทเม้นท์ผม แต่ส่วนใหญ่แล้วปัญหาเส้นผมก็มักจะเกิดจากสาเหตุของความร้อน ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากแสงแดด, ความร้อนจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ภายนอก และความร้อนจากอุปกรณ์ในการทำผม รวมถึงสารเคมีต่างๆ ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ทำผม ไม่ว่าจะเป็นการยืดผม, การดัดผม หรือการทำสีผม ซี่งในบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถบำรุงและฟื้นฟูด้วย ทรีทเม้นท์บำรุงผมได้ง่ายๆ

ผมแห้งเสีย

ผมแห้งเสียปัญหาคลาสสิกสำหรับผู้ที่เคยผ่านการดัดผม, ยืดผม หรือย้อมสีผมมาแล้วก็คือ เส้นผมที่ต้องเจอกับสภาพปัญหากับ ผมแห้งเสีย และมีผมกรอบ ในบางรายอาจต้องเจอกับปัญหาเส้นผมขาดร่วงง่ายร่วมกันไปด้วย ซึ่งหลายคนมีการแก้ปัญหาด้วยการตัดเล็มปลายผมตลอด สำหรับส่วนปลายผมที่เสีย แต่อย่างไรก็ดี การหาผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงผมร่วมด้วย จะช่วยให้สภาพเส้นผมกลับมามีสภาพเหมือนเดิมได้เร็วมากขึ้น

ผมชี้ฟู

ไม่ว่าจะเป็นผมที่ผ่านการดัด, ยืด หรือทำสีผมมา หรือผมที่ขาดการบำรุงอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถที่จะเกิดปัญหาผมชี้ฟูได้ โดยเฉพาะผู้ที่ผ่านการทำเคมีอย่างเช่น การดัดผมมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาที่มีคุณภาพ และมีสารบำรุงในตัวผลิตภัณฑ์ก็ตาม หากไม่มีการบำรุงหลังการดัดผมมา ก็อาจทำให้ผมเกิดปัญหาผมชี้ฟูได้เช่นกัน ซึ่งการเลือกทรีทเม้นท์บำรุงผม แบบไม่ต้องล้างออก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีทีเดียว ในการฟื้นฟูสภาพเส้นผม ให้กลับมาดีดังเดิม

ผมแตกปลาย

ปัญหาเส้นผมที่แยกย่อยออกมาจาก ผมแห้งเสียก็คือ ผมที่มีสภาพแตกปลาย อันเนื่องมาจากความแห้งเสียของเส้นผมที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้เส้นผมมีความอ่อนแอ และเกิดปัญหาเส้นผมขาดได้ง่ายโดยเฉพาะส่วนปลาย การตรวจสอบดูจากผมที่ร่วง โดยการดึงเส้นผมให้กึ่งกลางขาดออกจากกัน เราจะได้เห็นว่าการขาดของเส้นผมนั้น ปลายที่ขาดของแต่ละข้างจะมีการแยกเป็น 2 เส้นร่วมด้วย นั่นเป็นการพิสูจน์ได้ว่า สภาพเส้นผมเราเริ่มมีปัญหาแตกปลายเข้าแล้ว

ผมช็อต

สภาพผมช็อตเกิดจากการทำผม ที่ผ่านน้ำยาทางเคมีมากและบ่อยจนเกินไป หรือไม่ก็เกิดจากการทำจากผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญดีพอ อย่างเช่น การยืดผม ที่หากมีการยืดผมที่ใกล้โคนผมมากจนเกินไป หรือมีการทิ้งน้ำยาไว้นานเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดสภาพผมช็อตได้ โดยมีลักษณะเส้นผมไม่ตรง และมีความหยิกหยอย การซ่อมแซมและฟื้นฟู ต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควรเลยทีเดียว

ผมไม่มีน้ำหนัก

ส่วนใหญ่แล้วหากผมมีสภาพเสียตามข้างต้นแล้ว จะทำให้เส้นผมไม่มีวอลุ่ม หรือไม่มีน้ำหนักไปด้วยในตัว ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องในการทำทรงผม หรือเซ็ทผมในรูปแบบไหนก็จะไม่อยู่ทรง จึงควรหาอาหารผม อย่างเช่น ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคราติน เพื่อช่วยในการบำรุงผมก่อน เมื่อเส้นผมมีความแข็งแรงจากสารอาหารแล้ว จะทำช่วยแก้ปัญหาเส้นผมไม่มีน้ำหนัก และเพิ่มสปริงให้กับเส้นผมได้

