รอยสิวคืออะไร
รอยสิวเกิดได้จากการที่ผิวหนังบริเวณใบหน้าเกิดการอักเสบจากการเป็นสิว โดยเฉพาะสิวหัวช้างหรือสิวอุดตัน เมื่อเราไปบีบสิวหรือกดสิว แกะเกาจนเป็นแผล หรือการใช้ เครื่องดูดสิว จะยิ่งทำให้ผิวหน้าบริเวณนั้นๆ ยิ่งเกิดการอักเสบมากขึ้นจนไปถึงชั้นผิวหนัง พอสิวเริ่มหายแล้ว ก็จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของเรา
นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการรักษาสิวที่ผิดวิธี หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับผิวหน้า จะยิ่งทำให้เกิดรอยสิวขึ้นมากกว่าเดิม และทำให้การรักษายากเข้าไปอีก อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ารอยสิวนั้นจะไม่ได้สร้างความเจ็บปวดต่อบริเวณผิวหน้า หรือก่อให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรง แต่ถ้าหากใครที่มีรอยสิว รอยดำบนใบหน้านั้น จะทำให้ขาดความมั่นใจในตนเองไปได้
รอยสิวมีกี่ประเภท
1. รอยแดง
จะเกิดขึ้นในขณะที่เกิดสิวอยู่หรือหลังจากที่หายเป็นสิวแล้ว จะเกิดขึ้นจากผิวหนังในบริเวณที่เกิดการอักเสบ ทำให้เกิดเป็นรอยแดงขึ้น เมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบ ร่างกายจะมีการฟื้นฟูเอง มีการลำเลียงเลือดไปในบริเวณผิวหนังที่เกิดการอักเสบ เป็นการซ่อมแซมและมีการฟื้นฟูเซลล์เนื้อเยื่อ ทำให้ผิวเป็นสีแดง สีชมพูขึ้นมา
2. รอยดำ
ส่วนมากแล้วจะเกิดจากการอักเสบหรือเกิดการระคายเคืองขึ้นมาของผิวหนัง สามารถเกิดได้หลังจากที่ทำเลเซอร์ มีการลอกหน้า ทำให้เกิดการกระตุ้นเมลาโนโซต์ขึ้นมา เพื่อที่จะมีการผลิตเมลานิน ในเซลล์เคราติโนไซท์มากเกินปกติ จึงเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้เกิดรอยดำ หรืออาจเกิดเป็นสีน้ำตามเข้ม สีเทาได้เช่นกัน
3. รอยแผลเป็น
เกิดขึ้นจากกระบวนการรักษาของแผลในร่างกาย ที่อาจเกิดได้จากอุบัติเหตุ มีการผ่าตัด สิว และอื่นๆ เมื่อผิวหนังเกิดเป็นแผลขึ้น จะมีการตอบสนองในการซ่อมแซมผิวหนังในบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว มากกว่าที่จะทำให้ผิวหนังกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ส่งผลให้คอลลาเจนในผิวหนังมีการผลิตออกมามากเกิน จนเกิดรอยแผลเป็น
4. จุดด่างดำ
จะพบว่าบริเวณของผิวหนังมีสีเข้มกว่าในบริเวณรอบๆ โดยเกิดจากการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นหนังที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้น มีสีเข้มกว่าในบริเวณรอบ พบได้บ่อย โดยสามารถเกิดได้จากการสัมผัสแสงแดดและเกิดขึ้นได้หลังจากการอักเสบของผิวหนัง เช่น รอยแผลถลอก รอยสิว เป็นต้น
5. หลุมสิว
โดยส่วนใหญ่หลุมสิวมักจะเกิดจากการที่เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรงจนทำให้ผิวบริเวณใบหน้า จะต้องทำการสร้างในส่วนของเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งหลุมสิวมักจะเกิดในบริเวณคาง จมูก และบริเวณแก้ม ถือว่าเป็นรอยสิวที่รักษาให้หายได้ยาก และที่สำคัญทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนอีกด้วย
สาเหตุของการเกิดสิว
1. การผลิตน้ำมันในผิวที่มากเกินไปและชั้นผิวมีการก่อตัวหนาผิดปกติ
เมื่อมองในปัจจัยภายใน จะพบว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายเป็นส่วนมาก ยังรวมไปถึงเป็นผลจากการใช้ยาบางชนิด ในส่วนของปัจจัยภายนอก มักจะเกิดจากมลภาวะต่างๆ ที่ทำให้มีการผลิตน้ำมันในผิวมากขึ้น และมีการก่อตัวหนากว่าเดิม จนทำให้เกิดเป็นสิวประเภทต่างๆ ขึ้นมา เช่น สิวหัวดำ
2. มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ปัจจัยที่สำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหานี้ ในการสะสมไขมันที่หลั่งออกมาจากต่อมไขมัน ที่ถือว่าเป็นอาหารชั้นยอดของแบคทีเรีย ยิ่งในชนิด P.acnes. จะพบว่าแบคทีเรียชนิดนี้จะเข้ามาอาศัยอยู่ในต่อมไขมันนี้ที่มีการอุดตัน เป็นการย่อยสลายไขมันให้เป็นอาหาร ส่งผลให้เกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น เกิดเป็นสิวหัวหนองได้
3. การใช้เครื่องสำอาง
เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบเกิดขึ้นมาได้ ใครที่เป็นสิวง่าย หน้าแผลง่าย จะต้องใช้เครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิวหรือจะใช้ให้น้อยที่สุด ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน หรือเลือกใช้ โฟมล้างหน้าผิวแพ้ง่าย หรือ เจลแต้มสิว
4. สภาพผิวของแต่ละคน
คนเรานั้นมีสภาพผิวหน้าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง หรือผิวมีรูขุมขนกว้าง ซึ่งคนที่มีรูขุมขนกว้างจะทำให้ผิวเกิดการอุดตันจนทำให้เกิดสิวได้ง่ายกว่าคนที่มีผิวรูขุมขนเล็ก และสำหรับคนที่มีผิวหน้ามันก็อาจจะทำให้ผิวหน้าเกิดสิวได้ง่ายกว่าคนผิวหน้าแห้ง
5. ฮอร์โมน
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญหลักๆ ของการเกิดสิวก็คือฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนที่มีส่วนกระตุ้นในการเกิดสิวได้มากที่สุดก็คือ ฮอร์โมนแอนโดรเจน ที่จะไปกระตุ้นการผลิตไขมันส่วนเกินบริเวณผิวหน้า ทำให้ผิวหน้ามีความมัน แน่นอนว่าหากผิวหน้ามีความมันที่มากเกินไป ปัญหาสิวจะตามมาอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่จะพบในผู้ชายมากกว่า
6. อาหารที่รับประทาน
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่ามีอาหารที่ทำให้เกิดสิวได้ ส่วนใหญ่แล้วอาหารที่มีสารในการกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกายหรือกระตุ้นการผลิตไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ก็จะมีอย่างเช่น ดาร์กช็อกโกแลต , ของทอด , เบเกอรี่ และแอลกอฮอล์ ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดสิวได้ง่ายหากรับประทานเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง
7. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้า
ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าให้เลือกซื้ออย่างหลากหลาย แต่ก็ยังมีหลายคนที่เลือกซื้อไม่เหมาะกับผิวหน้า หรือสภาพปัญหาที่กำลังเป็นอยู่ หากใช้ไม่ถูกต้องนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง จนทำให้สิวกำเริบหนักขึ้นได้ ใครที่มีปัญหาสิวก็ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตรงโจทย์ ไม่ว่าจะเป็น กันแดดสำหรับคนเป็นสิว , ครีมลดรอยสิว , วิตามินลดสิว , โฟมล้างหน้าลดสิว
วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว
1. หลีกเลี่ยงการกด บีบสิวด้วยตนเอง
คนส่วนใหญ่ที่เกิดสิวบนใบหน้า จะชอบบีบ กดหรือแกะสิวด้วยมือ รู้หรือไม่ว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะยิ่งไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อของผิวหน้าบริเวณใบหน้า มีรูขุมขนที่กว้างขึ้น ทำให้ผิวหน้าเกิดการอักเสบมากกว่าเดิมและเป็นรอยแผลที่หายได้ช้า
2. หลีกเลี่ยงแสงแดด
