สีของน้ำมูกทารก
น้ำมูกของทารกนั้น เกิดขึ้นได้จากการที่ต่อมสร้างน้ำมูก ที่อยู่ภายใต้เยื่อบุทางเดินหายใจ ที่คอยสร้างน้ำมูกเพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรค, สารระคายเคือง, สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ หรือสิ่งต่างๆ ที่จะสร้างผลกระทบหรือทำลายอวัยวะภายใน โดยน้ำมูกนี้ มีส่วนที่จะเชื่อมต่อมายัง หลอดลม, กล่องเสียง, ช่องคอ, ช่องปาก, โพรงหลังจมูก และจมูก
ซึ่งการเกิดน้ำมูกในทารก นอกจะทำให้เราได้รู้ว่าเกิดการติดเชื้อแล้วนั้น ตัวน้ำมูกยังเป็นด่านในการป้องกันการติดเชื้อ และกันเชื้อโรค สิ่งสกปรกต่างๆ ลงลึกไปถึงอวัยวะภายในได้อีกด้วย ดังนั้นการเกิดน้ำมูกขึ้น รวมถึงสีของน้ำมูก ก็ยังสามารถช่วยบอกคุณพ่อ คุณแม่ได้ถึงอาการเจ็บป่วย หรือการติดเชื้อที่ขึ้นกับลูกได้ในอีกทางหนึ่ง
สีใส
การเกิดน้ำมูกสีใส หรือลูกที่มีน้ำมูกใสไหลออกมาตลอดเวลานั้น เป็นไปได้หลายสาเหตุ ทั้งจากการเป็นหวัด, เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือแม้กระทั่งการเกิดภูมิแพ้ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวต่างๆ โดยอาการเกิดน้ำมูกใสขึ้นกับลูกของเรานั้น เป็นการบอกถึงช่วงระยะแรก ของการติดเชื้อ หรือการเริ่มต้นเกิดภูมิแพ้ขึ้น การใช้ที่ดูดน้ำมูกทารกตั้งแต่แรกเริ่ม จะช่วยให้เด็กหายใจได้โล่งจมูก และหายใจคล่องมากขึ้น
สีเหลือง
การเกิดน้ำมูกสีเหลืองกับเด็กนั้น อย่างที่เราได้มีการเกริ่นบอกตอนต้น ถึงสัญญาณที่บอกผ่านทางน้ำมูกของเด็กคือ สีของน้ำมูกเป็นการบอกถึงระดับการติดเชื้อของเด็ก ซึ่งหากเด็กเกิดน้ำมูกสีเหลืองขึ้น นอกจากจะมาจากสาเหตุอย่าง การคั่งค้างของน้ำมูกในขณะที่นอนทั้งคืนแล้วนั้น จนเช้าน้ำมูกจะกลายเป็นสีเหลือง ซึ่งหากมีการดูดน้ำมูกให้เด็กแล้ว ในระหว่างวัน ควรสังเกตดูว่า เด็กควรที่จะมีน้ำมูกสีใส
แต่ในอีกทางหนึ่ง การเกิดน้ำมูกสีเหลืองขึ้นกับเด็ก เป็นการบอกให้เราได้เตรียมระวัง เพราะเด็กเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย และสีน้ำมูกบอกให้เราได้รู้ว่า แอนติบอดี้ และเซลล์เม็ดเลือดขาว ออกมาป้องกันเชื้อโรค เพื่อไม่ให้เข้าสู่ร่างกายของเด็ก หรือป้องกันไม่ให้เชื้อโรค ลงลึกเข้าสู่อวัยวะภายในของเด็ก
ซึ่งสีเหลืองของน้ำมูกนั้น มาจากเชื้อแบคทีเรียที่ตายแล้ว, เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค, เมือกต่างๆ ในระบบทางเดินหายใจ รวมถึงหนองที่เกิดจากการติดเชื้อ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ จะทำให้เด็กหรือทารกเกิดการหายใจครืดคราด ซึ่งของเหลว, เมือก และน้ำมูกเหล่านี้จะไปอุดตันทางเดินหายใจ เราควรใช้ที่ดูดน้ำมูกทารก เพื่อช่วยให้เด็กเกิดการหายใจคล่องมากขึ้น และช่วยให้โล่งจมูก
