10 อาหารเสริมเด็ก ยี่ห้อไหนดี 2024 ช่วยเจริญอาหาร ให้อ้วน ฉลาด

อาหารเสริมเด็ก คืออะไร

คือ อาหารสำหรับเด็กในวัยอายุ 6 เดือนขึ้นไป ที่ช่วยให้เด็กมีความเจริญอาหาร เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ค่อยกินข้าว ช่วยให้เด็กกินข้าวได้เพิ่มมากขึ้น โดยอาหารเสริมเด็กนี้ มีส่วนประกอบของสารอาหารที่ร่างกายเด็กในแต่ละวัย มีความต้องการได้อย่างครบถ้วน มีตัวเลือกสำหรับเด็กหลากหลายวัย และหลายรสชาติที่เด็กชื่นชอบ

อาหารที่เหมาะกับเด็กในแต่ละช่วงวัย

การกินนมแม่สำหรับเด็กในช่วงแรกเกิด จนถึงช่วงอายุ 6 เดือน หรือในคุณแม่บางคน ที่มีความจำเป็นไม่สามารถให้นมกับลูกได้ ก็สามารถให้นมทางเลือกสำหรับทารกแรกเกิด ซี่งมีสารอาหารเทียบเคียงได้เท่ากัน และเริ่มตั้งแต่วัย 6 เดือน เราสามารถปรับเปลี่ยน ให้เด็กเริ่มได้เรียนรู้ในการกินอาหารในรูปแบบอาหารเสริม หรืออาหารที่ไม่ใช่นมแม่ ในช่วงวัยนี้ถือว่าเป็น ช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ และการสร้างประสบการณ์กินอาหารใหม่ๆ ให้กับเด็กอีกด้วย

ซึ่งเด็กในวัยเริ่มต้นตั้งแต่ 6 เดือนนี้ เป็นวัยที่มีพัฒนาการในเรื่องการหัดนั่ง, หัดคลาน และหัดเดินตามลำดับ รวมถึงเป็นช่วงวัยที่เราจำเป็น ต้องเอาใจใส่ในเรื่องของสารอาหาร ที่เด็กต้องได้รับให้ครบถ้วน เพื่อนำไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ, เซลล์ประสาทและการทำงานของสมอง รวมถึงเป็นส่วนหนึ่ง ที่ช่วยเสริมให้การพัฒนาส่วนต่างๆ ของเด็กได้รับการเติมเต็มได้สมบูรณ์

ทำให้เราต้องใส่ใจในช่วงเวลาวัย 6 เดือนนี้เป็นพิเศษ เพราะสำหรับคุณแม่บางคน ก็อาจจะไม่มีความสะดวกที่จะให้นมแม่ต่อไป ดังนั้นการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาหารจากน้ำนมแม่ มาเป็นอาหารที่มีเนื้ออาหารที่ต้องเคี้ยวหรือกลืน, รสชาติที่แปลกไปจากนมแม่ และการฝึกเรียนรู้ที่จะกลืนอาหาร ดังนั้นโดยหลักๆ แล้วทำอย่างไรให้เด็กที่จะมีความเจริญอาหาร สำหรับการกินอาหารในรูปแบบใหม่ๆ และดูแลในเรื่องการกลืนอาหาร ให้เกิดการปลอดภัยมากที่สุด

วัย 6 เดือนกับอาหารเสริมเด็ก

เด็กในวัย 6 เดือนจะเริ่มมีความสามารถ ในการควบคุมส่วนต่างๆ ภายในช่องปาก อย่างเช่น ลิ้น และการกลืนอาหารได้บ้างแล้ว และรวมถึงการควบคุมการทรงตัว และความแข็งแรงด้านหลังและคอ ทำให้เด็กสามารถที่จะนั่งทรงตัว กินอาหารแทนที่นมแม่ได้ ซึ่งในวัยนี้ความจำเป็นในเรื่องสารอาหารในหมวดธาตุเหล็ก มีความจำเป็นที่จะต้องเติมเข้าสู่ร่างกายของเด็ก

