หมอนขนห่าน คืออะไร
คือ หมอนที่มีการนำขนสัตว์จากธรรมชาติ คือขนห่านมาใส่เข้าไปภายในตัวหมอน ซึ่งหากเป็นหมอนขนห่านแท้นั้น จะมีการแบ่งจุดตำแหน่งของการใส่ประเภทขนของห่าน ที่แบ่งตามความนุ่ม เบา และฟู ที่ 2 ส่วนคือ ส่วนด้านบน และด้านล่างของหมอน และอีกส่วนเป็นช่วงกลางของหมอน ที่เป็นส่วนสำคัญในการนอน เป็นตำแหน่งที่ศีรษะด้านหลังจากสัมผัสกับตัวหมอนโดยตรง
ชนิดของหมอนขนห่าน
ก่อนอื่นเราอาจจะต้องรู้กันก่อนว่า ขนสัตว์ที่นำมาใส่ด้านในของหมอนนั้น อย่างที่เรารู้ว่าหลักๆ จะมีขนเป็ด และขนห่านที่เป็นขนสัตว์จากธรรมชาติ 100% แต่ในทางสากลแล้วนั้น การแบ่งหมอนในลักษณะนี้นั้น จะมีการแบ่งประเภท หมอนขนเป็ด และหมอนขนห่านจัดอยู่ในหมวดเดียวกันนั่นคือ Down
รวมถึง Down นั้นยังมีความหมายถึง ขนที่อยู่ในส่วนของหน้าอก และช่องท้องของเป็ดและห่าน ที่จัดว่าเป็นขนที่มีอยู่น้อยต่อสัตว์ 1 ตัว ดังนั้นหากหมอนที่ทำจากขนเป็ด หรือห่านแท้ ส่วนใหญ่จะมีขนชนิดนี้อยู่ภายใน
และเป็นเหตุผลที่หมอนนั้นๆ มีราคาสูงในหลักหมื่น ซึ่งในการใช้งานจริงแล้ว ผู้ใช้จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้ทันที ถึงแม้ว่าใยสังเคราะห์ หรือไมโครเจล ที่เรียกว่า เป็นขนเป็ด หรือขนห่านเทียมนั้น จะทำได้เหมือนของแท้ก็ตาม
ส่วนในเมืองนอกนั้นหมอนที่มีการใส่ขนสัตว์ธรรมชาติ ที่ในบางยี่ห้ออาจจะบอกว่า 100% guarantee นั่นอาจจะไม่ใช่หมอนที่ทำมาจากขนเป็ด หรือขนห่านแท้ก็เป็นได้เพราะอาจจะมีการผสมขนสัตว์อย่างอื่นเข้ามาด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นขนนก หรือขนที่อยู่ในส่วนภายนอกของสัตว์ปีก ที่มีความกระด้าง หรือเรียกว่า Feather ที่จะมีความบางของขน และจัดว่าเป็นหมอนที่อาจจะมีราคาไม่สูงมากเท่ากับ ขนเป็ด หรือขนห่านแท้
ดังนั้นเมื่อเราจะเลือกซื้อ นอกจากจะดูที่ป้ายติดตัวสินค้าหมอนแล้วนั้น ควรที่จะดูรายละเอียดว่าขนสัตว์ที่ว่านั้นเป็นขนจากสัตว์อะไร อย่างเช่น Down Pillow หรือ Feather Pillow เพราะหากเป็นในแบบหลัง
ก็หมายถึงเป็นการผสมระหว่างขนเป็ด หรือขนห่านแท้ กับขนนก ที่เหมือนกับหมอนขนเป็ด หรือขนห่านเทียมนั่นเอง ซึ่งเราอาจจะสามารถนำเอาราคามาเปรียบเทียบ และใช้พิจารณาร่วมกับรายละเอียดตัวสินค้าร่วมกัน
โดยหมอนที่ทำจากขนห่าน มีการแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 2 ชนิดคือ
1.หมอนขนห่านแท้
เป็นหมอนที่ทำจากขนจากห่าน เป็นขนสัตว์จากธรรมชาติจริงๆ และไม่มีการผสมขนสัตว์ชนิดอื่นเข้าไปด้วย โดยเฉพาะจะมีการวางรูปแบบการใส่ขนลงไปด้านในหมอน ที่มีการแบ่งเป็นส่วนของขน 2 ชนิดคือ
- ขนส่วนช่วงอก และช่วงท้อง
ขนห่านส่วนนี้จะเป็นขนที่มีความบาง เบา นุ่ม และฟู การใส่ด้านในตัวหมอนนั้น จะเป็นการใส่ในช่วงบน และล่างของตัวหมอน เพื่อให้รองรับการนอน และสัมผัสของช่วงคอ, ท้ายทอย, และช่วงศีรษะด้านบน เป็นส่วนขนนี้เป็นส่วนที่มีความสำคัญ ช่วยให้เกิดการคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี
- ขนส่วนปีก
ถือว่าเป็นขนที่มีน้ำหนักมากกว่าส่วนอก และช่องท้อง มีแกนกลางขน ที่มีความแข็ง ดังนั้นการวางตำแหน่งที่จะใส่ลงไปในตัวหมอน ในช่วงกลางของตัวหมอน เพื่อให้หมอนมีความแน่นและรองรับศีรษะส่วนด้านหลัง ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างความอ่อนนุ่มช่วงคอ และท้ายทอย กับช่วงกลางของหมอน เมื่อใส่ เสื้อขนเป็ด ก่อนนอนร่วมด้วย จะช่วยให้เป็นเวลาที่ได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
2.หมอนขนห่านเทียม หรือหมอนไมโครเจล
เสมือนเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ใช้งาน ที่อาจจะไม่ชอบในเรื่องกลิ่นจากขนห่านแท้ หรือราคาที่จับต้องไม่ได้ หมอนชนิดนี้เลยผลิตขึ้นมา เพื่อนำเอาข้อเสียของหมอนที่ทำจากขนห่านแท้มาแก้เป็นจุดเด่น เพื่อให้ผู้ซื้อใช้งานได้ประโยชน์มากกว่า ซึ่งจุดเด่นหลักๆ ของหมอนชนิดนี้อย่างเช่น
- การดูแลรักษาความสะอาด
จุดเด่นของหมอนขนห่านเทียมคือ การที่เราสามารถนำไปทำความสะอาด หรือซักอบได้เหมือนกับเสื้อผ้าทั่วไป เพียงแต่หากต้องการถนอมตัวหมอนด้านนอก ก็ควรเลือกน้ำยาที่อ่อนโยน และเลือกตั้งค่าตัวเครื่องซักผ้า ที่ระบบถนอมเนื้อผ้า สิ่งสำคัญคือ ด้านในใยสังเคราะห์แห้งได้เร็ว และไม่เกาะตัวกันเป็นก้อนอีกด้วย
- ราคา
สิ่งที่แน่นอนก็คือในเมื่อไม่ใช่ขนห่านแท้แล้วนั้น ราคาของตัวหมอนเริ่มต้นเพียงแค่ใบละหลักพันเท่านั้น ซึ่งราคานี้ก็บอกถึงอายุการใช้งานได้ด้วยว่า หมอนใบนั้นจะมีการใช้งานตั้งแต่ครึ่งปี ไปถึง 2 ปี ซึ่งตรงนี้อาจจะขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวในการพิจารณาเลือกซื้อว่า ผู้ใช้ต้องการที่จะเปลี่ยนหมอนบ่อยๆ หรือต้องการที่จะใช้ใบเดียวให้นานขึ้น
- ตัดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์จากขนสัตว์
หลายต่อหลายคนที่อาจเปลี่ยนใจ หันมาลองใช้หมอนขนห่านเทียม มักจะมาจากเรื่องนี้เป็นส่วนมาก เพราะปัญหาไม่เพียงแค่กลิ่นจากขนห่านที่แรง ซี่งไม่สามารถที่จะหาวิธีในการกำจัดกลิ่นเหล่านี้ออกจากตัวหมอนได้อีกด้วย ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ยิ่งทำให้ เกิดการนอนไม่หลับมากขึ้นกว่าเดิมได้อีก เพราะในเรื่องประสาทสัมผัสทุกส่วน มีผลต่อการนอนหลับได้ทั้งนั้น
- ความนุ่มของหมอน
