ปัจจุบันผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักและขี้อ้อนอย่างน้องแมวนั้น มีให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าใส่แมว , อาหารลูกแมว , ที่นอนแมว , น้ำพุแมว , อาหารเสริมแมว , ปลอกคอแมว , ห้องน้ำแมว , แชมพูอาบน้ำแมว , กระไกรตัดเล็บแมว , ที่ใส่อาหารแมว ไปจนถึง เครื่องเป่าขนแมว ไอเทมที่ทาสแมวทั้งหลายควรเลือกซื้อมาใช้งานมากที่สุด
เครื่องเป่าขนแมวคืออะไร
คือ นวัตกรรมสมัยใหม่ที่ถูกคิดค้นและผลิตขึ้นเพื่อช่วยเป่าขนแมวให้แห้ง โดยเฉพาะหลังการทำความสะอาดหรือการอาบน้ำที่ขนของแมวนั้นอยู่ในสภาพเปียกแฉะ ซึ่งถ้าหากปล่อยให้ขนของแมวอยู่ในสภาพเปียกเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของแมวได้ ดังนั้นจึงมีการผลิตและออกแบบอุปกรณ์ที่จะช่วยทำให้ขนของแมวแห้งได้ง่ายขึ้น และอุปกรณ์ที่ว่านั้นก็เรียกว่า “เครื่องเป่าขนแมว” นั่นเอง
ประเภทของเครื่องเป่าขนแมว
1. ไดร์เป่าขนแมว
มีลักษะการใช้งานในรูปแบบไดร์ ส่วนมากจะออกแบบให้สามารถใช้ได้กับทั้งแมวและสุนัข ตัวเครื่องมักเป็นทรงกระบอกหรือสไตล์ต่างๆ ที่แตกต่างกันไป ซึ่งผู้ใช้จะต้องควบคุมการทำงานด้วยตัวเอง ดังนั้นขนของแมวจะแห้งและสะอาดหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานด้วย
2. ตู้เป่าขนแมว
ตู้เป่าขนแมว หรือกล่องเป่าขนแมว เป็นที่เป่าขนแมวอีกหนึ่งประเภทที่มาในรูปแบบตู้หรือกล่อง โดยส่วนใหญ่จะมีขนาดกะทัดรัดที่รองรับแมวได้เพียงแค่ตัวเดียว ซึ่งที่เป่าขนแมวประเภทนี้จะมีระบบการทำงานที่ทันสมัย สามารถทำงานได้อัตโนมัติ ช่วยเป่าขนแมวให้แห้งได้อย่างทั่วถึง แต่ราคาค่อนข้างสูงพอสมควร
3. เครื่องเป่าขนไอออนลบ
เป็นที่เป่าขนแมวอีกหนึ่งประเภทที่สามารถปรับระดับได้ ในส่วนของอุณหภูมิของเครื่องเป่าได้ 20-45 องศา มีจุดเด่นคือเพิ่มการไหลเวียนของอากาศภายในเครื่องเป่าไม่ให้ร้อนจนเกินไป ทั้งยังใช้งานได้สะดวกสบายของเจ้าของสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
4. เครื่องเป่าขนแบบตู้อบอัจฉริยะ
ที่เป่าขนประเภทนี้จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ใช้งานสะดวกเนื่องจากเป็นตู้อบขนแมวให้แห้งสนิท แห้งเร็วแบบอัจฉริยะ ทั้งมีเสียงเป่าลมที่เงียบมาก ปรับแรงลมได้ มีการออกแบบดีไซน์ตัวเครื่องที่โดดเด่น มีลักษณะเป็นวงกลมโค้งมน กดตั้งเวลาเป่าได้ทั้งลมร้อนและลมเย็น ช่วยให้ขนแมวนุ่มฟู ไม่พันกันอีกด้วย
ประโยชน์ของเครื่องเป่าขนแมว
- จุดประสงค์ของเครื่องเป่าขนแมวหลักๆ เลยก็คือ ช่วยเป่าขนแมวให้แห้งได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถ้าหากผู้เลี้ยงแมวมีติดไว้ที่บ้านก็จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการออกไปใช้บริการที่ร้าน อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างสะดวกอีกด้วย
- การใช้ที่เป่าขนแมวสามารถควบคุมอุณหภูมิการทำงานภายในเครื่องได้ โดยคุณสมบัติและความสามารถนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อแมวมากๆ เพราะนอกจากจะทำให้สะดวกสบายแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่แมวจะป่วยจากแรงเป่าของเครื่องได้ด้วย
- การใช้ที่เป่าขนแมวไม่เพียงแต่จะช่วยเป่าขนแมวให้แห้งเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการทำความสะอาดขนแมวไปในตัว ซึ่งจะช่วยให้ขนของแมวอยู่ในสภาพที่ปราศจากเชื้อโรค ส่งผลให้ขนมีความสะอาดและสุขภาพแข็งแรงขึ้นด้วย