เราจึงจะเห็นสูตรอาหาร ที่ควรจะเตรียมให้กับเด็กในช่วงวัยนี้ที่เน้นอาหารที่มีธาตุเหล็ก อย่างเช่น เนื้อสัตว์, อาหารทะเลโดยเฉพาะเนื้อปลา, ตับ, ไข่แดง, ธัญพืชและผลไม้ที่เน้นสุกและบด อย่างเช่นมะละกอ, กล้วยน้ำว้า และมะม่วง นอกจากจะช่วยเด็กให้อ้วนแล้ว ยังช่วยเพิ่มความฉลาดให้กับเด็ก รวมถึงด้วยการที่เป็นวัยแรกเริ่ม หัดกินอาหารที่ต้องบดเคี้ยว การปรับอาหารทุกอย่างให้มีความละเอียด และเน้นการบดให้มีเนื้อเนียน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

การจัดอาหารให้กับเด็กในวัย 6 เดือน ควรเริ่มต้นเป็นวันละ 1 มื้อเท่านั้น ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนระบบการย่อยในเด็กร่วมด้วย ซึ่งเราสามารถให้อาหารเสริมเด็ก ที่ออกแบบสูตรมาให้กับเด็กช่วงที่อยู่ในวัย 6 เดือน เช่น พีชชี่ แอปเปิ้ลบดผสมข้าวโอ๊ตและน้ำพรุน ดังรูป ควบคู่สลับกันไปด้วยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวก ซี่งอาจจะมีบางวันที่ต้องให้อาหารเด็กนอกบ้าน การเตรียมอาหารเสริมที่เป็นซอง ก็จะง่ายสะดวกต่อการพกพามากกว่า โดยหากเป็นอาหารที่เราจำเป็น ต้องดูให้ครบหมวดหมู่สารอาหารมีดังนี้ คือ

• ข้าวต้มสุกบดละเอียด
• เนื้อปลาทู, เนื้อปลาช่อน หรือเนื้อปลาทะเลบดละเอียด ควรเน้นปลาที่มีก้างน้อย
• ผักกาดขาว, ฟักทอง, ผักตำลึง, แครอทต้มสุกบดละเอียด
• ไข่แดงต้มสุกบดละเอียด
• กล้วยน้ำว้าสุก, มะละกอสุก, มะม่วงสุกบดละเอียด

ซึ่งหากเป็นข้าวต้มสุกบดละเอียดนั้น เราควรเริ่มให้เด็กได้เริ่มต้นกินทีละน้อยก่อน ในช่วงเวลาที่ปรับอาหารจากนมแม่ หรือนมทดแทนสำหรับทารกแรกเกิด มาเป็นอาหารในรูปแบบนี้ โดยอาจจะเริ่มต้นให้ปริมาณข้าวเพียงแค่3-4 ช้อนโต๊ะเท่านั้น และควรมีการให้อาหารในแต่ละอย่าง แยกเป็นถ้วยๆ ซึ่งจะทำให้เราได้รู้ว่า เด็กสามารถกินอาหารแต่ละหมวดหมู่ โดยที่ไม่มีอาการแพ้ใดๆ ซึ่งหากมีอาการแพ้อาหาร จะทำให้เรารู้ได้ทันทีว่า เด็กแพ้อาหารหมวดหมู่ไหน

หลังจากนั้นเราสามารถที่จะค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวต้มสุกบดละเอียดมากขึ้นทีละน้อย และสามารถปนอาหารบางชนิดเข้าด้วยกัน อย่างเช่น ข้าวต้มสุกบดละเอียด กับไข่แดงและผักบด ซี่งสำหรับเนื้อปลาบดละเอียด เน้นให้กินแยกต่างหาก เพื่อที่เราจะได้ตรวจดูแต่ละคำที่ป้อนให้ด้วยว่า มีก้างปลาหลงเหลือหรือไม่

