กาแฟอาราบิก้า คือกาแฟอะไร
คือ กาแฟสายพันธุ์ที่ยอดนิยม โดยมีความนิยมปลูกกันทั่วโลกอยู่ที่ 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือจะเหลือจะเป็นจำนวนที่ปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า รวมถึงยังเป็นสายพันธุ์ที่มีผู้นิยมดื่มกันเป็นอย่างมาก กาแฟอาราบิก้าเป็นสายพันธุ์ที่ให้รสชาติกาแฟ ที่นุ่มลึก, ละมุน และมีความกลมกล่อมในตัวเอง รวมถึงยังให้กลิ่นหอมของกาแฟได้อย่างชัดเจนดื่มได้ง่าย สามารถนำไปชงเป็นกาแฟในประเภทต่างๆ ได้หลากหลาย
กาแฟอาราบิก้า กับ โรบัสต้า ต่างกันอย่างไร
พื้นที่เพาะปลูกกาแฟ
สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า
ส่วนของพื้นที่ในการเพาะปลูก สำหรับเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้านี้ จะต้องเป็นพื้นที่ๆ อยู่เหนือน้ำทะเล หรือต้องมีระดับความสูงอยู่ที่มากกว่า 1,000 เมตร หรือหากเป็นในประเทศไทยเองนั้น จังหวัดที่เหมาะในการปลูกได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน และน่าน เป็นต้น เราจึงเห็นว่า กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่มีคุณภาพดี จะมาจากส่วนภาคเหนือสุดของประเทศไทย ที่ให้รสชาติไม่เปรี้ยว และมีคุณภาพชั้นดี
สายพันธุ์โรบัสต้า
พื้นที่ในการเพาะปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้านี้ จะเป็นในทางกลับกันกับเมล็ดกาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้าทีเดียว ซี่งหากเป็นสายพันธุ์นี้ จะเน้นการเพาะปลูกในพื้นที่ไม่จำเป็นต้องสูงมาก หรือสามารถเพาะปลูกในพื้นที่ 200-800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเท่านั้น และด้วยสายพันธุ์เมล็ดกาแฟโรบัสต้า มีความทนทานทั้งต่อสภาพอากาศ และมีภูมิต้านทานต่อโรคสูงกว่า ทำให้จังหวัดทางใต้ของไทย มีการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งนอกจากจังหวัดสุราษฏร์ธานี, ระนอง และชุมพร ยังมีอีกหลายจังหวัดทางภาคใต้ ที่มีการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้ และสามารถส่งออก และแปรรูปเมล็ดกาแฟเป็นหลากหลายรูปแบบทั้ง การคั่วเป็นเมล็ด, การบด หรือการทำในรูปแบบของกาแฟขี้ชะมด เป็นต้น
ลำต้นของกาแฟ
สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า
ด้วยความสูงของต้นกาแฟ สายพันธุ์อาราบิก้านี้ มีความสูงเพียงแค่ 2.5-4.5 เมตรเพียงเท่านั้น และยังให้ผลเมล็ดกาแฟไม่ดกมาก ด้วยเหตุผลนี้ เป็นอีกหนี่งปัจจัยที่ทำให้สายพันธุ์นี้ มีราคาที่แพงกว่าสายพันธุ์โรบัสต้าอีกด้วย และยังถือว่าเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นแบบกาแฟสำเร็จรูป, เมล็ดกาแฟคั่ว และเมล็ดกาแฟคั่วบดแล้ว
ซึ่งหากเป็นกาแฟอาราบิก้านี้ ควรที่จะมีการใช้งานร่วมกับ เครื่องบดกาแฟ , เครื่องชงกาแฟสด , กาดริปกาแฟ , กาแฟดริป รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆ, ส่วนผสมสำหรับกาแฟ และของกินเล่นร่วม อย่างเช่น ขนมปังปี๊บ , น้ำผึ้งแท้ , กาแฟสำเร็จรูป , กาแฟกระป๋อง , ชาซีลอน , กาแฟขี้ชะมด ที่ควรมีติดบ้านไว้ สำหรับมื้อเช้า หรือมื้อว่างระหว่างวัน