ระยะที่เด็กเกิดน้ำมูกขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูกใส หรือสัญญาณที่บอกเราให้รู้ว่า อาการติดเชื้อของเด็กเริ่มมีมากขึ้น ผ่านสีของน้ำมูกที่เปลี่ยนมาเป็นสีเหลืองนั้น คุณพ่อ คุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากปล่อยให้อาการเป็นมากขึ้น สามารถทำให้เด็กมีอาการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีอาการไอตามมาอีกด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงเชื้อแบคทีเรียได้ลงลึกไปในระบบทางเดินหายใจ และปอดแล้ว
สีเขียว
เมื่อเด็กเกิดน้ำมูกสีเขียวนั้น เป็นสัญญาณให้เราได้รู้ว่า เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจ ซี่งไม่ว่าน้ำมูกจะมีสีเขียว หรือสีเหลืองนั้น มาจากการออกมาป้องกันเชื้อโรค ของเซลล์เม็ดเลือดขาว, แอนติบอดี้ และรวมถึงเชื้อโรคที่ตายแล้ว ทำให้เราเห็นน้ำมูกทั้งแบบสีเหลือง และสีเขียว การใช้ที่ดูดน้ำมูกทารก ทั้งในแบบมือ, แบบใช้ไฟฟ้า หรือแบบใช้ปากดูด เป็นทั้งการช่วยนำเอาน้ำมูกเหล่านี้ออกมา และช่วยให้เด็กหายใจคล่องขึ้น
น้ำมูก | ใส | ขาว | เขียว หรือ เหลือง |
ปกติ หรือ สุขภาพดี | ✓ | ||
มีภูมิแพ้ | ✓ | ||
มีหวัด | ✓ | ✓ | |
✓ |
ที่ดูดน้ำมูกทารก คืออะไร
คืออุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับทารกและเด็กเล็ก สำหรับการดูดน้ำมูก, ของเหลว หรือเมือกต่างๆ ในจมูก เพื่อช่วยอาการหายใจครืดคราด ให้โล่งจมูกและหายใจคล่องมากขึ้น หัวจุกส่วนที่ใส่ด้านในจมูก เป็นวัสดุนุ่ม, ไม่ระคายเคือง และไม่ทำให้เกิดการเจ็บ ที่ดูดน้ำมูกทารกเหมาะสำหรับทารก หรือเด็กเล็ก ที่มีน้ำมูกใส, น้ำมูกสีเหลือง หรือน้ำมูกสีเขียว เป็นอีกหนี่งในอุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับทารก ที่ควรมีไว้ติดบ้าน
รูปแบบและชนิดของที่ดูดน้ำมูกทารก
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบมือ
รูปแบบที่ดูดน้ำมูกสำหรับทารก ด้วยการใช้มือ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า ลูกยางแดงนั่นเอง เป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคย และมีการใช้รูปแบบนี้มานาน จะมีลักษณะเป็นปลายยาว เป็นส่วนที่ใช้ใส่เข้าไปในจมูกของเด็ก ส่วนอีกฝั่งเป็นลักษณะลูกยาง หรือกระเปาะพองลม เป็นส่วนที่เก็บน้ำมูกส่วนที่ดูดได้ไว้ด้านใน เป็นวัสดุยาง มีความยืดหยุ่นตัว เมื่อมีการบีบตรงส่วนที่เป็นลูกยาง หรือกระเปาะนั้น จะมีการเด้งคืนตัวเมื่อเราค่อยๆ ปล่อยมือ
