ข้าวญี่ปุ่น คืออะไร
คือ ข้าวที่เป็นสายพันธุ์เฉพาะประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นด้วยรูปทรงเมล็ดข้าว ที่มีเมล็ดสั้นและอวบ เมื่อนำไปหุงแล้ว จะมียางข้าวมากกว่าข้าวไทย และมีความเหนียวนุ่ม ข้าวญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากข้าวไทย ด้วยความเหนียวและการเกาะตัวดี สามารถใช้ตะเกียบคีบข้าวกินเป็นก้อนได้ โดยที่เมล็ดข้าวไม่ร่วง การนำไปใช้ทำอาหาร สามารถหุงกินกับอาหารได้ทุกเมนู และสามารถนำไปทำเป็นข้าวปั้น หรือซูชิได้
ข้าวญี่ปุ่น vs ข้าวไทย
ถึงแม้ว่าไม่ว่จะเป็นข้าวไทย หรือข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นนี้นั้น จะมีความเป็นเมล็ดข้าว และมีการนำไปกินกับอาหารได้เหมือนกัน แต่ยังมีหลายอย่างที่แตกต่างกัน ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีหลายที่ ที่ลองนำเอาข้าวหอมมะลิของไทยเรา ไปผสมกับข้าวเหนียว เพื่อให้เกิดความหอมและนุ่ม เพื่อให้มีเนื้อสัมผัสเหมือนกับ ข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นก็ตาม แต่ก็ยังไม่ทำให้เหมือนได้อย่าง 100% ทีเดียว
ฤดูในการเพาะปลูก
- ข้าวญี่ปุ่น เน้นในช่วงเดือนเมษายน ถึงเดือนพฤศจิกายน
- ข้าวไทย เริ่มเพาะปลูกในเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์
รูปทรงเมล็ดข้าว
- ข้าวญี่ปุ่น รูปทรงเมล็ดสั้นสั้น และอวบ
- ข้าวไทย รูปทรงเมล็ดยาวเรียว
เนื้อสัมผัส
- ข้าวญี่ปุ่น มีความเหนียวนุ่ม
- ข้าวไทย มีความร่วน และเป็นเมล็ดมากกว่า
การดูดซึมน้ำในขณะหุง
- ข้าวญี่ปุ่น ดูดซับน้ำ และอุ้มน้ำมากกว่า ทำให้สัดส่วนน้ำที่ใส่จึงมากกว่าการหุงข้าวไทย
- ข้าวไทย ดูดซับน้ำน้อยกว่า
รสธรรมชาติในเมล็ดข้าว
- ข้าวญี่ปุ่น รสชาติที่หวานโดยธรรมชาติ
- ข้าวไทย รสจืด
ประโยชน์ของข้าวญี่ปุ่น
ถึงแม้ข้าวจะเป็นอาหารที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า เป็นสารอาหารหมวดคาร์โบไฮเดรต แต่สำหรับข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นนั้น นอกจากการที่เราจะได้พลังงานจากแป้งที่กินในรูปของข้าวแล้ว ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของสุขภาพร่วมด้วย โดยเฉพาะการนำเนื้อมาย่างกับ เตาแก๊สปิ้งย่าง , เตาปิคนิค , เตาปิ้งย่างไฟฟ้า กินคู่กับ ต๊อกบกกี , ผงโรยข้าว , โชยุ , สาหร่าย , กิมจิ , มาม่าเกาหลี , มายองเนส ที่ช่วยเสริมความอร่อยให้กับมื้ออาหารได้แบบง่ายๆ
รสชาติ
ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหนก็ตาม จะมีรสชาติที่หวานโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะสายพันธุ์โคชิฮิคาริ ที่เน้นเลยว่าหากเป็นการนำมาทำเป็น ซูชิหรือข้าวปั้น ควรที่จะเลือกสายพันธุ์นี้เท่านั้น ที่จะมีความอร่อยที่ความหวานในข้าว เพียงแค่เติมเกลือและมิรินในขั้นตอนการหุงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น กินคู่กับท็อปปิ้งด้านบน ที่เป็นเนื้อปลาสด, เนื้อสด หรือไข่หอยเม่น จะเสริมรสชาติหวานจากเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นอีก
เสริมการทำงานระบบประสาท
โดยเฉพาะการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นการลดและบรรเทาอาการวิตกกังวล, นอนไม่หลับ, สมาธิสั้น โดยเฉพาะอาการเสื่อมของเซลล์ประสาท ที่จะก่อให้เกิดโรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์
บำรุงเซลล์ประสาท
นอกจากที่จะช่วยลดความเสี่ยง ในการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทแล้วนั้น ด้วยจมูกข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นนั้นยังมีสารกาบา ที่ช่วยบำรุงเซลล์ประสาทให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ในวันที่เราทำงานหนัก หรือขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ รวมถึงช่วยให้เราผ่อนคลายจากอาการเครียดได้อีก
ประโยชน์ในด้านอื่นๆ
นอกจากลักษณะเด่นของข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น ที่มีสารกาบาอยู่ในจมูกข้าวมากแล้วนั้น และรวมถึงปริมาณแป้งหรือคาร์โบไฮเดรต ที่เมื่อเทียบกับข้าวไทย มีปริมาณที่มากกว่าก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี ด้วยสภาพแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่น มีมีอากาศหนาว และผู้คนเน้นการเดินมากกว่าการนั่งยานพาหนะ ทำให้ถึงแม้จะมีการกินข้าวในปริมาณที่มากกว่าคนไทย แต่ในการนำไปใช้งานนั้น มีการนำเอาพลังงานที่กินในรูปของคาร์โบไฮเดรตไปใช้ได้มากกว่า
ส่วนประโยชน์ในด้านอื่นๆ มีตั้งแต่การเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว และลดจุดด่างดำ รวมถึงนอกจากคาร์โบไฮเดรตที่มีอยู่ในข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นแล้วนั้น ยังมีเกลือแร่, แร่ธาตุที่จำเป็น, เส้นใยอาหาร และวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนั้นข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่เราซื้อมาหุงกินกันตามบ้าน หรือที่นิยมใช้กันในร้านอาหารญี่ปุ่น จะต้องมีลักษณะเด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความเหนียวนุ่มในแต่ละเมล็ด และมีการเกาะตัวดีในรูปทรงเมล็ดที่สั้นและอวบ
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่น
1.เทข้าวญี่ปุ่นตามปริมาณที่ต้องการ
2.ซาวข้าวด้วยลักษณะการขัดเมล็ดข้าว แต่ไม่ควรใช้แรงบีบเมล็ดข้าวแรง จะทำให้เมล็ดข้าวหัก
3.ซาวข้าวจะน้ำมีลักษณะใส ไม่ขุ่น หรือสามารถนับจำนวนรอบซาวข้าวได้ 3-4 รอบ
4.ตวงน้ำในปริมาณ 1.2 เท่า อย่างเช่น หากเราตวงข้าว 1 ถ้วย น้ำควรอยู่ที่ปริมาณ 1.2 ถ้วย
5.แช่ข้าวไว้ 20-30 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้าวแต่ละสายพันธุ์ และแต่ละยี่ห้อ สำหรับเวลาในการแช่
6.หากเป็นการหุงข้าว เพื่อทำซูชิ หรือข้าวปั้น ควรเติมเกลือและมิริน หรือน้ำส้มสายชูญี่ปุ่นเล็กน้อย
7.ช่วงก่อนที่ข้าวจะสุกเต็มที่ ควรใช้ทัพพีกลับข้าวด้านบนสลับกับด้านล่าง เพื่อให้ความชื้นของข้าวมีความสมดุลกัน เมื่อหม้อข้าวเด้งให้สัญญาณว่าข้าวสุกแล้ว รอ 20 นาที ดึงปลั๊กออก สามารถเก็บข้าวไว้ทำซูชิได้ทั้งวัน
8.การซาวข้าวหลายรอบ เพื่อที่จะล้างยางข้าวที่อาจจะทำให้ข้าวมีความเหนียวมากเกินไปออก