- หลังการใช้เครื่องเป่าขนแมวจะสังเกตได้ว่าขนของแมวจะแห้งและดูสวยเหมือนไปใช้บริการที่ร้าน ซึ่งทำให้ผู้เลี้ยงอุ่นใจขึ้นเมื่อมีที่เป่าขนแมวติดบ้านไว้สักเครื่อง เพราะหลังจากอาบน้ำหรือทำความสะอาดให้แมวเสร็จแล้วก็สามารถใช้งานได้เลย ทำให้การดูแลขนแมวเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น
- ลดความกลัวของเจ้าแมวเหมียวในการเป่าขนได้ ซึ่งหากใช้ไดร์เป่าขนที่มีเสียงดัง จะทำให้เกิดอาการตกใจและดิ้นหนีไปได้ แต่หากเลือกใช้ที่เป่าขนแมวที่มีเสียงเบามาก และมีลมอุ่นๆ จากตัวเครื่องจะทำให้เจ้าแมวเหมียวอยู่นิ่งๆ ให้เป่าขน เพลินกันเลย
- ทำให้แมวมีความรู้สึกต่อต้านต่อการอาบน้ำน้อยลง เพราะหากเลือกใช้ไดร์เป่าขนที่มีเสียงดัง และไอร้อนจากไดร์ที่ส่งผลทำให้แมวเกิดอาการร้อนขนหรือผิวหนัง จะทำให้กลัวการอาบน้ำเป็นอย่างมาก จะวิ่งหนีไม่ยอมให้จับง่ายๆ
ข้อเสียของเครื่องเป่าขนแมว
- เครื่องเป่าขนแมวเป็นนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นและออกแบบมาให้ผู้ที่เลี้ยงแมวมีความสะดวกในการดูแลแมวมากยิ่งขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีราคาที่ค่อนข้างแพง โดยการจะซื้อมาไว้ใช้นั้น ผู้เลี้ยงแมวต้องลงทุนไม่ใช่น้อย ดังนั้นก่อนจะซื้อควรตัดสินใจให้ดี เพราะค่าอาหารและอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับแมวก็จำเป็นเช่นเดียวกัน
- มีประโยชน์ในการช่วยเป่าขนแมวให้แห้งสนิทได้ก็จริง แต่กว่าจะเป่าให้แห้งได้นั้นก็อาจต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานหน่อย เนื่องจากขนแมวมีขนาดเล็กและมีจำนวนมาก การจะใช้เครื่องดังกล่าวเพื่อเป่าขนแมวให้แห้งอย่างทั่วถึงจึงต้องใช้เวลาพอสมควร
- การใช้ที่เป่าขนแมวอาจทำให้สะดวกมากขึ้น แต่ในระหว่างที่เครื่องทำงาน ผู้เลี้ยงก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเครื่องดังกล่าวใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งอาจเกิดเหตุขัดข้องและเป็นอันตรายต่อแมวได้ ดังนั้นจึงต้องเสียเวลาในการดูแลและสังเกตการทำงานของเครื่องอยู่เรื่อยๆ
- หากซื้อเครื่องเป่าขนแมวที่ไม่มีคุณภาพมากพอจะมีผลกระทบตามมา โดยเฉพาะในขณะที่เครื่องทำงาน หากเป็นที่เป่าขนแมวที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมักจะส่งเสียงดังในระหว่างการทำงาน ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับผู้เลี้ยงและแมวได้ไม่น้อยเลย
- ในกรณีที่ผู้เลี้ยงมีแมวหลายตัว และอาบน้ำให้แมวพร้อมกัน หากจะใช้ที่เป่าขนแมวอาจต้องเสียเวลานานพอสมควร เพราะส่วนใหญ่จะออกแบบมาให้ใช้งานได้ทีละตัวเท่านั้น และการจะเป่าให้ขนแมวแห้งสนิทก็ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป่าขนแมวพร้อมกันหลายๆ ตัว
วิธีเลือกซื้อเครื่องเป่าขนแมว
1. เลือกซื้อที่ควบคุมอุณหภูมิการทำงานภายในได้
ควรเลือกซื้อเครื่องเป่าขนแมวที่สามารถควบคุมอุณหภูมิการทำงานภายในได้ ซึ่งมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งาน เนื่องจากแมวแต่ละตัว หรือการใช้งานแต่ละครั้งมักต้องการอุณหภูมิที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นหากจะเลือกซื้อประเภทที่สามารถใช้งานได้ง่าย ควรเลือกเครื่องที่สามารถควบคุมอุณหภูมิปรับแรงลมได้
2. เลือกซื้อที่มีแรงเป่าเต็มประสิทธิภาพ
