คาร์ซีท คืออะไร
คืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเด็กวัยแรกเกิดขึ้นไป ใช้สำหรับการเดินทางร่วมกับรถยนต์ เป็นเบาะนั่งและสามารถปรับนอนและหมุนได้ ซึ่งเป็นไอเท็มที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการเดินทาง หากครอบครัวมีเด็กเล็กที่ต้องเดินทางร่วมกัน โดยกฎหมายได้มีการระบุไว้ ถึงข้อกำหนดการใช้คาร์ซีท หากเป็นเด็กที่ยังมีอายุไม่ถึง 6 ปี หรือมีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตรนั้น จำเป็นที่จะต้องให้เด็กนั่งหรือนอนในอุปกรณ์ ที่เรียกว่า Car Seat
วิธีเลือกซื้อคาร์ซีท
รูปแบบของคาร์ซีท
คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward Facing Seats)
เป็นรูปบบ Car Seat ที่เราเห็นในลักษณะที่สังเกตกันง่ายๆ คือ เบาะที่นั่งนิรภัยของเด็กนั้น จะหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ ซึ่งสำหรับผู้ที่ไม่ชินตา ก็อาจจะไม่เข้าใจในการออกแบบที่นั่งสำหรับเด็กในรูปแบบนี้ แต่ในความจริงแล้วนั้น การออกแบบที่นั่งสำหรับเด็ก ไว้ในการใช้งานในรถยนต์นี้ จะเป็นการใช้งานเฉพาะกับเด็กแรกเกิด หรือเด็กที่มีอายุ 0-2 ปี
ที่นั่งเด็กในรูปแบบ Rear Facing หรือแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ จะมีความปลอดภัยเป็นอย่างสูง จึงมีการเน้นใช้กับทารกแรกเกิด จนถึงอายุ 2 ปี โดยโครงสร้างของ Car Seat จะป้องกันส่วนด้านบนตั้งแต่อวัยวะส่วนศีรษะ ลงมาถึงคอ และเลยมาที่กระดูกสันหลังของเด็กร่วมด้วย ซึ่งนอกจากเข็มขัดนิรภัยจะช่วยป้องกันระดับหนึ่งแล้ว การเลือกคาร์ซีทให้พอดีกับตัวเด็ก จะเป็นการช่วยป้องกันความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
คาร์ซีทแบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะ (Forward Facing Seats)
รูปแบบนี้เราก็เห็นในการเลือกนำมาใช้งาน ที่มากเท่าๆ กับแบบแรก แต่ในการนำมาใช้งาน สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 2-7 ขวบ ซึ่งทั้งในแบบ Rear Facing และ Forward Facing นั้น จะมีลักษณะที่ดีคือ โครงสร้างที่ใหญ่, มั่นคง และแน่นหนา รวมถึงตัวเบาะที่นั่งของเด็ก นอกจากจะมีการบุให้หนานุ่ม ช่วยในการอำนวยความสะดวก ให้เด็กสามารถนอนหลับได้อย่างสบายแล้ว ยังมีการออกแบบให้รัดกุม และพอดีกับช่วงลำตัวของเด็ก
เพราะความปลอดภัยในการใช้ ที่นั่งเด็กแบบ Car Seat นั้นไม่ได้เพียงแค่การคาดเข็มขัดนิรภัย และการเลือกใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กเพียงเท่านั้น แต่การเลือกขนาดที่นั่ง หรือเบาะส่วนที่เป็นที่นั่งให้พอดีกับตัวเด็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป จะช่วยป้องกันการเกิดอันตรายตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปถึงการดูแลความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับแรงกระแทกที่แรงร่วมด้วย
