เตียง 2 ชั้น แบบไหนดี 2024 มีสไตล์ ราคาถูกสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

เตียง 2 ชั้น คืออะไร

คือ รูปแบบของเตียงที่เน้นในการประหยัดพื้นที่ มีชั้นล่างและชั้นบน มีขอบกั้นกันตกด้านข้างสำหรับชั้นบน สังคมชาวตะวันตกนั้น มักจะเห็นเตียงในรูปแบบนี้ ทั้งในเรือ, ในค่ายทหาร หรือในพื้นที่ๆ มีเนื้อที่แคบ

อย่างเช่น หอพัก หรือโรงแรมขนาดเล็ก อย่าง Hostel เป็นต้น ซึ่งจะมีบันไดพาดขึ้นเตียงชั้นบน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ ผู้ที่นอนชั้นบน ส่วนชั้นล่างไม่มีที่กั้นด้านข้าง

ความแตกต่างระหว่างเตียง 2 ชั้น (Bunk Bed) และ เตียงยกสูง (Loft Bed)

เตียง 2 ชั้น (Bunk Bed)

สิ่งที่สังเกตได้เด่นชัดคือ ที่นอนที่มีทั้งชั้นล่าง และชั้นบน มีโครงไว้สำหรับในการวางที่นอน, มีที่กั้นด้านข้างสำหรับเตียงชั้นบน และมีบันไดสำหรับการปีนขึ้นบนเตียงชั้น 2 เป็นพื้นที่ๆ มีไว้สำหรับนอนเพียงเท่านั้น

เตียงยกสูง (Loft Bed)

ส่วนของชั้นบน จะเป็นโครงเตียงเหมือนรูปแบบ เตียง 2 ชั้น มีที่วางที่นอนมาตรฐาน, มีที่กั้นกันตกด้านข้าง และโครงบันไดสำหรับการปีนขึ้นไปนอน ส่วนด้านล่าง หรือชั้นล่างนั้นจะเป็นพื้นที่ว่าง สำหรับในการวาง เก้าอี้พับนอน , โต๊ะทำงาน โต๊ะอ่านหนังสือ, วางโซฟา หรือใช้เป็นที่นั่งในการอ่านหนังสือได้ ซึ่งชั้นล่างจะมีพื้นที่ๆ เน้นไปทางสูง สำหรับการวางเฟอร์นิเจอร์ เพื่อประโยชน์ในการใช้งาน และประหยัดพื้นที่ร่วมด้วย

ส่วนการพิจารณาจะเลือกซื้อ และสามารถนำมาใช้งานได้จริงนั้น โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ ควรเน้นให้เด็กนอนที่เตียงชั้นล่าง ที่เป็นเตียง 2 ชั้นจะเป็นสิ่งที่เหมาะสม และปลอดภัยกับเด็กมากที่สุด และเมื่อเด็กโตเป็นวัยรุ่นแล้ว เตียงยกสูง จะเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับช่วงวัยรุ่น ที่เด็กต้องการพื้นที่ส่วนตัว หรือความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ประเภทของเตียง 2 ชั้น

1.ประเภทมาตรฐาน (Standard Bunk Bed)

เป็นรูปแบบเตียง 2 ชั้นที่เราคุ้นชินตากันอยู่ คือแบบที่มีโครงเตียง 2 ชั้นไว้สำหรับวาง ที่นอนสปริง , ที่นอน 3.5 ฟุต , ที่นอนยางพารา , ที่นอนเป่าลม พร้อมด้วย ผ้าปูที่นอน , ชุดเครื่องนอน , หมอนขนเป็ด , หมอนขนห่าน ทั้งชั้นล่าง และ ชั้นบน มีบันไดพาดขึ้นไปชั้นบน ซึ่งหากเป็นทางยุโรป หรือคนในแถบตะวันตกนั้น จะมองว่าเตียงในรูปแบบนี้ มีพื้นที่ในการใช้นอนที่แคบ หากเป็นขนาดของเตียง 3.5 ฟุต  จึงนิยมใช้ขนาด 5 ฟุต หรือ Twin Size มากกว่า