แดดเมืองไทยนั้นมีความร้อนแรงสูงมาก และเป็นปัจจัยที่ทำลายผิวหน้าให้มีความหมองคล้ำ รวมทั้งใครที่มีผิวหน้ามัน เมื่อโดนแดดจะยิ่งทำให้ผิวมันมากกว่าเดิม จึงทำให้เกิดสิวขึ้นมาได้ง่าย ที่สำคัญแสงแดดยังเป็นตัวกระตุ้นเม็ดสีผิว ซึ่งยิ่งมีมากเท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้รอยสิวหายได้ช้า ทิ้งรอยดำหรือรอยแดงไว้ให้ต้องช้ำใจ ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องแสงแดดได้ดี เช่น วิตามินซีทาหน้า , ครีมกันแดดหน้า
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
สำหรับคนที่เป็นสิวยิ่งจะต้องให้ความสำคัญต่อการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิวหน้า และต้องเหมาะกับสภาพผิวด้วย ซึ่งจะต้องเน้นเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หรือสกินแคร์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่จะทำให้เกิดปัญหาผิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง อักเสบและระคายเคือง ทั้งควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอลล์แนะนำให้เลือกซื้อครีมลดรอยสิว ไอเทมที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้
ครีมลดรอยสิว คืออะไร
หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าครีมสำหรับลดรอยสิวแท้จริงแล้วคืออะไร วันนี้จะมารู้คำตอบกัน โดยปกติแล้วเมื่อเราเกิดเป็นสิวขึ้นมา ไม่ว่าจะใบหน้า หลัง แขน ขา ที่ล้วนแล้วเกิดขึ้นตามร่างกาย เมื่อหลังจากที่หายจากสิวแล้ว แน่นอนว่าจะต้องทิ้งรอยสิวเอาไว้ ทำให้จะต้องมีไอเทมเด็ดมาเพื่อรักษา ให้สภาพผิวหนังกลับมาดีได้ดังเดิม
แม้ว่ารอยสิวทั้งหลายนั้นจะสามารถเลือกใช้รองพื้นเพื่อปกปิดร่องรอยของสิว แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้รองพื้นโปะไปมากเท่าไหร่ ยิ่งใครที่มีผิวที่บอบบางหรือแพ้ง่าย จะยิ่งทำให้สิวอักเสบหรือก่อให้เกิดสิวอุดตันได้มากกว่าเดิม รวมไปถึงก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาได้อีกมากมาย เพราะฉะนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะมาแก้ปัญหาได้โดยเฉพาะอย่างครีมลดรอยสิว
ครีมสำหรับลดรอยสิวนั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไว้สำหรับการทาเพื่อที่จะลดรอยสิวต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้า จะมาในรูปแบบของครีม โดยเป็นยาไว้ใช้สำหรับภายนอก จะมีการผสมสารต่างๆ เข้าไป เพื่อให้เกิดคุณสมบัติในการช่วยรักษารอยตามต้องการ เช่น รักษารอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นจากสิว มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของรอยสิวที่เกิดขึ้น
ครีมลดรอยสิวที่ใช้ดีเป็นอย่างไร
1. ช่วยแก้ปัญหาและปกป้องการเกิดสิว
สามารถช่วยจัดการปัญหาต้นตอของการเกิดสิว และการผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำ ลดรอยแดงได้ดี จะทำให้โอกาสการเกิดสิวขึ้นมาใหม่ลดลง แล้วยังทำให้ผิวมีความแข็งแรง ไม่เกิดสิวขึ้นมาใหม่ได้ง่าย การเกิดรอยสิวจะลดลง
2. ไม่เกิดความระคายเคือง
ครีมสำหรับลดรอยสิวที่ดีนั้น เมื่อใช้ไปแล้วจะทำให้มีความชุ่มชื้นต่อผิว ไม่เกิดเป็นรอยแดงหรือเกิดอาการระคายเคืองหนักกว่าเดิม ทำให้การรักษาหายได้ไว เป็นเหมือนการบำรุงผิวพรรณไปในตัว ช่วยปกป้องและปรับสภาพผิวหน้าให้กลับมามีความแข็งแรง และเรียบเนียนอีกครั้ง
3. ลดการอักเสบของผิวและควบคุมการสร้างน้ำมันในรูขุมขนได้ดี
สิ่งที่จะต้องรู้เลยคือ ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีส่วนผสมอะไรบ้าง จะต้องหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่จะก่อให้เกิดการอักเสบและทำให้ผิวหน้ามีความมันมากกว่าเดิม ถ้าหากว่ามีการอักเสบ สิวจะหายได้ช้า และที่สำคัญต้องช่วยทำให้ใบหน้าหรือในบริเวณที่ทาไปแล้วไม่มัน จะส่งผลให้โอกาสในการเกิดสิวลดลง