ความแรงเป่าของเครื่องสำหรับเป่าขนแมวถือว่าสำคัญมากเช่นกัน เนื่องจากจุดประสงค์ของการใช้งานคือการทำให้ขนแมวแห้งได้ง่ายขึ้น ดังนั้นที่เป่าขนแมวที่ดีจะต้องมีความแรงเป่าที่แรงมากพอ และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
3. เลือกซื้อจากขนาดตัวของสัตว์เลี้ยง
เนื่องจากสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นแมว หรือสุนัขนั้นจะมีขนาดตัวที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นหากต้องการเลือกซื้อที่เป่าขนแมวมาไว้ใช้งานนั้น ควรจะเลือกที่มีขนาดพอเหมาะกับขนาดตัวและน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวสัตว์เลี้ยง หากว่ามีความคับแคบหรือกว้างจนเกินไป จะทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความรู้สึกอึดอัดและไม่อยากอยู่
4. เลือกซื้อที่มีฟังก์ชั่นช่วยผ่อนคลาย
นอกจากการเป่าขนแมวแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนจะซื้อก็คือ เครื่องเป่าขนแมวนั้นจะต้องมีฟังก์ชั่นช่วยให้แมวรู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย เพราะแมวเป็นสัตว์ขี้ตกใจ ดังนั้นควรเลือกซื้อประเภทที่มีระดับเสียงระหว่างการทำงานต่ำ หรือเสียงเบา จะช่วยลดความกลัวและความเครียดของแมวลงได้
5. เลือกซื้อยี่ห้อมีได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
การเลือกซื้อเครื่องเป่าขนแมวให้ได้คุณภาพตามความเหมาะสม จำเป็นจะต้องตรวจสอบใบรองรับมาตรฐานในการผลิตด้วย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพ และวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแมวได้ด้วย
6. เลือกซื้อยี่ห้อที่มีใบรับประกันสินค้า
ที่เป่าขนแมวถูกผลิตและออกแบบมาเฉพาะแมวก็จริง แต่ทว่าการใช้งานนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะเกิดความขัดข้องได้ และมักจะมีราคาแพง ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อควรสอบถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายก่อนว่ามีประกันหลังการขายหรือไม่ เลือกที่มีใบรับประกันสินค้าหรือการดูแลหลังการขายจะดีที่สุด เพราะหากเมื่อตัวเครื่องมีปัญหาสามารถเข้าเคลมได้
7. เลือกซื้อยี่ห้อที่เชื่อมต่อกับมือถือได้
สำหรับเครื่องเป่าขนแมวที่มีฟังก์ชั่นเชื่อมต่อกับมือถือได้นั้น ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่จะมามอบความสะดวกสบายในการใช้งานให้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้ดีเลยทีเดียว จะเป็นการใช้งานโดยเชื่อมต่อตู้เป่าขนแมวผ่านมือถือ หรือแอพพลิเคชั่นของยี่ห้อนั้นๆ
8. เลือกซื้อจากวัสดุของตัวเครื่อง
วัสดุของตัวตู้เป่าขนแมวนั้น เปรียบเสมือนเป็นเครื่องทำความร้อนอีกหนึ่งชนิด ที่ช่วยให้ขนแมวแห้งสนิท ไม่ส่งผลให้ขนแมวพันกัน ช่วยบำรุงขนแมวให้นุ่มฟูได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นควรเลือกวัสดุของตัวเครื่องให้ดี ทั้งทนทานความร้อนได้ดี และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน มีความปลอดภัยสูง
9. เลือกซื้อจากเสียงระหว่างการทำงาน
ควรเลือกซื้อเครื่องเป่าขนสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีเสียงเบา เสียงตัวเครื่องไม่มีความดังจนเกินไป เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงเกิดความตกใจ ตื่นตระหนก และวิ่งหนีไม่ยอมให้จับมาเข้าเครื่องเป่าขนได้ง่ายๆ ดังนั้นหากอยากให้สัตว์เลี้ยงอยู่นิ่งๆ ระหว่างเป่าขนได้นาน ควรเลือกซื้อเครื่องที่ทำงานได้ค่อนข้างเงียบจะดีที่สุด
10. เลือกซื้อที่มีกระจกใสและช่องระบายอากาศ