2.ประเภทบิ้วท์ อิน (Built In Bunk Bed)

เตียงในรูปแบบ 2 ชั้นลักษณะนี้ จะมีความลงตัว ของการคำนวณ และดูพื้นที่ไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว มีการสร้างเป็นรูปแบบ และใช้พื้นที่ได้อย่างพอดีกับพื้นที่ว่างนั้นๆ คล้ายกับการออกแบบห้องครัว หรือห้องนั่งเล่นแบบ Built In

ดังนั้นสิ่งที่เป็นเสน่ห์สะดุดตา ของเตียงประเภทนี้ก็คือ ความลงตัว และความหลากหลายของขนาดเตียง มีการใช้งานได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ หรือขนาดของเตียงไม่ว่าจะเป็น 3.5 ฟุต หรือ 5 ฟุตก็ตาม

คุณสมบัติของเตียงในรูปแบบ 2 ชั้นประเภทนี้ จึงเหมือนเป็นการสร้างมา เพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้งานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือเด็ก รวมถึงสามารถสร้างเป็นเตียงที่มี 2 ชั้นได้แบบติดๆ กัน อย่างเช่น มีการบิ้วท์อิน เตียง 2 ชั้น ทั้งด้านซ้าย และด้านขวา โดยเว้นพื้นที่ตรงกลาง เป็นทางขึ้นบันได และเชื่อมต่อไปที่ประตูออกนอกห้อง เป็นต้น

3.ลิ้นชัก (Trundle Bunk Bed)

การออกแบบให้มีการใช้งานมากกว่า เตียงที่มี 2 ชั้นทั่วๆ ไป โดยคงรูปแบบที่เป็นโครงเตียง ที่มีชั้นบน และชั้นล่างเหมือนเดิม เพียงแต่เตียงในส่วนชั้นล่างนั้น มีเพิ่มฟังค์ชั่นในการออกแบบ ให้มีลิ้นชักเลื่อน หรือดึงออกมาได้อีก หรือหากไม่ใช้งาน ก็สามารถที่จะดึงเก็บเข้าไป ให้เหมือนเป็นเตียงที่มี 2 ชั้น ในประเภทมาตรฐาน

ซี่งเราจะเห็นว่า รูปแบบนี้มีการแตกไลน์ออกมาเป็น เตียงเดี่ยวที่เพิ่มการใช้งาน ให้มีลิ้นชักดึงออกมาจากเตียง เพื่อประโยชน์ในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเก็บของใช้, ตุ๊กตา หรือเอกสารสำคัญต่างๆ

เน้นการประหยัดพื้นที่ได้อีกด้วย ซึ่งประเภทเตียงลักษณะนี้ ก็เหมาะที่จะใช้งานได้ทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก รวมถึงยังสามารถเพิ่มการใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ด้วยลิ้นชักที่เลื่อนออกมาเป็นเตียงได้เพิ่มขึ้นอีก

4.ประเภทจินตนาการ (Novelty Bunk Bed)

คำจำกัดความของประเภทเตียงในรูปแบบนี้นั้น จะเป็นการฉีกแนวทั้งในเรื่องของ การที่เตียงชั้นล่าง จะต้องวางให้ได้จุดศูนย์กลางของเตียงด้านบน หรืออีกความหมายคือ ทั้งเตียงชั้นบน และเตียงชั้นล่างนั้น จะต้องตรงกันพอดี

แต่ในรูปแบบของ Novelty นั้น เตียงชั้นล่างจะเหลื่อมออกมาจากเตียงชั้นบน อีกทั้งวัสดุที่เคยเป็นโครงเหล็ก ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไม้ธรรมชาติแทน เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทพนิยาย ตรงกับความหมายของประเภทเตียงในลักษณะนี้

5.ประเภทบ้านต้นไม้ (Treehouse Bunk Bed)