9.ข้าวญี่ปุ่นเมื่อหุงสุกแล้ว เมล็ดข้าวจะไม่มีความแห้ง หรือแข็ง ดังนั้นจึงสามารถตักกินได้ตลอดทั้งวัน โดยไม่จำเป็นต้องอุ่น ส่วนใหญ่จะเน้นอาหารที่กินคู่กับข้าว ที่ต้องทำใหม่ร้อนๆ กินคู่กัน
10.เพิ่มความอร่อยให้กับข้าว ด้วยการโรยงาขาวคั่วด้านบนสำหรับข้าวแต่ละถ้วยที่ตักกิน จะช่วยเพิ่มความหอมให้กับตัวข้าวมากขึ้น
ข้าวญี่ปุ่นแปรรูป หรือกินกับอะไรได้บ้าง
ข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น จริงๆ แล้วสามารถกินได้กับอาหารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาหารญี่ปุ่น หรืออาหารชาติไหนๆ เพียงแต่มีลักษณะเด่นตรงที่ มีความเหนียวด้วยตัวยางที่เมล็ดข้าวมีมาก และมีความนุ่มเป็นพิเศษ ทำให้เราสามารถใช้ตะเกียบคีบข้าวกินได้เป็นคำๆ โดยที่เมล็ดข้าวไม่ร่วง แต่หากกินคู่กับกับข้าวญี่ปุ่นก็จะทำให้เข้ากัน ด้วยรสชาติที่หอมเครื่องปรุงที่มาจากซอสโชยุ, พริกญี่ปุ่น เป็นหลัก
- หมูทอดทงคัตสึ กินร่วมกับกะหล่ำปลีหั่นซอย, ซอสโชยุ และงาขาคั่วโรยหน้าหมูทอด
- ไก่คาราเกะ เนื้อไก่ส่วนสะโพกที่ทอด ให้มีความชุ่มฉ่ำของเนื้อ กินคู่กับหัวไชเท้าซอยเป็นเส้น
- นาเบะ หรือหม้อไฟญี่ปุ่น ที่มีทั้งผักต่างๆ, เห็ด, เนื้อสัตว์ อย่างเช่น เนื้อหมูสไลด์ หรือเนื้อสไลด์ พร้อมด้วยเต้าหู้อ่อน จะเน้นที่น้ำซุปมีความหวานกลมกล่อม และมีเอกลักษณ์ที่ต้องซดตอนร้อนๆ
- หมูชาชู ที่ทำมาจากหมูสามชั้นม้วน และมัดให้แน่นด้วยเชือก นำไปต้มนานหลายชั่วโมงร่วมกับซอสโชยุเข้มข้นและขิง ให้น้ำซึมเข้าเนื้อหมู จนเนื้อหมูเปื่อยนุ่ม แล้วนำมาหั่นสไลด์บางๆ กินคู่กับข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น อร่อยจนต้องขอให้เติมข้าวเพิ่มเลยทีเดียว
ข้าวด้ง คืออะไร
หรือเราสามารถเรียกได้ว่าข้าวดงบุริ (Donburi) ที่รองด้านล่างเป็นข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น ด้านบนจะเป็นหน้าเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างเช่น หน้าเนื้อ, หน้าหมูชุบแป้งทอด หรือ หน้ากุ้งชุบแป้งทอด ที่เรียกว่า เทมปุระ ซี่งความอร่อยจะอยู่ที่ ข้าวที่มีความเหนียวนุ่ม กินร่วมกับเนื้อสัตว์ด้านบนที่ให้รสชาติเข้มข้น และมีเนื้อสัมผัสที่กรอบในบางเมนู อย่างเช่น เทนด้ง หรือเทมปุระ ที่เรารู้จักกันดีในเมนูกุ้งชุปแป้งทอดแบบญี่ปุ่น
- ไคเซ็นด้ง เป็นข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นหุงด้วยส่วนผสมน้ำส้มสายชูของญี่ปุ่น หรือมิริน มีการวางท็อปปิ้งด้านบนเป็น เนื้อสัตว์ที่เป็นของสด อย่างเช่น ไข่หอยเม่น หรือ อูนิ, มากูโระ หรือเนื้อปลาทูน่าสด, ปลาหมึกสด, และเนื้อปลาสดชนิดต่างๆ ความอร่อยอยู่ที่ความสดของอาหารทะเลด้านบน
- บูตะด้ง ข้าววางด้านบนเป็นเนื้อหมู หั่นสไลด์เป็นแผ่นบาง ที่ผ่านการย่างด้วยเตาถ่าน หรือระดับความร้อนที่พอดี คงความชุ่มฉ่ำในเนื้อหมูอยู่ มีการปรุงรสความเค็มที่เนื้อหมู เพื่อให้เกิดความหอมเมื่อนำมาย่าง
- คัตสึด้ง หรือเมนูหมูชิ้นหนาทอด วางด้านบนข้าวญี่ปุ่น แต่มีความพิเศษที่แตกต่างไปจาก ทงคัตสึ ก็คือ จะมีการเพิ่มเติมจากการทอดหมูแล้ว นำน้ำซุปที่มีส่วนผสมของสาเก, เหล้า และโชยุ ใส่ไข่ลงไปเพื่อให้เกิดความเข้มข้น และนำหมูชิ้นหนาที่ทอดแล้ว ลงไปในน้ำซุปเพื่อให้ซึมซับน้ำซุป แล้วนำมาวางด้านบนข้าว