วิธีใช้ครีมลดรอยสิวให้ได้ผลที่ดีที่สุด
1. ทาครีมสำหรับลดรอยสิวไม่ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7 วัน
สิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้เหมือนกับเป็นกฎเลยคือการทาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้การรักษามีประสิทธิภาพ ไม่ทาแล้วหยุด แล้วทาใหม่ ไม่ควรที่จะเปลี่ยนยาทาไปเรื่อยๆ เพราะความใจร้อน จะทำให้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ายาตัวไหนที่ถูกกับเราด้วย ต้องอาศัยความอดทน ในการทาจะต้องไม่เกิน 2 เดือน
2. ทายาลดรอยก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากที่ล้างหน้า
ควรทาครีมสำหรับลดรอยสิวเมื่อล้างหน้ามาใหม่เนื่องจากว่ายาจะสามารถออกฤทธิ์ได้ดี แล้วจะมีการซึมเข้าไปในผิวก่อนที่จะลงครีมตัวอื่นทาด้วย เพื่อให้ประสิทธิภาพของครีมเป็นไปได้ตามต้องการไม่แนะนำให้ทาแล้วออกไปโดนแดดแรงหรือมีการทำกิจกรรมหนัก
3. เลือกประเภทให้ตรงกับประเภทของสิว
สิ่งที่จะต้องนึกถึงเลยคือต้องรู้ก่อนว่าเกิดรอยสิวมาในประเภทใดก่อน เพื่อที่จะรักษาได้ตรงตามประเภทอย่างแท้จริง ถ้าหากว่าใช้ผิดอาจทำให้เกิดการอักเสบ ใช้แล้วไม่เห็นผล เกิดเป็นสิวอุดตัน สิวเสี้ยนขึ้นมา แล้วรอยที่อยากจะรักษากลับไม่เห็นผล
4. ทาเฉพาะจุด
หลายคนทาไปทั่วหน้า ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดจะต้องทาเพียงแค่เฉพาะจุดเท่านั้น เพื่อให้ครีมลดรอยสิวออกฤทธิ์เป็นเฉพาะจุดไป ถ้าหากว่าทาเยอะไปอาจมีอาการแพ้ได้ สิวจะหนักกว่าเดิม ยิ่งใครที่มีผิวบอบบางจะต้องระวังเป็นพิเศษ
แนะนำวิธีพิจารณาเลือกซื้อครีมลดรอยสิว
1. เลือกครีมที่เหมาะกับผิวหน้าตนเอง
ต้องรู้ก่อนว่าตนเองมีผิวแบบใด ผิวผสม ผิวแห้ง หรือผิวมัน เพื่อที่จะเลือกใช้ครีมสำหรับลดรอยสิวได้ตามต้องการถ้าหากว่าเลือกผิด อาจทำให้เกิดการระคายเคือง แพ้ สิวขึ้นมากกว่าเดิม ทั้งที่ตั้งใจจะรักษา ถ้าหากว่าเลือกให้เหมาะสมจะทำให้ประสิทธิภาพของครีมสามารถลดรอยได้ดี ใช้ระยะเวลาไม่นาน
2. มีการรับรองว่ามีมาตรฐานและปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญ
สิ่งนี้จะต้องมีการคำนึงถึงมาก เนื่องจากว่าในปัจจุบันนี้ครีมที่ไม่ได้มาตรฐานมีเยอะ มีการปลอมเยอะเช่นกัน มีความจำเป็นที่จะต้องศึกษายี่ห้อของครีมลดรอยจากสิวให้ดีว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ มีมาตรฐาน มีการรองรับจากผู้เชี่ยวชาญหรือไม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายต่อผิวหนัง
3. เลือกซื้อจากส่วนผสมของครีม
ก่อนเลือกซื้อต้องดูส่วนผสมว่ามีสารที่แพ้หรือก่อให้เกิดความระคายเคืองหรือไม่ เป็นอีกหนึ่งข้อที่ไม่อยากให้มองข้าม ในบางครั้งเราอาจเห็นรีวิวกันมากว่าครีมลดรอยจากสิวยี่ห้อนี้ดี มีส่วนผสมดี แต่ในบางครั้งเราอย่าลืมว่าเราอาจแพ้สารนั้นๆ ได้ จะต้องเลือกครีมที่มีความอ่อนโยน ไม่เกิดความระคายเคืองต่อใบหน้า ถ้าจะให้ดีแนะนำให้ทดลองทาที่แขนก่อน เพื่อทดสอบอาการแพ้
4. เลือกครีมลดรอยสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี
เนื่องจากจะทำให้เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวไปตัว จะทำให้ไม่มีความหมองคล้ำ เป็นการบำรุงผิวไปด้วย แต่ความเข้มข้นจะต้องไม่มากจนเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความระคายเคือง โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีวิตามินซีผสมอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์
