ยาหยอดหูแมวคืออะไร
สุขภาพหูของแมวเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เลี้ยงแมวควรที่จะให้ความสำคัญ รวมไปถึงการป้องกันไรหู ป้องกันเห็บหมัด ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ปลอกคอจำกัดเห็บหมัด , ยาหยอดเห็บ หมัด แมว นอกจากนี้การเลือก อาหารเสริมแมว และการดูแลขนของแมวด้วยใช้ แชมพูอาบน้ำแมว , ลูกกลิ้งเก็บขนแมว และ กรรไกรตัดเล็บแมว
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาไรหูที่เหมาะสมที่สุด นั่นก็คือยาหยอดหูแมวเป็นยาชนิดหนึ่งที่ใช้กำจัดไรหูและสิ่งสกปรกในหูแมว เพื่อให้แมวมีหูที่สะอาด ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพของแมวด้วย เนื่องจากไรหูหรือเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าไปอยู่ในหูของแมวนั้น
จะทำให้แมวมีอาการคันจนกระทั่งเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ โดยเฉพาะไรในหูของแมวที่คอยกัดกินเนื้อผิวที่ตายแล้ว ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวได้ โดยแมวบางตัวที่มีไรอาศัยอยู่ในหูอาจไม่แสดงอาการ แต่บางตัวก็แสดงอาการให้เห็นอย่างรุนแรง
ยาหยอดหูของแมวจะมีทั้งรูปแบบหยอด และรูปแบบแผ่น โดยมีส่วนประกอบที่สามารถช่วยกำจัดไรหูและเชื้อรา รวมถึงสิ่งสกปรกในหูของแมวได้ ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ตามโรงพยาบาลสัตว์ทั่วไป คลินิก รวมถึงร้านขายยาสำหรับสัตว์โดยเฉพาะ สำหรับยาหยอดหูแบบหยอดนั้นจะสามารถซึมเข้าสู่ช่องหูของแมวได้ลึกกว่า ส่วนยาหยอดหูแบบแผ่นนั้นจะมีลักษณะเป็นแผ่นเปียกที่สามารถใช้งานได้ทันที และไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นๆ มาช่วย
ประโยชน์ของยาหยอดหูแมว
1. ช่วยกำจัดไรในหูแมว
อย่างที่ทราบว่ายาหยอดหูของแมวนั้นมีฤทธิ์ที่ช่วยกำจัดไรหูที่อาศัยในหูของแมว โดยแต่ละยี่ห้อก็อาจจะมีส่วนประกอบที่ต่างกัน แต่จะออกแบบมาให้สามารถใช้กำจัดไรในหูแมวได้ และเมื่อกำจัดไรหูได้แล้วก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ภายในหูของแมวได้ อีกทั้งยังไม่ทำให้ตัวไรดังกล่าวไปติดต่อสัตว์เลี้ยงตัวอื่นอีกด้วย
2. ช่วยทำความสะอาดหูแมว
ยาหยอดหูของแมวที่ใช้ในการกำจัดไรหูจะช่วยทำความสะอาดหูของแมวไปในตัวด้วย โดยส่วนประกอบที่อยู่ในยาหยอดหูของแมวนั้นจะทำการฆ่าเชื้อรา ยีสต์รวมถึงเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในหูของแมว ทั้งนี้ก็ควรเลือกยาหยอดหูของแมวที่อ่อนโยนต่อผิวของแมว และไม่ทำให้อักเสบ
3. ช่วยลดปัญหาต่างๆ ภายในรูหูของแมว
แมวเป็นสัตว์ที่ชอบกระโดดและวิ่งเล่นอยู่ทั่วบริเวณ จึงมีความเสี่ยงที่จะมีสิ่งสกปรกต่างๆ เข้าไปอยู่ในหูของแมวได้ นอกจากขี้หูแล้ว อาจมีเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือแม้กระทั่งยีสต์ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมว แต่ถ้าหากใช้ยาหยอดหูแมวมาทำความสะอาดก็จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้