ถึงแม้ว่าหมอนที่ผลิตจากใยสังเคราะห์ หรือไมโครเจลนั้นจะมีการเลือกใยผ้าที่มีความอ่อนนุ่มแล้วนั้น แต่ในการใช้งานจริง อายุการใช้งานที่มีเพียงแค่ 1-2 ปีเพียงเท่านั้น หรือในบางยี่ห้ออาจมีอายุใช้งานแค่ครึ่งปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานร่วมด้วย
อย่างเช่น หากมีการนำหมอนซักอบ ผ่าน เครื่องซักผ้า และตากบน ราวตากผ้าพับได้ บ่อยๆ ความเสื่อมของใยสังเคราะห์ด้านในก็จะเร็วขึ้น และเมื่อยิ่งเกิดการใช้งานนานขึ้น ความนุ่ม และความพองฟูของตัวใยสังเคราะห์ด้านใน ก็จะทำให้หมอนแบน และแฟบลง
คุณสมบัติของหมอนขนห่าน ข้อดี ข้อเสีย
หมอนขนห่านข้อดี
1.ความอ่อนนุ่ม
ส่วนดีข้อนี้อาจคล้ายกับขนเป็ด หรือ Down ที่มีความอ่อนนุ่ม รองรับได้ทั้งศีรษะ คอ และท้ายทอย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องการคลายอาการแก้ปวดคอ หรืออาการที่มาจากโรคออฟฟิศซินโดรมได้
ซึ่งรวมถึงอาการเมื่อยล้าในแต่ละวันที่ออกไปทำงาน โดยเฉพาะในขณะที่นอนหลับ ตัวหมอนจะคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน เพื่อให้เกิดการนอนหลับที่ดี และหลับลึก deep sleep ที่จะทำให้การตื่นเช้าขึ้นมาด้วยการมีสุขภาพที่ดีในแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน
เนื่องจากมีความอ่อนนุ่ม รองรับสรีระศรีษะ และคอ ท้ายทอยได้อย่างถูกต้องแล้ว จึงทำให้ผู้ที่มีอาการปวดคอจากการนอนผิดท่า หรือจากคุณภาพของหมอนที่ไม่ดี หายจากอาการเหล่านี้ได้โดยการใช้หมอนขนห่านที่มีรับความสูงที่เหมาะสม นอนสบาย
2.การระบายอากาศได้ดี
ช่วยให้นอนหลับสบายตลอดคืน ซึ่งบ่อยครั้งที่เรามักจะเกิดการนอนแล้ว ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพมีเหงื่อท่วม หรือมีความร้อนสะสมภายในตัวหมอน แต่หากเป็นหมอนที่ทำจากขนห่านแล้วนั้น สามารถตัดปัญหาเรื่องนี้ไปได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวขนห่านด้านใน หรือโครงสร้างตัวหมอน เน้นให้มีการถ่ายเท ระบายความร้อนออกมาได้
3.เนื้อสัมผัสนุ่ม เบา ฟู
ข้อดีนี้ถือว่าเป็นจุดดึงดูด สำหรับผู้ที่ต้องการนอนหลับให้ลึก อีกทั้งความนุ่มของหมอนขนห่านนั้น ยังช่วยประคองคอ และศีรษะ ไม่เกิดปัญหาศีรษะตกหมอน ที่เรามักจะได้ยินกันว่า มีผลทำให้เกิดอาการคอเคล็ด หรือปวดเมื่อยเพิ่มมากขึ้น และด้วยความนุ่ม ฟูของขนห่านนั้น ยังช่วยในการจัดท่านอนในแบบที่แต่ละคนเกิดความสบายได้อีก
4.ความอบอุ่น
หากเราจะมองว่าขนห่านที่มีสัมผัสที่เบา ฟู และนุ่มนั้น จะมีเพียงแค่การให้ความรู้สึกเมื่อลงนอนเท่านั้น แต่ในความเบาและนุ่มนั้น กลับมีความพิเศษที่สามารถให้ความอบอุ่นในการนอนหลับได้ตลอดทั้งคืนอีกด้วย จึงเป็นตัวเลือกที่ผู้ใช้ในแถบประเทศอากาศหนาว หรือที่มีหิมะตก ต่างนิยมที่จะเลือกใช้หมอนรูปแบบนี้
5.รูปแบบการใช้งาน
เป็นอีกข้อที่ไม่ว่าหมอนใยสังเคราะห์จะมีการผลิตออกมา ที่ทำให้เหมือนหมอนขนห่านมากแค่ไหน แต่ในเรื่องของการใช้งาน หรืออายุปีในการใช้งานนั้น มีความแตกต่างกันมาก ซึ่งหากเป็นหมอนที่ทำจากขนห่านแท้นั้น จะมีอายุในการใช้งานได้มากเกิน 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่า
หมอนขนห่านข้อเสีย
1.ราคา
ซึ่งเหมือนกับหมอนขนเป็ด ที่หากเป็นหมอนขนห่าน หรือหมอนขนเป็ดแท้ ราคาที่จะอยู่ในหลักหมื่นเลยทีเดียว แต่ถ้าเทียบกับอายุการใช้งานที่มากเกินกว่า 10 ปีขึ้นไปกับการ ซื้อใบเดียวแต่ใช้ได้แบบยาวๆ กันเลย
2.กลิ่นที่มากับขนสัตว์
ตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นขนห่าน ขนเป็ด หรือที่เรียกกันว่า Down นั้นเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งอาจจะมีกลิ่นที่มาจากขนของสัตว์ ซึ่งข้อเสียนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้น ในการผลิตหมอนใยขนห่านเทียมขึ้นมา ทำให้หลายคนที่มีประสบการณ์ ในการใช้หมอนขนห่านที่มีกลิ่นแรงจนเกินไป ต้องเปลี่ยนไปใช้หมอนใยสังเคราะห์แทน
3.สารก่อภูมิแพ้ และความสะอาดในการผลิต
ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการผลิต และการฆ่าเชื้อที่ไม่ได้มาตรฐานที่ดีพอ เราอาจจะสังเกตจากประเทศผลิต และป้ายติดมาพร้อมกับตัวหมอน หรือถุงสุญญากาศที่ห่อหุ้มตัวหมอนว่า มีการรับรองสินค้าในเรื่องใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการผ่านระบบการฆ่าเชื้อโรคแบบ Hygiene
หรือมีระบบบล็อกสารก่อภูมิแพ้ ซี่งในขนห่าน หรือขนเป็ดก็ตาม ก็เหมือนกับขนสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่หลายคนอาจจะมีอาการภูมิแพ้ เกี่ยวกับขนสัตว์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็อาจจะทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้
การเลือกซื้อหมอนขนห่าน
1.ความสูงของหมอน
การเลือกหมอนเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้หญิงและผู้ชายก็แตกต่างกัน ตามสรีระช่วงบ่า ไหล่ และต้นคอ ซึ่งหากเป็นหมอนสำหรับผู้หญิงใช้ในการนอนนั้น ควรเลือกความสูง หรือความหนาของตัวหมอนไม่มากจนเกินไป
หรืออย่างมากที่สุดให้อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนหากเป็นหมอนสำหรับผู้ชายใช้ในการนอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นหมอนขนห่านเทียม หรือหมอนที่ทำมาจากขนห่านแท้ก็ตาม ควรที่จะมีความหนาในระดับปานกลางขึ้นไป
ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านอนของแต่ละคนร่วมด้วย ดังนั้นสิ่งที่ควรพิจารณาร่วมกัน สำหรับการซื้อหมอนก็คือ ท่านอน, เพศ, ความสูงของหมอนในทางสรีระร่างกายจริง หรือหากไม่สามารถเลือกได้ ให้ใช้เกณฑ์มาตรฐานของความสูงของหมอน ที่ควรเลือกที่ระดับ 4-6 นิ้ว
ความบางของหมอนในกรณีผู้ที่มีรูปร่างเล็ก หรือสำหรับผู้หญิง ก็ไม่ควรที่จะน้อยกว่าที่กำหนดไว้ เพราะจะทำให้โครงสร้างร่างกาย โดยเฉพาะส่วนของคอ และท้ายทอยผิดรูป หากมีการนอนซ้ำๆ เป็นเวลานาน
2.วัสดุภายใน
เราควรดูป้ายของสินค้าที่เป็นหมอนขนห่าน ว่ามีส่วนผสมอย่างอื่นหรือไม่ อย่างเช่น เป็นขนห่านแท้ 100% หรือมีการผสมใยสังเคราะห์, ผ้าฝ้ายสังเคราะห์, ฝ้ายออร์แกนิค, หรือขนสัตว์อื่นๆ อย่างเช่นขนนกที่อาจจะเป็นอัตราส่วนของ ขนห่านแท้:วัสดุสังเคราะห์อื่น 95:5, 75:25 หรือ 60:40 เป็นต้น หากเป็นอัตราส่วนของขนห่านแท้มากกว่า หมอนที่ได้จะมีความนุ่มเหมือนกับ หมอนขนเป็ด ที่สามารถนอนร่วมกับ ที่นอนยางพารา วางบน เตียง 2 ชั้น หรือที่ นอนเป่าลม และ เก้าอี้พับนอน พร้อมกับเปิด แอร์อินเวอร์เตอร์ และห่ม ผ้านวม
3.รูปทรงของหมอน
การเลือกรูปทรงของหมอนเพื่อสุขภาพนี้ ควรที่จะดูท่านอนประจำของเราร่วมด้วย หากเราเป็นคนที่ชอบนอนท่าตะแคงอยู่แล้ว การนอนท่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องใช้หมอนที่มีความหนา หรือความสูงของหมอน
เพื่อสอดเข้ารับกับช่องว่างของไหล่ และต้นคอให้พอดี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอาการคอเคล็ดหลังจากตื่นนอน รวมถึงรูปแบบของตัวหมอนร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นปลายโค้งมน หรือหมอนแบบสี่เหลี่ยมดั้งเดิม ทั้งนี้นอกจากที่ช่วยแก้อาการปวดคอแล้ว ยังช่วยให้เราสามารถหลับยาวได้ถึงเช้าอีกด้วย
ในขณะที่คนนอนหงายนั้น จะมีการเลือกหมอนที่ง่ายกว่าคนที่นอนในท่าอื่นๆ หมอนที่ควรเลือกจะเป็นรูปทรงที่บาง และนุ่มเพราะโดยปกตินั้น ตัวขนห่านจะมีการรองรับช่วงคอ ท้ายทอย และส่วนศีรษะให้นุ่มอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อทำการเลือกรูปทรงของหมอน ได้ตรงกับท่านอนของตัวเราเองได้แล้ว อย่าลืมที่จะใส่เสื้อขนเป็ดเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกาย ในช่วงเวลาฝนตกตอนกลางคืน เพื่อที่จะได้เป็นช่วงเวลาแห่งการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่
เลือกหมอนยังไง ให้หลับสบาย
สรุป
เราทุกคนต่างรู้ดีว่าการนอนหลับ เป็นเหมือนยาอายุวัฒนะที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นในแบบง่ายๆ รวมถึงข้อเสียหากเราเกิดปัญหาที่นอนไม่หลับขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นโรคต่างๆ ที่ต่างวิ่งเข้ามาหา อย่างเช่น เมื่อเรานอนไม่เพียงพอ หรือนอนเพียงวันละ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น เราจะสังเกตตัวเองได้เลยว่า มีอาการภูมิคุ้มกันลดน้อยลง มีการขึ้นผื่นแพ้ หรือเป็นหวัดง่ายขึ้น
ความเครียดที่เกิดจากความกังวลเรื่องต่างๆ ก็ตาม มีผลส่งมาให้เกิดอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย และเมื่อนอนไม่หลับก็จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น โรคเครียดสะสม, โรคไมเกรน รวมถึงการทำงานในระบบอื่นๆ ภายในร่างกายก็จะรวน ที่สำคัญสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ ระบบทางเดินหายใจ และระบบการทำงานของหัวใจจะแย่ลง เกิดภาวะเหนื่อยง่าย และอ่อนเพลียตลอดทั้งวัน
อ้างอิงแหล่งที่มา
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
หมอนขนห่าน Noonnon
-น้ำหนักสินค้า 1,400 กรัม เบา นอนสบาย
-หมอนขนห่านแท้ มีความนุ่มเป็นเอกลักษณ์
-ขนาดสินค้า 20 นิ้ว x 36 นิ้ว ยาวกว่ามาตราฐาน 6 นิ้ว
หมอนขนห่าน Kacharmbedding
-หมั่นตบหมอนเพื่อให้ขนข้างในพองฟู
-น้ำหนักสินค้า 1,000 กรัม / 1,500 กรัม
-หุ้มด้วยผ้าไมโครซาติน ควรผึ่งแดดเป็นประจำ
หมอนขนห่าน Hilton
-เส้นใยไม่รวมเป็นก้อนหลังซัก ไม่เสียรูปทรง
-ป้องกันเชื้อแบคทีเรีย มีให้เลือกรูปทรงหลายแบบ
-เนื้อผ้าสัมผัสนุ่ม ไม่ระคายเคืองผิว ระบายอากาศได้ดี
หมอนขนห่าน Behouse
-มีความยืดหยุ่น รองรับสรีระของผู้นอน นุ่มฟู
-สามารถระบายความชื่นและอากาศได้ดี
-ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ขนสัตว์
หมอนขนห่าน Ximiaostore
-เส้นใยกระจายตัวทั่วทั้งหมอนไม่จับตัวเป็นก้อน
-ช่วยให้หลับสบาย ไม่ร้อน ไม่อับชื้น ป้องกันไรฝ่น
-ขนาดสินค้า ยาว 74 ซม. x กว้าง 48 ซม. x สูง 15 ซม.
หมอนขนห่าน Bebe Cheri
-เหมาะสำหรับเด็ก ขนาดสินค้า Size S / M / L
-สามารถรองรับสรีระได้ดี ไม่ก่อให้เกิดอาการปวดเมื่อย
-ปลอกหมอนทำมาจากผ้าซาติน สัมผัสลื่น ระบายอากาศได้ดี
หมอนขนห่าน IKEA
-ไส้หมอนข้างในอัดแน่น ทำให้หมอนพองฟูกำลังดี
-ช่วยให้นอนหลับสบาย และป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
-มีให้เลือกหมอนหลายขนาดหลายรูปหรง
หมอนขนห่าน Inspy
-ผลิตจากไส้ขนห่าน และเนื้อผ้า Cotton 100 %
-หมอนมีความหนาแน่นสูง รองรับการนอนทุกรูปแบบ
-เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาด้านการนอนหลับทุกประเภท
หมอนขนห่าน MUJI
-หมอนจะไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่ชอบหมอนเตี้ย
-สัมผัสนุ่ม นอนสบาย ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย
-ขนาดสินค้า 74 ซม. x 48 ซม. น้ำหนัก 1,000 กรัม
หมอนขนห่าน PICASSO
-น้ำหนักเบา ไม่ยุบตัว คืนรูปทรงได้ดี และไม่ระคายเคืองผิว
-ให้ความนุ่มสบายเป็นพิเศษ นอนหลับสนิทตลอดคืน
-ขนาดสินค้า 19 นิ้ว x 19 นิ้ว น้ำหนัก 1,000 กรัม