วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข
หลายครั้งที่เรามองปัญหาการเกิดขึ้นของเห็บหมัดสุนัขนั้น เกิดจากตัวสุนัขที่สกปรก จึงทำให้มีสัตว์เหล่านี้ขึ้นตามตัว และขน แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่จากสาเหตุของสุนัขเพียงอย่างเดียว สิ่งแวดล้อมมเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด ปัญหาเห็บหมัดในสุนัขได้อีกด้วย ซึ่งในการกำจัดเห็บหมัดสุนัข เราสามารถแยกวิธีออกตามที่ๆ พบเห็บและหมัด ดังนี้
วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัขบริเวณที่อยู่อาศัย
ใส่ปลอกคอ
เป็นวิธีที่มีความนิยมในอันดับต้นๆ ที่มีทั้งความสะดวกให้กับตัวเจ้าของสุนัขเอง เพียงแค่ใช้งานเหมือน ปลอกคอสุนัข ซึ่งภายในตัวของ ปลอกคอกำจัดเห็บหมัด จะค่อยๆ ปล่อยน้ำยาที่เคลือบที่ตัวปลอกคอ ลงสู่ชั้นใต้ผิวหนังสุนัข เพื่อที่เมื่อเห็บหมัดกัดแล้วจะตายทันที แต่ไม่มีผลต่อสุนัขของเรา อีกทั้งตัวปลอกคอนี้ยังสามารถทนต่อน้ำ หรือแดด ที่เมื่อสุนัขเราใส่ สายจูงสุนัข พาไปวิ่งเล่น หรือมานอนบน ที่นอนพับได้ กับเรา มี ร่มสนาม ตั้งกันแดดไว้ พร้อมกับให้ ขนมหมา
อายุการใช้งานของปลอกคอช่วยกำจัดเห็บหมัดสุนัข มีระยะการใช้งานเฉลี่ย 10-12 เดือน แต่ก็จะมีทางเลือกที่อาจจะมีระดับราคาที่ถูกลงมา มีอายุการใช้งานที่ 4-5 เดือน และ 6-7 เดือน ดังนั้นการพิจารณาเลือกซื้ออยู่ที่ผู้เลี้ยงสุนัข ตามความเหมาะสม และความสะดวกเป็นสำคัญ
อาบน้ำด้วยแชมพูกำจัดเห็บหมัด
อีกหนึ่งทางเลือกของผู้เลี้ยงสุนัข ที่เรามักจะมีการอาบน้ำสุนัขในทุกสัปดาห์กันอยู่แล้ว การใช้แชมพูที่มีสรรพคุณในการกำจัดเห็บและหมัดสุนัขไปด้วย ถือว่าเป็นเรื่องสะดวก และเป็นการตรวจเช็คตัวของสุนัขไปในตัวว่า มีเห็บหมัดเกาะติดบนผิวหนัง หรือที่เส้นขนอีกหรือไม่ โดยที่ตัวแชมพูสุนัขกำจัดเห็บหมัด จะมีสารเพอร์เมทริน (Permethrin) ที่ออกฤทธิ์ฆ่าตัวปรสิตเหล่านี้โดยตรง แต่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งกับตัวผู้เลี้ยง หรือแม้แต่ตัวของสุนัขเอง
หยอดยากำจัดเห็บหมัด
ผู้เลี้ยงสุนัขเป็นจำนวนมาก ที่ยังนิยมการใช้วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัข ด้วยวิธีนี้กันอยู่ ที่ดูผลจากประสบการณ์จริงที่ผ่านมาแล้วว่า มีประสิทธิภาพในการฆ่าตัวเห็บหมัดที่ตัวสุนัขได้จริง วิธีการใช้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพียงแค่หยอดน้ำยาลงหลังคอของสุนัข สิ่งที่สำคัญคือ ต้องแหวกขนออก เพื่อให้น้ำยาลงสู่ผิวหนังของสุนัข เพราะในสุนัขหลายสายพันธุ์ที่มีขนหนา เมื่อน้ำยาลงสู่ผิวหนังชั้นไขมัน จะกระจายไปทั่วตัวของสุนัข และขับออกมาพร้อมกับไขมัน