รูปแบบของที่ดูดน้ำมูกทารกในแบบที่ใช้มือนั้น เราจำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ในการใช้ร่วมด้วย เพื่อความสะดวกในระหว่างการดูดน้ำมูกให้กับเด็ก อย่างเช่น ผ้าขนหนูไว้ห่อตัวเด็ก หากเด็กยังมีอายุน้อยอยู่ หรืออยู่ในช่วงวัยทารก ที่ช่วยในระหว่างทำการดูดน้ำมูกนั้น ทารกจะไม่ดิ้นและทำการดูดน้ำมูกได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้นเรายังจำเป็นที่จะต้องมีที่แคะหู หรือ Cotton Bud ไว้สำหรับการเช็ดและซับน้ำมูกที่เลอะขอบด้านนอกปีกจมูกของทารกร่วมด้วย ซึ่งอุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กหรือทารก ไม่ว่าจะเป็น คาร์ซีท , ที่กั้นบันได , จุกนมหลอก , คอกกั้นเด็ก , ผ้าคลุมให้นม , เครื่องอุ่นนม , แปรงล้างขวดนม , น้ำยาล้างขวดนม , ที่คว่ำขวดนม , ขวดนม ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณพ่อ คุณแม่จำเป็นต้องเตรียมไว้แต่เนิ่นๆ และควรเลือกวัสดุที่ปลอดภัยสำหรับเด็กร่วมด้วย
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบใช้ไฟฟ้า
หรือเราสามารถเรียกได้อีกแบบคือ แบบอัตโนมัติ ที่มีการใช้งานด้วยการใช้ไฟฟ้า เป็นรูปแบบที่เริ่มมีความนิยมในการใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสะดวกในการใช้งาน และสามารถกำหนดระดับความแรงในการดูดได้ โดยเฉพาะการใช้กับเด็กในช่วงเวลา ที่มีการหายใจครืดคราด เพื่อดูดเอาน้ำมูกออกมา และช่วยให้เด็กโล่งจมูก และหายใจคล่องได้มากขึ้น อีกทั้งเครื่องรูปแบบนี้ ในบางรุ่นจะมีเสียงเพลง เพื่อคลายความกังวล และให้เด็กเพลิดเพลินไปในตัว
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบปากดูด
รูปแบบของที่ดูดน้ำมูกลักษณะนี้นั้น อาจจะดูแปลกตาหากเปรียบเทียบกับ ที่ดูดน้ำมูกทารกรูปแบบมือ ที่มีสายยางแยกออกเป็น 2 เส้น หรือบางแบบจะเป็นรูปแบบพกพา มีส่วนที่สำหรับใส่ในจมูกเด็ก และส่วนที่เป็นสายยางสั้นๆ สำหรับการใช้แรงดูดจากปาก ซึ่งสำหรับวิธีการใช้และขั้นตอนที่แตกต่างไปจากการใช้มือบีบลูกยาง เพื่อดูดเอาของเหลว และน้ำมูกออกจากจมูกของเด็ก เป็นการใช้ปากดูดเพื่อให้เกิดแรงดูดน้ำมูกออกมาแทน
เราไม่ต้องกังวลว่าน้ำมูกของเด็กจะเข้ามาถึงเรา ในขณะที่เราทำการดูดด้วยปาก จะมีสายสำหรับส่วนที่เราดูดอากาศเข้า และมีสายยางอีกเส้น เป็นส่วนที่ใช้ใส่เข้าจมูกของเด็ก ดังนั้นในการดูดน้ำมูกนั้น น้ำมูกจากด้านในจมูกของเด็ก จะออกมาและไหลเข้าไปอยู่ในส่วนที่รองรับน้ำมูกโดยเฉพาะ เป็นรูปแบบที่เน้นการใช้ง่าย และมีส่วนประกอบที่ไม่ซับซ้อน สามารถรองรับการทำความสะอาด หรือการฆ่าเชื้อโรคได้ทุกรูปแบบ
วิธีใช้ที่ดูดน้ำมูกทารก
สำหรับการใช้งานของที่ดูดน้ำมูกทารกนั้น จะมีรูปแบบและขั้นตอนการใช้ที่แตกต่าง ไปในแต่ละประเภทของที่ดูดน้ำมูก ดังนั้นเราอาจจะต้องดูด้วยว่า เราถนัดหรือเหมาะสมกับที่ดูดน้ำมูกแบบไหน เพื่อให้การดูดน้ำมูกให้กับเด็ก ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องการช่วยให้เด็กหายใจโล่งจมูก รวมถึงช่วยลดอาการหายใจติดขัด หรือหายใจไม่ออกได้ดีมากขึ้น