คาร์ซีทแบบเบาะรอง (Booster Seats)
เป็นรูปแบบที่เราอาจจะดูแล้ว ผิดไปจากรูปแบบที่นั่งเด็กใน 2 รูปแบบแรกคือ มีเพียงแค่เบาะรองนั่งเพียงอย่างเดียว เหมาะใช้งานกับเด็กที่อายุ 4-12 ปี แต่ถ้าจะให้ดีควรเน้นให้เด็กมีอายุโตขึ้นในช่วงวัย7 ปีขึ้นไป ด้วยความที่การออกแบบ มีเพียงเบาะที่นั่งกั้นเท่านั้น ส่วนด้านหลังไม่มีพนักพิงเฉพาะของที่นั่งเด็ก ทำให้เด็กไม่มีส่วนที่สามารถพิงด้านบนตั้งแต่ศีรษะ, ลำคอ และลงมาถึงช่วงกลางลำตัว หรือด้านหลังได้เหมือนแบบ Rear Facing และ Forward Facing
การให้เด็กที่มีอายุ 4-12 ปี หรือส่วนสูง 140 เซนติเมตรใช้รถนั่งเด็กในรูปแบบนี้ไปก่อน เพราะส่วนสูงช่วงลำตัวของเด็ก ยังไม่เทียบเท่าที่พอจะใช้เข็มขัดนิรภัยภายในตัวรถยนต์ได้อย่างพอดี การใช้ Booster Seats จะช่วยให้การรัดเข็มขัดนิรภัยกระชับ และป้องกันความปลอดภัยให้กับเด็กได้มากกว่า รวมถึงในรูปแบบที่นั่งเด็กเบาะรองนี้นั้น ควรใช้กับการเดินทางระยะใกล้ๆ เท่านั้น เพราะเด็กอาจเกิดอาการเมื่อยตัวหากต้องนั่งไปนานๆ หลายชั่วโมง
คาร์ซีทแบบผสมผสานสำหรับเด็กโต (Forward Facing and Combination Seats)
ตามความหมายของชื่อที่เรียก Forward Facing and Combination Seats ซึ่งมีความคล้ายกับคาร์ซีทในรูปแบบของ Forward Facing ที่เน้นในการใช้งานกับเด็กที่อายุ 2-7 ปี แตกต่างกันตรงที่โครงสร้าง, ขนาดและรูปแบบที่มีความกว้างและใหญ่กว่า รูปแบบนี้เหมาะกับเด็กที่อายุ 4-12 เหมือนกับแบบ Booster Seats แต่ให้ความสบายในการนั่งกับเด็กได้มากกว่า รวมถึงมีพนักพิงด้านหลัง, มีส่วนโครงสร้างที่ออกแบบให้ครอบคลุม และโอบส่วนศีรษะของเด็ก
นอกเหนือจากตัวรถนั่งเด็กนี้ จะมีสายเข็มขัดนิรภัยของตัวเองแล้วนั้น ที่สามารถรัดกระชับมากกว่า ใช้เข็มขัดนิรภัยที่มากับตัวรถยนต์ เด็กสามารถที่จะนอนหลับไปพร้อมกับการเดินทางระยะไกลๆ ได้อย่างสบาย ไอเท็มรถนั่งเด็กนี้มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า คอกกั้นเด็ก , ที่กั้นบันได , เครื่องอุ่นนม , ที่คว่ำขวดนม , ที่ดูดน้ำมูกทารก , น้ำยาล้างขวดนม , แปรงล้างขวดนม , จุกนมหลอก , ผ้าคลุมให้นม , นมผง ที่ขาดไม่ได้สำหรับทารกแรกเกิด
คุณสมบัติพิเศษของคาร์ซีท
เข็มขัดนิรภัยคาร์ซีท
สาเหตุหนึ่งที่มีการออกแบบรถนั่งเด็ก ที่ใช้งานภายในรถยนต์ก็คือ สายเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ไม่เหมาะกับรูปทรง และขนาดตัวของเด็ก ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างแท้จริง และรวมถึงกฎหมายระบุไว้ สำหรับการใช้คาร์ซีทเพื่อความปลอดภัย เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2565 ที่ผ่านมานี้ คือ การกำหนดให้เด็กที่มีอายุไม่ถึงหรือน้อยกว่า 6 ปี หรือมีความสูงไม่ถึง 135 เซนติเมตรนั้น ต้องมีที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
