10 กาแฟดริป ยี่ห้อไหนดี 2024 อร่อย ระดับการคั่วหอม เข้มข้น

กาแฟดริป คืออะไร

คือ กาแฟที่ได้จากขั้นตอนกรรมวิธี ในการชงกาแฟที่แตกต่างไปจาก รูปแบบการชงกาแฟสด, การสกัดเย็น หรือการชงกาแฟแบบสำเร็จรูป โดยผ่านอุปกรณ์หลายชิ้นที่เน้นการควบคุมน้ำร้อนในอุณหภูมิที่กำหนด, วิธีในการเทน้ำร้อนลงบนกาแฟบด, เวลาที่ต้องรอในการดริปกาแฟ, ปริมาณน้ำร้อนที่ใช้ต่อการดริปกาแฟต่อแก้ว และ ระดับการบดกาแฟให้ได้รสชาติที่ละมุน

กาแฟดริปจึงมีความแตกต่างจากกาแฟสด หรือกาแฟสำเร็จในรูปแบบของขั้นตอนการชง, รสชาติและกลิ่นกาแฟที่ได้ รวมถึงเป็นรูปแบบการชงกาแฟ ที่มีความละเอียดอ่อน และละเมียดละไมเป็นพิเศษ และที่สำคัญการดริปกาแฟที่ผ่านหลากหลายขั้นตอนนี้ จะช่วยให้ได้กาแฟอร่อยๆ ในรูปแบบประสบการณ์สัมผัสทั้ง รูปแบบการชง, รสชาติกาแฟ และกลิ่นกาแฟอย่างสมบูรณ์ทีเดียว

ชุดดริปกาแฟ มีอะไรบ้าง

กาแฟดริปที่เราเริ่มเห็นความนิยมกันมากขึ้น ทั้งในร้านกาแฟและในส่วนของบ้านอยู่อาศัย ที่มีการใช้วิธีดริปกาแฟดื่มกันมากขึ้น ไม่เพียงแต่รสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่เราได้จากการดริปกาแฟแล้ว ยังทำให้เราได้ดื่มด่ำกับขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน และเข้าถึงรสสัมผัสของกาแฟได้มากขึ้นกว่า กาแฟในรูปแบบเดิมๆ ที่เราดื่มกันอีกด้วย

สำหรับใครที่ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ การดริปกาแฟ อุปกรณ์ที่ใช้ในการดริปกาแฟมีเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ละชิ้นมีหน้าที่และความสำคัญร่วมกัน มีผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟที่จะออกมา ดังนั้นหากเป็นไปได้เราควรมีอุปกรณ์เหล่านี้ให้ครบทุกชิ้น เพราะจะเป็นตัวช่วยในการดริปกาแฟของเราสมบูรณ์ และมีความสะดวกสบาย ได้กาแฟอร่อยๆ ดื่มกันในทุกเช้า โดยที่รสชาติและกลิ่นกาแฟจะแตกต่างไปจากกาแฟสด หรือกาแฟสำเร็จรูป