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบปากดูด
ตัวที่ดูดน้ำมูก เราจะสังเกตลักษณะเด่น ด้วยสายยาง 2 เส้นไปมีจุดบรรจบที่เดียวกัน และลงไปสู่ส่วนที่เก็บน้ำมูกที่ดูดออกมาได้ สายยางข้างหนึ่งจะมีลักษณะเป็นกรวยเล็กๆ และมีรูด้านบน ใช้กับการใส่เข้าด้านในจมูกของเด็ก ส่วนสายยางอีกเส้น ที่มีฐานและมีช่องที่ไว้สำหรับ คุณพ่อ คุณแม่ในการใช้ลมดูดในส่วนสายยางเส้นนี้ เพื่อให้เกิดแรงดูดน้ำมูกในจมูกเด็ก เข้าทางสายยางอีกเส้น จากนั้นน้ำมูกจะลงไปอยู่ส่วนที่รองรับน้ำมูกของอุปกรณ์นี้
- นำสายยางส่วนด้านที่เป็นกรวยเล็กๆ ด้านบนมีรูเล็กๆ ใส่ด้านในจมูกของเด็ก
- นำสายยางอีกข้าง ที่มีฐานเป็นที่ครอบปาก ทำการดูดผ่านช่องด้านบน
- การเริ่มต้นดูดครั้งแรก ควรเริ่มที่แรงดูดน้อยๆ ก่อน เพื่อดูว่ามีน้ำมูกออกมาหรือไม่
- หากไม่มีน้ำมูกออกมา เพิ่มแรงดูดได้ทีละน้อยๆ
- เราจะสังเกตเห็นน้ำมูกออกมา ได้จากส่วนที่รองรับน้ำมูก ที่เป็นจุดเชื่อมต่อสายยาง
- เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อย ควรนำที่ดูดน้ำมูกทารก ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบมือ
ส่วนสำคัญที่เราควรใส่ใจก็คือ ส่วนกระเปาะ หรือลูกยางแดง ควรได้รับการเช็คให้ดีด้วยการบีบว่า ด้านในไม่มีน้ำหรือของเหลวค้างอยู่ด้านใน เพื่อที่จะใช้งานกับเด็กได้อย่างปลอดภัย และไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ เข้าไปในจมูกของเด็ก ในขั้นตอนทำการดูดน้ำมูกได้ และยังเป็นการเช็คการใช้งานว่า ตัวกระเปาะนั้นมีรูรั่ว และมีความสมบูรณ์สำหรับการใช้งานหรือไม่
รวมถึงหากเป็นทารกอยู่ ควรที่จะหาผ้าขนหนูมาห่อให้พอดีตัว เพื่อป้องกันการพลิกหรือดิ้นตัวในขณะที่ทำการดูดน้ำมูก และหากเป็นไปได้ ควรมีผู้ช่วยอยู่ข้างๆ ในการช่วยจับศีรษะทารกให้อยู่ในระดับตรง ไม่ก้มหรือเงยหน้า และไม่พลิกหน้าไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา เพื่อช่วยให้การดูดเป็นไปได้อย่างง่ายและสะดวกมากขึ้น รวมถึงยังเป็นการดูแลความปลอดภัยให้กับเด็ก
- ก่อนที่จะนำปลายของลูกยาง เข้าในจมูกเด็กนั้น ให้ใช้มือบีบตัวลูกยางให้แน่น
- จากนั้นนำปลายส่วนที่ยาวใส่เข้าด้านในจมูกของเด็ก ความลึกที่ 1-1.5 เซนติเมตร
- เมื่อสอดปลายลูกยางเข้าในจมูกเด็กแล้ว ให้ค่อยๆ ปล่อยมือจากลูกยางช้าๆ
- น้ำมูกจะโดนดูดเข้าไปอยู่ด้านในกระเปาะ
- ให้เราบีบกระเปาะลงถุง, ทิชชู หรือภาชนะ เพื่อนำน้ำมูกที่อยู่ด้านในลูกยางออกมา
- จากนั้นเริ่มทำตั้งแต่ขั้นตอนแรกซ้ำ จนแน่ใจว่าเด็กไม่มีน้ำมูกหลงเหลือในจมูกแล้ว
- หากในกรณีที่ดูดน้ำมูก และไม่มีน้ำมูกออกมาเลย ให้เราใช้น้ำเกลือหยดใส่ในจมูกเด็ก
- จากนั้นทำตามขั้นตอนการดูดน้ำมูกเหมือนเดิมตั้งแต่แรก
- เมื่อใช้อุปกรณ์ชนิดนี้เสร็จ นำไปต้ม และฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนให้สะอาด