- กิวด้ง หรือที่เรามักเรียกกันว่า ข้าวหน้าเนื้อนั่นเอง เป็นเนื้อที่คัดมาพิเศษ ไม่เหนียวเกินไป มีการสไลด์เป็นแผ่นบาง นำมาผัดร่วมกับหอมใหญ่ และใส่เครื่องปรุงอย่างโชยุ เน้นรสชาติหวานนำ ในบางสูตรจะมีการกินคู่กับไข่ไก่สด และขิงดองร่วมด้วย เพื่อให้ได้รสชาติอร่อยมากขึ้น
- อุนาด้ง หรือข้าวหน้าปลาไหลย่าง เนื้อปลาไหลที่แล่ในแบบไม่มีก้าง นำมาย่างร่วมกับน้ำซอสที่ผ่านการเคี่ยวที่เข้มข้น มีรสชาติหอมและหวาน จะใช้แปรงทาตลอดการย่าง จนได้เนื้อปลาไหลที่มีสีเข้ม และหอมซอสที่ผ่านความร้อน กินคู่กับข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นร้อนๆ ด้านล่าง
ซูชิ คืออะไร
ข้าวญี่ปุ่นที่มีการหุงร่วมกับการใส่น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น หรือมิรินลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับข้าวที่จะนำไปปั้นเป็นซูชิ เอกลักษณ์ของอาหารซูชิคือ ด้านบนจะเป็นเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นจะนิยมกินกันในลักษณะที่ยังสดอยู่ ซึ่งส่วนสำคัญของอาหารประเภทนี้คือ ความสดของวัตถุดิบด้านบนข้าว โดยมีเนื้อสัตว์อย่างเช่น เนื้อวัว, เนื้อปลาชนิดต่างๆ, ไข่หอยเม่น, ปลาหมึก, กุ้งหวาน หรือกุ้งสุก, หอยชนิดต่างๆ เป็นต้น
- มากิซูชิ คือการห่อม้วนข้าว โดยใช้สาหร่ายแผ่นใหญ่วางรอง ตามด้วยข้าวและด้านในเป็นไส้เนื้อสัตว์ มีใส่ผักร่วมด้วย เมื่อม้วนจนเป็นโรลแล้ว จะมีการหั่นแบ่งเป็นชิ้นพอคำ ซึ่งมาจากรูปแบบของการทำแคลิฟอร์เนียมากินั่นเอง มีลักษณะการม้วนข้าว และมีไส้ด้านใน
- กุงกังซูชิ เป็นการปั้นข้าวรองด้านล่าง และด้านบนเป็นเนื้อสัตว์ แตกต่างจากซูชิรูปแบบอื่นๆ คือ จะเป็นการนำสาหร่ายมาห่อด้านนอก มีลักษณะเป็นคำ เน้นใช้กับท็อปปิ้งด้านบนเช่น ไข่ปลาแซลมอน, ไข่หอยเม่น ที่มีลักษณะชิ้นใหญ่
- อินาริซูชิ มีส่วนคล้ายกับกุงกังซูชิ เพียงแต่เปลี่ยนสาหร่ายที่ห่อด้านนอก มาเป็นแผ่นเต้าหู้ทอดแล้ว ห่อด้านนอกแทน ซึ่งจะให้รสชาติความหอม และให้โปรตีนจากเต้าหู้ สามารถกินคู่กับโชยุ หรือกินในรูปแบบนี้เปล่าๆ ได้เลย
- เทมากิซูชิ ลักษณะเด่นคือ มีความเป็นกรวยที่ห่อภายนอกด้วยแผ่นสาหร่าย ด้านในจะเป็นข้าว, เนื้อสัตว์ และผักต่างๆ เน้นวิธีการกินโดยใช้มือ
- นิกิริซูชิ เป็นรูปแบบซูชิที่เรามักจะคุ้นตากันมากที่สุด เป็นการปั้นข้าวพอคำ และมีการแล่เนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา, ปลาหมึก, กุ้ง หรือหอย ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นในรูปแบบสดวางด้านบนส่วนใหญ่แล้วจะแล่ให้เนื้อสัตว์วางปิดข้าวจากด้านบนจนมิด ที่ชิ้นเนื้อสัตว์ไม่ใหญ่จนเกินไป แต่เดี๋ยวนี้มีหลายร้าน โดยเฉพาะร้าน ซูชิ 100 เยนที่ญี่ปุ่น และสาขาในไทย เน้นเอกลักษณ์ซูชิลักษณะนี้ให้มี เนื้อสัตว์ด้านบนขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษ
ข้าวปั้น คืออะไร