ซึ่งกฎหมายนี้หากมีการฝ่าฝืน จะโดนปรับเป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท แต่มากกว่านั้น สิ่งที่สำคัญอาจไม่ใช่การฝ่าฝืน หรือโดนปรับในจำนวนเงินตามที่กำหนดไว้ แต่เป็นชีวิตลูกของเราเอง ที่ไม่สามารถเทียบมูลค่าใดๆ ได้ หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ซึ่งการมีอุปกรณ์อย่าง Car Seat ที่เราสามารถมั่นใจในความแน่นหนาและแข็งแรง ดูแลชีวิตลูกของเราจะเป็นการดีที่สุด
ซึ่งถึงแม้ว่าตัวที่นั่งเด็ก หรือ Car Seat จะมีการยึดด้วยเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ไว้แล้ว แต่ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือ เข็มขัดนิรภัยส่วนของที่นั่งเด็ก ที่มีการทำออกมาเพื่อให้ตัวเด็กแนบกระชับกับเบาะที่นั่ง และไม่เอียงไปมาในขณะที่รถแล่นอยู่ อีกทั้งตัวเข็มขัดที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี สำหรับรถนั่งเด็กนี้นั้น ยังมีความหนานุ่ม ไม่สร้างความอึดอัด หรือทำให้เด็กเจ็บเมื่อต้องคาดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
การรองรับสรีระ
เราจะเห็นได้อย่างชัดเจน หากเป็นรถนั่งเด็กสำหรับ ทารกแรกเกิด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Rear Facing หรือ Forward Facing ที่เรามักจะเห็นการเลือกนำมาใช้กันมากนั้น เหมาะกับช่วงวัยระหว่าง 0-2 ปีนั้น จะมีโครงสร้างและการออกแบบที่รัดกุมทุกส่วนของร่างกาย ตั้งแต่ช่วงบนที่สำคัญที่สุดคือ ศีรษะ, คอ, หน้าอก และกระดูกสันหลัง ซึ่งความปลอดภัยที่เด็กจะได้รับนั้น เป็นการทำงานร่วมกันทั้งเข็มขัดนิรภัย, โครงสร้างของคาร์ซีท และตัวเบาะนั่งที่กระชับตัวเด็ก
ซึ่งเป็นสิ่งที่เน้นย้ำในเรื่องการพิจารณาเลือก คือนอกจากจะดูในเรื่องของมาตรฐานความปลอดภัยที่รองรับจากทางยุโรป อย่างการระบุ ECE R44/04 ที่ถือว่าเป็นที่นั่งเด็ก สามารถป้องกันเด็กได้ในการเกิดอุบัติเหตุ สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การเลือกที่นั่งหรือตัวเบาะและโครงสร้าง Car Seat ที่ต้องพอดีกับตัวเด็กในวัยนั้นๆ เราไม่สามารถซื้อเผื่อในวัยที่เด็กโตขึ้นได้ เพราะเบาะนั่งที่กระชับกับตัวเด็กเท่านั้น ที่จะทำงานได้ดีไปพร้อมกับเข็มชัดนิรภัยที่มากพร้อมกับตัวที่นั่ง
การใช้งานยืดหยุ่น
คาร์ซีทแบบหมุนได้
รูปแบบหมุนได้นี้มีทั้งแบบที่เป็น Rear Facing และแบบที่เป็น Forward Facing ซึ่งเน้นในเรื่องการใช้งานที่ให้ความสะดวกสบายกับคุณพ่อ คุณแม่มากขึ้น ในการใกล้ชิด และดูแลลูกในขณะที่เดินทางได้ตลอดเวลา เพราะเชื่อว่าจะมีหลายคนที่ห่วงลูก ในรูปแบบของ Rear Facing ที่เราไม่สามารถมองเห็นหน้าลูกได้