ทรีทเม้นท์ผม คืออะไร

คือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ด้วยส่วนประกอบที่เป็นสารอาหารของเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืชธรรมชาติ อย่างเช่น น้ำมันจากดอกสึบากิ, น้ำมันมะพร้าว หรืออาร์แกน ออยล์ ร่วมกับเคราติน และวิตามินบี5 ในรูปแบบทรีทเม้นท์ผม สูตรเข้มข้น โดยเน้นในการบำรุงเส้นผมที่แห้งเสีย, ฟื้นฟูเส้นผมไม่มีน้ำหนัก ให้ดูมีสปริงและเป็นธรรมชาติ, ช่วยให้ผมนุ่มสลวย เรียบลื่น ใช้ได้บ่อย รวมถึงมีแบบไม่ต้องล้างออก หรือ แบบLeave In ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ทรีทเม้นท์ผม มีกี่แบบ

แบบไม่ต้องล้างออก

นอกจากครีมบำรุงผม หรือทรีทเม้นท์บำรุงผม ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับการหมักทิ้ง 5-10 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำจนสะอาด แต่อีกรูปแบบของทรีทเม้นท์ ที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่าคือ การชโลมตัวผลิตภัณฑ์ หรือฉีดในรูปแบบสเปรย์ลงปลายผม เพื่อช่วยบำรุง ซึ่งให้คุณสมบัติในการช่วยบำรุงผมแห้งเสีย ให้กลับมามีสภาพผมนุ่มสลวย และเรียบลื่น อีกทั้งยังมีส่วนประกอบ ทั้งสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด

ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืชธรรมชาติ, วิตามินบี5 และสารเคราตินในแบบเข้มข้น ที่ถือว่าเป็นใยโปรตีนที่เป็นโครงสร้างที่สำคัญสำหรับเส้นผม นอกจากผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ผม แบบไม่ล้างออกนี้ เราควรมี โฟมเปลี่ยนสีผม , มูสใส่ผม , ครีมจับลอน , ครีมยืดผม , ที่หนีบผม , โรลม้วนผม , หมวกอบไอน้ำ , หวีไฟฟ้า , ที่ม้วนผม , กรรไกรซอยผม เพื่อใช้งานสำหรับเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม และอุปกรณ์ในการทำผมร่วมด้วย

แบบล้างออก

รูปแบบทรีทเม้นท์หมักผม ที่เรามักจะใช้หลังจากสระผม 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ มีลักษณะความเข้มข้นในเนื้อครีมเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงต้องระวังการใช้ที่ถี่มากจนเกินไป อาจทำให้หนังศีรษะเกิดความมันขึ้นมาได้ โดยขั้นตอนการหมักผม ถึงแม้จะเพียงแค่ 5-10 นาที ก็ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก หากเราเปรียบเทียบกับ ทรีทเม้นท์บำรุงผมในแบบแรก หรือแบบไม่ล้างออก

ทรีทเม้นท์ผม กับประโยชน์ที่ได้รับ

ช่วยให้นุ่มสลวย

ด้วยเนื้อของผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์บำรุงผม มีเนื้อเข้มข้น และมีส่วนประกอบของน้ำมันจากธรรมชาติหลากหลายชนิด ช่วยในการปรับสภาพเส้นผมให้ดูนุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับทั้งผู้ที่มีผมยาวและผมสั้น ช่วยให้ผมไม่พันกัน

เรียบลื่น

ผู้ที่ต้องเจอกับปัญหาเส้นผมชี้ฟู โดยเฉพาะผมที่ขาดการบำรุงอย่างต่อเนื่อง หรือผู้ที่มีลักษณะผมดัด หรือผมหยิกหยักศก สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ ในแบบไม่ต้องล้างออกนี้ได้ เพื่อช่วยให้เส้นผมมีสภาพเรียบลื่น และไม่ชี้ฟู ที่หากปล่อยไว้นาน อาจเกิดปัญหาผมแห้งแตกปลายได้