การเลือกซื้อเครื่องเป่าขนแมวที่มีกระจกใสและช่องระบายอากาศนั้น จะทำให้ผู้เลี้ยงสามารถที่จะเห็นสัตว์เลี้ยงของเราได้ว่าเป็นอย่างไรในระหว่างอยู่ในเครื่องเป่าขน ปลอดภัยอยู่หรือไม่ หรือมีความวิตกกังวลหรือไม่ อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดและทำให้หวยใจได้อย่างสะดวกให้กับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย
วิธีใช้เครื่องเป่าขนแมว
เครื่องเป่าขนแมวโดยทั่วไปจะอาศัยพลังงานไฟฟ้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อเริ่มใช้งานจะต้องเสียบปลั๊กไฟก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นทำการตั้งค่าอุณหภูมิ รวมถึงเวลาที่จะใช้งาน เมื่อตั้งค่าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถกดเพื่อเริ่มการใช้งานได้ โดยในระหว่างที่ใช้เครื่องเป่าขนต้องหมั่นสังเกตด้วยว่าเครื่องทำงานปกติหรือไม่ และพยายามสังเกตอุณหภูมิที่ปรากฏบนเครื่องด้วยว่าเหมาะสมต่อการใช้งานมากน้อยเพียงใด เพราะแต่ละยี่ห้อก็จะมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกันไป
วิธีทำความสะอาดเครื่องเป่าขนแมว
- เครื่องเป่าขนแมวสามารถล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่า แต่ถ้าในกรณีที่เครื่องเป่าขนมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ แนะนำให้ใช้สบู่ในการทำความสะอาด จากนั้นจัดการล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาดอย่างหมดจด
- หากเป็นเครื่องเป่าขนแบบไดร์ ควรเช็ดทำความสะอาดให้พอหมาด หลังจากนั้นนำไปเก็บในกล่องอย่างมิดชิด จะช่วยป้องกันฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่างๆ ให้เข้าไปได้ยากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายได้ด้วย
- หากพบว่ามีน้ำขังอยู่ในไดร์เป่าขนแมว ในกรณีที่เสียบปลั๊กไฟอยู่ ให้ทำการถอดปลั๊กไฟก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเปิดจุกยางที่อยู่ด้านล่างของไดร์เป่าขนแมว และจัดการระบายน้ำออกให้หมด โดยวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงที่เครื่องจะเสียได้
- หมั่นสังเกตเครื่องเป่าขนแมวอย่างสม่ำเสมอ หลังจากใช้งานเสร็จแล้วควรทำความสะอาดบริเวณที่เป็นช่องกรองให้สะอาด และถ้าหากพบว่ามีขนแมวติดอยู่บริเวณพัดลมดูดอากาศก็ให้จัดการทำความสะอาดออกให้เรียบร้อย
- ส่วนที่เป็นแผ่นรองด้านล่างของเครื่องเป่าขนสัตว์เลี้ยงก็สำคัญเช่นกัน ควรตรวจสอบทุกๆ ส่วนของเครื่องเป่าขนสัตว์เลี้ยงว่ามีความสะอาดหรือมีสิ่งใดติดค้างอยู่หรือไม่ แนะนำให้ใช้ผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนนำไปเก็บ
วิธีบำรุงขนแมวให้นุ่มสลวย
1. ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดขนแมว
โดยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวหนังและขนของแมวที่เลี้ยง เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ของคนกับแมว เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของคนไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับแมวโดยเฉพาะ
2. บำรุงเส้นขนด้วยผลิตภัณฑ์ของแมวโดยเฉพาะ
นอกจากการทำความสะอาดให้แมวแล้ว การบำรุงขนก็เป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญและควรใส่ใจ หากต้องการให้แมวของคุณมีขนที่นุ่มสลวย หลังจากอาบน้ำหรือทำความสะอาดเสร็จ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์มาบำรุงเสริม และใช้เครื่องเป่าขนแมว ช่วยให้ขนแห้งเร็วและมีสุขภาพดี