เป็นการหุงข้าวเหมือนที่จะนำมาปั้นเป็นซูชิ แต่เน้นรูปลักษณะภายนอกเป็นสามเหลี่ยมชิ้นใหญ่ มีแผ่นสาหร่ายทรงยาว ตกแต่งที่ฐานสามเหลี่ยมของข้าวปั้น เน้นไส้ด้านในที่เป็นปลาแซลมอนซอส, ไส้บ๊วยดอง, ไส้ไข่กุ้งมายองเนส หรือไส้ปลาทูน่า ที่เน้นเนื้อสัตว์สุกเท่านั้น เพราะจุดเริ่มต้นของข้าวปั้นคือ ชนิดของอาหารที่มีการจัดเตรียมในแบบง่ายๆ เพื่อให้สามารถพกพาไปกินนอกสถานที่ หรือระหว่างเดินทาง อร่อยได้ง่ายๆ อิ่มท้อง และให้สารอาหารครบ
วิธีเลือกซื้อข้าวญี่ปุ่น
สายพันธุ์ข้าว
ข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่มีหลากหลายนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีเอกลักษณ์ที่เหมือนกันคือ ความเหนียวของเมล็ดข้าว และมีความนุ่ม กินได้ง่าย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และสามารถนำมาทำข้าวปั้นได้ง่าย ปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ ได้ง่าย โดยในส่วนสายพันธุ์ข้าวที่ได้รับการยอมรับว่า มีกลิ่นหอมหลังจากที่ข้าวสุกแล้วก็คือ สายพันธุ์อะคิตะโคมะจิ และสายพันธุ์โคชิฮิคาริ ที่นอกจากจะให้ความเหนียวนุ่มในตัวเมล็ดข้าวแล้ว ยังมีรสหวานธรรมชาติและเนื้อข้าวที่เด้งในทุกคำ
- สายพันธุ์ฮิโตะเมะโบเระ เพาะปลูกในจังหวัดอิวาเตะ และมิยากิ
- สายพันธุ์นานะทสึโบชิ เพาะปลูกในจังหวัดฮอกไกโด
- สายพันธุ์ทสึยะฮิเมะ เพาะปลูกในจังหวัดยามากาตะ และจังหวัดมิยากิ
- สายพันธุ์โคชิฮิคาริ เพาะปลูกในจังหวัดชิบะ, จังหวัดนีกาตะ และจังหวัดฮิบารากิ
- สายพันธุ์อะคิตะโคมะจิ เพาะปลูกในจังหวัด ฮิบารากิ และจังหวัดอะคิตะ
วัตถุประสงค์
ส่วนใหญ่แล้วการซื้อข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่แตกต่างกันนั้น จะมีความต้องการเพียงแค่ การนำมากินคู่กับอาหาร หรือการเน้นไปทำเป็นข้าวปั้น หรือซูชิ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันคือ หากต้องการนำไปทำเป็นซูชิหรือข้าวปั้นนั้น ด้วยตัววัตถุดิบหลัก อย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ เน้นกินเป็นของสด ดังนั้น สายพันธุ์ของข้าวต้องมีรสหวานและมีเนื้อสัมผัสของเมล็ดข้าวที่เหนียบและนุ่มเป็นพิเศษ ทำให้สามารถกินได้ง่ายและมีความอร่อยในคำเดียวได้
- ทำซูชิหรือข้าวปั้น สายพันธุ์โคชิฮิคาริ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากจังหวัด นีงาตะ หรือนีกาตะ
- ข้าวสวยหรือข้าวด้ง สายพันธุ์อะคิตะโคมะจิ, สายพันธุ์นานะทสึโบชิ และสายพันธุ์ทสึยะฮิเมะ
เมล็ดข้าว
ส่วนใหญ่แล้วบรรจุภัณฑ์ที่เป็นถุง ในการใส่ข้าวนั้น จะมีความใส หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่ง ให้เราสามารถมองเห็นเมล็ดข้าวด้านในถุงได้ ควรเลือกข้าวที่มีเมล็ดเต็ม ไม่แตก, หัก และรวมถึงความมีเมล็ดที่เป็นลักษณะเด่นของข้าวที่เป็นสายพันธุ์ญี่ปุ่น คือ มีรูปทรงเมล็ดที่สั้นและอวบเต็มเมล็ด
บอกแหล่งที่มาชัดเจน