เป็นการถอดแบบให้เหมือนกับบ้านต้นไม้ แต่ด้วยความที่ธีม, แนวคิด และรูปแบบเน้นในทางให้เด็กได้ใช้มากกว่า รวมถึงเน้นในเรื่องความปลอดภัย ที่ไม่ต้องการให้โครงเตียงมีความสูงมาก สิ่งที่แตกต่างไปจากเตียง 2 ชั้นประเภทมาตรฐานนั้นคือ เตียงชั้นล่างที่ติดกับพื้น แต่ยังคงมีบันไดพาดไปที่เตียงชั้นบน

สิ่งที่เน้นเป็นพิเศษ สำหรับประเภทเตียงรูปแบบนี้คือ การสร้างให้มีความสูงน้อยที่สุด โดยนับจากเตียงชั้นบน ชั้นบนมีการตกแต่งเป็นรูปแบบบ้านบนต้นไม้ มีหลังคา มีแผ่นไม้กั้นด้านข้าง อีกนัยหนึ่งคือ ประโยชน์เพื่อกันตกด้านข้าง รวมถึงมีการเจาะหน้าต่างที่เตียงชั้นบน เพื่อให้เด็กที่นอนชั้นบน มองลงมาทักทายกับเด็กที่นอนชั้นล่าง

ประโยชน์ของเตียง 2 ชั้น

1.ประหยัดพื้นที่

ถือว่าเป็นคุณสมบัติของเตียงรูปแบบนี้ อันดับแรกเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราอาจจะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น หรือทางฝั่งยุโรป ที่มีโรงแรมไม่ว่าจะเป็นแบบHostel หรือ Capsule Hotel จะมีเตียงในรูปแบบนี้

เพื่อเน้นในเรื่องการใช้สอยพื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุด อย่างที่เรารู้กันว่า ไม่ว่าจะเป็นที่ในการสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประเทศญี่ปุ่น หรือในบ้านเราที่อยู่ใจกลางตัวเมือง หรืออยู่ในย่านธุรกิจนั้น พื้นที่ในแต่ละตารางเมตรมีค่าเป็นหลักหมื่นขึ้นไป

ซึ่งหากมองถึงในเรื่องการใช้งานนั้น มีการรองรับการใช้งานได้ดีทีเดียว เพราะมีทั้งขนาดที่รองรับในเรื่องของที่นอนทั้ง3.5 ฟุต และ 5 ฟุต รวมถึงเหมาะ และเป็นที่ชื่นชอบทั้งผู้ใหญ่ และเด็กสำหรับการใช้งานจริงร่วมด้วย มากกว่านั้นเราจะเห็นประโยชน์ได้อย่างชัดเจนที่เดียว กับบ้านที่มีเด็กมากกว่า 2 คนที่ในความจริงแล้ว ต้องเสียพื้นที่ในการวางเตียงถึง 4 เตียงเดี่ยว แต่หากเป็นเตียง2 ชั้น เราใช้พื้นที่เท่ากับ เตียงเดี่ยวแค่ 2 เตียงเท่านั้นเอง

2.ความเป็นส่วนตัวสูง

ไม่ว่าจะเป็นเตียงที่อยู่ชั้นล่าง หรือชั้นบนก็ตาม ด้วยความที่มีโครงเตียงกั้นตกด้านบน และเตียงด้านล่างก็มีการปิดด้านบนจากเตียงชั้น 2 จึงทำให้เด็ก หรือผู้ใหญ่แต่ละคนที่นอน ถึงแม้จะต่างชั้นกัน แต่กลับได้ความเป็นส่วนตัว หรือมุมส่วนตัว

อีกทั้งเตียงในบางแบบ อย่างเช่น รูปแบบเตียงต้นไม้ หรือ Treehouse Bunk Bed และเตียงในแบบบิ้วท์ อิน จะมีการออกแบบทั้งมีหลังคา และมีการสร้างให้ติดผนัง เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนเป็น Safe Zone ไปในตัวอีกด้วย

3.ประหยัดค่าใช้จ่าย

ซึ่งมีความหมายในแบบเดียวกับ ประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดพื้นที่ แต่เป็นเรื่องของตัวเงิน ที่หากบ้านที่มีสมาชิกในครอบครัวจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ หรือเด็กก็ตาม เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อเตียงเดี่ยว ให้ครบตามจำนวนสมาชิก แต่หากเป็นเตียงที่มี 2 ชั้นนั้น ราคาที่ซื้อครอบคลุมสำหรับ 2 คนนอนได้

อีกทั้งในแบบบิ้วท์ อิน ที่มีการออกแบบทั้งพื้นที่ และขนาดของเตียงได้อย่างพอดี และเหมาะสมนั้น นอกจากจะประหยัดในเรื่องตัวเงินแล้ว ยังได้เตียงนอนที่เป็น uniqle ทั้งขนาด และรูปแบบที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย

4.มีความยืดหยุ่น

โดยเฉพาะสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ที่มีความขี้เบื่อ ไม่ชอบที่จะนอนที่ไหนนานๆ หรือชอบเปลี่ยนที่นอนตลอด เราสามารถที่จะยืดหยุ่น ในการแลกเปลี่ยนที่นอนกันได้ ระหว่างชั้นบน และชั้นล่าง

หรือในกรณีที่เป็นการสร้างเตียงในแบบ บิ้วท์ อิน นั้น โดยที่ไม่ได้สร้างเพียงแค่ เตียง 2 ชั้นที่เดียว แต่ออกแบบสร้างหลายจุด ที่อยู่ใกล้กัน และเชื่อมต่อถึงกันได้ อย่างเช่น การรองรับกลุ่มเพื่อนฝูง ที่จะมาค้างคืนหลังจบงานปาร์ตี้กันแล้ว หรือ การที่พ่ออยากที่จะนอนคุยกับลูกสาว ก็สามารถทำได้

5.เพิ่มสีสันให้ชีวิต

ด้วยความที่รูปแบบการสร้างเตียงในลักษณะที่มี 2 ชั้นนี้ นอกจากประเภทที่เป็นมาตรฐาน ที่เรามักจะเห็นกันจนคุ้นตาอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกหลายรูปแบบที่ออกแบบ รวมถึงเน้นทั้งประโยชน์ใช้สอย ร่วมกับความสวยงาม และไอเดียที่สร้างสรรค์ด้วย อย่างเช่น การสร้างให้เหมือนเป็นบ้าน มีหลังคา เหมาะกับเด็กๆ ที่จะเข้าไปอยู่ และมีมุมส่วนตัวในช่วงเวลาเข้านอน

รูปแบบการสร้างที่เน้นในแนวผู้ใหญ่ ทั้งในแบบที่เป็นโครงเหล็กเรียบๆ  หรือการมีบันไดขึ้นเตียงชั้นบน ที่วางตัวบันไดอยู่ด้านหน้าเตียง โดยที่ไม่ใช่บันไดโครงเหล็กแบบพาด แต่ตัวบันไดเป็นวัสดุที่ทำจากไม้ ที่ให้ทั้งความสวยงาม และประโยชน์การใช้สอยที่สะดวกกว่า

ซึ่งในแต่ละชั้นของเตียง เด็กหรือผู้ใหญ่สามารถที่จะออกแบบความชอบ โดยการติดดาวสะท้อนแสงด้านบนเพดาน หรือติดสติ๊กเกอร์ในแบบของตัวเองได้

สิ่งที่ต้องระวังในการใช้เตียง 2 ชั้น

1.หากเป็นเด็กที่อายุไม่ถึง 6 ขวบนั้น ควรเน้นให้เด็กนอนที่เตียงชั้นล่างแทน จนกว่าจะถึงวัยรุ่น หรือ 10 ขวบขึ้นไป จึงจะสามารถที่จะขึ้นไปนอนเตียงชั้นบน

2.ไม่ควรห้อยของตกแต่ง กับตัวที่กั้นกันตกด้านข้าง เพราะอาจจะไปเกี่ยวเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่นอนเตียงชั้นล่างได้

