10 น้ำยายืดผม ยี่ห้อไหนดี 2024 ผมตรงนาน เงางามเป็นธรรมชาติ

น้ำยายืดผม คืออะไร

คือ น้ำยาที่เข้าไปปรับโครงสร้างภายในของเส้นผม โดยจะเริ่มเข้าไปส่วนชั้นกลางของตัวเส้นผมก่อน หรือที่เรียกว่า Cortex นั่นเอง เพื่อให้เส้นผมมีความยืดหยุ่น และมีเส้นผมที่เหยียดตรง ตัวน้ำยาจะมีความเป็นด่างซึ่งมีค่า ph อยู่ที่ 8-14

ซึ่งเราจะสามารถเรียกน้ำยา ในส่วนที่ปรับสภาพเส้นผมให้มีความอ่อนตัวได้ว่า รีเล็กเซอร์ หรือ Relaxers

โดยปกติแล้วเส้นผมคนเรา จะมีค่า ph อยู่ที่ 4.5-5.5 มีการจัดระดับค่าของความเป็นกรด และเป็นด่างคือ หากเริ่มต้นที่ระดับ 1 คือมีค่าความเป็นกรดมาก และระดับที่ 14 จะมีค่าความด่างมาก

ดังนั้นเมื่อผมที่ผ่านการใช้น้ำยายืดผมแล้วนั้น จะมีข้อดีคือ อ่อนตัว และปรับรูปทรงตามที่เราต้องการ คือการรีดเส้นผมให้ตรง แต่ในทางกลับกันนั้น ก็ทำให้สภาพเส้นผมเกิดแห้ง และเปราะขาดง่ายด้วยเช่นกัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการยืดเอง, ยืดผมแบบสระ หรือยืดผมแบบหวีนั้น หลังผ่านการยืดผมแล้ว เราควรที่จะมีการปรับสภาพ และบำรุงเส้นผมให้มีสภาพสมบูรณ์ และแข็งแรงจากเนื้อในของเส้นผม ซึ่งจะช่วยป้องกันให้ผมไม่เสีย และในส่วนของน้ำยาที่ใช้ยืดผม หรือครีมยืดผมนั้น มีส่วนประกอบของตัวสารเคมี ที่สามารถแยกออกได้ ดังนี้

ประเภทของน้ำยายืดผม

ในการยืดผมนั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะมีความต้องการที่ตรงกันคือ สภาพเส้นผมที่เหยียดตรง และที่สำคัญคือ ต้องไม่ชี้ฟู หรือพอง แต่ในน้ำยาที่ใช้ในการยืดผมนั้น มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบหวี ที่อาจจะมีการใช้ง่ายกว่าแบบสระ

แต่ในขั้นตอนการยืดก็จะมีทั้งความคล้ายกัน และแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย โดยสรุปหากต้องการความง่าย และสะดวกสบาย, รวดเร็ว การเลือกการยืดผมแบบใช้หวี ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

นอกจากเราจะได้ความรวดเร็วจากการยืดผมแล้วนั้น ในบางยี่ห้อมีกลิ่นไม่แรง หรือไม่มีกลิ่นเหม็นทั้งในขั้นตอนการยืดผม และหลังจากยืดผมร่วมด้วย รวมถึงเรายังสามารถยืดเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ถือว่าเป็นการประหยัด แถมยังได้เส้นผมยาวตรงสวยงามได้ในแบบที่ไม่แตกต่างกันอีกด้วย

แบบหวี

เป็นน้ำยาที่มาพร้อมกับ ขวดที่ใส่น้ำยาให้สะดวกสบายในการใช้ต่อครั้ง เราจะสังเกตได้ว่าปลายขวดที่ให้มา จะมีด้านบนเป็นหวีเพื่อใช้ในการปาดน้ำยายืดผมลงนนเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ หรือวิธีการใช้งานจะง่าย และสะดวกมากกว่าในรูปแบบสระ ที่สำคัญหลังทำการสระเรียบร้อยแล้ว ทำให้เส้นผมมีความเหยียดตรง และนุ่มสวย เสมือนกับการไดร์ผม หรือหนีบผมทุกเช้าเลยทีเดียว