• ตัวดริปเปอร์ ลักษณะรูปลักษณ์ภายนอก มีทั้งแบบที่เป็นกรวย และเป็นทรงสี่เหลี่ยม ส่วนใหญ่เรามักจะเห็นในรูปทรงกรวย
• กาดริปกาแฟ เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากๆ หรือจะเรียกว่ามีความสำคัญรองลงมาจากเมล็ดกาแฟคั่วที่เราได้คัดเลือกสำหรับการดริปกาแฟเป็นอย่างดี เพราะกาดริปกาแฟนี้ จะเป็นส่วนที่ใช้ในการเทน้ำร้อนลงบนกาแฟบด ให้ได้รับอุณหภูมิความร้อนจากน้ำทั่วถึง
• กระดาษกรอง เป็นส่วนที่ช่วยกรองกาแฟที่บดแล้ว ในการกรองกาแฟหลังจากที่ราดน้ำร้อน ทำให้กาแฟบดไม่ปนเปื้อนลงไปในน้ำที่ดริปกาแฟในเหยือกด้านล่าง กระดาษกรองจะวางด้านบนดริปเปอร์
• เหยือกกาแฟ อุปกรณ์ที่วางรองรับกาแฟที่ผ่านการดริปด้านบน อย่างน้อยๆ ควรเลือกให้ได้ปริมาณสำหรับแก้วกาแฟใหญ่ 1 แก้ว
• เครื่องบดเมล็ดกาแฟ หากเราไม่ได้ซื้อกาแฟที่ผ่านการบดมาแล้ว ควรที่จะมีเครื่องบดเมล็ดกาแฟ ก็จะมีแบบที่เป็นเครื่องวางตั้ง หรือเป็นแบบพกพา โดยต้องบดด้วยมือ ในปริมาณแก้วต่อแก้ว
• เครื่องชั่งดิจิตอล ไว้สำหรับการชั่งทั้งกาแฟบด และปริมาณน้ำที่ใช้เทลงบนกาแฟ ซึ่งเราอาจจะสามารถดริปกาแฟ โดยใช้การกะคร่าวๆ ด้วยตัวเอง หรือควบคุมปริมาณน้ำร้อน และกาแฟบดด้วยเครื่องชั่งดิจิตอลนี้ เพื่อให้รสชาติที่แม่นยำในทุกๆ ครั้งที่ทำการดริปกาแฟ
• ตัววัดอุณหภูมิ ใช้สำหรับการวัดอุณหภูมิ หรือความร้อนจากน้ำที่ต้ม มาตรฐานในการดริปกาแฟ ควรให้ได้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 92-94 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นจุดความร้อนที่ดึงกลิ่นและรสชาติของกาแฟออกมาให้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ข้อดีของกาดริปกาแฟ

กำหนดปริมาณน้ำร้อนที่ไหลออกมา

ส่วนที่เป็นข้อดีของกาที่ใช้สำหรับการดริปกาแฟนั้น จะอยู่ในส่วนของคอและปากของกาดริปกาแฟ ซึ่งมีความแตกต่างไปจากกาน้ำทั่วไป และถือว่าเป็นลักษณะเฉพาะที่เป็นส่วนที่ดี สำหรับการใช้งานในการดริปกาแฟ ให้มีกลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นเข้าถึงในทุกอณูของผงกาแฟที่บด ช่วยให้เราสามารถได้กาแฟอร่อยๆ และยังถือว่าเป็นขั้นตอนการได้กาแฟ มาแบบละเมียดละไมไม่ต้องรีบร้อน รสชาติก็จะมีความละมุนในแต่ละแก้วกาแฟ

ซึ่งการกำหนดปริมาณน้ำร้อนที่จะไหลซึมผ่านผงกาแฟนี้ จะเป็นทั้งขั้นตอนการได้กาแฟ และรสชาติที่แตกต่างไปจากกาแฟสด และกาแฟสำเร็จรูปอีกด้วย เพราะนอกเหนือจากรสชาติของกาแฟที่จะได้จากการดริปกาแฟแล้ว เรายังสามารถได้รับกลิ่นของกาแฟผ่านการดริปที่อาศัยน้ำร้อน และปริมาณน้ำร้อนที่ควบคุมไว้ ทำให้มีกลิ่นที่หอม และรสชาติที่เข้มข้น

ความสม่ำเสมอในการเทน้ำร้อนออกมา

หากเราเปรียบเทียบกับกาน้ำทั่วไปแล้วนั้น กาน้ำแบบที่ใช้ดริปกาแฟเฉพาะ มีความสม่ำเสมอของน้ำร้อนที่ไหลออกมา ด้วยปากของกาน้ำที่เรียวเล็กด้วยแล้ว เราสามารถที่จะควบคุมน้ำร้อนที่ไหลออกมาให้มีความสม่ำเสมอได้ง่าย เพื่อความละเมียดละไมของการดื่มกาแฟ และยังช่วยให้ผงกาแฟที่ได้จาก เครื่องบดกาแฟ ออกกลิ่นและรสชาติผ่านมาทางกาแฟที่ดริปออกมา

