10 ผ้าปูที่นอน แบบไหนดี 2024 เย็น นุ่ม นอนสบาย ระบายอากาศดี

ผ้าปูที่นอน คืออะไร

คือ ส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องนอนที่มีทั้ง ผ้าปูเตียง, ปลอกหมอน, ปลอกหมอนข้าง, ผ้าคลุมเตียง, ผ้ารองที่นอน และผ้านวม เป็นต้น เครื่องนอนทั้งหมดนี้ เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ใช้ในการนอนหลับของเรา

เป็นเครื่องนอนที่เราใช้ในการปูหุ้มเตียงนอน เพื่อให้มีพื้นผิวภายนอกที่น่านอน,  ให้ความรู้สึกลื่น, นุ่ม, สามารถระบายอากาศได้ดี, ช่วยในการดูแลรักษาความสะอาดได้ง่าย และยังช่วยถนอมที่นอน เพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังสามารถเลือกลาย ความสวยงาม และเนื้อผ้าของผ้าปูที่นอนได้ตามความต้องการ

ขนิดของผ้าปูที่นอน

แบ่งตามเนื้อผ้า

1.ผ้าใยธรรมชาติ 100%

หรือตามที่เราเข้าใจว่าเป็นผ้าฝ้าย 100% หรือผ้าคอตตอนนั่นเอง ซี่งโดยลักษณะส่วนใหญ่แล้ว เราหลายคนมักที่จะเลือกเนื้อผ้าขนิดนี้เพื่อมาเป็นผ้าปูเตียง เพราะมีการดูแลรักษาในเรื่องของการซักที่ง่าย อีกทั้งตัวเนื้อผ้ายังมีความนุ่ม เนื้อผ้าเบา ผู้ใช้ที่มีผิวสัมผัสที่แพ้ง่าย หรือระคายเคืองได้ง่าย ก็สามารถที่จะใช้เนื้อผ้าชนิดนี้ได้

ในขณะที่ปูลงบน ที่นอนสปริง , ที่นอนยางพารา , ที่นอน 3.5 ฟุต เราจะรู้ได้ทันทีว่า เนื้อผ้ามีความสามารถระบายอากาศได้ดี ซึ่งหมายรวมถึงการระบายความร้อน ในขณะที่เรานอนหลับทั้งคืน ในบางครั้งเราอาจจะเปิดเพียงแค่พัดลมเท่านั้น

และหากเราเลือกซื้อแบบเป็น ชุดเครื่องนอน ที่มีทั้งปลอกใส่ หมอนยางพารา หรือเราอาจจะใช้เป็น หมอนขนห่าน หรือ หมอนขนเป็ด เราจะรับรู้ได้ถึงความน่านอนของชุดเครื่องนอนที่เป็นเนื้อผ้าชนิดนี้

2.ผ้าซาติน หรือโพลีเอสเตอร์

เป็นเนื้อผ้าที่มีการทอมาจากใยสังเคราะห์อย่าง เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ซึ่งจะให้ลักษณะเด่นของเนื้อผ้าคือ เป็นชุดเครื่องนอนที่ให้ความพลิ้วไหว เนื้อผ้ามีความลื่น, มัน และสิ่งที่ผู้ใช้หลายคนชอบก็คือ ให้ความเย็นในเวลาที่นอน

ซึ่งเหมาะกับประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างยิ่ง แต่ในทางกลับกัน บางคนก็อาจจะไม่ชอบเนื้อผ้าแบบนี้ ที่มักจะมีปัญหาในการพลิกตัวบนเตียง และเนื้อที่ให้ความลื่นมากเกินไป

3.ผ้าฝ้าย 100% ผสมกับผ้าซาติน

เป็นการทอเนื้อผ้าที่สลับริ้ว โดยเน้นผ้าฝ้าย 100% กับผ้าซาติน  เนื้อผ้าชนิดนี้จะเน้นในเรื่องการแก้จุดบกพร่องของเนื้อผ้าซาติน ที่มีความมัน และลื่นมากจนเกินไป การเติมเส้นใยฝ้ายเข้าไป จะทำให้เนื้อผ้ามีความนุ่ม และเบาเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มความสบายผิวเมื่อสัมผัส และลดความลื่นในตัวเนื้อผ้าลง