3.ตัวบันไดที่เกี่ยวเพื่อให้คนที่นอนชั้นบน ไต่ลงมานั้น ในระหว่างการไต่ลงมา ไม่ควรมีการเล่นเลื่อน หรือขยับบันไดเล่นกัน

4.เด็กหรือผู้ใหญ่ที่นอนชั้นบนนั้น ไม่ควรห้อยหัวลงมาเกินครึ่งตัว เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด และเอื้อมมือจับราวกั้นไม่ทัน

5.มีเด็กหลายคน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ตาม เคยชินกับการลงบันได จนรู้สึกว่าเตียงชั้นบน ไม่ได้มีความสูงเท่าไหร่ อาจจะมีการลองกระโดดลงมา โดยที่ไม่ใช้บันได ซี่งตรงนี้มีความอันตรายมาก อาจก่อให้เกิดอันตรายกับร่างกาย หรือกับเท้าได้

การเลือกซื้อเตียง 2 ชั้น

เลือกตามวัสดุ

โดยวัสดุหลักๆ ที่เรามักจะเห็นในการผลิตเตียงรูปแบบ 2 ชั้นนี้ จะมีอยู่หลักๆ เพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้นคือ

วัสดุไม้

หากมองในเรื่องของประโยชน์การใช้งาน มีความคงทนเท่าๆ กับเหล็ก แต่สิ่งที่จะได้จากวัสดุที่เป็นไม้ ในการสร้างเป็นเตียงที่มี 2 ชั้นก็คือ ความคลาสสิก และสามารถใช้ได้ยาวนานแบบไม่ล้าสมัย อีกทั้งวัสดุที่เป็นไม้ ยังมีความปลอดภัย สำหรับเด็กที่จะใช้งานร่วมด้วย เพราะผ่านการชัด, เคลือบตัวไม้เป็นอย่างดี การทำความสะอาดเพียงแค่ การปัดฝุ่น หรือเช็ดฝุ่นออกเพียงเท่านั้น

วัสดุเหล็ก

หากมองถึงการใช้งานนั้น วัสดุที่เป็นเหล็ก หรือไม้มีการใช้งานที่ทนทาน และยาวนานคล้ายกัน แต่ต่างกันที่ว่า เหล็กในระยะเวลาที่ผ่านไป อาจมีการสึกกร่อนในตัวเนื้อเหล็ก ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่า เป็นเหล็กอลูมิเนียม, เหล็กทองแดง หรือเหล็กทองเหลือง

แต่การนำเหล็กธรรมชาติ เพื่อผลิตเป็นโครงเตียงในรูปแบบ 2 ชั้นนี้จะไม่ค่อยพบ เพราะน้ำหนักที่มาก และขึ้นสนิมได้ง่าย

รวมถึงความสวยงามของสีที่ทาเคลือบด้านนอก ก็จะซีดมีสภาพเก่า ที่ไม่เหมือนวัสดุที่เป็นไม้ หากไม่มีการขีดขูด เนื้อไม้ก็จะคงสภาพดูดีเหมือนเดิม และในเรื่องของรองรับน้ำหนัก ในระยะเวลาที่ใช้ไปนานๆ ตัวเหล็กที่เน้นความเบา อย่างเช่น อลูมิเนียมนั้น อาจจะมีสภาพการใช้งานได้ไม่เท่าเดิม

เลือกตามขนาดเตียง

ขนาดที่นอน 3.5 ฟุต

เราอาจจะเรียกเตียงขนาดนี้ว่า เป็นเตียงเดี่ยว หรือ Single Size ก็ได้ แต่ในความจริงมีขนาดที่ใหญ่กว่าเตียงเดี่ยวเล็กน้อย ซี่งเตียงเดี่ยวจะมีขนาดอยู่ที่ 3 ฟุตเพียงเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่า เป็นขนาดที่มีความนิยมนำมาผลิตเป็นลักษณะเตียงที่มี 2 ชั้น ที่ใช้นอนได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย หรือไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็ตาม