ในกรณีที่เราจำเป็นต้องใช้น้ำเกลือร่วมกับ การดูดน้ำมูกให้กับเด็กร่วมด้วยนั้น การเลือกน้ำเกลือควรเลือกที่เปอร์เซ็นต์ 0.9% หรือใช้ชื่อเรียกน้ำเกลือกว่า Normal Saline รวมถึงในการเลือกขนาดของลูกยางนั้น หากเป็นทารกแรกเกิด จนถึงอายุ 1 ปีนั้น ควรเลือกลูกยางที่เบอร์ 0-2 เท่านั้น ที่จะมีปลายดูดที่เล็กและเรียว
ที่ดูดน้ำมูกทารกแบบไฟฟ้า
ก่อนการใช้งานที่ดูน้ำมูกสำหรับทารก เราควรประกอบส่วนต่างๆ ของตัวเครื่องให้เรียบร้อย ด้วยความที่เป็นเครื่องดูดน้ำมูกในแบบใช้ไฟฟ้านั้น เราจึงควรแน่ใจว่า มีการชาร์ทพลังงานผ่านสาย usb ไว้เต็มแบตเตอรี่แล้ว ซึ่งเราสามารถชาร์ทไปพร้อมกับการใช้งานได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ควรเน้นชาร์ทเตรียมไว้ก่อนการใช้งานจะเป็นการดีที่สุด
ส่วนที่ควรใส่ใจในการเตรียมเครื่อง ก่อนที่จะทำการดูดน้ำมูกให้กับเด็กนั้นคือ จุกด้านบนสุดของตัวเครื่อง ที่จะเป็นส่วนในการใส่เข้าไปในจมูกของเด็ก จะมี 2 ขนาดให้เราได้เลือก ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่ให้มาพร้อมกับชุดเครื่องอยู่แล้ว จุกด้านบนนี้จะเป็นวัสดุซิลิโคน ที่มีความปลอดภัย และอ่อนนุ่มต่อจมูกของเด็ก จะมีขนาดเล็กที่มีปลายตื้นและสั้น ใช้กับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ขวบ ส่วนอีกขนาดที่มีปลายลึกมากกว่า จะใช้กับกับเด็กที่มีอายุมากกว่า 2 ขวบขึ้นไป
ซึ่งทั้งส่วนประกอบจุกที่เป็นซิลิโคนนี้ และตัวครอบที่เป็นคล้ายกระเปาะฝาครอบหัว ของเครื่องดูดน้ำมูกนี้นั้น หลังการใช้งานเราสามารถที่จะถอดออก และนำไปล้างทำความสะอาด มีคุณสมบัติทนความร้อน เราสามารถที่จะนำไปต้ม หรือเข้าเครื่องฆ่าเชื้อโรคได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์ หรือชิ้นส่วนประกอบ จะมีการชำรุดเสียหายใดๆ เกิดขึ้น
- ก่อนการนำมาใช้งาน ให้เราเช็คและแน่ใจว่ามีแบตเตอรี่เต็มเครื่องดูดน้ำมูกแล้ว
- ประกอบส่วนที่เป็นจุกซิลิโคน และเลือกขนาดตรงตามวัยของเด็กเรียบร้อย
- เริ่มการเปิดที่ระดับแรงดูดที่น้อยๆ ก่อน เพื่อไม่ให้ทารกหรือเด็กเล็กตกใจ
- การใช้งานตัวเครื่อง ควรปรับทิศทางหัวซิลิโคนด้านบนเงยขึ้น ในขณะที่ใส่ด้านในจมูก
- หากเป็นรุ่นเครื่องที่มีเสียงเพลง ควรเปิดเสียงเพลงพร้อมไปกับการดูดน้ำมูก
- นำปลายที่เป็นจุกซิลิโคน ใส่เข้าไปในจมูกของเด็ก ความลึกอยู่ที่ 1-1.5 เซนติเมตร
- เมื่อมีการปรับระดับแรงดูดเพิ่มขึ้น ควรดูการตอบสนองของเด็กร่วมด้วย
- ใช้งานเครื่องเสร็จ ควรถอดจุกซิลิโคน และตัวครอบที่รองรับน้ำมูกไปต้มฆ่าเชื้อโรค
- ควรตากในที่มีลมและอากาศระบาย จนชิ้นส่วนต่างๆ แห้งสนิทดี
- หากมีเครื่องอบฆ่าเชื้อโรค ควรนำเข้าเครื่องอบอีกครั้ง
- ชิ้นส่วนทุกชิ้นแห้งสนิทดีแล้ว ให้นำไปประกอบเข้ากับตัวเครื่องให้เรียบร้อย