ทุกวันนี้นอกจากที่เราจะเน้นการเลือกข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น ตามจังหวัดของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ในเมืองไทยที่มีการเริ่มปลูกข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นกันมากขึ้น โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไทย อย่างเช่น จังหวัดเชียงราย, จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน เป็นต้น ที่มีสภาพแวดล้อม และภูมิอากาศที่คล้ายคลึงกับประเทศญี่ปุ่น ลักษณะเมล็ดข้าวรูปทรงที่เหมือนกัน แต่หากเป็นข้าวที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่แล้วจะมีการระบุจังหวัดที่ใช้เพาะปลูกร่วมด้วย
- ประเทศญี่ปุ่น
- ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดเชียงราย และจังหวัดลำพูน
ปริมาณ
ขนาดถุงหรือปริมาณข้าว ที่มีให้เลือกตั้งแต่น้อยสุดที่ 200 กรัม, 1 กิโลกรัม, 2 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัม ซี่งหลายคนที่อยู่กันครอบครัวเล็ก ก็จะนิยมซื้อกันในปริมาณ 2 กิโลกรัมต่อถุง หรือครอบครัวใหญ่ที่เน้นเลือกซื้อที่ปริมาณ 5 กิโลกรัมต่อถุง
วิธีหุงข้าวญี่ปุ่นให้อร่อยๆ
สรุป
โดยสรุปแล้วข้าวในแต่ละสายพันธุ์ และแต่ละแหล่งที่เพาะปลูก อย่างเช่น ข้าวไทย และข้าวญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ถึงแม้ข้าวหอมมะลิของไทย จะมีความนุ่ม ที่คล้ายกับข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่น แต่ในความคล้ายกันนี้ ก็มีความแตกต่างอยู่ที่ ข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นจะมีการเกาะตัว ไปพร้อมกับความเหนียวนุ่มในแต่ละเมล็ดข้าวร่วมด้วย ที่สำคัญคือเป็นที่นิยมและไว้วางใจ ในการนำมาใช้ในร้านอาหารญี่ปุ่น รวมถึงการเลือกซื้อไว้หุงกินตามบ้านอีกด้วย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
ข้าวญี่ปุ่น พันธุ์ซาซานิชิกิ 100% 1 กก. มิโนริ
-ข้าวญี่ปุ่นคุณภาพดี เงางามทุกเมล็ด
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 1 กิโลกรัม
ข้าวญี่ปุ่น koshihikari
-อายุการเก็บรักษาสามารถเก็บไว้ได้นาน
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 900 กรัม
ข้าวญี่ปุ่น ฉัตร
-คัดสรรข้าวสายพันธุ์คุณภาพดี ซีลถุงอย่างดี
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 5 กิโลกรัม
ข้าวญี่ปุ่น Gohan Pack
-ทำงานเพียงเข้าไมโครเวฟ 2 -3 นาที
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 200 กรัม / แพค
ข้าวญี่ปุ่นพร้อมทาน โรซ่า
-พร้อมทานทันที ขนาดพกพาสะดวก
-ไม่ใส่วัตถุกันเสีย มีวิธีการใช้งาน ไม่ยุ่งยาก
ข้าวญี่ปุ่น โนริตาเกะ
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2 กิโลกรัม
-ถุงซีลสูญญากาศอย่างดี ไม่รั่วซึมง่าย
ข้าวญี่ปุ่น นีงาตะ โคชิฮิคาริ Kitoku
-สามารถใช้หุงทานได้หลากหลายเมนูอาหาร
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2 กิโลกรัม
ข้าวญี่ปุ่น ฮิโตะเมะโบเระ
-ไม่ต้องซาวน้ำ หุงแล้วข้าวมีความมันวาว
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 2 กิโลกรัม
ข้าวญี่ปุ่นพรีเมียม 100% ตราไก่แจ้
-ข้าวญี่ปุ่น เกรด A ปลอดสาร คุณภาพดี
-อายุการเก็บรักษาสินค้าได้นาน 6 เดือน
ข้าวญี่ปุ่น 100% ซาจิ
-มีความเหนียวนุ่ม คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วน
-ผ่านกระบวนการผลิตอย่างพิถีพิถัน ปราศจากสิ่งเจือปน