ในแบบที่หมุนได้นี้ เราสามารถที่จะหมุนที่นั่งลูกมาในทิศทางไหนก็ได้ หรือแบบ 360 องศา ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการป้อนนม, การหันมาเล่นกับลูก, การมองเห็นหน้าลูกตลอดเส้นทางการเดินทางบนรถ และรวมถึงเด็กหลายคนก็ติดพ่อกับแม่ ที่หากเป็นการเดินทางหลายชั่วโมง การไม่ได้เห็นหน้าพ่อแม่ ก็อาจจะทำให้เกิดการร้องไห้ตลอดทางขึ้นได้ รวมถึงการอุ้มเด็กออกมาจากรถก็ทำได้ง่ายกว่า รูปแบบที่ไม่สามารถหมุนได้
คาร์ซีทแบบปรับเอนนอนได้
รูปแบบการทำงานของรถนั่งเด็ก ที่ใช้งานในรถยนต์นั้น ในรูปแบบที่ปรับเอนนอนได้ ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการหมุนได้พร้อมกัน ทำให้ไม่เพียงแต่การหมุนได้รอบ 360 องศาเท่านั้น การปรับเอนนอนได้มากถึง 170 องศา ทำให้ที่นั่งเด็ก หรือคาร์ซีทในรูปแบบนี้ เหมาะกับการเดินทางไกล เพราะด้วยการออกแบบการใช้งาน และเบาะรองนั่งและใช้เป็นเบาะรองนอนได้ไปพร้อมกันนี้นั้น จะช่วยให้ทารกแรกเกิดไม่เกิดความเหนื่อย ในระหว่างการเดินทางเลย
คาร์ซีทแบบกระเช้าเคลื่อนย้ายง่าย
หรือเราสามารถเห็นได้ชัดเจนว่า เป็นรูปแบบที่มีคุณสมบัติในการหิ้วเคลื่อนย้ายได้ง่าย ที่มีความคล้ายกับกระเช้า, มีน้ำหนักที่เบากว่าทุกรูปแบบ อีกทั้งยังมีสายคาดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะตัวที่นั่ง ที่เป็นการออกแบบสายคาดด้านซ้ายและด้านขวา การติดตั้งจะเป็นการวางตัวเบาะกระเช้าในรูปแบบของ Rear Facing หรือการหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์เท่านั้น เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยให้กับทารกแรกเกิด หรือช่วงวัยไม่เกิน 18 เดือน
ฟังก์ชั่นการออกแบบเสริมของคาร์ซีท
นอกจากการออกแบบในส่วนของตัวเบาะนั่ง ที่เน้นให้เกิดความสบายกับเด็กมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการหมุนเบาะได้, การปรับเบาะให้สามารถเอนนอนได้, การออกแบบให้มีรูปทรง ที่สามารถเคลื่อนย้าย และหิ้วได้ง่ายในแบบกระเช้า และยังรวมถึงฟังก์ชั่นการออกแบบเสริมต่างๆ ด้านล่างคือ
- ที่พักเท้า
- ส่วนวางขาค้ำยัน
- เข็มขัดนิรภัยมีความหนานุ่ม และตัวล็อคที่แน่นหนา
การทำความสะอาด
หากเป็นการออกแบบ ที่เราสามารถถอดแยกชิ้นส่วนของคาร์ซีทซักได้ อย่างเช่น ส่วนของพนักพิง หรือเบาะที่เป็นเส้นใยผ้าตาข่าย ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการทำความสะอาดได้มากขึ้น นอกเหนือจากการติดตั้งง่ายแล้ว ถือว่าเป็นเครื่องใช้สำหรับเด็ก ที่เน้นในเรื่องประโยชน์ใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม
วิธีติดตั้งคาร์ซีท
การติดตั้งรถนั่งเด็กไม่ได้ขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพียงแต่หลังจากที่เราติดตั้งเรียบร้อยแล้วนั้น ควรที่จะมีการตรวจเช็คดอีกรอบ ถึงความแน่นหนาของตัวเบาะและสายเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์ ว่ามีการเข้าล็อคกับเรียบร้อย และสายเข็มขัดนิรภัยตึงและกระชับหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ตลอดการเดินทาง เราจะไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกที่อยู่ด้านหลังเบาะ
คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์
หากครอบครัวมีลูกที่ยังอายุน้อยอยู่ หรืออยู่ในช่วงวัย 0-2 ปี การเลือกที่จะติดตั้งที่นั่งเด็ก ในรูปแบบของ Rear Facing นั้นจะเป็นสิ่งที่ดีและปลอดภัยกับตัวเด็กมากที่สุด ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่สามารถมองเห็นหน้าของลูกเราได้ก็ตาม ซึ่งการวางติดตั้งในรูปแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถนี้นั้น จะช่วยป้องกันและดูแลความปลอดภัยให้กับอวัยวะทุกส่วนของเด็ก
- วางรถนั่งเด็กหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์
- การเลือกตำแหน่งในการวาง ควรเน้นไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา
- ดึงเข็มขัดนิรภัยรถยนต์ให้สุด และสอดเข้าช่องด้านหลังคาร์ซีท
- เสียบล็อกตัวเข็มขัดนิรภัยให้เข้าล็อคแน่น
- โครงสร้างด้านหลังรถนั่งเด็ก จะมีตัวล็อค ใช้ล็อคหรือหนีบเข็มขัดนิรภัยของรถ
- เช็คล็อคทั้งตัวเข็มขัดนิรภัยรถ และล็อคส่วนของรถนั่งเด็กกับเข็มขัดตัวรถ
- เน้นให้เข็มขัดนิรภัยมีความตึงของสาย และความกระชับของที่นั่งเด็ก ไม่เอียงไปมาง่าย
หากเป็นทารกแรกเกิด จนถึงเด็กในวัยไม่เกิน 18 เดือนแนะนำให้มีการติดตั้งที่นั่งเด็ก ในรูปแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ จะเป็นการปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะควรเน้นการวางที่เบาะหลังเท่านั้น หากไม่มีความจำเป็นใดๆ อย่างเช่น รถไม่มีเบาะหลัง หรือเป็นรถปิกอัพ เพราะในกรณีการติดตั้งที่นั่งคาร์ซีทไว้เบาะด้านหน้า หรือด้านข้างคนขับนั้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ เว้นการใช้ถุงลมนิรภัย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น ถุงลมนิรภัย อาจมีการกระแทกตัวเด็กได้
คาร์ซีทแบบหันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถยนต์
ในรูปแบบการติดตั้งแบบ หันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถนั้น ควรที่จะให้เด็กโตขึ้นในวัย 2-7 ปีก่อน หรือมีอายุที่มากกว่า 18 เดือน เพราะหากเป็นเด็กเล็ก หรือทารกแรกเกิด จะยังมีการทรงตัวไม่แข็งแรงดีพอ โดยเฉพาะหากรถมีการเอียงซ้ายขวา หรือการเข้าโค้งมากๆ ซึ่งการเลือกวางที่นั่งเด็กนั้น เหมือนในแบบแรกคือ เน้นในการวางไปทางด้านซ้ายหรือขวา ไม่ควรวางตรงกลางเบาะหลัง ซึ่งจะทำให้ตัว Car Seat ไม่มั่นคงและแข็งแรงพอ
- เลือกตำแหน่งและวางเบาะที่นั่งเด็ก ในทิศทางหันหน้าออกด้านหน้าเบาะรถ
- ดึงสายเข็มขัดนิรภัยตัวรถให้สุด
- สอดเข็มขัดนิรภัยเข้าช่องด้านหลังของ ที่นั่งเด็กและเสียบล็อคเข็มขัดนิรภัย
- ด้านหลังที่นั่งเด็ก จะมีส่วนที่เป็นตัวล็อค ให้หนีบล็อคเข็มขัดนิรภัย