อาหารที่เรามักจะเห็นว่า เป็นอาหารยืนพื้นที่ให้กับเด็กในช่วงวัยนี้ จะเป็นฟักทอง, กล้วยน้ำว้า, ผักใบเขียวบด, ไข่แดงและตับบด, เนื้อปลาบด, และกลุ่มแป้งที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวที่ต้มสุกบดละเอียด เพราะเป็นส่วนที่จะช่วยให้พลังงานในแต่ละวันกับเด็ก ซึ่งหากมีบางวัน หรือบางมื้อที่เราไม่สามารถเตรียมอาหารเหล่านี้ได้ เราก็สามารถเลือกอาหารเสริมที่มีสารอาหารครบ พร้อมด้วยวิตามินที่มีรวมอยู่ในนั้นด้วย ให้กับลูกได้

วัย 7 เดือนกับอาหารเสริมเด็ก

เนื้ออาหารที่ให้กับเด็กในวัย 7 เดือนนี้นั้น เริ่มมีการปรับเปลี่ยน ให้มีเนื้อสัมผัสที่เป็นลักษณะการบดหยาบได้ อย่างเช่น ในภาพจะเป็นข้าวกล้องต้มปลาแซลมอน การค่อยๆ เพิ่มเนื้อสัมผัสอาหารให้เป็นการบดหยาบผสมเข้ามา ในส่วนของข้าวต้มสุกบดละเอียด 2 ช้อน และข้าวต้มสุกบดหยาบ 3 ช้อน เพื่อให้เด็กได้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนชิ้นอาหารที่เพิ่มความมีเนื้อสัมผัสมากขึ้น

ส่วนเนื้อสัตว์ที่เน้นให้กินเนื้อปลา ที่สามารถกินได้ง่ายและย่อยง่าย ส่วนเนื้อสัตว์อื่นๆ อย่างเช่น เนื้อไก่ หรือเนื้อหมูนั้น เราสามารถหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ ช่วงวัย 7 เดือนนี้ จะเริ่มให้เด็กได้ฝึกหัดการเคี้ยวอาหารเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องบดอาหารทุกอย่างละเอียด เหมือนในช่วงวัย 6 เดือน รวมถึงจะการเริ่มให้เด็กได้กินอาหารบดหยาบ จะช่วยในเรื่องฝึกการกลืนให้กับเด็กร่วมด้วย มื้ออาหารยังคงให้วันละ 1 มื้อเหมือนในช่วงวัย 6 เดือน

รวมถึงการเพิ่มในส่วนของน้ำต้มผักกับกระดูกหมูเข้ามา เพื่อผสมในส่วนของข้าวต้มสุกบดหยาบ ให้มีการกินที่ง่ายมากขึ้น และให้ได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้นจากน้ำต้มกระดูก ผลไม้ที่ให้เน้นความสุกและเนื้อผลไม้ที่เคี้ยวไม่ลำบาก อย่างเช่น มะละกอสุก, กล้วยน้ำว้าสุก และมะม่วงสุก หั่นเป็นชิ้นเล็กเพียงแค่ 2-3 ชิ้นเท่านั้น

วัย 8 เดือนกับอาหารเสริมเด็ก

ในวัย 8 เดือนที่เราสามารถคงชนิดของอาหาร ในแบบเดียวกับช่วงวัย 7 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ที่หั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่มาก, ผลไม้เน้นเนื้อสุก และหั่นเป็นชิ้น, การผสมข้าวกับน้ำซุปต้มกระดูกและผัก, ไข่ไก่ต้มสุกที่ไม่จำเป็นต้องบดละเอียด หรือบดหยาบ แต่ให้เป็นฟองโดยที่เราสามารถผ่าเป็น 4 ชิ้น เพื่อให้เด็กสามารถกินได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างอาหารเสริมเด็กวัยนี้ตามรูป คือ ข้าวอบกรอบ ออร์แกนิค รสมันหวาน