วิธีลดรอยสิวด้วยวิธีทางธรรมชาติ
- การมาร์คหน้าด้วย น้ำผึ้งแท้ ผสมกับน้ำมะนาว ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพียงแค่สองสิ่งนี้ นำมามาร์คที่ใบหน้าเป็นเวลา 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ และทำเพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น
- การแต้มสิวให้หายด้วยหอมแดง ใช้ผักที่อยู่ในบ้านก็คือหอมแดงมาหั่นเป็นแว่นโดยที่ไม่หนามาก และนำมาถูกที่สิงบนใบหน้า แนะนำทำเพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ลดสิวด้วยมะขามเปียกและน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต นำทั้งสามส่วนผสมนี้รวมเข้าด้วยกันแล้วเริ่มทางให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้เพียง 10 นาที เพียงเท่านี้ก็เห็นผล
- หัวไชเท้าผสมดินสอพอง หั่นหัวไชเท้าเป็นเล็กๆ แช่ไว้ในตู้เย็นก่อน จากนั้นก็นำมาผสมกับดินสอพองแล้วทาไปให้ทั่วทั้งใบหน้า สูตรนี้จะเหมาะกับผู้ที่แพ้ง่าย ไม่เกิดความระคายเคืองต่อผิว
รีวิวครีมลดรอยสิว by กูรูยาหม่อง
สรุป
จะเห็นได้ว่าการเลือกซื้อครีมลดรอยสิวมีความจำเป็นอย่างมาก จะต้องเลือกให้ถูกประเภท ต้องมาทำความเข้าใจกับรอยสิวให้มาก เพื่อที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ได้ถูกต้องตามปัญหาที่เกิด ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว หรือจะเป็นจุดด่างดำก็ตาม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดในการรักษาให้หาย มีวิธีการใช้อย่างไรจะให้เห็นผลมากที่สุด ที่สำคัญจะต้องคำนึกถึงการพิจารณาการเลือกซื้อด้วย และควรบำรุงผิวหน้าหรือลดรอยสิวด้วยวิธีธรรมชาติ
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี
ครีมลดรอยสิว Eve's
-เนื้อครีมเจล บางเบา ซึมซาบลงสู่ผิวได้ล้ำลึก
-ช่วยปรับผิวให้เนียนนุ่มพร้อมล็อกความชุ่มชื้น
ครีมลดรอยสิว SKINRx LAB
-ช่วยปกป้องผิวจากความร้อน แสงแดด
-ช่วยให้ผิวที่มีจุดด่างดำกระฝ้าลดเลือนลง
ครีมลดรอยสิว Himalaya
-ช่วยปรับสภาพผิวให้กลับมาเรียบเนียนเป็นปกติ
-ช่วยลดความหมองคล้ำ รอยดำจากสิวบนใบหน้า
ครีมลดรอยสิว Love Potion
-เนื้อครีมสีขาว เกลี่ยง่าย บางเบาไม่หนักผิว
-ช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน อ่อนโยนต่อผิว
ครีมลดรอยสิว Laroche-Posay
-ช่วยลดสิวอุดตัน รอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว
-ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติ
ครีมลดรอยสิว Delphini
-เหมาะสำหรับคนเป็นสิวช่วยบำรุงผิว
-ช่วยลดการผลิตเม็ดสี ให้รอยแดงรอยดำจางลง
ครีมลดรอยสิว ZiiiT
-ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน สว่างกระจ่างใส
-เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยด่างดำ รอยหลุมสิว จากปัญหาสิว
ครีมลดรอยสิว Puricars
-ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น รอยดำ-แดงจากสิว
-ช่วยเติมความชุ่มชื้นบริเวณรอยแผล ไม่ให้แห้งกร้าน
ครีมลดรอยสิว BK
-ช่วยผิวให้นุ่มชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง แลดูกระจ่างใสเป็นธรรมชาติ
-เหมาะสำหรับคนเป็นสิวผิวแพ้ง่ายปราศจากสารอันตราย
ครีมลดรอยสิว Provamed
-ช่วยป้องกันการอักเสบ แพ้ ระคายเคืองของผิวหน้า
-ช่วยลดการสังเคราะห์เม็ดสีผิวที่ทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำ