เจลแต้มสิว คืออะไร
เจลแต้มสิว เป็นผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่มักจะผสมกับยาฆ่าเชื้อหรือสารสกัดที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อ แต่บางสูตรอาจจะไม่มี โดยจุดประสงค์คือใช้ทาเพื่อให้สิวยุบเร็วและรอยสิวจางลง จึงมักมีการผสมสารเคมีที่ช่วยทำให้รอยดำจากการเป็นสิวจางลงได้ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีสิวเกิดขึ้นบนใบหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและยังรักษาไม่หายก็อาจจะใช้ยาแต้มสิวมารักษาร่วมด้วย เพื่อที่จะได้ฆ่าเชื้อสิวบนใบหน้าและช่วยให้สิวไม่เกิดซ้ำอีก
เจลทาแต้มสิว นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์รักษาสิวยอดนิยมในปัจจุบัน โดยออกแบบมาเพื่อรักษาสิวอักเสบและสิวประเภทต่างๆ มีคุณสมบัติในการช่วยให้สิวเดิมยุบเร็ว แห้งลง และไม่ทิ้งรอยดำบนใบหน้า เนื่องจากผู้ที่เป็นสิวส่วนใหญ่เมื่อรักษาสิวหายแล้วก็ยังคงมีรอยดำจากสิวอยู่ ซึ่งเจลทาแต้มสิวก็จะช่วยให้รอยดังกล่าวนั้นจางลงด้วย อย่างไรก็ตามเจลทาแต้มสิวแต่ละยี่ห้อก็จะมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์ เนื้อเจล และส่วนผสม ผู้ใช้ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตนเองมากที่สุด
เจลแต้มสิว ใช้กับสิวแบบไหนได้บ้าง
1. สิวอักเสบ
- สิวหัวหนอง เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ บวมแดงและมีหนอง ซึ่งเกิดจากรูขุมขนมีการติดเชื้อ สำหรับการใช้เจลทาแต้มสิวในการรักษา ในช่วงเช้าและก่อนนอนควรล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นใช้เจลทาที่หัวสิวเป็นประจำ จะช่วยให้สิวอักเสบหายได้เร็วขึ้น ยังทำให้รอยสิวจางลงอีกด้วย
- สิวอักเสบไม่มีหัว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนๆ สีแดง ก้อนสิวไม่มีหัวและแข็ง เกิดจากรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีการอักเสบ ถือเป็นสิวที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นได้พอสมควร แต่สามารถใช้เจลทาสิวที่มีส่วนผสมของ Cica มาทาบริเวณที่เป็นสิว จะช่วยลดการอักเสบและสมานแผลไปในตัวด้วย
- สิวหัวช้าง เป็นภาวะสิวอักเสบขั้นรุนแรง มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่ เกิดจากชั้นหนังแท้ของผิวหนังมีอาการอักเสบขั้นรุนแรงถือเป็นสิวที่รักษาได้ยาก จำเป็นจะต้องพบแพทย์ แต่ก็มีเจลทาสิวบางสูตรที่สามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบของสิวชนิดนี้ได้
2. สิวผด
สิวผด มักเกิดขึ้นในบริเวณขมับและหน้าผาก มีลักษณะเป็นผดผื่นจำนวนมาก หากมีการอักเสบมากก็จะกลายเป็นสีแดง ถือเป็นสิวไม่มีหัว โดยสาเหตุของสิวผดนั้นเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งในกลุ่มมาลาสซีเซีย รวมถึงมลภาวะต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ควรล้างหน้าให้สะอาดแล้วใช้ผ้าซับหน้าให้แห้ง จากนั้นทาเจลแต้มสิวบางๆ เป็นประจำทุกวัน
3. สิวเสี้ยน
สิวเสี้ยน จัดเป็นสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นหัวสีดำอยู่ตามปากรูขุมขน โดยสาเหตุนั้นเกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันที่อยู่บนใบหน้าทำปฏิกิริยาต่อกันจนเกิดเป็นสิวเสี้ยน ซึ่งสามารถใช้เจลทาสิวในการรักษาโดยการแต้มไปที่บริเวณสิวเสี้ยนหลังจากที่ล้างหน้าเสร็จแล้ว หากเลือกเจลทาสิวสูตรที่ช่วยบำรุงผิวก็จะยิ่งทำให้รอยสิวนั้นจางลงได้
4. สิวหัวขาว
สิวหัวขาว จัดเป็นสิวอุดตันหัวปิด โดยมีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็กสีขาว ซึ่งถือเป็นสิวอุดตันชนิดหนึ่งที่คล้ายกับสิวหัวดำ สิวหัวขาวนั้นเกิดจากการสะสมเชื้อแบคทีเรียไว้บริเวณรูขุมขนจนเกิดการอุดตันและเป็นสิวในที่สุด สำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิวเพื่อรักษา ควรล้างหน้าให้สะอาดแล้วซับหน้าจนแห้ง จากนั้นใช้เจลทาสิวทาตามบริเวณที่เกิดสิวเพื่อช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและลดการอุดตัน
เจลแต้มสิวกับยาทาสิว แตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาสิว และลดการเกิดสิวบนใบหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็น โฟมล้างหน้าลดสิว , วิตามินซีทาหน้า , กันแดดสำหรับคนเป็นสิว , ครีมลดรอยสิว , ครีมลดรอยแดงจากสิว , เจลล้างหน้า, ยาทาสิว หรือบางคนที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดตัน อาจจะใช้เครื่องมือในการลดสิวที่ทันสมัยอย่างการใช้ เครื่องดูดสิว หรือ ที่กดสิว เป็นต้น
แต่ผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุด จะต้องยกให้ เจลแต้มสิว และยาทาสิว กันเลย หลายคนอาจจะสงสัยกันว่าผลิตภัณฑ์ 2 อย่างนี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร แล้วจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทไหนดี เพื่อช่วยแก้ปัญหาและบำรุงผิวหน้าให้กลับมาเนียนใส ไร้สิวดังเดิม
ซึ่งเจลแต้มสิวจัดเป็นสกินแคร์ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับแต้มสิวเพื่อให้สิวยุบลง และช่วยให้รอยสิวบนใบหน้าจางลงได้ ส่วนยาทาสิวนั้นจะเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาสิวโดยเฉพาะ ดังนั้นยาทาสิวมักจะมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์ค่อนข้างแรง ซึ่งถือเป็นยาที่อันตรายพอสมควร ก่อนใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเจลสำหรับแต้มสิวกับยาทาสิวนั้นมีความแตกต่างกันมากพอสมควร โดยเจลทาสิวจะช่วยให้สิวยุบเร็วและดูแลผิวหน้าให้ดีขึ้น ส่วนยาทาสิวนั้นจะใช้เพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ และมีความอันตรายกว่าเจลทาสิวด้วย
คุณสมบัติของเจลแต้มสิวที่ดีเป็นอย่างไร
1. สามารถฆ่าเชื้อสิวอักเสบได้
เจลทาสิวมักจะผสมยาฆ่าเชื้อหรือสารสกัดที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อสิว แต่บางสูตรอาจไม่มี อย่างไรก็ตามหากเจลทาสิวมีตัวยาหรือสารสกัดที่ช่วยฆ่าเชื้อสิวที่อยู่บนใบหน้าได้ก็จะยิ่งช่วยให้สิวไม่เกิดซ้ำ เพราะส่วนใหญ่สิวที่เกิดใหม่ซ้ำๆ มักจะมาจากการที่ใบหน้ายังมีเชื้อของสิวหลงเหลืออยู่