โดยสิ่งที่อาจจะปรับเปลี่ยนในช่วยวัย 8 เดือน ไม่เหมือนกับวัย 7 เดือนก็คือ การเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย อย่างเช่น ข้าวที่เคยให้ 3-4 ช้อนโต๊ะ ก็ปรับมาเป็น 5 ช้อนโต๊ะ ซี่งในช่วงระยะช่วงวัย 6 เดือน-7 เดือน เด็กเริ่มจะคุ้นชินกับการกินอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงตัวข้าวเราไม่จำเป็นที่จะต้องต้มสุกบดละเอียด หรือบดหยาบอีกต่อไป โดยปรับเปลี่ยนเป็นข้าวหุงสุก แต่เน้นใส่น้ำมากขึ้น เพื่อให้ข้าวมีเม็ดที่นิ่มกว่าข้าวหุงแบบธรรมดา

รวมถึงผลไม้ที่เคยให้ในปริมาณ 2-4 ชิ้น ก็ปรับเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อยเป็น 3-5 ชิ้น ซึ่งการให้อาหารในรูปแบบนี้ หรือการให้อาหารเสริมเพิ่มกับเด็กในวัย 8 เดือนนี้ เพื่อที่จะให้เด็กได้มีสารอาหารช่วยในเรื่องความฉลาด และให้อ้วนสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับการเพิ่มมื้ออาหารเป็น 2 มื้อต่อวัน ซึ่งหลักๆ แล้วการให้อาหารในกลุ่มเนื้อปลา, ตับ และไข่ เพื่อที่จะเน้นไปเสริมสร้างการพัฒนาทางสมอง และช่วยเสริมในเรื่องในเรื่องความฉลาด

ส่วนการเน้นในเรื่องไม่ควรให้ขาดผลไม้และผัก ก็คือนอกจากจะเป็นการเสริมในกลุ่มสารอาหารเกลือแร่จากผักใบเขียวแล้วนั้น ผลไม้ที่มีเนื้อสุก จะช่วยให้เด็กมีระบบการขับถ่ายที่ดีทุกวัน แต่อย่างไรก็ดี เราควรที่จะให้ตัวช่วยเสริม ไม่ว่าจะเป็น นมผง , เอนชัวร์ และเตรียมอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ สำหรับเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องอุ่นนม , ขวดนม , จุกนมหลอก , ที่คว่ำขวดนม , น้ำยาล้างขวดนม , แปรงล้างขวดนม , ผ้าคลุมให้นม , ที่ดูดน้ำมูกทารก ให้พร้อมกับการใช้งาน

วัย 11 เดือนกับอาหารเสริมเด็ก

เราอาจจะเห็นว่าเด็กในวัย 11 เดือนนี้ยังไม่โตเต็มที่ หรือยังไม่ครบขวบปีแรก แต่ในช่วงเวลาที่เราเริ่มให้เด็กหัดกินอาหารในรูปแบบที่ต้องเคี้ยว หรือใช้การบดในปากนั้น เป็นช่วงเวลาหลายเดือน ที่ทำให้เด็กได้ปรับตัว และคุ้นชินกับการกินอาหารในแบบที่ไม่ใช่นมแม่ และในหลายครอบครัว ก็มีการให้อาหารเสริมร่วมด้วย ซึ่งสามารถช่วยให้เด็กมีความเจริญอาหารเพิ่มขึ้น

ดังนั้นสำหรับในวัย 11 เดือนนี้ อาหารที่เราเคยให้ในช่วงวัยก่อนหน้านี้ หรือช่วงวัย 8 เดือนก็ยังสามารถให้ได้เหมือนเดิม แตกต่างกันตรงที่ปริมาณที่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย อย่างเช่น ข้าวสุกหุงนิ่มก็ปรับมาเป็น 5-6 ช้อนโต๊ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรดูที่ การกินอาหารของเด็กแต่ละคนร่วมด้วย ว่าเด็กเน้นกินข้าวได้ตามที่เราให้จนหมด หรือเด็กกินข้าวเหลือแต่ชอบกินเนื้อสัตว์ และผลไม้แทนที่ ซึ่งเราก็สามารถเพิ่มข้าวได้แต่ไม่เน้นมากจนเกินไป