4. ช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่าง ในหูแมว
นอกจากใช้ทำความสะอาดและกำจัดไรในหูแมวแล้ว ยาหยอดหูของแมวบางชนิดยังช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่าง (pH)ภายในหูของแมวได้ด้วย ซึ่งจะช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ และสิ่งสกปรกที่เป็นต้นเหตุของอาการต่างๆ
5. ช่วยลดกลิ่นเหม็นในหูแมว
เมื่อนำยาหยอดหูของแมวมาใช้ทำความสะอาดหูของแมวแล้วจะทำให้ไม่มีขี้หูหรือสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ หรือถ้ามีก็ถือว่าน้อยลง ซึ่งจะช่วยลดกลิ่นเหม็นภายในรูหูของแมวได้ด้วย หากผู้เลี้ยงแมวคนไหนไม่เคยทำความสะอาดหูแมวเลยก็อาจจะทำให้หูของแมวมีกลิ่นเหม็นได้
ไรหู คืออะไร
ไรหู เป็นสิ่งมีชีวิตหรือปรสิตชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็ก ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในหูของสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะแมว โดยไรหูที่อยู่ในระยะลูกอ่อนนั้นจะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ 3-4 วัน และหลังจากเข้าสู่ระยะตัวอ่อนแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะที่โตขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับโตเต็มวัย เมื่อเปรียบกับคนก็จะอยู่ในวัยหนุ่มสาวหรือวัยรุ่น จนกระทั่งในเวลาต่อมาตัวไรก็จะเริ่มมีพัฒนาการและเข้าสู่วัยโตเต็มที่ พร้อมที่จะออกหากินหรือทำร้ายสัตว์เลี้ยงของใครหลายคน
ผู้เลี้ยงแมวและสุนัขหลายคนมักจะพบว่าสัตว์เลี้ยงของตนเองชอบใช้เท้าเกาบริเวณใบหูอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะน้องแมวตัวเล็กที่ชอบเกาบริเวณหลังหูจนขนหลุดร่วงซึ่งถ้าหากให้สัตว์แพทย์ตรวจดูอาจพบว่าในหูของแมวมีตัวไรอาศัยอยู่
โดยไรหูนั้นถือว่าไม่ใช่เชื้อประจำถิ่น แต่จัดเป็นเชื้อก่อโรค และถ้าหากพบไข่หรือตัวไรเพียงตัวเดียวในแมวก็สามารถมั่นใจได้ว่าแมวตัวนั้นจะต้องมีตัวไรอาศัยอยู่ในหู ซึ่งตัวไรที่พบส่วนมากจะเป็นชนิด Otodectes cynotis ถือเป็นไรหูที่พบได้มากถึง 90% เลยทีเดียว
ไรในหูแมวเกิดจากอะไร ลักษณะเป็นอย่างไร
- ไรในหูแมว มีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ ที่เคลื่อนตัวไปมา ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากมันมีขนาดตัวที่เล็กมากๆ โดยการที่ไรมาอาศัยอยู่ในหูของแมวนั้น มักเกิดจากการที่แมวออกไปเล่นหรือใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ซึ่งบริเวณนั้นอาจมีไรหูอาศัยอยู่ จึงทำให้มันเข้ามาอาศัยอยู่ในหูของแมวและกัดกินไขมันและเศษผิวหนังที่ตายแล้ว