แบบสระ

ส่วนใหญ่จะมีบรรจุภัณฑ์เป็นแบบซอง ที่มีการแยกออกมาเป็น 2 ซอง หรือ 2 ชุดน้ำยา ก็คือ น้ำยาซองแรก ที่ใช้ในการเปิดเกล็ดผม หรือให้เส้มผมมีความอ่อนตัวลง อย่างเช่น จากเส้นผมที่มีลักษณะหยักศกนั้น  น้ำยาก็จะซึมเข้าไปเนื้อผมชั้นกลาง หรือ Cortex ให้มีความอ่อนตัวมากขึ้น ในการใช้น้ำยาส่วนแรกนี้ เป็นเพียงการปาดน้ำยาให้ทั่วเส้นผมเท่านั้น

แต่สำหรับในบางยี่ห้อ ที่มีตัวหวีมาเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้ ที่สามารถนำน้ำยาปาดบนหวี และหวีลงบนเส้นผม ซึ่งหวีก็จะมีลักษณะเป็นซี่ที่ห่างกัน โดยรวมขั้นตอนวิธีการใช้จะเหมือนกัน เพียงเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้เท่านั้น เมื่อผ่านการลงน้ำยาส่วนที่ 1 แล้ว จึงล้างด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น

ส่วนในขั้นตอนสำหรับน้ำยาส่วนที่ 2 หรือน้ำยาโกรก ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับ การใช้ยายืดผมในแบบนี้ คือ เมื่อสระผมเสร็จจากขั้นตอนแรกแล้วนั้น จะต้องมีการรีดผม ให้ทั่วทุกเส้น โดยแบ่งช่อผมออกเป็นช่อเล็กๆ จากนั้นจึงสามารถลงน้ำยาโกรก ที่เป็นส่วนทำให้เส้นผมเหยียดตรงนั่นเอง เสร็จแล้วให้ล้างด้วยน้ำเปล่า

ในแต่ละส่วนของน้ำยานั้น ควรมีการทิ้งไว้ 20 นาที เพื่อให้น้ำยาในแต่ละส่วนทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ จากนั้น ในขั้นตอนสุดท้ายหลังล้างน้ำยาแล้ว จึงสามารถลงทรีทเม้นท์ หรือครีมนวด แล้วล้างออกให้สะอาด เราจะเห็นได้ว่า สภาพเส้นผมที่ได้มีความเหยียดตรง ไม่ต่างไปจากน้ำยาใช้ยืดผมในแบบหวีเลย

วิธีใช้น้ำยายืดผมเองแบบหวี

1.รูปแบบขวดของน้ำยา จะมีหัวขวดเป็นหวี เพื่อให้เรามีความสะดวกในการใช้ร่วมด้วย

2.สระผมด้วยแชมพู และไม่ต้องลงครีมนวด เช็ดผมให้หมาดๆ

3.จากนั้นให้กดบีบน้ำยาที่ละน้อย สังเกตดูว่าน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาตามซี่ของหวี แล้วหวีลงบนเส้นผม

4.โดยระวังหากเป็นผู้ที่มีผมเสียมาก ควรเว้นทั้งส่วนโคนผม และปลายผมประมาณอย่างน้อย 2 เซนติเมตร โดยเน้นการหวีในช่อผมเล็กๆ เพื่อให้คลุมพื้นที่ของเส้นผมได้ครบทั้งศีรษะ

5.ทิ้งน้ำยาไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยแชมพู และครีมนวดผม หรือทรีทเม้นท์ เพื่อช่วยบำรุง และฟื้นฟูผมไปในตัว