2. ลดการอักเสบและการอุดตัน
เจลทาสิวส่วนใหญ่ที่เห็นกันในท้องตลาดมักจะมีสารอย่าง Salicylic Acid ที่เป็นกลุ่มสารผลัดเซลล์ผิวอยู่ โดยมีคุณสมบัติในการช่วยลดการอักเสบของสิว และลดการอุดตันได้อีกด้วย ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติหลักๆ ที่สำคัญมากของเจลทาสิว เพราะจุดประสงค์ของการใช้เจลทาสิวคือทำให้สิวยุบเร็วขึ้นและหายไป ถ้าหากลดการอักเสบและการอุดตันได้ก็จะช่วยให้สิวหายไวขึ้น
3. ลดความมันบนใบหน้า
ส่วนใหญ่คนที่เป็นสิวไม่ได้มีสิวแค่เม็ดสองเม็ด บางคนเป็นทั้งหน้า เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่เป็นสิวเยอะมากๆ ทั้งหน้า ก็ต้องทาเจลแต้มสิวให้ครอบคลุมทั่วใบหน้า ซึ่งถ้าเจลทาสิวสูตรใดที่สามารถควบคุมความมันบนใบหน้าได้ก็จะช่วยลดการอุดตันและการอักเสบได้
4. ลดโอกาสการเกิดรอยสิว
ในปัจจุบันเจลทาสิวหลายยี่ห้อมีการพัฒนาสูตรให้มีส่วนช่วยในการลดโอกาสที่จะเกิดรอยสิวได้ เพราะส่วนใหญ่คนที่เป็นสิวก็มักจะมีรอยดำอยู่บนใบหน้า ซึ่งถือเป็นปัญหาเรื้อรังที่ต้องมาตามแก้อยู่เรื่อยๆ ดังนั้นถ้าตัดวงจรโอกาสที่จะเกิดรอยดำตั้งแต่แรกก็จะส่งผลให้ไม่มีรอยสิวหลงเหลืออยู่บนใบหน้า
5. ปราศจากน้ำหอมและสารระคายเคือง
เจลทาสิวเป็นตัวช่วยในการรักษาสิวให้ยุบลงได้ ดังนั้นไม่ควรมีส่วนผสมของน้ำหอมและสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพราะสารเหล่านี้จะยิ่งทำให้สิวเกิดอาการอักเสบได้ง่ายขึ้น จนส่งผลให้สิวหายได้ยากกว่าเดิม โดยเฉพาะผู้ที่มีสภาพผิวที่อ่อนแอหรือผิวแพ้ง่าย ถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ก็จะช่วยให้สิวเดิมยุบไวและส่งผลให้สิวไม่เกิดซ้ำอีก
วิธีเลือกซื้อเจลแต้มสิว
1. เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและประเภทของสิว
การเลือกเจลทาสิวที่ดีควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าและประเภทสิวที่เป็นอยู่ เพราะแต่ละคนมีปัญหาสิวที่ไม่เหมือนกัน และเจลทาสิวแต่ละสูตรก็ออกแบบมาแตกต่างกันด้วย ดังนั้นหากจะใช้เจลทาสิวก็ควรให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่ายก็ต้องใส่ใจในการเลือกเป็นพิเศษ
2. เลือกที่มีเนื้อบางเบาและซึมไว
เจลแต้มสิวถูกออกแบบมาเพื่อใช้ทารักษารอยสิว คุณสมบัติของเจที่ดีก็ควรจะมีเนื้อบางเบา ทาแล้วซึมลงสู่ผิวได้ง่าย คุมมันและลดการอุดตัน โดยคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาสิวที่อาจเกิดขึ้นได้อีก เนื่องจากสาเหตุของการเกิดสิวนั้นก็มาจากการอุดตัน เพราะฉะนั้นเนื้อเจลควรมีความบางเบาและซึมไว
3. เลือกสูตรที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง
เจลทาสิวสูตรใดก็ตามที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังจะช่วยการันตีได้ว่ามีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าเราไม่อาจรู้ได้ว่าใช้แล้วจะเห็นผล 100% หรือไม่ แต่อย่างน้อยหากเลือกซื้อที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังโดยตรงก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารแต่งสี