4.ผ้าสักลาด หรือผ้ากำมะหยี่

จุดเด่นของเนื้อผ้าชนิดนี้คือ การให้ความอุ่นได้ดี เราจึงมักเห็นผู้คนในแถบยุโรป ที่มีอากาศหนาว หรือหิมะตก นิยมใช้เนื้อผ้าชนิดนี้เป็นทั้งผ้าคลุมเตียง และผ้าปูที่นอน ซึ่งหากนำมาใช้ในประเทศเขตร้อนนั้น เนื้อผ้าอาจจะมีการระบายความร้อนได้ไม่ดีเท่ากับเนื้อผ้าที่เป็นใยฝ้าย แต่ในจุดเด่นก็มีคือ เนื้อผ้ามีความหนา และนุ่ม

5.ผ้าใยไผ่

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนอกเหนือจากใยฝ้ายธรรมชาติแล้ว เนื้อผ้าใยไผ่ขนิดนี้มีจุดเริ่มต้น ในความนิยมนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า, ชุดเครื่องนอน รวมถึงชุดชั้นในทั้งของผู้ชาย และผู้หญิงร่วมด้วย โดยเฉพาะในประเทศจีน และญี่ปุ่นนั้นมีความนิยมสำหรับเนื้อผ้าชนิดนี้ เราจะเห็นได้ว่าประเทศจีนมีการปลูกต้นไผ่ และเป็นแหล่งผลิตสินค้า ที่มีการนำเอาต้นไผ่มาแปรรูปเป็นสินค้าหลายชนิดด้วยกัน

เส้นใยไผ่เมื่อนำมาทอเป็นผ้า และรวมถึงการนำมาผลิตเป็นผ้าปูเตียงนั้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหา ผิวหนังที่มีความระคายเคืองง่าย, อีกทั้งเนื้อผ้าที่มีความบางเบา, เรียบ และลื่นนั้น ยังเทียบเท่าได้กับใยฝ้ายจากธรรมชาติอีกด้วย

แต่สิ่งที่เนื้อผ้าชนิดนี้ ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศเราคือ การที่เนื้อผ้าสามารถปรับสภาพตามอุณหภูมิของห้องนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น อากาศภายในห้องร้อน เนื้อผ้าจะให้ความเย็นสบาย

ในอีกทางหนึ่งหากนำมาใช้ในช่วงหน้าหนาว เนื้อผ้าจะให้ความอบอุ่น รวมถึงการดูดซับความอับชื้นได้ดี ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อรา หรือกลิ่นเหม็นอับ รวมถึงใยไผ่จะมีสาร Bamboo Kun ที่ป้องกันการเกิดเชื้อแบตทีเรียได้อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลความสะอาดสำหรับเครื่องนอนทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เครื่องดูดฝุ่นที่นอน หรือการนำผ้านวมไปตากบน ราวตากผ้าพับได้ ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะในแต่ละวันเราใช้เวลาบนเตียงไม่น้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงทีเดียว

แบ่งตามรูปแบบการปูเตียง

1.แบบรัดมุม

เป็นรูปแบบผ้าปูที่นอน ที่มีความนิยมใช้ และมีตัวเลือกสำหรับสี และลวดลายที่มากกว่าในแบบปล่อยชาย เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน หรือผู้ที่ปูเตียงได้ง่าย เพียงสอดมุมของผ้าปูเตียงเข้ากับมุมของที่นอน หรือฟูกเพียงเท่านั้น ก็จะได้เตียงที่มีการปูแน่น และตึง โดยไม่ต้องเสียเวลา และไม่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญ

2.แบบปล่อยชาย

ผ้าปูในรูปแบบนี้นั้น ส่วนใหญ่อย่างที่เราเห็นและเข้าใจกันคือ จะเน้นในการใช้งานในโรงแรม หรือห้องพัก ที่เน้นโทนสีขาวเท่านั้น เพื่อให้ผู้มาพักได้รู้สึกถึงความสะอาด อีกทั้งการปูเตียงด้วยการใช้ผ้าปูในรูปแบบนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการฝึก

และเรียนรู้การปูเตียงจนเกิดความชำนาญ อย่างที่เราอาจจะเคยเห็นๆ กันถึงวิธีการทดสอบความตึงของผ้าปูเตียง ที่เกิดจากการปูในรูปแบบนี้ คือการโยนเหรียญให้หล่นกลางเตียง เพื่อให้เหรียญเด้งขึ้น นั่นแสดงว่าความตึงของเตียงใช้ได้

สาเหตุที่ต้องบอกว่า การปลูกผ้าปูในรูปแบบนี้ อาจจะต้องมีการฝึกฝนการปูเตียงคือ การกะวางชายผ้าปูทั้งด้านซ้าย และด้านขวาให้พอดีกันทั้งสองข้าง รวมถึงการมัดปลายมุมที่ต้องมีวิธีเพื่อให้ผ้าตึง และแน่น