ซึ่งเมื่อตัวเห็บหมัดดูดเลือดสุนัขไป ก็จะได้รับน้ำยาตัวนี้ไปด้วย และจะตายไปในที่สุด วิธีนี้ควรเน้นไปที่การพิจารณาเลือกให้ตรงกับ น้ำหนักของสุนัขที่แท้จริง เพราะมีผลต่อการป้องกันเห็บหมัดหลังจากหยอดยาด้วย คุณสมบัติของน้ำยาหยอดเห็บหมัดสุนัข มีผลในการป้องกันภายใน 1 เดือน ซึ่งสามารถกำจัดเห็บหมัด และรวมถึงการป้องกันเห็บหมัดที่จะเกิดขึ้นในครั้งหน้าภายในระยะเวลาดังกล่าวอีกด้วย
ใช้สเปย์กำจัดเห็บหมัด
ตรงนี้จะเป็นเสมือนการกำจัดเห็บหมัดสุนัข ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกเหนือจากแชมพูสุนัขกำจัดเห็บหมัด ที่มีคุณสมบัติครอบคลุมได้ทั้งการกำจัดเห็บหมัดที่ตัวสุนัข และบริเวณที่พักอาศัยร่วมด้วย จะมีแบ่งลักษณะตัวสเปย์ออกเป็น 2 รูปแบบคือ
สเปย์สำเร็จรูป
เป็นน้ำยาที่อยู่ในขวดสเปย์ โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรอีก เพียงแค่นำมาฉีดพ่นที่ตัวสุนัข บริเวณที่เราเห็นว่ามีเห็บหมัดขึ้น หรือฉีดทั่วตัว สามารถแหวกขนด้านใน เพื่อให้น้ำยาซึมถึงผิวหนังสุนัข อย่าลืมที่จะใช้ ยาหยอดหูสุนัข ต่อท้าย เพื่อเป็นการป้องกันไรหูสุนัข
อีกทั้งสเปย์ในรูปแบบนี้ ยังสามารถที่จะนำไปฉีดตามมุม หรือซอกที่มีความชื้น และอับ, ที่ๆ เราเห็นว่ามีเห็บหมัดอยู่ หรือเป็นที่ๆ สุนัขมักจะไปนอนอยู่ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ของเห็บหมัดสุนัขไปด้วยในตัว เพราะอย่าลืมว่าตัวเห็บนั้น เมื่อดูดเลือดสุนัขจนอิ่มแล้ว จะฟักไข่ลงที่พื้น และเกาะขึ้นที่ตัวสุนัขอีก ไปจนถึงระยะที่ 3 โตเต็มวัย ซึ่งหากมีปริมาณที่มาก และกระจายเต็มบ้านแล้ว อาจมีการกำจัดที่ยากมากขึ้น
น้ำยาสเปย์ที่ต้องผสมกับน้ำ
วิธีนี้เราอาจจะต้องเสียเวลาในการผสมน้ำยา สัดส่วนคือ น้ำยา:น้ำ อยู่ที่อัตราส่วน 100 มิลลิลิตร:1,500 มิลลิลิตร แต่มีราคาที่ถูกกว่าสเปย์แบบสำเร็จรูป คุณสมบัติที่เหมือนกันคือ สามารถฉีดที่ตัวสุนัข และสถานที่ต่างๆ ที่เราคิดว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เห็บหมัด รวมถึงบริเวณใกล้สนามหญ้า และจุดที่สุนัขมักจะไปนั่ง หรือนอนเป็นประจำ
ยากิน
วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัขในรูปแบบนี้นั้น เราควรที่จะไปปรึกษาสัตวแพทย์โดยตรง เพื่อให้พิจารณาดูสุขภาพ และน้ำหนักของสุนัขร่วมด้วย เพราะหลังจากที่กินยาไปแล้ว ควรที่จะรอดูผลว่าสุนัข มีอาการแพ้ยาเกิดขึ้นหรือไม่ที่โรงพยาบาล หรือที่คลินิกก่อนพากลับบ้าน
วิธีกำจัดเห็บหมัดสุนัขบริเวณที่อยู่อาศัย
เห็บหมัดสุนัข หรือปรสิตพวกนี้ ชอบพื้นที่ๆ เป็นที่รก, แคบ มีความอับ และความชื้น เพราะเอื้อต่อการฟักไข่ของเห็บสุนัข ดังนั้นก่อนที่เราจะรอให้มีการแพร่พันธุ์เห็บหมัดมากจนควบคุมลำบากแล้ว ควรที่จะทำที่พักอาศัย โดยเฉพาะห้อง หรือมุมพื้นที่ๆ มีของเก็บเป็นจำนวนมาก ให้มีความโล่ง และจัดของให้เป็นระเบียบ