6.เป่าผมให้แห้ง เราจะเห็นว่าเส้นผมมีความเรียงตัว และเหยียดตรงสวยงาม

วิธีเลือกซื้อน้ำยายืดผม

1.เลือกตามรูปแบบการยืดผม

น้ำยายืดแบบสระ

ขั้นตอน และอุปกรณ์ในการใช้อาจจะมีความยุ่งยาก ทั้งการแยกน้ำยาออกเป็น 2 ชุด อย่างน้ำยาตัวแรกที่ช่วยให้เส้นผมอ่อนตัวลง และน้ำยาอีกชุด ที่ช่วยในการเหยียดผมให้ตรง รวมถึงขั้นตอนในการยืดผมนั้นก็มีความยุ่งยากกว่า รูปแบบน้ำยายืดผมในแบบหวีอีกด้วย

น้ำยายืดแบบหวี

ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการยืดผม ที่มีการคิดค้น และออกแบบมาเพื่อเน้นในการใช้งานให้ง่าย เหมาะสำหรับการยืดผมได้เองที่บ้าน อีกทั้งในบางยี่ห้อนั้น ยังมีกลิ่นของน้ำยาที่ไม่แรง หรือบางยี่ห้อไม่มีกลิ่นเหม็นเลย เพราะปัญหากลิ่นน้ำยานี้ จะเป็นปัญหามากสำหรับหลายคน ทั้งในช่วงที่ยืดผม และหลังจากยืดผมแล้ว

2.เลือกจากเทคโนโลยีของน้ำยายืดผม

Crystallizing Thermal Straight System

ช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรง มีความเงางามหลังการยืดผมแล้ว

X-Tenso

ทำให้ผมมีความชุ่มชื้น มีความเงางาม และเหยียบตรง อีกทั้งยังช่วยให้เส้นผมดูนุ่มสวยเป็นธรรมชาติ

Active Care + Complex

ช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรง และที่สำคัญคือ ทำให้เส้นผมสามารถที่จะทนต่อความร้อนได้ ในขณะที่ต้องใช้เครื่องหนีบผม สำหรับขั้นตอนในการยืดผม

3.เลือกจากสารสกัดที่บำรุงเส้นผม

ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบจากสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง น้ำมันจากธรรมชาติ หรือ Oil Natural, กลีเซอรีน, ว่านหางจระเข้ หรือเมล็ดเจีย และยังมีมากมาย ที่เป็นส่วนประกอบในการคิดค้น และนำมาปรับเข้ามาในผลิตภัณฑ์ในการยืดผม ในแต่ละยี่ห้อ ที่มีคุณสมบัติในการช่วยให้เกิดการฟื้นฟู และปรับสภาพเส้นผมให้มีความแข็งแรง และนุ่มสวยอย่างเป็นธรรมชาติ

วิธีเก็บรักษาน้ำยายืดผม

การเก็บรักษาน้ำยายืดผมนั้น ในกรณีที่เราซื้อมาแล้วยังไม่ได้เปิดใช้ หรือแม้แต่ในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมยืดผม , ครีมกัดสีผม , ทรีทเม้นท์ผม , สีย้อมผม , วิตามินบำรุงผม , น้ำยาดัดผม , ยาสระผมแก้รังแค , ครีมหมักผมเคราติน , แชมพูออแกนิค , น้ำยาโกรกผม ก็ตาม ควรจะเป็นที่ๆ มีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ว่าจะเป็นตู้วาง หรือชั้นวางเปิดให้อากาศเข้าออกได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีการเช็ควันหมดอายุก่อนการใช้งานร่วมด้วย