สายพันธุ์โรบัสต้า
ลักษณะลำต้นของกาแฟ สายพันธุ์โรบัสต้า เราจะเห็นและสังเกตได้อย่างชัดเจนว่า แตกต่างจากสายพันธุ์อาราบิก้าเป็นอย่างมาก ซึ่งมีลำต้นที่สูง 4.5-6.5 เมตรทีเดียว อีกทั้งยังมีการออกเมล็ดกาแฟที่ดกกว่าสายพันธุ์อาราบิก้าอีกด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมสายพันธุ์นี้ จึงมีราคาทั้งในแบบเมล็ดกาแฟคั่ว, กาแฟคั่วบด และกาแฟสำเร็จรูป ที่ค่อนข้างถูกกว่าสายพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งหลักๆ มาจากการสายพันธุ์นี้ มีความทนต่อโรค และออกเมล็ดกาแฟมากกว่า
รสชาติและกลิ่นกาแฟ
สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า
หากใครที่ต้องการกาแฟ ที่สามารถดื่มได้ง่าย มีรสชาตินุ่มนวล และติดหวานที่ปลายลิ้น ควรที่จะเลือกสายพันธุ์อาราบิก้า รวมถึงเราสามารถนำไปชงเป็นเครื่องดื่มอย่าง ลาเต้ และคาปูชิโน่ ที่เราจะได้รสชาติที่นุ่มและผสมผสานกับฟองนมได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีหลายคนที่เป็นทั้งหัดดื่มกาแฟใหม่ๆ หรือคนที่ดื่มได้เฉพาะกาแฟรสอ่อนเท่านั้น จึงเหมาะอย่างมากกับการเลือกสายพันธุ์อาราบิก้า เป็นเมล็ดกาแฟชั้นดีในการชงดื่ม
สายพันธุ์โรบัสต้า
เอกลักษณ์ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ และเป็นส่วนที่ผู้ดื่มกาแฟ จะจำรสชาติของสายพันธุ์โรบัสต้าได้เป็นอย่างดี ก้บความเข้มในรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟ โดยติดรสเปรี้ยวสำหรับสายพันธุ์นี้ร่วมด้วย และหากเป็นการคั่วในระดับเข้มด้วยแล้ว ดังนั้นประเภทกาแฟที่เน้นในการนำสายพันธุ์นี้ไปชงได้แก่ เอสเพรสโซ่
หากเป็นเมนูเครื่องดื่มกาแฟอื่นๆ นั้น จะนิยมมีการนำสายพันธุ์ทั้งอาราบิก้า และสายพันธุ์โรบัสต้ามาผสมกันในสัดส่วน ที่เป็นสูตรของตัวเอง หรือของแต่ละร้าน ซี่งจะให้ความโดดเด่น และดึงเอาเสน่ห์ของแต่ละสายพันธุ์เข้ามาในเครื่องดื่มนั้นๆ อย่างกลมกล่อม เพราะเอกลักษณ์อีกอย่างของสายพันธุ์โร
ลักษณะเมล็ดกาแฟ
สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า
รูปทรงของเมล็ดกาแฟนั้น จะมีลักษณะยาวกว่า เมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า รวมถึงสิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกต ถึงความแตกต่างได้ชัดเจนคือ เส้นแบ่งกลางเมล็ดกาแฟ ที่จะเป็นตัว S และรวมถึงสีหลังจากที่เมล็ดกาแฟได้คั่วเรียบร้อยแล้ว จะมีสีที่เข้มกว่าสายพันธุ์โรบัสต้า
สายพันธุ์โรบัสต้า
ลักษณะตัวเมล็ดกาแฟ ที่เราจะสังเกตได้ง่าย หลังจากการคั่วเมล็ดกาแฟแล้วคือ ในส่วนของรูปทรงเมล็ดกาแฟ ที่จะท้วม, สั้น และมีสีที่สดสว่างกว่า สายพันธุ์อาราบิก้า และรวมถึงเส้นแบ่งกลางเมล็ดกาแฟ จะเป็นเส้นแบ่งตรง
ปริมาณคาเฟอีน
สายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า