มีวอลุ่ม

หลายคนมีปัญหาการจัดเซ็ตทรงผมไม่ได้ในแบบที่ต้องการ แม้แต่คนที่มีลักษณะผมสั้น อันเนื่องมาจากเส้นผมขาดน้ำหนัก และมีลักษณะลีบ การใช้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์น้ำ จะช่วยให้เส้นผมไม่มีน้ำหนัก กลับมาจัดทรงได้อย่างสวยงาม รวมถึงมีโคนผมยกขึ้น ไม่ว่าจะทำทรงไหนก็ดูเป็นธรรมชาติ เส้นผมไม่ดูลีบเหมือนเดิม

ช่วยเพิ่มความแข็งแรง

ส่วนประกอบหรือสารบำรุงเส้นผม ที่สำคัญคือ วิตามินบี5 หรือ แพนโทเทนิก  (Pantothenic) ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างเส้นผม รวมถึงลดการขาดร่วงของเส้นผม เมื่อเส้นผมแข็งแรง ก็จะช่วยลดปัญหาผมแห้งแตกปลาย หรือ ปัญหาผมแห้งกรอบด้วยสารอาหารผมตัวนี้ จะตรงเข้าบำรุงเส้นผมจากเกล็ดผมด้านนอกเข้าสู่เนื้อผม

เพิ่มความเงางาม

ช่วยเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผม เมื่อผมมีสุขภาพที่ดี และได้สารอาหารจากผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์บำรุงผม แบบไม่ล้างออกนี้ สารอาหารจะเคลือบเส้นผมได้ตลอดทั้งวัน และช่วยให้ไม่ว่าจะจัดทรงผมในรูปแบบไหนก็ตาม ก็ทำให้น่ามองและมีเสน่ห์

ช่วยบำรุงและฟื้นฟู

เป็นการตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังเจอกับปัญหา เส้นผมแห้งเสีย, แตกปลาย หรือผมช็อต อันเนื่องมาจากสาเหตุความร้อน, สารเคมี หรือขาดการบำรุง เพียงแค่ใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผม ในรูปแบบ Leave In อย่างต่อเนื่อง ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ก็จะช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูสภาพผมเสียเหล่านี้ไปได้

ป้องกันความร้อน

หลายต่อหลายคนที่ต้องใช้สเปรย์กันความร้อน ร่วมกับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม จะเป็นการดีและรวดเร็วมากกว่าเดิม หากเรามีผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ ที่ช่วยทั้งบำรุงเส้นผม และป้องกันเส้นผมจากความร้อนได้ไปพร้อมๆ กัน ลดความยุ่งยากและลดขั้นตอนในการใช้ผลิตภัณฑ์ไปได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าๆ ที่รีบเร่ง

ทำให้จัดทรงได้ง่าย

เราสามารถได้คุณสมบัติการใช้งาน 2 in 1 ของผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์รูปแบบไม่ต้องล้างออกนี้ ด้วยการบำรุงเส้นผม ไปพร้อมกับการช่วยในการจัดแต่งทรงผมไปได้ในตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีลักษณะผมยาวหรือผมสั้น สามารถจัดแต่งทรงผมได้อย่างธรรมชาติไม่แข็งทื่อ แต่ดูมีชีวิตชีวา

วิธีใช้ทรีทเม้นท์ผมให้ผมสลวยเรียบลื่น

คุณสมบัติที่ดีสำหรับทรีทเม้นท์บำรุงผมแบบไม่ต้องล้างออก ที่ใครหลายคนถูกใจก็คือ ความใช้ง่ายและรวดเร็ว โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนเช้าที่เร่งรีบกันทุกคน เพียงแค่สระผม, เช็ดผมให้หมาด ก็สามารถชโลม หรือฉีดลงบนผมให้ทั่ว จากนั้นสามารถใช้ไดร์เป่าผมแบบลมเย็น หรือลมร้อน ให้ผมพอแห้ง แล้วก็ออกจากบ้านได้เลย ซี่งไม่ต้องเสียเวลาเซ็ตผม ไม่ว่าจะเป็นผมสั้นหรือผมยาวก็ตาม จะได้ผมนุ่มสลวยและดูเป็นธรรมชาติ

ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบเนื้อเซรั่ม, เนื้อน้ำมัน, เนื้อเจล หรือแบบสเปรย์ที่มีความบางเบาให้กับเส้นผม มีขั้นตอนการใช้ในแบบเดียวกัน ซึ่งหากเป็นช่วงที่ผลิตภัณฑ์รูปแบบ Treatment บำรุงนี้ออกมา คงมีใครหลายคนที่อดแปลกใจไม่ได้ว่า ทรีทเม้นท์บำรุงผมแบบเข้มข้นนี้ จะสามารถทิ้งไว้บนเส้นผมตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ต้องล้างออก หรือ Leave In โดยไม่สร้างความเหนอะหนะให้กับเส้นผมได้อย่างไรกัน เรามาดูขั้นตอนการใช้ที่แสนจะง่ายดายสำหรับผลิตภัณฑ์ตัวนี้กัน

• สระผมและเช็ดผมให้หมาด ไม่ต้องใช้ไดร์เป่าผม
• หากเป็นเนื้อเซรั่ม, เนื้อเจล หรือเนื้อน้ำมันนั้น ให้ใช้การกดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
• แบ่งผมเป็นส่วนๆ เพื่อให้มีการชโลมได้ทั่วถึง
• การชโลมเน้นความสำคัญลงที่ปลายผม เว้นโคนผมไว้เพราะเป็นส่วนที่ติดหนังศีรษะ
• หากเป็นสเปรย์ที่มีความใสในลักษณะของน้ำ และบางเบากว่า ให้แบ่งผมเป็นซีกซ้ายและซีกขวา
• จากนั้นให้ฉีดสเปรย์ลงส่วนที่เป็ปลายผม เว้นส่วนโคนผมไว้
• จากนั้นเราสามารถที่จะใช้ไดร์เป่าผมด้วยลมเย็น หรือลมร้อน

การเป่าผมไม่จำเป็นต้องให้ผมแห้งสนิท เพราะตัวทรีทเม้นท์บำรุงผม ได้เคลือบชั้นนอกของเส้นผมไว้แล้ว และเหตุผลที่ไม่ควรลงบริเวณโคนผมคือ หลีกเลี่ยงไม่ให้หนังศีรษะโดนความมันจากทรีทเม้นท์ เพราะบริเวณโคนผมจะมีน้ำมัน หรือซีบัมผลิตออกมาตลอด จะทำให้หนังศีรษะมีความมันจนเกินไป ซึ่งจากขั้นตอนในการใช้นั้น เราจะเห็นได้เลยว่ามีความสะดวกสบาย แต่มีข้อดีอยู่ตรงที่ เนื้อและส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ที่มีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความจำเป็นที่ควรชโลมหรือฉีดตัวทรีทเม้นท์นี้ ก่อนการไดร์ผม หรือเป่าผมให้แห้งก็คือ จะช่วยให้ไม่เกิดละอองของฝุ่นที่ลอยตามอากาศ มาจับกับเส้นผม เพราะในหลายครั้งหลังจากการชโลมทรีทเม้นท์ลงบนเส้นผมแล้ว มีส่วนเกินของผลิตภัณฑ์ที่เคลือบเส้นผมภายนอกหนาเกินไป การเป่าด้วยลมเย็น หรือลมร้อน ก็จะช่วยให้แห้งไปกับเส้นผม

ในส่วนที่จำเป็นต้องเช็ดผมให้แห้งหมาดๆ ก่อนที่จะลงผลิตภัณฑ์บำรุงผม ในรูปแบบ Leave In หรือแบบไม่ต้องล้างออก เหตุผลที่สำคัญก็คือ หากผมยังชุ่มน้ำอยู่ ครีมบำรุงผมไม่สามารถจะจับเกาะ หรือเคลือบเส้นผมภายนอกได้ โดยเฉพาะหลังจากที่เราชโลมทรีทเม้นท์ไปแล้ว มีการนำเอาผ้าขนหนูมาเช็ดผมอีกรอบ ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะหลุดออกมาพร้อมกับการเช็ด และอาจทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผม และไม่สามารถป้องกันเส้นผมจากความร้อนได้ดีพอ

วิธีเลือกซื้อทรีทเม้นท์ผม

รูปแบบ

เลือกแบบไม่ต้องล้างออก หรือแบบล้างออก

การใช้งานที่แบบไม่ต้องล้างออกจะมีความสะดวกรวดเร็ว และง่ายสำหรับเวลาเช้าๆ ที่เราทุกคนต้องรีบเร่งไปทำงาน และไปเรียน เพียงแค่ชโลมผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ ในแบบไม่ล้างออก จากนั้นใช้ไดร์เป่าผมเล็กน้อย ก็สามารถช่วยเซ็ตทรงผม ร่วมไปกับการป้องกันเส้นผมจากความร้อน และยังช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเส้นผม ให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิมได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ

เนื้อผลิตภัณฑ์

เนื้อของผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์บำรุงผมนั้นมีหลากหลายเนื้อสัมผัสให้เราได้เลือกตามความต้องการ ซึ่งมีข้อแตกต่างทั้งความเหลวและข้น รวมถึงการให้รูปแบบที่เงางาม หรือนุ่มลื่นที่แตกต่างกัน แต่หลักๆ แล้วเน้นในเรื่องการบำรุงเส้นผม, ซ่อมแซมฟื้นฟูผมแห้งเสีย และช่วยจัดเซ็ตทรงผมได้ไปพร้อมกัน

• เนื้อเซรั่ม มีความเข้มข้นสูง เนื้อสีขาว ใช้เพียงเล็กน้อยก็ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นได้
• เนื้อบาล์ม ลักษณะเนื้อข้น สำหรับผมที่ขาดการบำรุงและแห้งเสียเป็นอย่างมาก
• เนื้อน้ำแบบสเปรย์ ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผมที่มีการบำรุงต่อเนื่อง
• เนื้อน้ำมันหรือเจล หยดเพียงเล็กน้อยหรือเม็ดถั่วเขียว แล้วชโลมตามเส้นผม จะช่วยเคลือบผม และช่วยให้ผมนุ่มสลวย ไปพร้อมกับจัดเซ็ททรงผมไปด้วย

กลิ่นหอม

การเลือกกลิ่นหอม ที่มาพร้อมกับตัวผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์นี้ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับความน่าใช้ของผลิตภัณฑ์มากขึ้น ในแต่ละยี่ห้อก็จะเน้นการเลือกกลิ่นที่มีความหอมที่บางเบา อย่างเช่น กลิ่นกุหลาบ, กลิ่นธรรมชาติจากออยล์ หรือกลิ่นคล้าย Baby Powder หรือแป้งเด็ก รวมถึงยังมีกลิ่นหอมจากพืชพรรณธรรมชาติอีกหลากหลาย ให้ผู้ใช้ได้พิจารณาเลือกตามความเหมาะสมกับตัวเอง

ส่วนประกอบจากธรรมชาติ

การเลือกส่วนประกอบที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์นี้ ที่เน้นมาจากธรรมชาติ ก็จะช่วยเลี่ยงการเกิดอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรอ่อนโยน หรือสารสกัดน้ำมันจากพืชธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันมะกอกจากสควาเลน หรือ Squalane Olive Oil, น้ำมันจากแมคคาเดเมีย, น้ำมันจากอาร์แกน ออยล์ และ โจโจ้บา ออยล์ รวมถึงสารสกัดจากพืชธรรมชาติ อย่างเช่น สารสกัดจากสาหร่ายทะเล เป็นต้น

บรรจุภัณฑ์

• ขวดสเปรย์ จะเป็นทรีทเม้นท์บำรุงผม ที่มีเนื้อเป็นของเหลว มีลักษณะบางเบา ใช้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
• ขวดกด ส่วนใหญ่แล้วจะเน้นเป็นเนื้อเซรั่ม หรือส่วนประกอบที่เป็นเคราตินเข้มข้น
• หลอดบีบ ลักษณะเป็นเนื้อเจล ที่มีความพอดี ไม่เหลวและไม่ข้นจนเกินไป เน้นการให้เส้นผมมีความนุ่มลื่น และช่วยจัดเซ็ตทรงผมไปด้วยในตัว

คำถามที่พบบ่อย

ทรีทเม้นท์ผมใช้ได้ทุกวันไหม

หากเป็นทรีทเม้นท์บำรุงผม ในแบบที่ต้องล้างออกแล้ว โดยส่วนใหญ่ด้วยเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นมาก และเป็นการลงหมักเส้นผมโดนส่วนโคนผม และหนังศีรษะร่วมด้วย ทำให้ต้องมีการเว้นระยะห่างการใช้เพียงแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น หากใช้ถี่จนเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาหนังศีรษะมัน และทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมอื่นๆ ตามมาอีกได้