หากเราพูดถึงกาแฟที่เป็นเครื่องดื่ม สำหรับใครหลายคนที่นิยมกัน และอีกหลายคนก็นิยมกินเป็นกาแฟดำ ที่ถือว่าเป็นกาแฟอร่อยๆ และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่วมด้วย ยังมีเครื่องดื่มในตอนเช้า, ของกินคู่กับกาแฟ และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับกาแฟ อีกหลายชิ้นอย่างเช่น เครื่องชงกาแฟสด , กาดริปกาแฟ , กาแฟกระป๋อง , กาแฟอาราบิก้า , กาแฟสำเร็จรูป , น้ำผึ้ง , กาแฟขี้ชะมด ,ชาซีลอน , ขนมปังปี๊บ ที่ไม่ควรพลาดสำหรับการมีติดบ้านไว้

กำหนดทิศทางของน้ำร้อนที่ไหลออกมา

ยิ่งปากของกาดริปกาแฟมีความเรียวมากท่าไหร่ การดริปกาแฟจะได้ผลดีจากการเทน้ำร้อน ลงบนผงกาแฟที่วางในกระดาษกรองมากเท่านั้น การที่เราสามารถกำหนดทิศทางของปากกาน้ำให้ไหลลงทั่วกาแฟ และสามารถกำหนดทิศทางน้ำร้อนที่ไหลออกมา ทำให้กาแฟที่ออกมามีความเข้มข้น และดึงเอากลิ่นกาแฟออกมาได้มากที่สุด

เก็บอุณหภูมิความร้อนของน้ำได้ดีกว่ากาทั่วไป

ด้วยการออกแบบรูปทรงของกาที่ใช้เฉพาะการดริปกาแฟจะมีปากของกาที่เรียวเล็ก และมีส่วนคอของกาที่ยาว ช่วยให้เก็บกักความร้อนของน้ำได้ดี ซึ่งคุณสมบัตินี้ เป็นเรื่องสำคัญมาก ในการทำให้กลิ่น, รสชาติ และความเข้มข้นในตัวกาแฟออกมา ที่สำคัญควรควบคุมความร้อนของน้ำให้อยู่ในอุณหภูมิที่ 92-94 องศาเซลเซียส

กาแฟดริป vs Cold Brew

กาแฟดริป

ลักษณะขั้นตอนที่จะให้ได้กาแฟออกมา โดยเน้นใช้ความร้อนจากน้ำ ที่เดือดได้ที่ในอุณหภูมิ 92-94 องศาเซลเซียส การนำความร้อนซึมผ่านผงกาแฟที่บดแล้วนั้น จะเป็นการไปสกัดเอากรดของกาแฟออกมา ดังนั้นเราจะได้ทั้งกลิ่นและรสชาติที่ชัดเจน ซึ่งบางสายพันธุ์ของกาแฟจะให้รสชาติเปรี้ยวมากหรือน้อยที่แตกต่างกัน

กรรมวิธีการที่จะได้กาแฟในรูปแบบการดริปนี้ออกมา ก็ต้องขึ้นอยู่กับหลายอย่าง เช่น ตัวดริปเปอร์ที่ต้องเลือกวัสดุ เพราะในแต่ละวัสดุก็จะให้ความเข้มข้นของกาแฟที่แตกต่างกัน, การบดกาแฟที่หยาบหรือละเอียด, อุณหภูมิน้ำร้อน รวมถึงปริมาณน้ำร้อนที่เทลงบนกาแฟบดร่วมด้วย ถือว่าเป็นทั้งขั้นตอนที่ละเมียดละไม และมีการดื่มที่เน้นการสร้างบรรยากาศไม่รีบร้อน ช่วยให้การดื่มกาแฟต่อแก้วให้รสสัมผัส และความรู้สึกที่สัมผัสได้ทุกอณูของกาแฟ

Cold Brew

เราสามารถเรียกได้ว่าเป็นวิธีสกัดเย็น  ขั้นตอนจะแตกต่างไปจากกาแฟดริป และน้ำที่ใช้ในการสกัดกาแฟออกมาก็แตกต่างกัน ซึ่งหากเป็นการสกัดเย็น หรือ Cold Brew นั้นจะเป็นการนำน้ำเย็นมาใช้ในการสกัดให้ได้กาแฟสำหรับการดื่ม โดยสัดส่วนต้องเน้นว่า เป็น 1:20 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ไม่เน้นให้มีความเข้มข้นจนเกินไป และไม่เจือจางมากไป เป็นรสชาติที่ดื่มได้คล่องคอ และมีความหอมของกาแฟ