ด้วยรสชาติที่เราสัมผัสจากการดื่มจริงนั้น จะเห็นได้ว่าสายพันธุ์อาราบิก้า มีรสชาติที่ดื่มได้ง่ายมากกว่า ไม่มีความกระด้างในรสชาติ รวมถึงจำนวนปริมาณคาเฟอีนมีเพียง1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเมล็ดกาแฟเท่านั้น และมีกรดไขมันมากกว่า สายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งทั้งหมดทำให้รสชาติของสายพันธุ์นี้ มีรสชาติที่จะเน้นไปทางนุ่มนวล และละมุนกว่าสายพันธุ์โรบัสต้า ถือว่าเป็นสายพันธุ์กาแฟ ที่ได้รับความนิยม และยังมีรสชาติที่กลมกล่อม
สายพันธุ์โรบัสต้า
รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของสายพันธุ์โรบัสต้า จะเน้นในเรื่องของความเข้มในรสชาติกาแฟ รวมถึงติดรสเปรี้ยว และมีความกระด้างในรสชาติมากกว่า สายพันธุ์อาราบิก้า ในส่วนของคาเฟอีนสำหรับสายพันธุ์นี้ ยังมีปริมาณ 3% ต่อเมล็ด ซึ่งถือว่ามาก และมากกว่าสายพันธุ์อาราบิก้า รวมถึงยังมีรสชาติติดเปรี้ยว ทำให้ผู้ที่เลือกดื่มกาแฟสำหรับสายพันธุ์นี้ จะเป็นกลุ่มเฉพาะที่ชื่นชอบความเช้มในรสชาติกาแฟ
กาแฟอาราบิก้าเปรี้ยวจริงหรือ
กาแฟอาราบิก้า มีรสชาติที่เน้นในความละมุน และให้กลิ่นหอมของกาแฟที่ชัดเจน แต่ไม่ติดรสเปรี้ยว หรือถ้าจะมีเปรี้ยวก็มีติดเล็กน้อยเท่านั้น จะมีรสหวานมากกว่า ซึ่งหากเป็นเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วในระดับกลางแล้ว จะไม่ติดรสเปรี้ยวเลย แต่ถ้าเป็นการคั่วในระดับอ่อนเท่านั้น จะมีติดรสเปรี้ยวเล็กน้อย
วิธีเลือกกาแฟอาราบิก้า
รูปแบบกาแฟ
กาแฟอาราบิก้าจะมีรูปแบบการชงที่หลากหลาย ที่ไม่ได้มีเพียงแค่กาแฟสำเร็จรูป ที่มีการชงง่ายๆ เพียงแค่เติมน้ำร้อนเพียงเท่านั้น แต่ยังมีรูปแบบการชงกาแฟอื่นๆ อย่างเช่น การดริปกาแฟ, การชงกาแฟแบบสกัดเย็น, การชงแบบอัดแรงดันไอน้ำ ในรูปแบบของเครื่องชงกาแฟสด และการชงในแบบหม้อ Moka Pot เป็นต้น ซึ่งก็ทำให้รูปแบบของกาแฟ มีความแตกต่างกัน ตั้งแต่เป็นเมล็ดกาแฟคั่วอย่างเดียว, กาแฟผ่านการคั่วบดในระดับที่แตกต่างกัน และ กาแฟเกล็ดผงสำเร็จรูป
เมล็ดกาแฟคั่ว
หากเรามองว่ากาแฟอาราบิก้า เป็นสายพันธุ์กาแฟที่ได้รับความนิยม และถือว่าเป็นสายพันธุ์ชั้นดี ที่ไม่มีความเปรี้ยว และยังให้รสชาติที่ละมุนด้วยนั้น การคั่วเมล็ดกาแฟ ก็จะยิ่งทำให้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้ มีความนุ่มลึก และอร่อยมากขึ้น ด้วยการเลือกคั่วที่ระดับกลาง ไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไป จะช่วยให้กาแฟที่ชงดื่มได้ง่าย และมีความกลมกล่อม รวมถึงยังช่วยในการลดรสเปรี้ยวออกไปได้จนหมด หรือมีติดรสเปรี้ยวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กาแฟคั่วบด
สำหรับผู้ที่นิยมชงกาแฟดื่มเอง และสามารถปรับการบดในระดับที่แตกต่างกัน ตามรูปแบบการชงกาแฟ อย่างเช่น หากเราต้องการชงในรูปแบบกาแฟดริป การเลือกบดที่อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางหยาบ ก็จะช่วยให้ดึงกลิ่นและรสกาแฟได้ชัดเจนมากขึ้น และที่สำคัญไม่ทำให้กาแฟมีรสชาติขมอีกด้วย
กลับกันหากเป็นการสกัดเย็น ก็ควรเลือกที่การบดหยาบ หรือการชงด้วยเครื่องกาแฟสด ด้วยแรงดันไอน้ำ ก็ควรเลือกที่การบดในระดับกลาง ซึ่งจะทำให้นอกจากจะทำให้รสชาติกาแฟดี ในแบบพรีเมียมแล้ว ยังช่วยเสริมกลิ่นหอมกาแฟให้เด่นชัดยิ่งขึ้น ซึ่สำหรับการคั่วและบดเมล็ดกาแฟนั้น ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ ที่ผู้นิยมชงกาแฟดื่มเองไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
กาแฟเกล็ดผงสำเร็จรูป
กาแฟผงหรือกาแฟในรูปแบบเกล็ดหยาบ ที่มีการผลิตออกมาเป็นกาแฟสำเร็จรูป สายพันธุ์อาราบิก้านั้น จะมีรูปแบบการชงดื่มได้ง่าย และสามารถพกติดตัวได้ง่าย ในรูปแบบกาแฟซอง ที่เป็นทั้งกาแฟที่ไม่ผสมอะไรเลย หรือแบบ 3 in 1 ที่มีส่วนผสมทั้งครีมเทียมและน้ำตาล เพื่อให้สะดวกในการชงดื่ม
ในส่วนของกาแฟสำเร็จรูป หรือInstant Coffee ที่เป็นกาแฟอาราบิก้านั้น หลายคนจะสงสัยว่า ทำไมบางรูปแบบเป็นเกล็ดหยาบ และอีกบางรูปแบบเป็นลักษณะผงละเอียด ซี่งทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบ และขั้นตอนการผลิตกาแฟสำเร็จรูป ซี่งต้องยอมรับว่า แม้แต่ในรูปแบบของกาแฟสำเร็จรูปนี้ สายพันธุ์อาราบิก้า ก็เป็นที่นิยมชงดื่มกันมากกว่า สายพันธุ์โรบัสต้า ด้วยส่วนสำคัญหลักคือ รสชาติที่ดื่มง่าย, มีความนุ่มลึกและละมุน รวมถึงรสไม่ติดเปรี้ยว
- รูปแบบ Spray Dried คือการฉีดละอองฝอย ของน้ำกาแฟบนอากาศที่มีอุณหภูมิสูง จนเกิดการระเหย และได้เป็นผงละเอียด เมื่อชงแล้วจะมีกลิ่นและรสกาแฟที่จางหายได้เร็ว
- รูปแบบ Freeze Dried คือ การนำน้ำกาแฟผ่านการแช่แข็ง หรือผ่านจุดเยือกแข็ง และมีการทำให้เกิดการระเหิดในแรงดันสูง จนทำให้กลายเป็นเกล็ดกาแฟหยาบ มีกลิ่นและรสชาติที่เด่นชัด และเข้มกว่ารูปแบบแรก
จากการเปรียบเทียบทั้ง 2 รูปแบบขั้นตอนการผลิตนั้น ทำให้เราได้รู้ว่า หากเป็นกาแฟอาราบิก้าในรูปลักษณะเกล็ดหยาบ จะให้กลิ่นและรสชาติที่เด่นชัด ในเรื่องความหอม, ความนุ่มละมุน และเมื่อชงแล้ว กลิ่นและรสชาติกาแฟเหล่านี้ ก็ยังคงอยู่ชัดเจนกว่า รูปแบบผงละเอียด รวมถึงทำให้ผู้ชงดื่ม จะได้ดื่มด่ำกับรสชาติที่กลมกล่อม ได้ยาวนานจนหมดแก้ว
ระดับการคั่ว
การคั่วของเมล็ดกาแฟ เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รสชาติของกาแฟสายพันธุ์นั้นๆ เกิดความเข้ม และรสชาติขมขึ้นได้ หากเป็นการคั่วในระดับเข้มมาก หรือทำให้เกิดรสเปรี้ยวหากเป็นการคั่วอ่อนจนเกินไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีความนิยมดื่มกาแฟ การคั่วในระดับกลาง เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้กลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟ ในแต่ละสายพันธุ์แล้ว
อีกทั้งยังช่วยให้ลดรสชาติเปรี้ยวของเมล็ดกาแฟลงไปได้ เพราะการคั่วจะไปช่วยลดกรดในเมล็ดกาแฟ ที่เป็นสาเหตุของรสชาติเปรี้ยว ซึ่งโดยเฉพาะสายพันธุ์อาราบิก้า ที่ไม่มีรสเปรี้ยว หรืออาจจะมีติดรสเปรี้ยวนิดๆ การคั่วระดับกลาง จะช่วยลดรสชาติเปรี้ยวให้น้อยลง หรือไม่มีเลย โดยการคั่วเมล็ดกาแฟ จะแบ่งออกเป็นดังนี้ คือ