วิธีเลือกซื้อที่ดูดน้ำมูกทารก
ถึงแม้ว่าในแต่ละรูปแบบของที่ดูดน้ำมูกทารกนั้น จะมีรูปแบบการใช้งานง่ายและสะดวกอย่างไรก็ตาม แต่ในการเลือกพิจารณาซื้อนั้น เราควรเน้นในการเลือกที่เหมาะสมกับความถนัดในการใช้งานได้จริงร่วมด้วย ซี่งมีหลักที่ควรพิจารณาดังนี้ คือ
ความสะดวกใช้งานส่วนตัว
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของที่ดูดน้ำมูกทารกแบบใช้ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่าแบบอัตโนมัติ, รูปแบบใช้มือหรือลูกยางแดง และรูปแบบการใช้ปากดูดก็ตาม เราควรดูว่าสำหรับการนำมาใช้งานจริง ตัวเรามีความถนัดที่จะใช้ในรูปแบบไหนมากกว่ากัน ซี่งในหลายๆ คนก็ยังถนัด และติดกับแบบลูกยางแดงกันอยู่ กลับกันในอีกหลายคุณพ่อ คุณแม่ก็ถูกใจในรูปแบบการใช้งานแบบไฟฟ้า ที่เน้นความสะดวกสบาย และรวดเร็ว
วัสดุ
ความปลอดภัย
ในส่วนของตัวด้ามจับ และวัสดุภายนอกของที่ดูดน้ำมูกทารกนั้น หากเป็นพลาสติก ควรที่จะเป็นพลาสติกที่มีความทนทาน และแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ซึ่งจะเป็นอันตรายในขณะที่มีการใช้งานร่วมกับเด็ก รวมถึงระบบการชาร์ทไฟเข้าเครื่อง ควรที่จะมีสายชาร์ทมาพร้อมกับตัวเครื่อง และมีส่วนที่ใช้เสียบชาร์ท ควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ทนความร้อนสูง
อย่างที่เราควรใส่ใจกับเรื่องของใช้ และอุปกรณ์ทุกอย่างของทารก และเด็กเล็กในเรื่องของความสะอาด และอนามัย หลังจากการใช้งานของที่ดูดน้ำมูกทารกแล้วนั้น ควรที่จะมีการล้างทำความสะอาดด้วยการต้มด้วยความร้อน และนำเข้าเครื่องอบฆ่าเชื้อโรค ดังนั้นวัสดุควรที่จะมี คุณสมบัติในการทนความร้อนได้สูง
การปรับระดับแรงดูด
หากเป็นในรูปแบบใช้ไฟฟ้า หรือที่ดูดน้ำมูกทารกรูปแบบอัตโนมัตินั้น ควรที่จะมีการออกแบบ ระดับแรงดูดให้ผู้ใช้งานได้เลือกได้ตั้งแต่ระดับที่น้อยสุด ถึงระดับแรงดูดที่มากได้ รวมถึงปุ่มเปิดปิด และปุ่มทำงานตัวเครื่องที่ควรจะอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายและสะดวก
ฟังก์ชั่นการใช้งานเสริม
จะเป็นเรื่องดีมากๆ หากที่ดูดน้ำมูกทารก จะมีการใช้งานที่สามารถเปิดเพลงให้กับเด็ก ในขณะที่ทำการดูดน้ำมูกไปด้วย เพราะสำหรับทารกหรือเด็กเล็กบางคน ก็มีความกังวลกับการนำสิ่งของบางอย่างใส่เข้าในรูจมูก รวมถึงเสียงเปิดเครื่อง และระดับแรงดูดน้ำมูกด้านในจมูก ที่อาจจะทำให้ทารกหรือเด็กเล็กร้องไห้ จนไม่สามารถทำการดูดน้ำมูกต่อไปได้ เสียงเพลงจะช่วยให้เด็กๆ ได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
รีวิวที่ดูดน้ำมูกทารกอัตโนมัติ Glowy Star
สรุป