3. คัดสรรอาหารที่มีประโยชน์
นอกจากบำรุงขนแมวด้วยผลิตภัณฑ์อาหารบำรุงแล้ว อาหารก็ถือเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกายของแมว ดังนั้นควรเลือกอาหารให้เหมาะกับวัยของแมว และเลือกอาหารเม็ดสูตรบำรุงขนโดยเฉพาะ จะช่วยให้ขนของแมวทั้งสวยและแข็งแรง
4. แปรงขนแมวให้เรียบร้อย
ขนแมวมักจะพันกันจนหลุดร่วงอยู่บ่อยๆ ดังนั้นควรแปรงขนอย่างเบามือเป็นประจำ หรือหลังจากใช้เครื่องเป่าขนแมว เพื่อช่วยขจัดเส้นขนที่หลุดร่วงและตกค้างออก พยายามจัดขนที่พันกันให้อยู่ในสภาพปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตน้ำมันที่ช่วยบำรุงเส้นขนอีกด้วย
5. ป้องกันปรสิตภายนอก
หมั่นสังเกตดูว่าแมวของคุณมีหมัดหรือเชื้อโรคๆ มาเกาะตัว หรือซ่อนตัวอยู่ในขนหรือไม่ และหลีกเลี่ยงการนำแมวไปอยู่ในสถานที่ที่มีความแออัด เพราะอาจทำให้ได้รับเชื้อโรคมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ควรปรึกษาสัตว์แพทย์เกี่ยวกับวิธีการป้องกันด้วย
รีวิว เครื่องเป่าขนแมว
สรุป
สิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ล้วนต้องการการดูแลกันทั้งนั้น โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่าสัตว์เลี้ยง แมวก็เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่คนทั่วโลกนิยมเลี้ยงกัน จะเห็นได้ว่าเครื่องเป่าขนแมวถูกคิดค้นมาสำหรับแมวโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เลี้ยงสามารถดูแลแมวได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการจะเลือกใช้เครื่องเป่าขนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะเลือกเครื่องเป่าขนแบบไหน สิ่งสำคัญก็คือเครื่องที่ใช้จะต้องมีคุณภาพและไม่ส่งผลเสียกับแมวของคุณ
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
เครื่องเป่าขนแมว Pando รุ่น PD50
-เหมาะกับสัตว์เลี้ยงขนาดไม่เกิน 10 กิโลกรัม
-ดีไซน์กระจกเต็มบานพร้อมช่องช้างสอดมือ
เครื่องเป่าขนแมว Redminut
-สามารถพับเก็บได้ ลมแรง เสียงรบกวนเบา
-รูปทรงทันสมัย ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีจอ LCD แสดงผล
เครื่องเป่าขนแมว Furuite รุ่น CW-PRO
-เหมาะกับสัตว์เลี้ยงในบ้าน ช่วยเพิ่มความสดวกสบาย
-เสียงรบกวนต่ำกว่า 40 เดซิเบล ช่วยลดความกลัวของสัตว์เลี้ยง
เครื่องเป่าขนแมว Homerun รุ่น PD50
-ฝาเปิดเป็นกระจกนิรภัยมีความปลอดภัยสูง
-สามารถปรับระดับลมได้ 4 ระดับ
เครื่องเป่าขนแมว Pepe รุ่น DR100 Pro
-ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ใช้งานง่าย
-ช่วยลดภาระในการที่จะต้องมานั่งเป่า
เครื่องเป่าขนแมว Pet Marvel
-ช่วยลดกลิ่นไม่พึ่งประวงค์และกลิ่นอับชื้น
-ไอออนประจุลบ ทำให้ขนไม่แห้งไม่ชี้ฟู
เครื่องเป่าขนแมว 2800W
-ตัวเครื่องเป็นพลาสติกทนความร้อน ไม่เป็นสนิม
-ดีไซน์ด้ามจับถนัดมือ ท่อป้องกันความร้อนคุณภาพสูง
เครื่องเป่าขนแมว CARELAR
-สามารถปรับอุณหภูมิได้ ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
-ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ เคลื่อนย้ายสะดวก
เครื่องเป่าขนแมว UAH Fluffy
-สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับการใช้งาน
-ขนากะทัดรัด พกพาสะดวก น้ำหนักเบา
เครื่องเป่าขนแมว H20
-มีระบบป้องกันความร้อนสูงเกิน ปลอดภัย
-มีจอดิจิตอลแสดงสถานะขนาดใหญ่