- คั่วระดับเข้ม
- คั่วระดับกลาง
- คั่วระดับอ่อน
ปริมาณ
หากเราต้องการที่จะปรับเปลี่ยนสายพันธุ์กาแฟ ในการนำมาชงดื่มนั้น หรือเป็นการลองยี่ห้อกาแฟอื่นๆ ที่ไม่เคยชงดื่ม เราสามารถที่จะเลือกในปริมาณที่น้อยๆ ก่อน หรือเป็นการซื้อมาเปรียบเทียบรสชาติ ทั้งรสชาติแต่ละสายพันธุ์ และแต่ละยี่ห้อ
แหล่งผลิต
นอกจากชื่อเสียงในเรื่องกาแฟ ที่เรามักจะได้ยินว่า ต้องมาจากประเทศบราซิล หรือเอธิโอเปีย จึงจะเป็นกาแฟที่มีรสชาติดี และสายพันธุ์ที่ดี แต่เราสามารถเลือกได้จากเมล็ดกาแฟ ที่มีการเพาะปลูกในประเทศได้อีก ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือของประเทศเรา อย่างเช่น เชียงใหม่ หรือเชียงราย เป็นต้น ที่ขึ้นชื่อสำหรับกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ทั้งพื้นที่ในการเพาะปลูกที่เหมาะสม และอากาศที่เหมาะกับการเพาะปลูกร่วมด้วย
- ภายในประเทศ
- นำเข้าจากต่างประเทศ
กาแฟอาราบิก้า กับ โรบัสต้า แตกต่างกันอย่างไร
สรุป
ด้วยความนิยมดื่มกาแฟกันทั้งทั่วโลกนี้ ทำให้มีทั้งกาแฟหลากหลายประเภท, หลากหลายรูปแบบการชงดื่ม และหลากหลายการคั่วบด แต่ที่สำคัญในหลากหลายสายพันธุ์กาแฟนั้น มีสายพันธุ์กาแฟอาราบิก้า เป็นที่ได้รับความนิยมนำมาชงดื่มมากที่สุด ด้วยรสชาติความนุ่มละมุน และความกลมกล่อมที่ไม่เหมือนกาแฟสายพันธุ์อื่นๆ ที่สำคัญกาแฟสายพันธุ์นี้ ไม่มีรสเปรี้ยว และสามารถดื่มได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการชงรูปแบบไหน หรือกาแฟประเภทไหนก็ตาม
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
กาแฟอาราบิก้า ตรา Bluekoff
-ผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน
-มีกลิ่นหอมหฃกาแฟคั่วสด
-น้ำหนักสุทธิ 250 กรัม
กาแฟอาราบิก้า ตรา Oriental Coffee
-อายุการเก็บรักษาได้นานสูงสุด 3 เดือน
-เหมาะสำหรับทำเครื่องดื่มทุกเมนู
กาแฟอาราบิก้า ตรา Royal-D
-อายุการเก็บรักษาได้นานสูงสุด 24 เดือน
-กลิ่นหอมละมุน รสชาติไม่เข้นข้นเกินไป
กาแฟอาราบิก้า ตราอะมา
-น้ำหนักสุทธิ 500 กรัม
-ชนิดคั่วกลางค่อนเข้ม / คั่วเข้ม
-เก็บรักษาง่ายเป็นแบบถุงซิปล็อก
กาแฟอาราบิก้า ตรา Carraro
-น้ำหนักสุทธิ 250 กรัม
-อายุการเก็บรักษา 12 เดือน
-รสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมละมุน
กาแฟอาราบิก้า ตรา Successmore
-อายุการเก็บรักษาได้นานสูงสุด 24 เดือน
-กาแฟเพื่อสุขภาพผสมคอลลาเจนและใยอาหาร
กาแฟอาราบิก้า ตรา Hillkoff
-เหมาะสำหรับเมนูกาแฟมาตราฐาน
-ชนิดคั่วกลาง รสกลมกล่อม
-น้ำหนักสุทธิ 250 กรัม
กาแฟอาราบิก้า ตรา Mole Coffee Roaster
-อายุการเก็บรักษาได้นานสูงสุด 3 เดือน
-ชนิดคั่วกลางค่อนเข้ม กลิ่นหอม ไม่ฉุน
กาแฟอาราบิก้า ตรา ชาตรามือ
-รสชาติและกลิ่นเข้มข้น ถูกใจคอกาแฟ
-ขั้นตอนกระบวนการผลิตคั่วอย่างพิถีพิถัน
กาแฟอาราบิก้า ตรา Vista Cafe
-น้ำหนักสุทธิของสินค้า 200 กรัม
-อายุการเก็บรักษาได้นานสูงสุด 9 เดือน