ส่วนในกรณ๊ที่ใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผม ในแบบไม่ต้องล้างออก หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าLeave In นั้น เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้ได้ทุกวัน โดยที่ไม่ต้องกลัวว่า จะก่อให้เกิดปัญหาหนังศีรษะมีความมันมากจนเกินไป เพราะในการใช้งานจริง เราควรชโลมทรีทเม้นท์ Leave In นี้ให้มีระยะห่างจากโคนผมอยู่แล้ว และเน้นการชโลมหรือฉีดลงในส่วนของปลายผมมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะหากเป็นรูปแบบขวดสเปรย์ ที่มีลักษณะเป็นเนื้อของเหลวที่บางเบา

แต่สำหรับทรีทเม้นท์ผม ในรูปแบบไม่ต้องล้างออกนี้ แนะนำว่าเมื่อมีการใช้ทุกวัน ควรที่จะมีการสระผมทุกวันด้วยเช่นกัน ไม่ควรค้างไว้บนเส้นผม เพราะตลอดวันที่เราออกไปนอกบ้าน ต้องเจอกับความร้อน, ฝุ่นละออง หรือสารพิษต่างๆ อย่างเช่น ควันรถ หรือควันต่างๆ ที่แน่นอนต้องติดมากับเส้นผม การสระผมทุกวัน หลังการใช้ทรีทเม้นท์บำรุงผมนี้ จะช่วยในการดูแลเส้นผม, ดูแลหนังศีรษะ และช่วยดูแลใบหน้าของเราด้วย

เพราะหากเราไม่สระผม และทิ้งทรีทเม้นท์นี้ไว้ในขณะที่เรานอนด้วยแล้ว สิ่งสกปรกต่างๆ ก็จะติดบนปลอกหมอน และโดนใบหน้าที่อาจจะส่งผลเสียต่อผิวหน้าตามมาได้ ส่วนหลังการสระผมก่อนนอนแล้วนั้น เราสามารถที่จะชโลมทรีทเม้นท์บำรุงผม แบบไม่ล้างออกนี้ได้เลย หรือมาใช้ในตอนเช้าที่ผมแห้งแล้วก็ได้ แต่แนะนำว่าให้ดีที่สุดควรใช้ในตอนเช้า เพราะจะช่วยให้ตัวทรีทเม้นท์ไม่ติดปลอกหมอน และเป็นการเซ็ตผมในตอนเช้าไปพร้อมกันทีเดียว

ทรีทเม้นท์ผมควรทำบ่อยแค่ไหน

ทรีทเม้นท์บำรุงผม ในแบบไม่ต้องล้างออก สามารถทำได้บ่อยทุกวัน หรือหากเราสระผมก่อนนอน ลงทรีทเม้นท์แล้ว ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็สามารถลงได้อีก เพื่อจัดแต่งทรงผมให้ดูมีชีวิตชีวา และแลดูเป็นธรรมชาติ ได้ทั้งแบบผมสั้นและผมยาว หากเรารู้สึกว่าทรีทเม้นท์ที่เราลงไปก่อนนอนนั้นจางหายไปแล้ว เพียงแต่หากกลับมาจากนอกบ้านแล้ว ควรที่จะสระผมทุกครั้ง เพื่อชะล้างความมันต่างๆ ทั้งจากตัวทรีทเม้นท์ และสิ่งสกปรกจากที่เราออกไปเจอมา

รีวิวทรีทเม้นท์ผมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น

สรุป

จากประโยชน์หลากหลาย ร่วมกับส่วนประกอบที่เป็นสารอาหารสำหรับเส้นผมนี้ ทำให้เราได้รู้ว่าการที่จะมีผมนุ่มสลวย, เงางาม และได้รับการฟื้นฟูจากสภาพผมเสียนั้น เป็นเรื่องไม่ยากหากเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทรีทเม้นท์ผม ที่เน้นในการบำรุงและฟื้นฟูสภาพเส้นผม ให้มีความแข็งแรง และดูมีน้ำหนัก ด้วยขั้นตอนการใช้ง่ายๆ สำหรับทรีทเม้นท์บำรุงผม ที่ไม่ต้องล้างออก ช่วยให้ไม่ว่าใครก็สามารถมีเส้นผมที่สวยเงางามได้

ดูแลบทความโดย พิมพ์ฉัตร

ยุ้ย พิมพ์ฉัตร การศึกษาปริญญาตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ มีประสบการณ์และเป็นนักค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นนักทดสอบผลิตภัณฑ์ออกใหม่เพื่อดูแลเส้นผมแบรนด์ดังหลายแบรนด์

• Facebook
• X
• Line