ขนาดที่นอน 5 ฟุต

ขนาดเตียง 5 ฟุตมีทั้งแบบที่เป็นสำเร็จรูป หรือหากจะเป็นแบบ บิ้วท์ อิน ก็มีความนิยมทำกันในขนาดนี้เท่าๆ กับขนาด 3.5 ฟุต ซี่งเตียงขนาด 5 ฟุตนี้ เราสามารถเรียกได้อืกชื่อว่า เตียงขนาด Queen Size นั่นเอง

มีพื้นที่ใช้ในการนอนที่กว้างกว่าแบบแรก หรือเรียกอีกชื่อว่า Twin Size ที่สามารถนอนด้วยกัน 2 คนได้ ซี่งก็จะเป็นเรื่องดี สำหรับครอบครัว ที่พ่อหรือแม่อยากที่จะหาเวลาใกล้ชิดกับลูกๆ ในคืนวันศุกร์ที่จะนอนเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน และหลับไปพร้อมๆ กัน

เลือกตามรูปแบบ

แบบมาตรฐาน

ตามการแบ่งตามประเภทที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้ว หรือเรียกว่า Standard Bunk Bed ที่เป็นลักษณะเตียงที่มีที่นอนทั้งด้านบน และด้านล่าง, มีบันไดพาดจากที่นอนชั้นบนลงมา รวมถึงสัญลักษณ์ของเตียงในรูปแบบนี้คือ การมีที่กั้นกันตกด้านข้าง สำหรับเตียงชั้นบน

ออกแบบเอง

เป็นรูปแบบที่น่าจะมีการประหยัดเนื้อที่ได้มากที่สุด เพราะสามารถใช้พื้นที่ได้ประหยัดที่สุด โดยมีการวัดตัวพื้นที่จากสถานที่จริง เพื่อทำเตียงที่ออกมาในลักษณะ 2 ชั้นนี้ โดยส่วนใหญ่แล้ว จะนิยมให้ตัวเตียงชิดไปด้านข้างของห้อง และเหลือพื้นที่กลางห้อง ไว้ทำประโยชน์อย่างอื่น ลักษณะเตียงแบบนี้ เรียกว่า Built In

แบบเน้นไอเดียสร้างสรรค์

จริงๆ รูปแบบนี้หลายคนอาจจะมองว่า เป็นเตียงที่ทำเอาไว้สำหรับเด็กเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้ว ในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชาย หรือผู้หญิง สามารถใช้งานได้ และรูปแบบนี้มักจะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจ และเป็นที่ชื่นชอบทั้งกับผู้ใหญ่ และเด็กอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเตียงประเภทที่ได้แก่

• ประเภทจินตนาการ (Novelty Bunk Bed)
• ประเภทลิ้นชัก (Trundle Bunk Bed)
• ประเภทบ้านต้นไม้ (Treehouse Bunk Bed)

การเลือกซื้อเตียง 2 ชั้น

สรุป

หากในวันนี้ที่เรามีพื้นที่ๆ จำกัดสำหรับที่อยู่อาศัย และต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในห้อง ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด หรือแม้แต่ผู้ที่มีบ้านพักอาศัยก็ตาม การเลือกเตียงในแบบ 2 ชั้น จะช่วยให้เรามีพื้นที่เหลือเพิ่มขึ้น เพื่อนำพื้นที่นั้นในการวางเฟอร์นิเจอร์ หรือตกแต่งเป็นโซนที่สามารถทำประโยชน์อื่นๆ ได้มากมายอีกด้วย

ดูแลบทความโดย ปิยวรรณ

ยุ้ย ปิยวรรณ เป็นนักวิเคราะห์ วิจารณ์ ชำนาญการเรื่องเครื่องนอน ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการนอน  มีประสบการณ์การตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชุดเครื่องนอนยาวนานมากกว่า 10 ปี

• Facebook
• X
• Line