โดยที่ไม่ว่าจะนอนท่าไหน หรือพลิกไปทางไหน ผ้าต้องไม่หลุดออกจากเตียง และสิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ ชายผ้าด้านหัวเตียง และปลายเตียงก็ควรกะให้มีความสมดุลกัน

ขนาดของผ้าปูที่นอน

1.ขนาด 3.5 ฟุต

หรืออีกความหมายหนึ่งคือ Single Size หรือขนาด 106×198 เซนติเมตร โดยที่เรามักจะเห็นว่า ห้องนอนของเด็กที่อายุได้ 5 ขวบขึ้นไป คนตะวันตกจะเริ่มให้มีห้องนอนส่วนตัว และส่วนใหญ่จะใช้เตียงขนาดนี้ เพื่อให้เด็กได้นอนในแบบพอดีตัว และมีพื้นที่บนเตียงเผื่อเหลือเล็กน้อย เตียงขนาดเท่านี้จึงเหมาะกับผ้าปูเตียงในขนาดเดียวกัน

2.ขนาด 5 ฟุต

ซึ่งถ้าเป็นขนาดของเตียง เราอาจจะเรียกว่าเป็นเตียงขนาด Qeen Size ก็ได้ เตียงขนาดนี้อาจใช้ได้สำหรับการนอนคนเดียว สำหรับคนที่ชอบนอนที่กว้างกว่าเตียงแบบ Single Size หรือในอีกกรณีหนึ่งคือ คู่ของสามีภรรยาที่อาจจะต้องการ ประหยัดพื้นที่ภายในห้องนอน

เพื่อเพิ่มพื้นที่ส่วนที่วางโซฟามากขึ้น ซึ่งถ้าหากเป็นในส่วนของการนอน 2 คนนั้น ก็จะเป็นขนาดเตียงที่มีความพอดีตัวมากๆ ขนาดของผ้าปูเตียงที่พิจารณาเลือกซื้อ ก็ควรที่จะพอดีกับขนาดของเตียง ไม่ควรซื้อที่ใหญ๋ หรือเล็กไปเพราะคิดว่าขนาดใกล้กันเพียงเท่านั้น

3.ขนาด 6 ฟุต

ผ้าปูที่นอนในขนาดของเตียง King Size นั้นก็เช่นเดียวกับขนาด 5 ฟุต ที่ไม่สามารถที่จะใช้ร่วมกันได้ระหว่าง ผ้าปู 5 ฟุต กับเตียง 6 ฟุต แต่ควรที่จะเลือกซื้อในขนาดที่เท่ากัน เพราะหากเลือกขนาดที่เล็ก หรือใหญ่ไป นอกจากจะปูเตียงได้ไม่พอดีแล้ว ยังอาจทำให้เรานอนไม่หลับ เพราะปัญหาผ้าปูเตียงย่นก็เป็นได้

วิธีเลือกซื้อผ้าปูที่นอน

1.เลือกจากเนื้อผ้า

ซึ่งมีตัวเลือกตั้งแต่เนื้อผ้าฝ้ายจากธรรมชาติ หรือใยไผ่ที่เน้นผู้ที่มีผิวระคายเคือง หรือแพ้ง่าย หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบลวดลายที่เน้นรายละเอียดหรูหรา และเนื้อผ้าลื่น การเลือกเนื้อผ้าแบบซาตินก็จะช่วยให้เหมาะกับความชอบส่วนตัว อีกทั้งยังช่วยให้เย็นสบายในเวลานอนหลับอีกด้วย

2.เลือกจากรูปแบบการปูผ้า

มีทั้งการผ้าปูเตียงแบบรัดมุมทั้ง 4 หรือเป็นผ้าปูแบบปล่อยชาย ที่ต้องเก็บชาย และรวบให้ตึงเหมือนการปูเตียงในแบบโรงแรม ซึ่งราคาสำหรับผ้าปูปล่อยชายในปัจจุบันนี้ จะมีราคาที่ถุกกว่าแบบรัดมุม ด้วยความที่มีผู้ใช้น้อยลง และต้องมีเทคนิคในการปูเตียงโดยอาศัยความชำนาญร่วมด้วย

3.เลือกสี และลวดลาย

สีมักจะทำให้เรามีจินตนาการ สร้างความรู้สึกและอารมณ์ให้กับเราได้หลากหลาย รวมถึงการเลือกผ้าปูเตียง ก็คล้ายกับการเลือกเสื้อผ้า ที่ในแต่ละลวดลาย และสีสัน ก็สามารถที่จะบ่งบอกลักษณะเด่นของผู้ใช้คนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

ดังนั้นสีที่เราจะเลือกใช้นั้น อาจจะไม่ได้เป็นการบอกความเป็นตัวของเราเองเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความรู้สึก และอารมณ์ให้กับตัวเราเองร่วมด้วย

• เน้นลายเส้นบางเบา

ความนิยมในการตกแต่งบ้านสไตล์ตะวันออก เข้ามาเป็นความนิยมร่วมกับลักษณะการปรับเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ที่เราเน้นไปในเรื่องของการประหยัดพื้นที่มากขึ้น ใช้สอยพื้นที่ให้มีประโยชน์ไปพร้อมกับเครื่องใช้ภายในที่อยู่อาศัยที่ไม่มากนัก หรือเรียกว่า Minimal Style นั่นเอง รวมถึงเราสามารถเอาแนวคิดแบบนี้ มาใช้เลือกผ้าปูเตียงได้อีกด้วย

การเน้นความดูแล้วสบายตา ถึงแม้เราอาจจะเลือกลายเส้นที่เป็นสีแดงสด แต่เน้นสีพื้นเป็นสีขาว ตัดเส้นด้วยสีเทา หรือสีดำ เป็นอีกหนึ่งวิธีการเลือกที่ทำให้ผ้าปูนั้นๆ ให้ความรู้สึกในแบบที่มองแล้วไม่น่าเบื่อ และยังคงความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเองอีกด้วย

• สีสันโดดเด่น และชัดเจน

ในอีกทางหนึ่งที่แตกต่างไปจากการแต่งบ้าน หรือเลือกของใช้ภายในบ้านที่ดูเรียบ หรือมีความเป็นศิลปะแบบเรียบๆ ผู้ใช้บางคนอาจชื่นชอบสีสันที่มีความเข้มในตัวเนื้อสี รวมถึงเป็นภาพวาด หรือรูปภาพที่อยู่บนผ้าปูเตียง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เน้นความชอบส่วนตัว ที่ออกมาให้เห็นผ่านของใช้ และเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงผ้าปูเตียงร่วมด้วย

ซึ่งรวมถึงลายการ์ตูนที่เป็นกระแสนิยม หนังหรือโลโก้อะไรที่เป็นความชอบส่วนตัว อีกทั้งยังสามารถบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของผู้ที่เลือกใช้ได้อีกด้วยว่า เป็นคนที่ชัดเจนในความชอบของตัวเอง

และในอีกความหมายหนึ่งก็คือ ทำให้เตียงนอนเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลาย ทั้งการได้นอนสัมผัสบนเตียงที่ไร้ไรฝุ่น หมอนสุขภาพที่มีความนุ่ม และคลายกล้ามเนื้อ รวมถึงผ้าปูที่มีการเลือกจากความชอบของตัวผู้ใช้เอง

• สีพื้นเรียบในแบบเอิร์ธโทน

สำหรับการแต่งตัวเราอาจจะเคยชิน กับสไตล์ที่เรียกว่า สีเอิร์ธโทนกันแล้ว ที่เน้นในการใส่ได้ตลอดเวลา ไม่มีคำว่าตกรุ่น หรือล้าสมัย แต่สำหรับการเลือกสีและลวดลายของผ้าปูเตียง ก็สามารถที่จะนำเอาวิธีการนี้มาใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อผ้าปูได้อีกด้วย

และมีหลายยี่ห้อที่เน้นการผลิตผ้าปูเตียงในแบบสีพื้น แต่เพิ่มในเฉดสีที่แปลกใหม่ อย่างเช่น Walnut Brown, Oak Wood, White Tea หรือ Dustin เป็นต้น

เนื้อผ้าของผ้าปูเตียงที่ผลิตออกมาในแบบสีพื้น ที่เราเห็นได้บ่อยคือ เนื้อผ้าที่ทอจากใยฝ้ายธรรมชาติ และเนื้อผ้าซาติน ที่เน้นในกลุ่มผู้ใช้แบบเดียวกันคือ ความเรียบง่ายแต่ดูดี ซึ่งสีพื้นเรียบแบบนี้ สามารถใช้ได้ตลอด และสามารถนำมาใช้ปูเตียงได้แบบไม่น่าเบื่อ เพราะตัวเฉดสีที่ทำออกมา มีความน่าดึงดูด และไม่เหมือนใคร

4.เลือกจากการตัดเย็น

ผ้าปูเตียงแบบไร้รอยต่อนั้น ในช่วงที่เริ่มมีการวางขายใหม่ๆ ถือว่าเป็นสินค้าที่มีราคาแพงกว่า ผ้าปูเตียงทั่วๆ ไปอย่างมาก และทำให้หลายคนคิดว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันสักเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ที่ได้ลองใช้ดูแล้ว จะรู้ได้ทันทีว่าในขณะที่เรากำลังที่จะหลับ หรือช่วงเวลาที่เราควรจะพักผ่อน และทำให้ร่างกายทุกส่วนของเราได้รับความสบาย และผ่อนคลายมากที่สุดนั้น ผ้าปูที่มีการตัดเย็บแบบไร้รอยต่อนั้น เป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้การนอนหลับได้ดีขึ้น

5.เลือกที่มีเคลือบสารป้องกันไรฝุ่น

เราอาจจะอ่านรายละเอียดของแต่ละยี่ห้อ ที่มีการระบุว่าเป็นผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือสำหรับเด็กเล็ก ถึงแม้ว่าเตียง หรือฟูกที่เราใช้อยู่นั้น จะมีการรับประกันในเรื่องการปลอดจากไรฝุ่น และยังอยู่ในอายุการใช้งานที่ครอบคลุมอยู่แล้วก็ตาม แต่จะดีแค่ไหนหากเราใช้ผ้าปูเตียงที่ปลอดจากไรฝุ่น เพราะสุขภาพที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

ผ้าปูที่นอน ควรเปลี่ยนบ่อยขนาดไหน

ในทุกคืนที่เรานอนหลับนั้น ถึงแม้จะมีการนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยที่เราไม่มีเหงื่อไหลเลยก็ตาม การเปลี่ยนผ้าปูเตียงจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนสัปดาห์ละครั้ง เพื่อป้องกันไรฝุ่น ที่มากับเศษผม หรือรังแคที่ตกลงบนผ้าปู

3 เทคนิคเลือกซื้อ ผ้าปูที่นอน ให้เหมาะสมกับตัวเอง

สรุป

เราอาจจะรู้สึกธรรมดาไปแล้ว กับเสียงจาม หรือเสียงคัดจมูกที่หลายคนรอบตัว รวมถึงตัวเราเป็นอยู่ แต่แท้ที่จริงแล้วส่วนหนี่งเริ่มมาจาก จุดที่ใกล้กับตัวเราเองอย่างภายในห้องนอน และเตียงนอนรวมถึงผ้าปูเตียง ที่อาจมีตัวไรฝุ่นตัวการหลักที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด หรืออาจมีอาการมากกว่านั้น อย่างเช่น การไอ, จาม,ตาแดง, ขึ้นผื่นแดงตามแขน และขา, เวียนศีรษะ ซึ่งมีอาการคล้ายกับเป็นหวัด

สิ่งที่เราทำได้คือ การเลือกผ้าปูเตียงที่มีการใส่ใจในเรื่องสุขภาพ เช่นเดียวกับการผลิตหมอนเพื่อสุขภาพ  หรือที่นอนเพื่อสุขภาพ ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผ้าปูเตียงที่กันไรฝุ่น, กันแบตทีเรีย และไร้สารก่อภูมิแพ้

ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นภัยร้ายที่เข้ามาอย่างเงียบในสังคมคนเมือง ที่มีทั้งฝุ่น และสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้รอบตัว อย่างน้อยที่สุดห้องนอน และเครื่องนอนอย่างผ้าปูเตียง ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลสุขภาพ และระบบทางเดินหายใจให้กับเรา

เครื่องนอนทุกชิ้นถึงแม้ว่าจะมีความสำคัญหลักในเรื่องของ การนอนหลับที่ดี, สีสันและความชอบส่วนตัวในการเลือกซื้อแล้วนั้น อีกหนี่งอย่างที่ไม่อยากให้เราละเลยกันไปคือ การดูแลความสะอาดเครื่องนอนทุกชิ้นในเวลาที่กำหนด อย่างเช่น การซักผ้าปูสัปดาห์ละครั้ง หรือการนำผ้านวมไปซักเดือนละครั้ง เพื่อเป็นผลดีต่อสูขภาพของเราโดยตรง และมีผลต่อการนอนหลับที่ดีร่วมด้วย

ดูแลบทความโดย กองบรรณาธิการ BESTCHOICE

ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน

• Facebook
• X
• Line