หลีกเลี่ยงการเก็บของที่มากจนเกินความจำเป็น เพราะนอกจากเห็บหมัดสุนัขแล้ว อาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประเภทอื่นๆ อีกด้วย การฉีดพ่นตัวยาฆ่าเห็บหมัดที่มุมห้อง, หรือจุดที่เราเห็นว่ามีเห็บหมัดสุนัขขึ้น และกั้นพื้นที่นั้นอย่าให้สุนัขเข้าไป เพราะอาจเกิดการเลียน้ำยาเข้าไป ทำพื้นที่บ้านทุกส่วน ให้มีแสงสว่างเข้าถึง และมีการระบายอากาศทั่วทั้งบ้าน
วิธีเลือกซื้อแชมพูสุนัข
1.เลือกตามโรคผิวหนังที่สุนัขเป็นอยู่
อย่างเช่นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น ยีสต์ที่เริ่มขึ้นจากเล็บ แล้วลามตามง่ามนิ้วเท้ามาถึงผิวหนัง, เชื้อรา, เห็บหมัด ตัวปรสิต หรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งควรเลือกตัวยาที่รักษาตรงตามเชื้อนั้นๆ เพื่อโรคผิวหนังนั้นจะไม่ลามต่อไปยังผิวหนังบริเวณอื่นๆ และไม่ต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา ควรกั้น คอกหมา หลังอาบน้ำ, เช็ดตัว และเป่าขนให้แห้ง เมื่อถึงเวลาให้ อาหารเม็ดสุนัข และจัด ที่นอนสุนัข เตรียมไว้ นอกจากตัวสะอาดแล้ว ยังช่วยให้สุนัขนอนหลับสบายอีกด้วย
2.เลือกตามสูตร ส่วนผสม
โดยจะเน้นในเรื่องความหอมของส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น การใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ วิตามินอี, ข้าวโอ๊ต , มะพร้าว ที่เป็นออแกนิค หรือเป็นส่วนผสมสกัดจากธรรมชาติอย่างมะกรูด ที่ดูแลในเรื่องผิวหนัง ไม่ให้เกิดการตกสะเก็ด หรือรังแค
แชมพูอาบน้ำสุนัขสูตรอ่อนโยน ทั้งหมดนี้นอกจากจะช่วยล้างไขมันส่วนเกิน ยังเป็นการช่วยบำรุงผิวหนัง และลดการหลุดร่วงของขน ไม่ให้เกิดอาการผิวหนังแห้ง, หรือเป็นสะเก็ดรังแคตามมาภายหลัง
เคล็ดลับการอาบน้ำสุนัข
1.ก่อนอื่นเราควรต้องมีความระวังในเรื่องของจุดบอบบาง อย่างเช่น ส่วนบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นตา,หู จมูก และปาก ถึงแม้ว่าตัวแชมพูอาบน้ำ จะมีการบอกคุณสมบัติความปลอดภัยก็ตาม แต่ไม่ควรที่จะให้เข้าปาก หรือเข้าตาของสุนัข
2.ส่วนของใบหน้าควรเว้นจากการโดนแชมพู หรือฟองของแชมพู โดยเลี่ยงมาใช้ผ้าขนหนู หรือผ้าที่มีเนื้อบางส่วนตัวของสุนัขแต่ละตัว ไม่ควรใช้รวมกันทุกตัว เพราะหากตัวใดตัวหนึ่งเป็นโรคผิวหนัง ก็อาจจะลามถึงกันได้ เป็นส่วนที่จะปิดท้ายการอาบน้ำหลังสุด
3.ค่อยๆ ราดน้ำลงบนตัวของสุนัข โดยหากเป็นช่วงที่ฝนตก หรืออากาศเย็น ควรเลือกใช้น้ำอุ่น เพราะการใช้น้ำเย็นจัดๆ จะทำให้หัวใจของสุนัขทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะสุนัขที่มีอายุมาก