ส่วนในหมวดหมู่โปรตีน และเกลือแร่ที่ได้จากทางเนื้อสัตว์และผักนั้น เราควรปรับสัดส่วนให้เท่ากัน อย่างเช่น ในช่วงวัย 11 เดือนนี้ เพิ่มการให้เนื้อสัตว์หั่นชิ้นเล็กเป็น 3 ช้อนโต๊ะ ในทางเดียวกันหมวดหมู่ผัก เราก็ควรเพิ่มสัดส่วนที่เท่ากันคือ 3 ช้อนโต๊ะ ส่วนผลไม้สุกเราสามารถให้ได้เท่าเดิมกับช่วงวัย 8 เดือน ซึ่งในช่วงวัย 11 เดือนนี้นั้นควรปรับจำนวนมื้ออาหารให้กับเด็กเป็น 3 มื้อต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวัยที่เริ่มให้เด็กกินจำนวนมื้อได้ตามผู้ใหญ่แล้ว

วัย 1 ปีกับอาหารเสริมเด็ก

ช่วงวัย 1 ปีนั้น ถือว่าเป็นช่วงอายุของเด็ก ที่เริ่มมีการกินอาหารได้คล้ายกับที่ผู้ใหญ่กินได้ รวมถึงจำนวนมื้ออาหาร 3 มื้อต่อวัน ที่เด็กในช่วงวัย 1 ปีนี้สามารถปรับกินได้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่ แต่มีความแตกต่างอยู่ที่ อาหารที่เน้นให้กับเด็กในวัยนี้ หรือเป็นอาหารที่เหมาะสมกับเด็กในวัย 1 ปี ไม่ควรเน้นอาหารที่มีเนื้อสัมผัสที่แข็ง หรือต้องเคี้ยวมากๆ อย่าง อาหารทอด หรืออาหารรสจัดจ้าน ที่เน้นรสชาติเข้มข้น เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับเด็กในวัยนี้

อาหารที่แนะนำคือ อาหารที่ยังคงรสชาติอ่อนอยู่ หรือปรุงแต่งรสชาติได้บ้างเล็กน้อย แต่เน้นอาหารเนื้อนิ่ม, เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย อย่างเช่น ซุปไก่ที่ต้มผักและเนื้อไก่จนเปื่อย, โจ๊ก, ข้าวต้ม, ผัดฟักทอง โดยที่ต้องนำฟักทองไปนี่งให้สุกนิ่มดีก่อน และควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะลงผัด หรือเมนูราดหน้า ที่ผักก็ควรที่จะมีการต้มให้เปื่อย เพราะฟันสำหรับเด็กในวัยนี้ ยังเป็นฟันน้ำนมอยู่ ซึ่งยังไม่มีความแข็งแรงเท่ากับฟันแท้ที่จะขึ้นอีกทีในช่วงวัย 6 ปี

วัย 3 ปีกับอาหารเสริมเด็ก

อาหารสำหรับเด็กวัย 3 ปีนั้น ที่ยังคงเน้นคล้ายกับในช่วงวัย 1 ปีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องรสชาติอ่อนๆ สามารถปรุงแต่งได้เล็กน้อย มีการเน้นที่วัตถุดิบธรรมชาติมากกว่า อย่างเช่น แกงจืดหรือต้มซุป ที่เน้นนำกระดูกหมู หรือกระดูกมาต้มกับผัก ให้เปื่อย และสารอาหารในน้ำซุป จะนอกจากจะช่วยเสริมสารอาหารให้กับเด็กแล้ว ยังช่วยเป็นอาหารที่ย่อยง่ายสำหรับเด็ก

นอกเหนือจากนี้ด้วยวัย 3 ปีที่เด็กจะต้องเริ่มต้นเข้าเรียนในชั้นอนุบาล ทำให้มีกิจกรรมที่มากกว่า การอยู่ที่บ้านในช่วงวัยก่อนหน้านี้ ดังนั้นสิ่งที่จะเข้ามาเพิ่มในเรื่องของอาหารการกิน สำหรับเด็กวัย 3 ปีนี้ จำเป็นที่จะต้องมีมื้ออาหารว่าง หรือเรียกว่าเป็นมื้อคั่นระหว่างมื้ออาหารหลักนั่นเอง

มื้ออาหารว่างนี้ นอกจากจะช่วยไม่ให้เด็กเกิดความหิวระหว่าง รอมื้ออาหารหลักถัดไป ยังช่วยเป็นการเสริมสารอาหารให้กับร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นในกลุ่มของเครื่องดื่ม อย่างเช่น นม หรือน้ำผลไม้ และขนมเล็กน้อย เพื่อช่วยเติมพลังให้เด็ก สามารถที่จะทำกิจกรรมที่โรงเรียนได้ครบวัน

.ในวัยนี้เราสามารถให้วิตามินเสรืมสำหรับเด็กได้เพื่อให้พวกเค้าแข็งแรงเติบโตได้อย่างเต็มที่ โดยวิตามินเสริมที่ให้ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบของจนม หรือเยลลี่ มีความอร่อย ทานง่าย เด็กๆชอบ

วิธีเลือกซื้ออาหารเสริมเด็ก

สารอาหารครบ

จากข้างต้นนั้น เราจะเห็นได้แล้วว่า อาหารที่เราเริ่มให้เด็กตั้งแต่วัย 6 เดือนขึ้นไปนั้น จะเน้นในเรื่องการให้สารอาหารที่ครบถ้วนทุกหมู่ ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต, ไขมัน, เกลือแร่, วิตามิน และโปรตีน ซึ่งในรูปแบบเดียวกัน หากเราต้องพิจารณาเลือกซื้อ อาหารเสริมเด็ก ก็ควรเลือกที่มีส่วนผสมของสารอาหารที่ครบถ้วนเช่นเดียวกัน เพราะสารอาหารแต่ละหมวดหมู่ ก็มีหน้าที่เข้าไปเสริมสร้างและพัฒนาร่างกายให้กับเด็ก ที่แตกต่างกัน

ส่วนประกอบ

ส่วนประกอบของอาหารเสริมสำหรับเด็ก อาจจะต้องลงลึกมากกว่า ในเรื่องของการให้สารอาหารที่ครบเท่านั้น แต่เน้นในเรื่องของ การอ่านในข้อมูลโภชนาการ และส่วนผสมต่างๆ ที่ต้องเน้นสำหรับเด็ก ที่มีการแพ้อาหารบางประเภท อย่างเช่น เด็กบางคนแพ้กลูเตนตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นการพิจาณาในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ก็มีความสำคัญมาก ซี่งเราได้เกริ่นไว้ในช่วงวัย 6 เดือนในเรื่องการให้อาหารแยก เพื่อที่จะดูและสังเกตว่าเด็กแพ้อาหารอะไรบ้าง

วิธีนี้เป็นรูปแบบการเช็คอย่างง่ายๆ ในช่วงเริ่มแรกของการปรับเปลี่ยนของอาหารจาก นมแม่มาเป็นอาหารที่ต้องมีการเคี้ยว และเป็นการป้องกันแต่เนิ่นๆ หากเรารู้ว่าเด็กมีภาวะแพ้อาหารอะไร หรืออาหารจำพวกกลุ่มไหนบ้าง ซึ่งในเรื่องของการแพ้อาหาร หรือแพ้กลุ่มอาหารบางประเภทนี้ อาจไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป เพราะในวันนี้มีเด็กหลายคน ที่มีอาการแพ้อาหารที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแป้งอย่างกลูเตน หรือส่วนประกอบต่างๆ ในเครื่องปรุง เป็นต้น