การเลี้ยงดูทารกหรือเด็กที่ยังอยู่ในวัยที่เล็กมากๆ นั้น พ่อแม่ควรที่จะมีการใส่ใจ ที่ไม่เพียงแค่การดูแลในช่วงที่เด็กมีสุขภาพแข็งแรงเท่านั้น แต่โดยเฉพาะที่เด็กเล็ก เกิดอาการไม่สบายอย่างเช่น การเกิดติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ หรือเป็นหวัดขึ้นมา ซึ่งเป็นหนี่งในสาเหตุที่ทำให้ทารก หรือเด็กเล็ก เกิดปัญหาหายใจครืดคราดได้ การเตรียมพร้อมโดยมีที่ดูดน้ำมูกทารก ที่ช่วยแก้ปัญหาให้หายใจคล่องขึ้น รวมถึงทำจากวัสดุที่นุ่ม, ปลอดภัย และถูกอนามัยต่อทารก
อ้างอิง
What the Color of Your Snot Really Means : Cleveland Clinic
Yellow, Green, Brown, and More: What Does the Color of My Snot Mean? : Healthline
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี
ที่ดูดน้ำมูกทารก Soft
– แคปซูลเก็บน้ำมูกล้างและฆ่าเชื้อนำมาใช้ซ้ำได้
– เครื่องมี 2 โหมด แบบดูดต่อเนื่องและกดมือ
– มี Melody 3 เพลง เปิดปิดได้ ช่วยให้เด็กผ่อนคลาย
ดูดน้ำมูกทารก Pigeon
– ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก
– สามารถถอดทำความสะอาดได้โดยง่าย
– ปลายนุ่มเป็นพิเศษ ไม่เป็นอันตรายต่อทารก
ที่ดูดน้ำมูกทารก PAPA BABY
– ตัวยางที่ใช้ดูดน้ำมูก สามารถปรับระดับให้เข้ากับมือได้ดี
– เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยดูดน้ำมูก หรือสิ่งอุดตันในรูจมูกทารก
– ปลายนุ่มเป็นพิเศษไม่เป็นอันตรายต่อทารก
ที่ดูดน้ำมูกทารก Grace Kids
– แรงดูดมีความต่อเนื่อง
– น้ำมูกที่ถูกดูดออกมาจะถูกแยกใส่ขวดต่างหาก
– น้ำมูกไม่ไหลย้อนกลับ
– ปลายที่ดูดทำมาจากซิลิโคนนิ่ม ไม่ทำให้เจ็บโพรงจมูก
ที่ดูดน้ำมูกทารก BABY TATTOO
– ป้องกันการไหลย้อนกลับของน้ำมูก ไม่มีกลิ่น
– เป็นซิลิโคนเกรดพิเศษ นิ่ม ไม่เจ็บโพรงจมูก
– มีกล่องเก็บแบบพกพา สะดวกไปได้ทุกที่
ที่ดูดน้ำมูกทารก Richell
– ปลายนิ่มถนอมจมูก ใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดได้
– มาพร้อมกล่องเก็บของ สะดวกพกพาไปได้ทุกที่
เครื่องดูดน้ำมูกทารก GLOWY รุ่น NA-A001
– แรงดูดอัตโนมัติเมื่อกดปุ่ม เพื่อดูดน้ำมูกทางจมูก
– ถอดล้างทำความสะอาดได้ทั้งปลายที่ดูด และถ้วยเก็บน้ำมูก
– อุปกรณ์ทุกส่วนสามารถล้างแล้วนำกลับมาใช้ได้ทุกส่วน
ที่ดูดน้ำมูกทารก Nuebabe
– วิธีใช้ฆ่าเชื้อโรคโดยการต้ม นอกจากส่วนที่เป็นยางให้ล้างด้วยน้ำอุ่น
– ไม่ควรบีบลูกยางแรงเกินไป
– ถอดส่วนประกอบออกแล้วล้างน้ำให้สะอาด
– ฆ่าเชื้อโรคโดยการต้ม นอกจากส่วนที่เป็นยางให้ล้างด้วยน้ำอุ่น
ที่ดูดน้ำมูกทารก ERORO
– ปลายนุ่มพิเศษ ไม่ทำให้เจ็บหรือเป็นอันตรายต่อทารก
– ล้างทำความสะอาดได้ง่าย
– ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวกไปได้ทุกที่
ที่ดูดน้ำมูก OONEW รุ่น Bongmi Dolphin
– ซิลิโคนแบบนิ่ม มาพร้อมหัวซิลิโคน 2 ขนาด
– ใช้ถ่านอัลคาไลน์ AA จำนวน 2 ก้อน
– เปิดเพลงได้ 12 เพลง ให้ลูกน้อยได้เพลิดเพลินตอนดูด