10 ครีมกัดสีผม ยี่ห้อไหนดี 2024 ใช้ดี ทำง่าย ถนอมผม ผมไม่เสีย

ครีมกัดสีผม ยี่ห้อไหนดี
ครีมกัดสีผม เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ฟอกสีผมรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม ถูกผลิตขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกและเปลี่ยนสีผมจากสีหนึ่งเป็นอีกสีหนึ่ง เนื่องจากการย้อมผมแบบธรรมดาไม่สามารถเปลี่ยนสีผมเดิมแบบ 100% ได้

จึงทำให้ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมหันมาพึ่งน้ำยาหรือครีมสำหรับกัดสีผมแทน เพราะเมื่อใช้แล้วสามารถเห็นผลได้ค่อนข้างชัดเจน อย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากใช้แบบผิดวิธีก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับเส้นผมและหนังศีรษะได้เช่นกัน

ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับครีมกัดสีผมอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบว่าผลิตภัณฑ์นี้คืออะไร เหมาะกับใคร มีวิธีการใช้อย่างไร หลังใช้เสร็จแล้วควรดูแลผมอย่างไร รวมไปถึงวิธีเลือกซื้อ และข้อควรระวังในการใช้ ซึ่งความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ที่ต้องการกัดสีผมได้ทราบถึงข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริง และจะช่วยให้สามารถตัดสินใจในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

สารบัญ

ครีมกัดสีผม คืออะไร

ครีมกัดสีผม คืออะไร

ครีมกัดสีผม เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการกัดสีผม อีกหนึ่งประเภทที่ผู้ต้องการเปลี่ยนสีผมบ่อยๆ เลือกใช้ จุดประสงค์หลักของผลิตภัณฑ์นี้คือ การฟอกสีผมเดิมให้มีสีที่อ่อนหรือจางลง เพื่อให้เปลี่ยนสีผมใหม่จากการย้อมผมได้ ซึ่งการย้อมผมแบบธรรมดานั้น ยังไม่สามารถเปลี่ยนสีผมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 100%

และหลังจากย้อมผมเสร็จแล้วก็จะเกิดอาการสีผมเพี้ยนอยู่บ่อยๆ ด้วย จึงมีความจำเป็นจะต้องฟอกสีผมก่อนที่จะทำการย้อมผม เพื่อให้สีผมเดิมนั้นจางลง และเมื่อย้อมสีผมแล้วก็จะทำให้ได้สีตามที่ต้องการ จึงทำให้ในปัจจุบันนี้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับกัดสีผมที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย

หลักการทำงานของครีมกัดสีผม จะผสมสารประเภทอัลคาไลน์และตัวไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เข้าด้วยกัน เมื่อถูกนำไปใช้กับผมก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น โดยสารดังกล่าวจะเริ่มเข้าไปเปิดเกล็ดผมเพื่อให้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบหลักเข้าไปฟอกเม็ดสีเมลานินในเส้นผม ส่งผลให้สีผมอ่อนหรือจางลง และเมื่อสีผมเดิมจางลงแล้ว การย้อมสีผมก็จะได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หลังใช้ครีมสำหรับกัดสีผมแล้วจะเห็นว่าสีผมจะอ่อนหรือจางลง ซึ่งเกิดจากกระบวนการการทำงานของน้ำยากัดสีผมที่ไปทำปฏิกิริยาบางอย่างให้เม็ดสีเมลานินลดลง และเมื่อสีผมจางลงแล้วก็จะทำให้ย้อมผมติดได้ง่ายขึ้น

ไม่ว่าจะเลือกสีใดก็สามารถย้อมติดเส้นผมได้ ทั้งนี้การนำครีมกัดสีผมมาใช้ก็ต้องระมัดระวังและรอบคอบอยู่เสมอ เนื่องจากการเปลี่ยนสีผมโดยใช้สารกัดนั้นเป็นปฏิกิริยาทางเคมี จึงถือว่ามีความอันตรายอยู่พอสมควร เพราะฉะนั้นก่อนจะนำมาใช้หรือตัดสินใจใช้ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อน

การฟอกสีผมกับกัดสีผม แตกต่างกันอย่างไร

การกัดสีผม

การฟอกสีผมกับการกัดสีผมนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร เชื่อว่ามีหลายคนที่อยากจะทราบ ต้องบอกเลยว่าคืออันเดียวกันไหม ซึ่งทั้งคู่นั้นเป็นกระบวนการที่ทำให้สีผมที่แท้จริงดูอ่อนลง เพื่อที่จะได้มีสีที่ติดทนและเด่นชัดตามที่เราต้องการเช่นเดียวกัน และทั้งสองอย่างก็ส่งผลเสียต่อเส้นผมอย่างรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพผิวหนังศีรษะไม่แข็งแรง อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

ฟอกสีผม นั้นถือเป็นตัวช่วยให้สีผมของเรานั้นดูอ่อนลง ทำให้สีที่เราต้องการย้อมสีลงไปติดทนและมีสีที่ชัดตามความต้องการของเรา และก่อให้เกิดอันตรายต่อเส้นผมและหนังศีรษะของเราไม่น้อย ดังนั้นแล้วเราจึงไม่ควรที่จะทำบ่อยครั้ง และควรให้ความสำคัญกับการบำรุงเส้นผมหลังการฟอกสีด้วย

ครีมกัดสีผม เป็นตัวช่วยที่ทำให้สีผมอ่อนลง ผงกัดสีผม ทำหน้าที่เดียวกันจะมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่จะเป็นตัวกำหนดสีและความเข้มอ่อน โดยจะมีไฮโดรเจนเปอร์ 3 เปอร์เซ็นต์ไปจนถึง 12 เปอร์เซ็นต์ สามารถกำหนด ระดับความสว่างของสีผมได้ จึงต้องเลือกระดับให้เหมาะสม เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไม่ทำลายสุขภาพของเส้นผม

นอกจากผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมทั้งสองอย่างนี้แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถเปลี่ยนสีผมด้วยตนเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น สีย้อมผม , โฟมเปลี่ยนสีผม , น้ำยากัดสีผม , น้ำยาโกรกผม , ครีมเปลี่ยนสีผมชั่วคราว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ โรลม้วนผม จัดแต่งทรงผมได้ง่ายๆ ด้วยตนเองอีกด้วย

คุณสมบัติของครีมกัดสีผมที่ดี

คุณสมบัติของครีมกัดสีผมที่ดี

1. ไม่ข้นหนืดจนเกินไป

ครีมกัดสีผมที่ดีควรมีสภาพที่ไม่ข้นหนืดจนเกินไป และควรเป็นสูตรที่เกลี่ยได้ง่าย เนื่องจากการกัดสีผมหรือการเปลี่ยนสีผมนั้นจำเป็นต้องทำอย่างเร่งรีบ หากเลือกครีมที่มีสภาพไม่ข้นหนืดมากและเกลี่ยง่าย จะทำให้ขั้นตอนการเปลี่ยนสีผมทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น

2. ติดทน

เป็นผลิตภัณฑ์การเปลี่ยนสีผมที่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ใช้แล้วติดทน และไม่ทำให้เส้นผมดูเหลืองหลังจากการกัดสี ซึ่งถือเป็นปัญหาที่ผู้ใช้งานหลายท่านมักจะเผชิญอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ไม่มีคุณภาพดีมากพอ

3. บำรุงเส้นผม

มีสารสำคัญที่ช่วยในการบำรุงเส้นผมไปในตัว เพราะการกัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมบ่อยๆ นั้น ถือเป็นการทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะทางตรง หากครีมเปลี่ยนสีผมมีสารที่ช่วยบำรุงผม ก็จะช่วยฟื้นฟู และบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพที่แข็งแรงได้เร็วขึ้น

4. ทำแล้วผมไม่เสีย

ครีมกัดสีผมที่มีคุณภาพดี ทำแล้วผมไม่เสีย และไม่เกิดผลข้างเคียงตามมา ควรเป็นสูตรที่มีคุณภาพสูง และไม่ทำร้ายสุขภาพผมและหนังศีรษะ

5. ทำง่าย

ทำง่ายที่บ้าน สะดวกและใช้เวลารวดเร็ว ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องกัดสีหลายครั้งเพื่อทำลายเส้นผมก็ได้สีผมที่ต้องการและถูกใจได้ง่าย ๆ ทำเองได้เลย

6. กลิ่นไม่ฉุน

มีกลิ่นที่ไม่ฉุน อยู่ในระดับที่ผู้ใช้สามารถรับได้ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับผมโดยเฉพาะไม่ควรมีกลิ่นฉุนจนเกินไป หรือถ้าไม่มีเลยก็ยิ่งดี เพราะกลิ่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกได้

7. มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ

ให้ความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ไม่ทำให้แสบขณะใช้ เพราะการกัดสีผมถือเป็นการใช้สารเคมีอยู่แล้ว หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้

ขั้นตอนและวิธีกัดสีผม

ขั้นตอนและวิธีกัดสีผม
  • ตรวจสอบเส้นผมของตัวเองก่อนว่า มีสภาพอย่างไร มีความแข็งแรงพร้อมที่จะทำการกัดสีผมหรือไม่
  • เมื่อทราบว่าสภาพเส้นผมยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำการกัดสี ให้ดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงจนกว่าสภาพเส้นผมจะแข็งแรงขึ้น
  • ควรทดสอบก่อนเริ่มกัดสีผมว่าแพ้สารอะไรหรือไม่ ให้ใช้ทาบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วพบว่าไม่มีอาการแพ้หรือความผิดปกติใด ๆ ก็สามารถเริ่มขั้นตอนการกัดสีผมได้เลย
  • เตรียมเส้นผมให้แห้งและสะอาด จากนั้นแบ่งเส้นผมเป็นช่อเล็กๆ เพื่อให้สะดวกและง่ายต่อการกัดสีผม
  • เริ่มลงครีมกัดสีผมจากบริเวณด้านหลังศีรษะก่อน ทำการลงครีมกัดสีผมรอบที่สอง โดยให้เริ่มลงสีที่บริเวณโคนผมและเก็บรายละเอียด
  • ฉีดน้ำใส่ผมเพื่อลดความเข้มข้นของครีมกัดสีผม และยืดเวลาการฟอกให้สีสว่างขึ้น
  • สระผมด้วยแชมพูเพื่อล้างครีมออกให้สะอาด ในขั้นตอนนี้แนะนำให้ลง ครีมหมักผมเคราติน นวดไปด้วย เพื่อทำการชำระล้างครีมที่เกาะอยู่ตามเกล็ดผมออกให้หมด
  • หลังสระผมควรเช็คสภาพผมดูด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในกรณีที่ทำครั้งแรกแล้วมีความรู้สึกว่าผมเสียหรือเกิดการเปราะขาดก็ควรพักการทำผมไว้ก่อน
  • เพื่อใช้เวลาฟื้นบำรุงให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น แต่ถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติก็สามารถทำสีผมต่อไปได้

วิธีเลือกซื้อครีมกัดสีผม

วิธีเลือกซื้อครีมกัดสีผม

1. เลือกซื้อที่มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

ควรเลือกซื้อครีมสำหรับกัดสีผมที่มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ให้เหมาะกับสภาพของเส้นผม และมีคุณภาพดี เนื่องจากว่าหากมีปริมาณเปอร์ออกไซด์ที่เข้มข้นเกินไป จะทำให้ส่งผลเสียต่อเส้นผม และหนังศีรษะไหม้ได้

2. เลือกซื้อประเภทที่ไม่หนืดข้นจนเกินไป

ความหนืดข้นของตัวครีมที่เยอะจนเกินไป จะส่งผลให้การเปลี่ยนสีผมทำได้ยาก ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ครีมสำหรับกัดสีผมที่มีสภาพไม่หนืดข้น เกลี่ยง่าย จะทำให้การฟอกสีผมทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

3. เลือกซื้อครีมสำหรับกัดสีผมที่มีกลิ่นไม่ฉุน

กลิ่นถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าขั้นตอนในการเปลี่ยนสีผมต้องใช้เวลาพอสมควร หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้มีกลิ่นฉุน จะทำให้เกิดอาการเหม็นจนทนไม่ได้ หรือบางรายอาจจะเกิดอาการแพ้ได้ ดังนั้นควรเลือกครีมสำหรับกัดสีผมที่ไม่มีกลิ่นฉุนจะดีที่สุด

4. เลือกซื้อที่มีแชมพูสำหรับฟอกผมมาโดยเฉพาะ

ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่มีแชมพูสำหรับฟอกผมมาโดยเฉพาะ หากเลือกได้ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างมาเป็นชุดจะดีที่สุด และบำรุงด้วย แชมพูออแกนิค จะทำให้การดูแลหลังการกัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมมีประสิทธิภาพ และเส้นผมสามารถฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น

5. เลือกซื้อประเภทที่สามารถลดเม็ดสีเหลืองบนเส้นผมได้

เพราะการกัดสีผมหรือการเปลี่ยนสีผม อาจไม่ประสบความสำเร็จในบางครั้ง ซึ่งผลข้างเคียงที่มักพบเจออยู่บ่อยๆ ก็คือเส้นผมที่ผ่านการฟอกสีจะดูเหลือง แต่ถ้าเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากพอก็จะช่วยลดปัญหานี้ได้

6. เลือกซื้อประเภทที่มีการระบุปริมาณและวิธีการใช้อย่างละเอียด

เพื่อให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้กัดสีผมหรือเปลี่ยนสีผมได้อย่างถูกวิธี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการนำไปใช้อย่างผิดวิธีได้ เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อต้องตรวจสอบรอบๆ บรรจุภัณฑ์ และอาจวิธีการใช้อย่างละเอียด รวมถึงมีความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่กัดสีผมด้วย เนื่องจากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอยู่

ปริมาณของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในครีมกัดสีผม

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

1. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3%

เป็นความเข้มข้นที่ต่ำที่สุดสำหรับการย้อมสีผมหรือกัดสีผม สำหรับผู้ที่มีผมเส้นเล็กหรือบาง และมีหนังศีรษะแพ้ง่าย ใช้เปลี่ยนสีผม 3 รอบขึ้นไป เพื่อให้ผมมีสีที่สว่างขึ้น หรือผู้ที่ต้องการสีผมที่ดูเป็นธรรมชาติก็สามารถใช้ได้

2. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6%

เป็นปริมาณที่อยู่ในระดับมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป เหมาะสำหรับสภาพเส้นผมโดยทั่วไป ซึ่งสามารถทำให้สีผมอ่อนลง 2-3 ระดับ และยังสามารถนำไปใช้ผสมกับครีมย้อมผมเพื่อปกปิดผมขาว รวมถึงใช้ผสมกับครีมฟอกให้สีผมสว่างขึ้นได้ด้วย

3. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 9%

มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ค่อนข้างสูง จะทำให้สีผมอ่อนลง 3-4 ระดับ สำหรับเส้นผมใหญ่หรือหนา และมีหนังศีรษะที่แข็งแรง เพราะความเข้มข้นในระดับนี้อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หากปล่อยไว้นานจะส่งผลให้เส้นผมขาดหลุดร่วง

4. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 12%

มีปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์อยู่ในระดับที่สูงมาก ในระดับนี้จะมีความรุนแรงต่อการกัดสีผม และส่งผลเสียต่อหนังศีรษะและเส้นผมมากที่สุด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเส้นผมที่หนาและแข็งแรงมาก ผมดกดำ โดยสามารถที่จะใช้ผสมกับผงเปลี่ยนสีผมเพื่อเปิดเกล็ดผมได้ และเหมาะกับการย้อมผมครั้งแรก

ข้อควรรู้ก่อนกัดสีผมด้วยตนเอง

การกัดสีผม

1. บำรุงผมให้แข็งแรงก่อน

หากอยากจะทำการเปลี่ยนสีผม แนะนำว่าให้ควรบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะก่อนอย่างน้อย 1 เดือน เพราะว่าสารเคมีที่ผสมอยู่ในครีมกัดสีผม มีปฎิกิริยาที่ค่อนข้างรุนแรงต่อเส้นผมและหนังศีรษะอย่างมาก เลือกใช้เป็น ครีมหมักผม ที่เป็นสูตรธรรมชาติ หมักเป็นประจำทุก

2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ดี

อย่างที่บอกไปว่าการกัดสีผม ส่งผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะสูง เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มียี่ห้อ มีราคาแพงหน่อย อย่าเห็นแก่ของถูก เพราะยิ่งมีราคาถูกเท่าไหร่ ก็ยิ่งใส่สารเคมีเยอะเท่านั้น ทำให้กัดสีผมได้รวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาไม่คุ้มเลย และเกิดปัญหาเกี่ยวกับเส้นผมตามมาอีกมากมายได้ในอนาคต

3. อย่าฟอกผมนานเกินไป

ก่อนทำการกัดสีผมด้วยตนเอง ควรอ่านรายละเอียดและวิธีการใช้งานก่อน ที่สำคัญไม่ควรที่จะกัดสีทิ้งไว้นานๆ เพราะคิดว่าจะทำให้ได้สีที่ต้องการรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลากัดหลายรอบ ไม่เป็นความจริงเลย โดยเฉพาะใครที่มีเส้นผมบางและเล็ก หากกัดทิ้งไว้นานๆ จะทำให้เกิดผลเสียต่อเส้นผมและหนังศีรษะอักเสบได้

4. อย่าฟอกสีผมบ่อย

เทรนด์การเปลี่ยนสีผมกำลังมาแรงก็จริง แต่ทางที่ดีเราไม่ควรที่กัดสีผมบ่อยๆ หากอยากเปลี่ยนจริงๆ ก็ควรเน้นช่วงสักประมาณ 3 เดือน เพื่อให้เส้นผมได้ฟื้นฟูและได้พักบ้าง เพราะหากยังฝืนที่จะเปลี่ยนตลอดเวลา จะเกิดปัญหาทั้งเส้นผมขาดร่วงง่าย เส้นผมแห้ง และที่สำคัญหนังศีรษะติดเชื้อได้ง่าย

ข้อควรระวังในการใช้ครีมกัดสีผม

ข้อควรระวังในการใช้ครีมกัดสีผม
  • การเลือกปริมาณไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีปริมาณเข้มข้นมากเกินไป อาจทำให้ผมไหม้ ระคายเคือง จนกระทั่งผมเสียได้
  • ไม่ควรเปลี่ยนอัตราส่วนของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ตามที่ระบุไว้ เพราะจะทำให้การกัดสีผมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
  • ขณะใช้ครีมกัดสีผมควรจับเวลาและสังเกตเส้นผมอยู่เสมอ เพราะเมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้วไม่รีบล้างออก จะทำให้น้ำยากัดสีผมนั้นยังคงทำงานต่อ และส่งผลให้สีผมอ่อนลงไปเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับเส้นผลและหนังศีรษะ
  • การกัดสีผมหลายๆ รอบ เป็นกระบวนการที่ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะโดยตรง ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาเส้นผมตามมาอีกมากมาย
  • การกัดสีผมเพื่อให้ผมอ่อนตามที่ต้องการภายในครั้งแรก อาจส่งผลให้ผมเสียอย่างรุนแรงจนไม่สามารถแก้ได้
  • อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหนังศีรษะ ทำให้เกิดอาการแพ้ หนังศีรษะแห้ง และลอก ซึ่งเป็นผลกระทบจากการใช้สารเคมีที่มีความแรงและมากเกินไป
  •  ครีมสำหรับการกัดสีผมมีสารเคมีที่ค่อนข้างอันตราย ดังนั้นควรระมัดระวังในการใช้ อย่าให้โดนดวงตา เพราะจะทำให้เกิดอาการแสบตา และระคายเคืองได้

วิธีดูแลเส้นผมหลังการใช้ครีมกัดสีผม

การบำรุงเส้นผมหลังทำ
  • หลังจากทำการกัดสีผมแล้ว ไม่ควรสระผมเลยทันที รอสักประมาณ 48 ชั่วโมง แล้วค่อยสระ ที่สำคัญต้องใช้แชมพูและครีมนวดสูตรธรรมชาติจะดีที่สุด  
  • บำรุงด้วยการหมักผมด้วยทรีทเมนท์มาส์ก สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และใช้เซรั่มบำรุงผม เพื่อช่วยซ่อมแซมเส้นผมให้กลับมาแข็งแรง และนุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ
  •  เส้นผมที่ผ่านการฟอกสีมักจะมีความอ่อนแอมากกว่าปกติ ดังนั้นหากต้องการตกแต่งทรงผมด้วยความร้อน ไม่ว่าจะหนีบหรือไดร์ แนะนำว่าให้ฉีดสเปรย์กันความร้อนก่อนทุกครั้ง
  • หลังกัดสีผมควรพักฟื้นเพื่อให้เส้นผมมีความแข็งแรง โดยเว้นระยะเวลาในการทำสีหรือกัดสีในครั้งต่อไปเพื่อให้ผมได้ฟื้นฟูอย่างน้อย 1 เดือน

สรุป

ครีมกัดสีผม คือผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้สำหรับการกัดสีผมเดิมให้อ่อนหรือจางลง เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการย้อมสีผม ซึ่งการกัดสีผมนั้นถือเป็นกระบวนการทางเคมี ที่จะมีปฎิกิริยาต่อเส้นผม โดยจะมีสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ทำให้สีผมอ่อนหรือจางลง โดยสารเคมีนั้นจะทำปฏิกิริยากับผมหรือไปทำลายโปรตีนในเส้นผม มีความเสี่ยงทำให้สุขภาพเส้นผมและหนังศีรษะเกิดปัญหาได้ เพราะฉะนั้นควรใช้อย่างระมัดระวัง และควรพิจารณาเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมและปลอดภัยกับสภาพเส้นผมด้วย

ครีมกัดสีผม NIGAO

ครีมกัดสีผม นิกาโอะ
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 100 ml. + ไฮโดรเยน 150 ml.
-ปราศจากกลิ่นฉุน มีส่วนผสมที่เป็นน้ำมันธรรมชาติ
-ช่วยเพิ่มความเงา ไม่แข็งกระด้างหลังทำ

ครีมกัดสีผม Lolane

ครีมกัดสีผม โลแลน
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 60 กรัม
-เนื้อครีมเกลี่ยง่าย ไม่ฟุ้งกระจาย กลิ่นไม่ฉุน
-ช่วยบำรุงเส้นผมขณะใช้งาน สีผมสว่าง นุ่มนวล

ครีมกัดสีผม Yougee

ครีมกัดสีผม ยูจี
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 100 ml. + ไฮโดรเยน 100 ml.
-เม็ดสีแน่น ไม่แสบ ไม่ฉุน เย็นสบายหนังศีรษะ
-ครีมย้อมผม ออแกนิก อ่อนโยนต่อเส้นผม

ครีมกัดสีผม SANJING

ครีมกัดสีผม SANJING
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 100 ml. + ไฮโดรเยน 100 ml.
-ช่วยยกระดับสีผมให้สว่างขาวไว กลิ่นไม่ฉุน
-ไม่ทำให้ระคายเคืองและไม่ทำลายเส้นผม

ครีมกัดสีผม Starlist

ครีมกัดสีผม สตาร์ลิสต์
-ช่วยยกระดับสีผมได้ถึงระดับ 8 – 10
-ช่วยให้ความรู้สึกสบายหนังศรีษะ ปลอดแอมโมเนีย
-ช่วยทำสีได้สวยพร้อมปกป้องถนอมโครงสร้างของเส้นผม

ครีมกัดสีผม Biowoman

ครีมกัดสีผม ไบโอวูเมนส์
-ช่วยให้เม็ดสีติดทนนาน ดูเงางามเป็นประกาย
-ช่วยทำให้เส้นผมมีความชุ่มชื่น นุ่มลื่น ปราศจากกลิ่นฉุน
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 100 ml. + ไฮโดรเยน 100 ml.

ครีมกัดสีผม ROMOSS BRIGHTEN

ครีมกัดสีผม โรมอสไบร์ทเทน
-ช่วยยกระดับสีผมได้ถึงระดับ 8 – 10
-เนื้อครีมทำให้ผสมสีได้เนียนขึ้น และทำงานได้สะดวก
-ช่วยให้สภาพผมหลังฟอกไม่แห้งเสีย นุ่มลื่น กลิ่นไม่รุนแรง

ครีมกัดสีผม Cruset

ครีมกัดสีผม ครูเซ็ท
-ปริมาณสุทธิของสินค้า 75 มิลลิลิตร
-ช่วยเปลี่ยนสีผมให้อ่อนลง สามารถทำเองได้ง่ายๆ
-ช่วยบำรุงผมให้ชุ่มชื่น เงางาม ไม่ทำให้ผมแห้งแตกปลาย

ครีมกัดสีผม Farger

ครีมกัดสีผม ฟาเกอร์
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 60 ml. + ไฮโดรเยน 60 ml.
-เนื้อครีมเนียน ผสมง่าย กลิ่นบางเบา ไม่ทำให้ผมแห้ง
-สามารถยกระดับความสว่างได้ 3 ถึง 5 ระดับ

ครีมกัดสีผม SUNPUSO

ครีมกัดสีผม ซันปุโซะ
-เนื้อครีมแน่นละเอียด ผสมง่าย กลิ่นบางเบาไม่มีกลิ่นฉุน
-สินค้าในกล่อง ครีมฟอก 100 ml. + ไฮโดรเยน 100 ml.
-สามารถปรับระดับของพื้นผมให้มีความสว่างได้ 7 – 8

Best Choice ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุ้กกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า