วิธีดับกลิ่นน้ำยายืดผม

โดยปกติแล้วหลังจากการยืดผม 2 วัน ที่เราสามารถสระด้วยแชมพู เพื่อล้างสารเคมีที่ใช้ในการยืดผม กลิ่นของน้ำยาก็จะค่อยๆ จางไป ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่เราจำเป็นต้องเลือกซื้อ น้ำยาอย่างดีที่ใช้ในการยืดผม ที่นอกจากใช้ดี, ผมไม่เสียแล้ว ยังมีผลต่อเนื่องทั้งในขั้นตอนการยืดผม และหลังจากยืดผม ในเรื่องของ กลิ่นไม่แรง และไม่เหม็นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตามหากผ่านไป 2 วันแล้ว สระผมด้วยแชมพูแล้ว ผมยังไม่หายเหม็นจากน้ำยา เราอาจจะสามารถใช้วิธีการดีท็อกซ์ หรือกรรมวิธีในการขับล้างสารเคมี ที่อาจหลงเหลือติดหนังศีรษะเราออกไปจนหมด กลิ่นเหม็นก็จะค่อยๆ จางหายไป ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 วิธีคือ

1.วิธีธรรมชาติ

เมื่อเป็นส่วนประกอบ หรือสิ่งที่มาจากธรรมชาติ จะเป็นที่รู้กันว่า มีความปลอดภัยสูง โดยเฉพาะหากเป็นขั้นตอน การขับเอาสารพิษ หรือสารเคมีที่เกิดจากการใช้น้ำยายืดผมด้วยแล้วนั้น ก็ควรที่จะเลือกใช้พืชที่เป็นธรรมชาติ หรืออาหารเสริมและบำรุงผมที่มาจากธรรมชาติ จะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ที่สามารถขับสารเคมีออกจากเส้นผม และหนังศีรษะได้ อีกทั้งยังบำรุงเส้นผมไปได้ในเวลาเดียวกัน

ชาเขียว

นำน้ำมาต้มให้เดือด แล้วนำใบชาเขียว 1 กำมือใส่ในน้ำเดือดจัด แล้วปิดไฟ เมื่อน้ำชาเขียวเย็นลง ให้กรองเอาเฉพาะตัวน้ำ และนำมาชะล้างผม หลังจากที่ได้สระด้วยแชมพูแล้ว ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้น หรืออาจจะเปลี่ยนวิธีสลับกับอีกหลายวิธีด้านล่างนี้ก็ได้

แอปเปิ้ลไซเดอร์

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า แอปเปิ้ลไซเดอร์ ไม่ใช่น้ำผลไม้แอปเปิ้ล แต่เป็นน้ำส้มสายชู ที่เกิดจากการหมักผลแอปเปิ้ล หรือเป็นการหมักแอปเปิ้ลกับยีสต์ เพื่อให้ได้แอปเปิ้ลไซเดอร์ ซึ่งมีรสเปรี้ยวเหมือนน้ำส้มสายชูทั่วไป แต่มีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ล และมีความเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยในการใช้กับเส้นผมได้ดีกว่า

นำน้ำแอปเปิ้ลไซเดอร์ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 1 ถ้วย และครีมนวดผม 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นชโลมให้ทั่วเส้นผม และทิ้งไว้ 2-5 นาที หากมีสภาพผมที่แห้ง และขาดร่วง ควรที่จะเน้นไปที่โคนผม และปลายผมร่วมด้วย จากนั้นล้างออกด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ หลีกเลี่ยงจากน้ำอุ่น หรือน้ำที่มีอุณหภูมิที่สูงจนเกินไป เพราะนอกจากจะทำให้ผมเสียเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับหนังศีรษะ ไม่ว่จะเป็นการเพิ่มความมันขึ้นบนเส้นผมมากขึ้น

โยเกิร์ต

นำเอาโยเกิร์ตรสจืด ที่ไม่มีน้ำเชื่อม หรือผลไม้ใดๆ มาผสมอยู่ สำหรับวิธีนี้ง่ายๆ ด้วยการนำเอาโยเกิร์ตรสธรรมชาตินี้ มาชโลมบนเส้นผมให้ทั่ว โดยเฉพาะหากเรารู้สึกว่า ทั้งโคนและปลายเส้นผมมีความแห้ง และแตกปลายร่วมด้วย ให้เน้นบริเวณเฉพาะจุดนั้นๆ เป็นพิเศษ หมักไว้เป็นเวลา 20-30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติเท่านั้น