การนำน้ำเย็นและกาแฟที่บดเรียบร้อยแล้ว แช่รวมกันในตู้เย็น ที่สำคัญคือกาแฟรูปแบบนี้ จะรีบร้อนหรือต้องการเร่งเวลาไม่ได้ เพราะหากเร่งเวลาซึ่งจำเป็นต้องใช้การแช่ค้างคืน หรือเฉลี่ยเวลาที่ใช้ในขั้นตอนการสกัดเย็นก็คือ 12-24 ชั่วโมง ยิ่งแช่ไว้นานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้น้ำกาแฟที่เข้มข้น และหอมกาแฟมากขึ้น ดังนั้นขั้นตอนส่วนที่อยู่ในระยะการสกัดเย็น ต้องควบคุมให้อยู่ในจำนวนชั่วโมงตามที่ระบุไว้

ด้วยรูปแบบ Cold Brew สกัดผ่านน้ำเย็น ส่วนการดริปกาแฟผ่านน้ำร้อน ดังนั้นเราจึงไม่ต้องแปลกใจว่า หากผู้ที่ต้องการความเข้มข้นในน้ำกาแฟที่สกัดออกมา ในรูปแบบที่มีรสชาติชัดเจน และมีความเข้มข้นในสีของกาแฟ จะเลือกเป็นในรูปแบบการดริปกาแฟ ส่วนหากใครที่ต้องการดื่มกาแฟแบบรสละมุนกว่า มีรสชาติที่บางเบา แต่มีกลิ่นกาแฟที่ชัดเจน ดื่มได้ง่ายกว่า จะเป็นในรูปแบบของการสกัดเย็น หรือ Cold Brew

การเลือกซื้อกาแฟดริป

เลือกจากรูปแบบ

กาแฟดริปแบบซอง

ถือว่าเป็นอีกรูปแบบการผลิต ที่เน้นความสะดวกสบาย สำหรับผู้ที่ต้องการดริปกาแฟดื่มเองที่บ้าน โดยมีการแบ่งเป็นซองๆ ไว้ เพื่อสะดวกในการนำมาดริป โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษกรอง รวมถึงปริมาณกาแฟที่พอดี ต่อการดริปต่อแก้ว มีให้เลือกได้หลากหลายความเข้มในระดับการคั่วที่แตกต่างกัน รวมถึงรสชาติที่ได้จะมีความแตกต่างไปจาก กาแฟสำเร็จรูปที่เราคุ้นเคยกันดี

กาแฟดริปแบบชั่งเอง

รูปแบบกาแฟบดที่มาในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นซองใหญ่ เมื่อเราต้องการดริปกาแฟ สามารถชั่งในปริมาณที่เราต้องการได้ว่า ต้องการความเข้มของกาแฟที่ผ่านการดริปออกมามากน้อยแค่ไหน เหมาะกับผู้ที่เป็นคอกาแฟตัวจริง และเป็นช่วงเวลาที่เรา จะได้สัมผัสกับประสบการณ์การดริปกาแฟ ทั้งกลิ่น, รสชาติ และประสบการณ์เรียนรู้การดริปกาแฟ ที่จะพัฒนาให้ได้รสชาติกาแฟ ที่เราต้องการมากที่สุด

เลือกจากระดับการคั่วของกาแฟดริป

คั่วระดับเข้ม

เอกลักษณ์ทางรสชาติ สำหรับคอกาแฟจะรู้ดีว่า ผู้ที่นิยมเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วระดับเข้มนั้น จะให้รสขมและมีกลิ่นกาแฟค่อนข้างชัดเจน รวมถึงกลิ่นไหม้นิดๆ ของการคั่วร่วมด้วย ซึ่งในระดับการคั่วเข้มนี้ นอกจากผู้ที่นิยมดื่มในแบบกาแฟดำ หรืออเมริกาโน่แล้ว ยังสามารถนำมาปรับใส่นมได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