- ไรในหูแมว สามารถเกิดจากแมวหรือสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ลูกแมวที่อยู่กับแม่ก็จะมีตัวไรมาเกาะและเข้าไปอยู่ในหู หรือในกรณีที่เลี้ยงแมวกับสุนัขร่วมกันในบ้าน ไรหูของแมวอาจมาจากสุนัขที่เลี้ยงก็เป็นได้ ซึ่งส่วนใหญ่ปรสิตอย่างไรหูนั้นจะมีอายุเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น
- ไรในหูแมวสามารถติดคนได้ไหม อาจเป็นคำถามที่ผู้เลี้ยงแมวเกิดความสงสัย จริงๆ แล้วไรหูจากแมวที่เรียกว่า Otodectes cynotis สามารถพบได้ทั่วไป และมักติดต่อจากสัตว์สู่สัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบกับแมวมากกว่าสุนัข โดยเฉพาะลูกแมวตัวเล็กที่ยังไม่โตเต็มวัย แต่มักจะไม่ติดต่อสู่คน เพราะไรชนิดนี้จะชอบกินไขมันและเศษเนื้อที่ตายในหูของสัตว์มากกว่า
วิธีการกำจัดไรในหูแมว
1. พบสัตว์แพทย์
ไรในหูของแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ นั้นอาจไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากเป็นปรสิตที่มีขนาดเล็กมากๆ เพราะฉะนั้นหากผู้เลี้ยงแมวพบว่าในหูของแมวเต็มไปด้วยขี้หู และแมวมักจะมีอาการคันจนใช้เท้าเกาบริเวณใบหูอยู่บ่อยๆ ให้สันนิษฐานว่ามีเชื้อราหรือตัวไรอาศัยอยู่ในหูของแมว และควรพาแมวไปพบสัตว์แพทย์เพื่อใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูในหูของแมวและทำการวินิจฉัย
2. ทำความสะอาดหูแมว
หลังจากที่พาแมวไปพบสัตว์แพทย์เพื่อรับคำวินิจฉัยแล้ว ในกรณีที่พบว่ามีไรในหูแมวก็จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการกำจัดไรหู แต่ก่อนจะทำการกำจัดจะต้องทำความสะอาดหูแมวก่อน ผู้เลี้ยงแมวควรทำความสะอาดหูของแมวด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค แต่ต้องเลือกสูตรที่มีความอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์และสารที่เป็นอันตรายต่อแมว
3. ใช้ยาหยอดหูแมว
หลังจากทำความสะอาดหูของแมวเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนการใช้ยาหยอดหูของแมวเพื่อกำจัดตัวไร โดยใช้ยาหยอดหูของแมวมาหยอดในรูหูของแมว เพื่อทำการกำจัดไรหูที่อาศัยอยู่ข้างใน ซึ่งในระหว่างที่ใช้ยาหยอดหูของแมวนั้น แนะนำให้หาผ้าหรือสำลีมาเช็ดทำความสะอาดหูของแมวด้วย
4. ทำความสะอาดบริเวณที่แมวอาศัยอยู่
อย่างที่ทราบกันว่าตัวไรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตหรือปรสิตที่มีขนาดเล็กมากๆ จนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากใช้ยาหยอดหูแมวกำจัดตัวไรเสร็จแล้ว ก็ควรทำความสะอาดบริเวณต่างๆ และอุปกรณ์เลี้ยงแมวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่นอนแมว , ปลอกคอแมว , ห้องน้ำแมว , กระบะทรายแมว เพื่อกำจัดเชื้อราและป้องกันไรหูที่อาจตกอยู่บริเวณนั้น และถือเป็นการฆ่าเชื้อโรคไปในตัวด้วย
วิธีเลือกซื้อยาหยอดหูแมว
1. ขนาดของยาหยอดหูแมว
ยาหยอดหูของแมวที่ผู้เลี้ยงแมวเลือกซื้ออาจเป็นแบบหยอด หรือแบบแผ่นก็ได้ แต่สิ่งที่ควรคำนึงถึงก่อนซื้อก็คือขนาดหรือปริมาณ โดยให้พิจารณาจากการใช้งานเป็นหลักว่าต้องใช้หยอดหูแมวมากน้อยแค่ไหน และนานเพียงใด เพราะฉะนั้นควรเลือกซื้อยาหยอดหูของแมวที่มีขนาดหรือปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้งาน
2. ยาหยอดหูแมวที่เหมาะกับอายุของแมว
ไรในหูแมวมักจะเกิดขึ้นกับลูกแมวก็จริง แต่ทว่าแมวที่โตเต็มวัยนั้นก็อาจพบได้เช่นกัน ดังนั้นการเลือกใช้ยาหยอดหูของแมวจึงจำเป็นต้องพิจารณาจากอายุของแมวเป็นหลักด้วย หากเป็นลูกแมวตัวเล็กที่ยังไม่แข็งแรงมากก็ควรเลือกยาหยอดหูที่สามารถกำจัดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสูตรอ่อนโยนพิเศษ เพื่อไม่ให้มีการอักเสบและเป็นอันตรายต่อลูกแมว
3. ยาหยอดหูสำหรับแมวโดยเฉพาะ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการกำจัดไรในหูแมวนั้นสามารถใช้ยาหยอดไรหูแบบทั่วไปได้ แต่จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้ใช้ยาหยอดไรหูทั่วไป ควรจะเลือกยาหยอดหูที่ผลิตเพื่อแมวโดยเฉพาะ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาหยอดหูของสุนัขด้วย เพราะผิวของสุนัขและแมวแตกต่างกัน
4. เลือกยาหยอดหูที่อ่อนโยนต่อผิวของแมว
ยาหยอดหูของแมวบางยี่ห้ออาจมีฤทธิ์ที่รุนแรงเกินกว่าที่แมวจะรับได้ ซึ่งถ้านำมาใช้แล้วอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้นควรระมัดระวังในการเลือกใช้ยาหยอดหูของแมว ในกรณีที่แมวมีผิวที่อ่อนแอหรือแพ้ง่ายก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหยอดหูที่มีฤทธิ์รุนแรง และถ้าหากไม่แน่ใจก็ควรปรึกษากับสัตว์แพทย์เพื่อขอคำแนะนำได้
5. เลือกยาหยอดหูแมวที่ปราศจากสารเคมีอันตราย
ยาหยอดหูของแมวที่ดีควรจะมีความอ่อนโยน ใช้แล้วไม่ส่งผลกระทบต่อผิวของแมวในด้านลบ ซึ่งคุณสมบัติที่สำคัญก็คือปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อแมว ใช้แล้วไม่มีอาการอักเสบ ถึงแม้ว่ายาหยอดหูของแมวส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่อ่อนโยนต่อผิวของแมวก็ตาม แต่ผู้เลี้ยงแมวก็ควรเลือกและพิจารณาให้ดีก่อนจะซื้อมาใช้ เพราะถ้าหากเลือกผิด นอกจากจะเสียเงินฟรีแล้วยังเป็นผลเสียกับแมวด้วย
วิธีใช้ยาหยอดหูแมว
- ก่อนใช้ยาอะไรก็ตาม ควรอ่านวิธีใช้ให้ละเอียดก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะยาที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงก็ควรจะอ่านวิธีใช้อย่างรอบคอบ เพราะถ้าหากใช้ผิดวิธีก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงโดยตรง
- เมื่อแมวอยู่ในอาการสงบนิ่งและผ่อนคลายแล้วอุ้มแมวมาไว้บนตัก จากนั้นจับบริเวณกรามของแมวเพื่อให้ศีรษะของแมวอยู่นิ่ง เพราะถ้าหากหัวของแมวส่ายไปมา หรืออยู่ไม่นิ่ง จะทำให้การใช้ยาหยอดหูของแมวนั้นทำได้ยาก
- หลังจากที่แมวอยู่นิ่งแล้ว ให้ใช้มือเปิดหูของแมว โดยเปิดให้กว้างพอที่จะนำยาหยอดลงไปได้ เมื่อเปิดหูของแมวกว้างพอแล้วก็ทำการหยอดยาลงไปในหูแมว หยอดในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะมีคำอธิบายในบรรจุภัณฑ์ หากใช้เกินปริมาณที่แนะนำอาจทำให้แมวมีอาการอักเสบได้
- หลังจากหยอดยาลงไปแล้ว แนะนำให้นวดใบหูของแมวเบาๆ เพื่อให้ยาหยอดหูซึมลงสู่ผิว และกำจัดไรหู รวมถึงเชื้อแบคทีเรียในหูของแมว โดยการนวดใบหูแมวนั้นควรทำอย่างเบามือมากที่สุด เพราะถ้าหากทำแรงมากไปก็อาจทำให้แมวรู้สึกไม่ดีได้
- หลังจากที่นวดใบหูแมวเสร็จแล้วก็ควรปล่อยให้แมวอยู่ในท่าที่สบายตัว และควรดูอาการหลังจากที่ใช้ยาหยอดหูแมวด้วยว่าเขามีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่ ในกรณีที่มีขี้หูของแมวหลุดออกมาก็ให้ใช้สำลีหรือกระดาษทิชชูมาเช็ดทำความสะอาด
ยาหยอดหูแมวที่ใช้ดี แนะนำคนเลี้ยงแมว
สรุป
จะเห็นได้ว่าสุขภาพของแมวนั้นเป็นสิ่งที่ผู้เลี้ยงทุกคนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง หากนำแมวเข้ามาเลี้ยงในบ้านแล้วก็ควรจะดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด สำหรับปัญหาไรหูในแมวนั้นก็สามารถเกิดขึ้นได้กับแมวทุกวัย โดยเฉพาะลูกแมวตัวเล็ก ผู้เลี้ยงแมวจึงควรทำความสะอาดหูแมวเป็นประจำ
และถ้าจะให้ดีก็ควรพาแมวไปพบสัตว์แพทย์เพื่อตรวจดูว่ามีไรหูหรือไม่ หากมีก็สามารถใช้ยาหยอดหูแมวมากำจัดได้ ซึ่งผู้เลี้ยงแมวทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แนะนำให้เลือกยาหยอดหูที่อ่อนโยนและไม่ทำให้น้องแมวมีอาการอักเสบ
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
ยาหยอดหูแมว BEICHONG
-ช่วยป้องกันการอักเสบ ไม่มีแอลกอฮออล์
-ช่วยลดกลิ่น ป้องกันการอักเสบ และติดเชื้อ
ยาหยอดหูแมว Yugogo
-เหมาะสำหรับสัตว์เลี้ยง ช่วยกำจัดกลิ่นหูและอาการคัน
-ช่วยบรรเทาอาการแดงของช่องหู ขี้หู และอาการอื่น ๆ
ยาหยอดหูแมว NOCOIO
-ช่วยลดกลิ่นและป้องกันการอักเสบ
-มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไรหู เชื้อรา และยีสต์
ยาหยอดหูแมว My-Mine
-ช่วยขจัดคราบสกปรก ลดกลิ่นเหม็น
-ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ลดอาการคัน ลดอักเสบ
ยาหยอดหูแมว หมอไทยทำเอง
-ช่วยลดการอักเสบ คัน เกา และผื่นเเดง
-ช่วยทำความสะอาด กำจัดไรในหู ดับกลิ่น
ยาหยอดหูแมว Oclean
-ช่วยป้องกันการอักเสบและช่วยลดกลิ่น
-ช่วยขจัดคราบสกปรก ปราศจากแอลกอฮอล์ ปลอดภัย
ยาหยอดหูแมว Otosense
-ชวยทำความสะอาดช่องหู ปลอดภัย อ่อนโยน
-ช่วยลดการระคายเคือง เพราะมีค่า PH เป็นกลาง
ยาหยอดหูแมว Yegbong
-ช่วยบรรเทาอาการปวดในช่องหู
-ช่วยขจัดไรในช่องหูและลดกลิ่นเหม็น
ยาหยอดหูแมว OTOCLEAR
-สามารถใช้ได้กับแมวและสัตว์เลี้ยงทุกชนิด
-ช่วยป้องกันโรคหูอักเสบ หูน้ำหนวก ดับกลิ่นหู
ยาหยอดหูแมว Borammy
-ช่วยลดการอักเสบและการคันได้อย่างรวดเร็ว
-ช่วยรักษาอาการหูน้ำหนวก หูอักเสบ หูที่ติดเชื้อแบคทีเรีย