โยเกิร์ตก็จะเหมือนเป็นอาหารของเส้นผม แต่เป็นอาหารธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านการผลิตที่มีส่วนผสมของสารเคมีร่วมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการนำเอาโปรตีนเข้าบำรุงเส้นผมโดยตรง แต่วิธีนี้ไม่แนะนำในการดีท็อกซ์เกิน 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพราะอาจจะส่งผลให้ทั้งเส้นผม และหนังศีรษะมีความมันจนเกินไป

น้ำมันมะพร้าว

การดีท็อกซ์ด้วยน้ำมันมะพร้าวนั้น ไม่เพียงที่นิยมในการขับสารพิษออกจากทางร่างกายแล้ว ยังสามารถใช้กับเส้นผมของเรา โดยเฉพาะเส้นผมที่ผ่านการดัด หรือยืดผมมาก็ตาม หลังการทำแล้ว จะช่วยให้ผมนุ่มสวย แต่ไม่ลีบแบน

อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผม ที่ผ่านการยืดผมมา ให้มีสุขภาพผมที่ดี พร้อมที่จะยืดผมได้ต่อไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า เรียกว่าเป็นการฟื้นฟูเส้นผม เพื่อให้มีสภาพเนื้อผมที่พร้อมในการยืดครั้งต่อไปก็ได้

ก่อนอื่นเราควรเปิดตัวเนื้อผม ด้วยการล้างผมด้วยน้ำอุ่นก่อน จากนั้นซับให้หมาดๆ ด้วยผ้าขนหนู แล้วจึงค่อยๆ ชโลมน้ำมันมะพร้าวลงให้ทั่วศีรษะ ตั้งแต่โคนผมถึงปลายเส้นผม แต่ไมควรลงมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้หนังศีรษะมัน จากนั้นสระด้วยแชมพู และน้ำในอุณหภูมิที่ปกติ ควรทำไม่เกินสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น

2.ใช้แชมพู หรือครีมนวดสูตรดีท็อกซ์

ในวิธีธรรมชาติข้างต้นนี้ เราอาจจะสามารถสลับกันไปมาได้ หรือสามารถที่จะสลับในการดีท็อกซ์ร่วมกับ แชมพู หรือครีมนวดผม ที่ในปัจจุบันนี้มีการออกมาเป็น สูตรดีท็อกซ์ในการชำระล้างสารพิษ หรือสารเคมีต่างๆ ที่มาจากการทำสี, ยืด หรือดัดผมก็ตาม

คำถามที่พบบ่อยของน้ำยายืดผม

น้ำยายืดผมหมดอายุกี่ปี

หากในกรณีที่เราซื้อน้ำยาที่ใช้ในการยืดผมมาแล้ว ไม่มีวันหมดอายุบอก เราสามารถเก็บไว้ได้ไม่เกิน 18 เดือน หรือ 1 ปีครึ่งเพียงเท่านั้น เพราะหากเกินแล้ว นำมาใช้กับเส้นผม อาจเกิดผมเสียกับเส้นผมของเรา อันเนื่องมาจากน้ำยาหมดอายุนั่นเอง ซึ่งมีผลทำให้เส้นผมแห้ง, ขาดหลุดร่วง หรือแตกปลาย

ทำไมยืดผมแล้วห้ามสระผม

น้ำยาที่มีการแทรกซึมเข้าสู่ชั้นในของเส้นผมนั้น จะมีการปรับโครงสร้างตัวเส้นผมให้มีความตรง และจะมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ตอนที่ทำการลงน้ำยายืดผม นับต่อไปอีกหลังจากทำการยืดผมเสร็จเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