คั่วระดับกลาง

สำหรับในระดับที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง การคั่วเข้ม และการคั่วอ่อนนั้น ทำให้ระดับเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วระดับกลางนี้ จะไม่ได้ให้รสชาติในระดับความขมมากเท่าแบบแรก และไม่ได้ให้รสชาติอ่อนเท่ากับการคั่วอ่อน หรือเรียกว่า เป็นระดับที่คนส่วนใหญ่นิยมดื่มกาแฟในระดับนี้กันมาก ให้กลิ่นและรสกาแฟได้อย่างชัดเจน รวมถึงยังได้รับความหวาน และความเปรี้ยวของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์อยู่

คั่วระดับอ่อน

การคั่วกาแฟในระดับอ่อน มีข้อดีสำหรับผู้ที่ไม่นิยม หรือไม่ถนัดในการดื่มกาแฟในรูปแบบที่มีรสชาติขมจนเกินไป และต้องการรสชาติอ่อนๆ คล้ายกับรูปแบบของการสกัดเย็น ดังนั้นการใช้ความร้อนในการคั่วที่อยู่ในระดับอ่อน เมล็ดกาแฟไม่มีสีดำเข้ม จะทำให้เราได้กลิ่น, สีและรสชาติกาแฟในการดื่มได้ง่าย

เลือกจากสายพันธุ์กาแฟดริป

• สายพันธุ์อาราบิก้า มีลักษณะเด่น ของรสชาติความละมุนและนุ่มนวล เหมาะกับผู้ที่หัดดื่มกาแฟ
• สายพันธุ์โรบัสต้า เน้นรสชาติที่เข้ม รวมถึงมีรสชาติที่กระด้างและฝาด, มีคาเฟอีนมากกว่า สายพันธุ์อาราบิก้าถึง 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อเมล็ดทีเดียว ดังนั้นเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความเข้ม ของรสชาติกาแฟอย่างแท้จริง
• สายพันธุ์เอ็กซ์เซลซ่า เป็นสายพันธุ์กาแฟ ที่มีความนิยมดื่มกันในประเทศแอฟริกา ให้รสชาติความกลมกล่อม และหอมกาแฟคล้ายกับสายพันธุ์อาราบิก้า
• สายพันธุ์ลิเบอริก้า  เป็นสายพันธุ์กาแฟ ที่ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำไปเบลนด์ร่วมกับ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อื่น เพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ของกาแฟในแต่ละยี่ห้อ หรือแต่ละร้าน ที่เมื่อนำไปผสมผสานกับสายพันธุ์กาแฟอื่นๆ แล้ว ช่วยเสริมรสชาติกาแฟสายพันธุ์อื่นได้ดีทีเดียว

เลือกจากแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟ

แหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟ จะบ่งบอกได้ถึงรสชาติความหวาน, ความเปรี้ยว และความเข้มข้นของกลิ่นกาแฟได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดกาแฟที่ปลูกในเมืองไทยเอง, สายพันธุ์กาแฟจากแอฟริกา, สายพันธุ์กาแฟจากอเมริกาใต้ และสายพันธุ์กาแฟจากอเมริกากลาง เป็นต้น

ปริมาณ

ปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่แบ่งเป็นซองเล็กๆ ด้านในให้เรียบร้อย ซี่งเราสามารถนำแต่ละซองเล็กๆ ไปทำการดริปกาแฟได้เลย แต่ละซองเล็กจะมีปริมาณที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น มีน้ำหนัก 45 กรัม หรือ 80 กรัม เป็นปริมาณที่ใช้ในการดริปกาแฟต่อแก้ว ส่วนต่างที่แตกต่างกันนั้น เป็นการบ่งบอกถึงกาแฟที่ดริปออกมา จะมีความเข้มข้นที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับ ปริมาณน้ำที่ใช้ในการดริปร่วมด้วย

วิธีชงกาแฟดริป

อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไว้ก่อน สำหรับขั้นตอนในการชงหรือดริปกาแฟก็คือ ดริปเปอร์หรือกรวยที่ใช้เป็นอุปกรณ์ เพื่อวางกระดาษกรองด้านบน, กระดาษกรอง, กาดริปกาแฟ, กาแฟคั่วที่บดแล้ว, เครื่องชั่งดิจิตอล ไว้ชั่งกาแฟบด, เหยือกกาแฟไว้รองกาแฟที่ได้จากการดริป รองจากตัวดริปเปอร์ และหากใครที่มีเพียงเมล็ดกาแฟคั่วอย่างเดียว ก็ต้องมีเครื่องบดกาแฟร่วมด้วย จะเป็นเครื่องที่บดด้วยมือ หรือเครื่องบดอัตโนมัติก็ได้

1.นำเอาดริปเปอร์วางด้านบนเหยือกกาแฟ พร้อมด้วยกระดาษกรองวางในดริปเปอร์

2.ต้มน้ำให้ได้อุณหภูมิ 92-94 องศาเซลเซียส ราดน้ำร้อนลงบนกระดาษ เพื่อเป็นการล้างเอากลิ่นกระดาษออกก่อน

3.เทน้ำที่ล้างกรวยกระดาษออก

4.ใส่กาแฟคั่วที่บดแล้วในปริมาณ 32 กรัม (หรือเพิ่มได้ตามต้องการ หากต้องการความเข้ม)

5.เทน้ำร้อนในอุณหภูมิที่ควรอยู่ที่ 92-94 องศาเซลเซียส ลงบนกาแฟที่ใส่ในกระดาษกรอง

6.น้ำร้อนที่เทรอบแรกในปริมาณ 50 มิลลิลิตร เป็นการปลุกกาแฟด้วยความร้อนก่อน

7.หลังจากการเทน้ำร้อน 30 วินาที เมื่อเราเห็นกาแฟบดพองน้ำ ให้ใช้ช้อนคน เพื่อให้น้ำร้อนโดนกาแฟอย่างทั่วถึง

8.เทน้ำร้อนเพิ่มเข้าไปอีก 430 มิลลิลิตร ในลักษณะการหมุนเป็นวงกลมช้าๆ ให้การเทน้ำร้อนทั่วถึงกาแฟทั่วกันหมด ความสม่ำเสมอของน้ำร้อนที่ไหลออกมาเป็นเรื่องสำคัญ

9.รอให้น้ำร้อนที่เทลงบนกาแฟ หยดออกมาจากหมด แล้วถอดตัวดริปเปอร์ออกจากเหยือกด้านล่าง

10.เราสามารถดื่มกาแฟที่ได้จากการดริปนี้ โดยที่ไม่ต้องเติมอะไร จะได้รสชาติจากกาแฟดริป ที่เป็นกาแฟดำแท้ๆ และมีความหอมมากๆ ถือว่าเป็นกาแฟที่มีขั้นตอนละเมียดละไม และนับว่าเป็นกาแฟอร่อยๆ ที่คอกาแฟไม่ควรพลาดจริงๆ

คำถามที่พบบ่อยของกาแฟดริป

กาแฟดริปเก็บได้กี่วัน

หากเป็นในกรณีกาแฟดริป ที่ยังไม่ได้ผ่านการชงหรือดริปเลย เก็บเป็นกาแฟบดในถุงที่เปิดแล้ว สามารถเก็บได้18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่ง หรือหากเป็นในกรณีที่เป็นกาแฟที่ผ่านการดริปแล้ว เป็นน้ำกาแฟที่หลายคน อาจจะทำการดริปกาแฟในปริมาณที่กินได้หลายแก้ว หรือหลายวัน สามารถแยกเก็บเป็นขวดๆ ในตู้เย็นได้ และอีกวันนำมากินในรูปแบบเย็นใส่น้ำแข็งได้3 วัน ซี่งส่วนใหญ่แล้ว ก็จะมีการกินหมดก่อนที่กำหนดวันไว้ ในส่วนผู้ที่ดื่มกาแฟทุกวัน

กาแฟดริปต้องบดแบบไหน

เน้นการบดระดับกลาง เน้นไปทางระดับหยาบ ไม่ควรใช้หรือบดกาแฟในรูปแบบความละเอียด ถึงละเอียดมาก ในแบบกาแฟสด เพราะการดริปกาแฟ เน้นการเทน้ำร้อนลงโดยตรงที่กาแฟ ดังนั้นหากเป็นการบดละเอียด กาแฟที่ได้ออกมา จะมีรสชาติขมและเข้มขนจนเกินไป ที่เราสามารถดื่มเป็นกาแฟดำได้ หรือแม้แต่การเติมนมก็จะมีรสชาติเข้มข้นจนเกินไป และมีรสขมมาก ทำให้ดื่มได้ลำบาก

ทำไมกาแฟดริปถึงแพง

ราคาที่แพงของกาแฟดริป อาจเป็นข้อสงสัยสำหรับใครหลายคน ที่มองพิจารณาดูทั้งในตัวอุปกรณ์ที่ขั้นตอนต่างๆ ที่ไม่ได้มีความยากในการดริปกาแฟออกมาใน 1 แก้ว แต่อย่าลืมว่าในแต่ละขั้นตอน เป็นความใส่ใจในรายละเอียดในเรื่องต่างๆ ดังนี้คือ

• การเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในการดริปกาแฟ โดยเฉพาะกาดริปกาแฟ ที่ต้องเป็นแบบเฉพาะสำหรับการดริปกาแฟ
• ความพิถีพิถันในการควบคุม ระดับความร้อนหรืออุณหภูมิของน้ำร้อน ต้องให้อยู่ในระดับที่ควบคุมไว้เท่านั้น ถึงจะได้กลิ่นและรสชาติกาแฟที่สมบูรณ์
• ทักษะและความชำนาญในการดริปกาแฟ อย่างเช่น การเทน้ำร้อนลงกาแฟ, ความสม่ำเสมอของน้ำร้อนที่เทลงบนกาแฟ และรายละเอียดอื่นๆ ที่มาจากประสบการณ์
• ระยะเวลาและความละเมียดละไม ในการรอการดริปกาแฟ หยดลงมาจนหมด
• การได้สัมผัสถึงบรรยากาศการดริปกาแฟ ที่ทั้งในส่วนของการไปนั่งร้านกาแฟ และการซื้อกาแฟมาดริปเองก็ตาม บรรยากาศการได้ดื่มกาแฟ 1 แก้วเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งกลิ่นระหว่างการดริป และการซึมซับบรรยากาศระหว่างการดริปกาแฟ

โดยรวมแล้วในราคาต่อแก้วกาแฟ สำหรับการดริปกาแฟนั้น เราไม่สามารถตีค่าราคาตามจำนวนเงินที่เสียไปต่อแก้วได้ เพราะทั้งหมดที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นความรู้สึกสัมผัสทั้งทางกลิ่น, รส และประสบการณ์ ซี่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถหาได้จาก กาแฟในรูปแบบอื่นๆ อย่างเช่น การชงกาแฟสำเร็จรูป หรือกาแฟสด ซี่งกาแฟในแต่ละแบบก็มีเสน่ห์ของตัวเอง ที่ไม่เหมือนกัน

อุณหภูมิกาแฟดริป

ระดับอุณหภูมิของน้ำร้อน ที่ใช้ในการดริปกาแฟนั้น คือน้ำร้อนที่ควรอยู่ในความร้อนที่ 92-94 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นระดับความร้อนที่ดึงเอาทั้งรสชาติความเข้มข้น และกลิ่นของกาแฟได้มาก และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราอาจจะเคยเห็นบางร้านกาแฟ มีการตั้งชื่อร้านเป็นตัวเลของศา อย่างเช่น 94 ดีกรี นั่นเป็นความหมายว่า จุดระดับความร้อนอุณหภูมินี้ เป็นระดับที่มีการนำมาใช้กับดริปกาแฟได้ดีที่สุดนั่นเอง

ดริปกาแฟอร่อย มือใหม่ก็ทำได้

สรุป

ความสุนทรีย์ในการดื่มกาแฟนั้น อาจไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่รสชาติและกลิ่นกาแฟเท่านั้น หากใครได้เคยมีประสบการณ์สัมผัส กับการดริปกาแฟเอง หรือไปตามร้านกาแฟก็ตาม เพราะนอกเหนือจากนั้นแล้ว กาแฟดริปที่มีความแตกต่างไปจากกาแฟสด หรือกาแฟสำเร็จรูป ยังเป็นช่วงเวลาที่พักผ่อน และจดจ่อกับแก้วกาแฟตรงหน้าจริงๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีความต้องการรสชาติและกลิ่นกาแฟ รวมถึงเป็นผู้ที่มีความละเมียดละไมในการดื่มและชงกาแฟ

• Facebook
• X
• Line