4.เทแชมพูลงบนฝ่ามือของเราก่อน และมีการผสมน้ำกับแชมพูบนฝ่ามือของเรา ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ในการราดแชมพูบนตัวสุนัขเลย เพื่อเลี่ยงความแรงของส่วนผสมที่มีอยู่ในแชมพู
5.ถูตัวของสุนัขที่มีแชมพูผสมกับน้ำ ให้ทั่วตัว ทั้งส่วนลำตัว, ขา, คอ และศีรษะ ไม่รวมใบหู สิ่งที่ต้องเน้นเป็นพิเศษคือ หาง, ก้น และด้านข้างกับรูทวารหนัก หรือต่อมเหม็น ที่เป็นจุดเก็บกักของเหลวที่มีจะมีการขับถ่ายออกมาพร้อมกับของเหลว แต่หากเป็นสุนัขที่ไม่ค่อยได้ขับถ่ายนอกบ้าน ต่อมพวกนี้จะไม่ค่อยถูกกระตุ้น และมีการเก็บกักมากๆ จะกลายเป็นฝีได้
ดังนั้นการอาบน้ำ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เราจะสามารถทำความสะอาดส่วนก้น และต่อมเหม็นนี้ให้มีของเหลวออกมาให้หมด โดยการบีบต่อมด้านข้างทวารหนักทั้งซ้ายและขวา เราจะสังเกตได้ว่า มีน้ำเหลวๆ ออกมาบางตัวจะมีเป็นน้ำสีเหลืองออกมา
6.เมื่อถูแชมพูทั่วตัวแล้ว จึงค่อยๆ ราดน้ำที่มีอุณหภูมิห้อง หรือไม่เย็นจนเกินไปบนตัวสุนัข ที่มีฟองอยู่ ให้หมดฟอง โดยเฉพาะช่วงก้น และรูทวารหนัก ที่เป็นจุดที่ขับถ่ายของเสีย และเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่างๆ
7.เมื่อเราอาบส่วนตัวของสุนัขเรียบร้อยแล้วนั้น ก็เป็นส่วนใบหน้าที่เราจำเป็นต้องใช้ผ้า ที่มีความบาง ชุดหน้าแล้วบีบให้แห้ง ค่อยเช็ดหัวตา, ร่องแก้ม, จมูก, มุมปาก, คาง และใบหู ควรมีการล้างหน้าบ่อยๆ ในระหว่างการเช็ดใบหน้าให้สุนัข จบท้ายที่ใบหูสุนัข ที่ควรเช็ดทั้งด้านนอกใบหู และด้านในใบหู
แต่ไม่ควรใช้ผ้าแหย่เข้าไปในใบหู เพราะไม่ว่าจะเป็นผ้า หรือนิ้วของเรา อาจทำให้รูหูภายในของสุนัขเกิดการอักเสบได้ (การทำความสะอาด และเช็ดน้ำที่อาจเข้าไปด้านในรูหู จะเป็นช่วงที่เป่าขนสุนัขให้แห้ง และใช้ไม้สำลีเฉพาะสัตว์เลี้ยงแหย่ลงไปทำความสะอาด โดยวนเป็นวงกลมภายในรูหู)ล
คำถามที่พบบ่อยของแชมพูสุนัข
สุนัขอาบน้ำบ่อยแค่ไหน
ควรมีการอาบน้ำให้สุนัขเพียงแค่ 1 ครั้งต่ออาทิตย์เท่านั้น เพราะโดยปกติสุนัขจะมีไขมันที่ช่วยในการบำรุงขน และผิวหนัง การเน้นอาบน้ำให้สุนัขบ่อยๆ ซึ่งเราอาจจะคิดว่าดี ที่สุนัขมีเนื้อตัวที่หอมๆ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการทำให้สุนัขอาจเกิดปัญหาผิวแห้ง หรือเป็นโรคผิวหนัง ที่มีลักษณะลอกเป็นขุยๆ หรือเป็นรังแคเพราะเกิดจากผิวแห้ง
ไม่เน้นให้สุนัขอาบน้ำทุกวัน ถึงแม้จะเป็นแชมพูสำหรับสุนัขที่เป็นสูตรอ่อนโยนก็ตาม เพราะนอกจากจะเป็นการทำลายชั้นไขมันของสุนัข ที่มีหน้าที่ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยังทำให้สุนัขเสี่ยงต่อการเป็นหวัดได้ หากน้ำที่อาบมีความเย็นเกินไป รวมถึงการเช็ดตัวที่ไม่แห้งดีพอ
แชมพูคนใช้อาบให้สุนัขได้ไหม