เพราะหากมีการสระผม หรือให้น้ำโดนในส่วนที่ทำการยืดผมแล้วนั้น การปรับโครงสร้างเพื่อให้ผมตรง ก็จะหยุดการทำงาน เมื่อน้ำยาโดนชะล้างออก

รวมถึงไม่เพียงแต่การห้ามสระผมเท่านั้น ที่จะช่วยให้เส้นผมหลังการยืด มีสภาพยาวตรงอย่างสวยงามแล้ว ควรเลือกน้ำยาที่ใช้ในการยืดผมอย่างดี, กลิ่นไม่แรง, ไม่เหม็น ไม่ว่าจะเป็นแบบยืดเอง, แบบสระ หรือแบบหวีก็ตาม ทั้งหมดนี้หมายถึงเป็นน้ำยาที่ใช้ดี และเป็นการป้องกันผมไม่เสียอีกด้วย เพราะอย่าลืมว่าการยืดผมครั้งเดียว จะสามารถอยู่ได้อีก 6 เดือนทีเดียว

น้ำยายืดผมอยู่ได้กี่วัน

ข้อดีของตัวน้ำยาที่ใช้ในการยืดเอง ไมว่าจะเป็นแบบสระ หรือแบบหวีนั้น หลังจากวันที่ยืดผมเสร็จ และลงน้ำยาตัวสุดท้าย รวมถึงทิ้งไว้ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วันแล้ว เพื่อให้น้ำยาได้แทรกซึมเข้าตัวส่วนเนื้อในเส้นผม

ผมจะมีสภาพเหยียดตรง และรวมถึงตัวน้ำยาจะสามารถอยู่กับเส้นผม ได้ประมาณ 6 เดือนหรือครึ่งปีโดยประมาณ ทั้งนี้ผมก็จะมีการยาวในแต่ละเดือน

เราจะเห็นได้ว่าโคนผมที่ยาวขึ้น หากเป็นผู้ที่มีลักษณะเส้นผมที่หยักศก จะเห็นได้ชัดว่าจะมีเพียงแค่ส่วนผมที่ยาวเพิ่มขึ้นเท่านั้น ที่มีลักษณะเส้นผมเริ่มไม่ตรง แต่อย่างไรก็ดีต่อการยืดผม 1 ครั้ง ผมจะมีลักษณะเหยียดตรงได้แบบสวยงามได้ถึงครึ่งปีเลยทีเดียว

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่เราควรเลือกน้ำยาอย่างดี, ไม่เหม็น หรือกลิ่นไม่แรง รวมถึงใช้ดี, สะดวก และผมไม่เสีย ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถจะทำการยืดผมไปได้เรื่อยๆ หลังจาก 6 เดือนไปแล้ว

ยืดผม ด้วยตัวเองครั้งแรก บอกทุกขั้นตอน ตั้งแต่ต้นจนจบ

สรุป

ถึงแม้ใครหลายคนจะบอกว่า เรื่องความสวยความงาม จะต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการแต่งหน้า, การเลือกชุดแต่งตัว หรือแม้แต่การดูแลในเรื่องเส้นผมก็ตาม และสำหรับใครหลายคน ที่มองว่าปัญหาผมไม่เหยียดตรงสวยนั้น เป็นเรื่องที่แก้ยาก หรือต้องใช้เวลาในการยืดผมนาน แต่สำหรับวันนี้สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการยืดผมเองได้ที่บ้าน โดยใช้น้ำยายืดผม โดยที่เส้นผมที่ได้หลังจากการยืดนั้น มีความเรียบตรง อีกทั้งยังประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายอีกด้วย

ดูแลบทความโดย พิมพ์ฉัตร

ยุ้ย พิมพ์ฉัตร การศึกษาปริญญาตรี บริหารทรัพยากรมนุษย์ มีประสบการณ์และเป็นนักค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นนักทดสอบผลิตภัณฑ์ออกใหม่เพื่อดูแลเส้นผมแบรนด์ดังหลายแบรนด์

• Facebook
• X
• Line