- ดึงเข็มขัดนิรภัยของรถ ที่มีการล็อค 2 ส่วน ให้ตึงและกระชับกับตัวที่นั่งเด็ก
ในบางรุ่นของรถนั่งเด็ก จะเป็นการดึงเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ สอดล็อคเข้ากับด้านข้างของรถนั่งเด็กก่อน จากนั้นค่อยสอดเข็มขัดนิรภัยเข้าด้านหลังโครงของคาร์ซีท แล้วจึงค่อยเสียบล็อคเข็มขัดนิรภัยของรถ ซึ่งหากเป็นแบบที่สามารถปรับเอนนอน หรือปรับหมุนนั้น จะมีปุ่มด้านหน้าของเบาะ และปุ่มด้านข้างเบาะ
วิธีนั่งคาร์ซีทที่ถูกต้อง
หล้กใหญ่ๆ คือ หากเป็นทารกแรกเกิด หรืออายุในวัย 0-2 ปี หรือ ไม่เกิน 18 เดือนนั้น จำเป็นที่จะต้องจัดวางรถนั่งเด็ก ให้อยู่ในรูปแบบของการหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์เท่านั้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันทั้งการกระแทก และการเกิดอันตรายให้กับตัวเด็ก และยังเป็นรูปแบบที่ช่วยป้องกันอวัยวะทุกส่วนของร่างกายเด็ก ได้ดีที่สุดอีกด้วย
1.หากเป็นกรณีเด็กเล็ก หรือทารกแรกเกิดนั้น ควรหาผ้าขนหนู มาห่อตัวเพื่อให้เกิดความรู้สึกอบอุ่น และกระชับตัวในเวลาที่นั่งบนเบาะคาร์ซีท
2.หากเป็นเด็กที่ยังอยู่ในวัยไม่เกิน 5 เดือนนั้น เน้นการปรับเบาะให้นอน เพื่อให้เคลิ้มและหลับได้ง่าย ไม่ควรปรับให้เป็นท่านั่งนานๆ ซึ่งจะทำให้เกิดการกดทับช่วงเชิงกราน หรือสะโพกได้
3.ส่วนใหญ่แล้วในทุกที่นั่งเด็กนั้น จะมีที่พักขาให้ ควรวางขาเด็กให้ตรงกับตำแหน่งที่พักขา ซึ่งนั่นจะเป็นตำแหน่งวางขาที่ทำให้เด็ก มีความสบายมากที่สุด
4.เมื่อยึดตัวคาร์ซีทไว้กับเบาะรถยนต์ และเข็มขัดนิรภัยของตัวรถเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมที่จะรัดเข็มขัดนิรภัยส่วนของรถนั่งเด็ก ซึ่งนอกจากจะเป็นการป้องกันอันตรายให้กับเด็กแล้ว ยังเป็นการช่วยให้เด็กเกิดความมั่นคงในการนั่งบนเบาะมากขึ้น ไม่เอียงซ้ายขวา ในเวลาที่รถเข้าโค้งเลี้ยว
5.การนั่งรถนั่งเด็กตามข้างต้นนั้น อาจจะไม่ได้ง่ายในช่วงแรกที่ต้องฝึกเด็ก หรืออาจจะไม่สบายเท่ากับการที่คุณแม่กอดให้ลูกนอนในอ้อมแขน ซึ่งช่วงแรกๆ คุณแม่อาจจะต้องนั่งที่เบาะด้านหลังเป็นเพื่อนลูกไปก่อน เพื่อให้ลูกได้ชินกับรถนั่งเด็กไปสักช่วงเวลาหนึ่ง
คาร์ซีทมีกี่แบบ แบบไหนดี ตอบจบในคลิปเดียว
สรุป
จากทั้งหมดนี้เราจะได้เห็น ประโยชน์ภาพรวมทั้งหมดของเครื่องใช้เด็กที่เรียกว่า คาร์ซีท ที่นอกจากจะมีทั้งคุณสมบัติการใช้งานที่ครอบคลุม และเน้นในเรื่องการดูแลป้องกันความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับการเดินทางแล้วนั้น ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือ การติดตั้งรถนั่งเด็กในรูปแบบที่เหมาะกับช่วงวัยของเด็กร่วมด้วย อย่างเช่น หากเป็นทารกแรกเกิด หรือเด็กในวัยที่ยังไม่เกิน 2 ขวบ ควรที่จะวางที่นั่งเด็กให้หันหน้าเข้าด้านในเบาะ