ซี่งยิ่งเรารู้ได้เร็ว ก็ยิ่งป้องกัน และเลือกพิจารณาซื้ออาหารเสริม ที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่ออาการแพ้ของเด็ก โดยอาการแพ้อาจมีเพียงแค่การคัน และขึ้นผื่นแดง ไปจนถึงระบบทางเดินอาหาร อย่างเช่น อาเจียน ท้องเสีย และส่งผลกระทบในส่วนของระบบหายใจ ตั้งแต่การนอนกรน, หายใจลำบาก, ,มีน้ำมูก หรือหลอดลมตีบ ดังนั้นในการเลือกพิจารณาซื้ออาหารเสริมให้กับเด็กนั้น โดยเฉพาะการเลือกยี่ห้อใหม่ ที่เด็กยังไม่เคยกิน ควรอย่างยิ่งที่จะต้องดูส่วนประกอบก่อน

ช่วงอายุ

ในแต่ละผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั้น จะมีการระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่า สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงวัยเท่าไหร่ เพราะมีความสัมพันธ์กับส่วนประกอบด้านในของอาหารเสริมร่วมด้วย รวมถึงสัดส่วนปริมาณสารอาหารที่ทางผู้ผลิตใส่เข้าไป และสารปรุงแต่งต่างๆ ที่หากเป็นในช่วงวัยเด็กที่ยังมีอายุไม่ครบขวบปีแล้วนั้น ควรที่จะหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่มีการปรุงแต่ง

รสชาติที่เด็กชอบ

การเริ่มให้เด็กได้คุ้นเคยกับอาหารเสริมนั้น รสชาติและกลิ่นต้องน่าดึงดูด อย่างเช่น การเลือกรสชาติกล้วย, มะม่วง หรือแอปเปิ้ล ที่มีทั้งกลิ่นและรสชาติหอม และน่ากิน ทำให้เด็กสามารถกินได้ง่าย และอีกทางที่ช่วยให้เด็กได้รับสารอาหาร ที่ไปช่วยเสริมความฉลาด และข่วยให้เด็กอ้วนสมบูรณ์ไปพร้อมกับการเจริญอาหารมากขึ้น

รูปแบบของอาหารเสริมเด็ก

ลักษณะของอาหารเสริมหรือรูปแบบ ที่เป็นแบบชงน้ำ หรือแบบสำเร็จรูป ที่หมุนฝาซองอาหารเสริม ก็ให้เด็กกินได้ทันที หรือสามารถอุ่นได้ง่ายๆ ด้วยการนำซองอาหารเสริมสำหรับเด็กแช่ในน้ำร้อนซี่งรูปแบบนี้ให้ความสะดวกในการออกไปนอกสถานที่ หรือการไปเที่ยวต่างจังหวัด ที่ไม่ต้องห่วงกังวลในการหาอาหารให้กับเด็ก อีกทั้งอาหารเสริมเหล่านี้ ก็มีการคำนวณสัดส่วน และกำหนดสารอาหารมาให้ครบถ้วน กับความต้องการของเด็กในแต่ละวัย

 ลูกกินข้าวน้อย ควรกินวิตามินตัวไหนดี

สรุป

เด็กในช่วงแต่ละวัยจะมีความต้องการสารอาหารที่แตกต่างกัน รวมถึงการหาอาหารเสริมแบบไหน จึงจะดึงดูดใจเด็กที่ไม่ค่อยกินข้าว ให้มีความเจริญอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยอาหารเสริมที่ทำให้เด็กนั้น นอกจากจะมีรสชาติที่เด็กชอบให้เลือกได้หลากหลายแล้ว ยังมีส่วนประกอบที่ให้สารอาหารครบทุกหมู่ และช่วยเสริมความฉลาดให้กับเด็ก ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต

ดูแลบทความโดย กองบรรณาธิการ BESTCHOICE

ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน

• Facebook
• X
• Line