เราอาจจะคิดว่าเพียงแค่แชมพู ที่ใช้ในการอาบน้ำและทำความสะอาด เอาสิ่งสกปรกที่ติดตามขนสุนัขออกเท่านั้น ไม่น่าจะมีปัญหากับการหยิบขวดแชมพูที่เราใช้อยู่ ไปอาบน้ำให้สุนัขร่วมด้วย แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เพราะในแชมพูของคน มีส่วนผสมที่สุนัขอาจเกิดการแพ้ และตัวสุนัขมีค่า ph ความเป็นกรดและด่างจากจากคน ผลที่ได้จากการใช้แชมพูคนอาบให้สุนัข อาจทำให้ผิวหนังของสุนัขแห้ง, เกิดอาการคัน และมีผื่นขึ้น ซึ่งเป็นตัวบอกถึงอาการแพ้
นอกเหนือจากนั้นอาจเป็นสาเหตุ ให้สุนัขเกิดขนร่วง และหลายคนเจอกับปัญหาตั้งแต่ครั้งแรก ในการใช้แชมพูคนอาบน้ำให้สุนัขคือ สีขนที่ไม่สม่ำเสมอ หรือที่เรียกกันว่า ขนสีตก นั่นเอง ดังนั้นเราควรเลือกแชมพูที่ผลิตออกมาเฉพาะใช้กับสุนัขเท่านั้น
เพราะการอาบน้ำสุนัขเพียงแค่อาทิตย์ละครั้ง เราจึงควรใส่ใจเรื่องผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้กับสุนัขอย่างระมัดระวัง
หลังอาบน้ำสุนัขไม่ต้องเช็ดตัวให้แห้งก็ได้
เราอาจจะเห็นว่าทุกครั้งที่สุนัขตัวเปียก ไม่ว่าจะเป็นจากการเล่นน้ำ หรืออาบน้ำก็ตาม จะมีการสะบัดตัว เพื่อให้น้ำกระเด็นออกจากขน หลายคนเลยคิดว่า หลังการอาบน้ำก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเช็ดตัว หรือเป่าให้แห้งก็ได้ ให้สุนัขสะบัดขน
และออกไปวิ่งเล่น โดนลม โดนแดด เดี๋ยวขนก็แห้ง สิ่งเหล่านี้อาจทำให้สุนัขเกิดเชื้อราบนผิวหนัง หรือเกิดโรคผิวหนังตามมา จากการที่ขนภายนอกแห้ง แต่ผิวหนังด้านในยังมีความชื้นหลงเหลืออยู่
วิธีอาบน้ำสุนัข ให้เหมือนเข้าร้าน
สรุป
การทำความสะอาดให้สุนัขด้วยวิธีการอาบน้ำ เราอาจจะมองดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่กลับมีรายละเอียด และจุดที่ควรระวังหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้กับสุนัข รวมถึงวิธีการอาบน้ำให้สุนัข เพราะสุนัขจะได้รับการอาบน้ำเพียงแค่ 1 อาทิตย์ต่อครั้งเพียงเท่านั้น ดังนั้นจึงถือว่า เป็นช่วงเวลาที่เราอาจจะต้องใส่ใจ และทุ่มเทเวลานั้นเพื่อให้สุนัขมีความสะอาดจริงๆ
อีกทั้งหลังการอาบน้ำเสร็จ ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดตัว, เช็ดหู หรือแม้กระทั่งการเช็ดที่ก้น และส่วนที่ขับถ่าย ซึ่งต้องใส่ใจในเรื่องความแห้ง ไม่ควรให้เกิดความชื้นตามลำตัว หรืออวัยวะตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะช่วงวัยของสุนัขที่ยังเป็นลูกสุนัข หรือสุนัขที่อยู่ในช่วงวัยที่อายุมากก็ตาม ถือว่าเป็นช่วงอายุที่เรายิ่งต้องใส่ใจดูแลมากเป็นพิเศษ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ, การเลือกใช้แชมพู มีความสำคัญเท่าๆ กับอาหารที่สุนัขกินเข้าไป เพราะทุกอย่างจะเป็นผลลัพธ์ออกมาให้สุนัขมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และสมบูรณ์ รวมถึงบ้าน หรือห้องพักก็ควรมีการดูแลเรื่องความสะอาด เพราะอย่าลืมว่าเพียงแค่มีเห็บหมัดกัดสุนัขเท่านั้น สุนัขของเรามีสิทธิที่จะเกิดโรคหนอนพยาธิหัวใจ และอีกหลายโรคตามมาได้
ซึ่งอาการของโรคเหล่านี้ และผลพ่วงที่จะตามมา อาจจะไม่ได้รักษาให้หายได้ง่าย รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาอีกต่างหาก ดังนั้นเพียงแค่เราดูแลสถานที่อยู่อาศัย และควรระวังที่สาธารณะที่มีการพาสุนัขหลายตัวเดินตามพื้น เพราะอย่าลืมว่าหมัดสามารถกระโดดจากสุนัขตัวอื่นมาที่สุนัขของเราได้ อีกทั้งยังอยู่บนพื้น และลอยตามลม รวมถึงการอาบน้ำด้วยแชมพูสำหรับสุนัขเท่านั้น
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
แชมพูสุนัข Hana Pet
– สามารถอาบได้ทุกวันช่วยควบคุมกลิ่น ไม่มีน้ำ
– ไม่ต้องล้างออก ขจัดสิ่งสกปรกเฉพาะจุดได้ เช่น เท้า
– ช่วยรักษาขน ให้นุ่มไม่หลุดร่วง
แชมพูสุนัข Puppy Potion Love
– ฟองนุ่ม ปราศจากกลิ่น ช่วยบำรุงขนไม่ให้หลุดร่วง
– ลดอาการคัน อักเสบจากผิวหนังอักเสบ
– ช่วยเสริมสร้างการผลัดขนใหม่
แชมพูสุนัข Auro – Kleen
– เหมาะสำหรับสุนัข/แมวทุกสายพันธุ์ โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย
– สามารถล้างบนใบหน้าไม่เป็นอันตรายต่อดวงตา
– ล้างออกง่าย สะอาดหมดจด ไม่ทิ้งสารตกค้าง
แชมพูสุนัข Quick & Rich
– กลิ่น รีเฟรช ซาวอง หอมสดชื่น ยาวนาน
– ฟองน้อย ล้างออกง่าย สะอาดไม่ทิ้งสารตกค้าง
– ช่วยบำรุงเส้นขนให้เงางาม สุขภาพดี
แชมพูสุนัข ORGA
– กลิ่นสัปปะรด หอมสดชื่น
– ช่วยลดเชื้อโรคแบคทีเรียนต้นกำเนิดของโรคผิวหนัง
– ช่วยลดอาการระคายเคือง จากผิวอักเสบ อาการคัน
– ลดการหลุดร่วงของเส้นขน บำรุงขนให้มันเงางาม
แชมพูสุนัข Petsmile
– แชมพูผสมคอนดิชั่นเนอร์ บำรุงเส้นขนให้เงางาม
– ป้องกันการเกิดขนพันกัน ขนร่วง ขนหยาบ
– กำจัดกลิ่นเหม็นในตัวสุนัขพันธ์ุชิสุโดยเฉพาะ
แชมพูสุนัข Kai
– ช่วยลดอาการคัน ระคายเคือง ผิวหนังอักเสบ
– มีเม็นทอลช่วยให้เย็นสบายเวลาอาบน้ำ สดชื่น
– บำรุงขนให้เงางาม ไม่หลุดร่วง
– ช่วยลดรังแค ป้องกันการเกิดเชื้อราในผิวหนัง
แชมพูสุนัข Pure Green
– ช่วยบำรุงเส้นขนให้เงางาม ไม่ขาดหลุดร่วง
– สามารถใช้อาบน้ำสุนัขได้ทุกสายพันธ์ุ ทุกช่วงวัย ทุกเพศ
– ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราในผิวหนัง
แชมพูสุนัข Diamond Coat
– เหมาะสำหรับสุนัขทุกสายพันธุ์ และทุกช่วงวัย
– สกัดมาจากสารธรรมชาติ 100% ไม่มีน้ำมัน
แชมพูสุนัข Gager
– เหมาะสำหรับสุนัขทุกสายพันธ์ุ ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย
– ช่วยลดอาการผิวหนังอักเสบ เสริมสร้างให้ผิวสุขภาพดี