รวมถึงในวันนี้มีการกำหนดทางกฎหมาย โดยหากมีเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี ที่ร่วมการเดินทางภายในรถยนต์ ควรที่จะมีการใช้คาร์ซีทร่วมด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย ซึ่งสำหรับที่นั่งเด็ก Car Seat ที่มีการเลือกไว้อย่างดี มีหลากหลายยี่ห้อ และมีการติดตั้งที่ไม่ยุ่งยาก รวมถึงมีหลายรูปแบบการใช้งาน เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานของเด็กแต่ละวัย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
คาร์ซีท Fico
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -36 กิโลกรัม
-ติดตั้งได้ทั้ง Isofix หรือ สายคาดเบลท์
-น้ำหนักสินค้า 8.5 กิโลกรัม สามารถหมุนได้ 360 องศา
คาร์ซีท Nuebabe รุ่น NEW BORN
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -18 กิโลกรัม
-เบาะนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น
-สามารถถอดซักทำความสะอาดได้
-สามารถปรับระดับได้ถึง 4 ระดับ
คาร์ซีท Chicco
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 -29.5 กิโลกรัม
-ปรับความสูงของพนังศีรษะได้ถึง 9 ระดับ
-สามารถนั่งได้ 2 รูปแบบ หันหน้าเข้าและหันหน้าออก
คาร์ซีท APRAMO รุ่น UNIQUE
-น้ำหนักสินค้า 13 กิโลกรัม
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 – 36 กิโลกรัม
-สามารถหมุนได้ 360 องศา
-ปรับเอนนอนได้ถึง 4 ระดับ
คาร์ซีท Recar
-น้ำหนักสินค้า 8 กิโลกรัม
-ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
-พนังผิงศีรษะสามรถปรับได้ 3 ระดับ
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 36 กิโลกรัม
คาร์ซีท COZY N SAFE
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 0 – 36 กิโลกรัม
-สามารถปรับเอนนอนได้ 4 ระดับ
-ป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto 6I Premium
-น้ำหนักสินค้า 17 กิโลกรัม
-เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี
-มีหลังคาป้องกันแสงแดด
-มีระบบ Auto Lock Isofix
คาร์ซีท Prince&Princess รุ่น DUCLE Organic ll
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 25 กิโลกรัม
-วัสดุเนื้อผ้าฝ้าย สัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว
-ติดตั้งง่าย 2 ระะบบ Isofix กับ Belt
-มีโครงสร้างหนาพิเศษ ปลอดภัย
คาร์ซีท Renolux รุ่น Renofix
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 9 – 25 กิโลกรัม
-ผ้าคลุมสามารถถอดซักทำความสะอาดได้
-สามารถปรับระดับความสูงได้ถึง 15 ซม.
-เบาะนิ่มพิเศษ นั่งสบาย
คาร์ซีท Aprica รุ่น Fladea Grow Isofix 360
-รองรับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 2.5 – 18 กิโลกรัม
-มีระบบป้องกันแรกกระแทกจากด้านข้าง
-สามารถหมุนได้ 360 องศา แล้วล็อกได้ 4 ทิศทาง