4. เลือกซื้อจากส่วนประกอบ
เมื่อพูดถึงเจลทาสิว ส่วนประกอบหลักที่ต้องนึกถึงเลยก็คือ Salicylic Acid และ Zinc โดยสารอย่าง Salicylic Acid จะช่วยจัดการสิว และ Zinc จะช่วยในการลดไขมัน ซึ่งสิวนั้นเกิดจากเชื้อและไขมันมารวมตัวกัน นอกจากนี้หากมี Vitamin B3 ก็จะช่วยลดรอยสิวได้ด้วย ดังนั้นหากจะซื้อเจลแต้มสิวก็ควรสังเกตว่ามีส่วนประกอบดังกล่าวหรือไม่
5. เลือกด้วยการตรวจสอบใบจดทะเบียน
หากใครมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์แต้มสิว โดยกลัวว่าหากใช้แล้วจะทำให้สิวอักเสบและเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา เพราะไม่มั่นใจในเรื่องของคุณภาพ แนะนำให้ดูที่สลากของบรรจุภัณฑ์ว่ามีเลขทะเบียนอยู่หรือไม่ หากมีก็สามารถนำไปตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นของแท้หรือของปลอม
วิธีใช้เจลแต้มสิว
- ใช้ทุกครั้งหลังล้างหน้า หลังจากขั้นตอนการล้างหน้าในช่วงเช้าและเย็น สามารถใช้เจลทาสิวได้เลย สำหรับใครที่มีปัญหารอยสิวเยอะ แนะนำให้ใช้ทาบริเวณที่เป็นรอยสิว หรือในกรณีที่เป็นสิวอักเสบเยอะทั่วใบหน้า ก็สามารถใช้ทาบำรุงบางๆ ทั่วใบหน้าที่มีสิวได้ด้วย
- หลังจากอาบน้ำและทำความสะอาดผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ควรเช็ดหน้าให้แห้ง จากนั้นบีบเจลทาสิวในปริมาณที่พอดีกับขนาดของสิวบนใบหน้า โดยแต้มที่บริเวณสิวเบาๆ อาจจะนวดอย่างเบามือร่วมด้วยก็ได้ แต่ไม่ควรทำให้สิวแตกหรือสิวอักเสบมากขึ้น หลังจากนั้นรอให้เนื้อเจลซึมลงสู่ผิวจนแห้ง เสร็จแล้วทาครีมบำรุง เซรั่ม และกันแดดได้เลย
- ในระหว่างวันคนเราอาจจะมีเวลาว่างไม่เท่ากัน สำหรับใครที่มีเวลาว่างค่อนข้างเยอะก็สามารถใช้เจลแต้มสิวทาสิวหลายๆ ครั้งได้ เมื่อมีเวลาว่างและนึกได้ก็สามารถใช้ได้ตามที่ต้องการ แต่ก่อนจะใช้ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง และเมื่อทาไปแล้วก็ควรรอให้เนื้อเจลนั้นซึมลงสู่ผิวก่อนทุกครั้ง
เจลแต้มสิว กับ ยาแต้มสิว ใช้พร้อมกันได้ไหม
เจลทาสิวสามารถใช้ควบคู่ไปกับยาแต้มสิวได้ แต่ไม่ควรใช้ทาพร้อมกันในครั้งเดียว ควรทายาแต้มสิวให้ซึมลงสู่ผิวก่อน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการดื้อยาอีกด้วย ซึ่งหลายคนอาจเคยประสบกับปัญหาใช้เจลทาสิวแล้วแต่สิวไม่ยุบ เพราะฉะนั้นควรใช้ควบคู่ไปกับยาแต้มสิวเพื่อให้สิวเดิมยุบไวขึ้น เนื่องจากการใช้เจลแต้มสิวแบบเดี่ยวๆ นั้นจะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อสิวได้ค่อนข้างน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการใช้ยาแต้มสิวควบคู่ไปด้วย
รีวิว 7 ยี่ห้อเจลแต้มสิว
สรุป
สิวแต่ละประเภทอาจเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน และระดับความรุนแรงของสิวก็ไม่เท่ากันอีกด้วย ดังนั้นการดูแลรักษาสิวจึงจำเป็นจะต้องแก้ปัญหาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เพราะถ้ารักษาสิวด้วยวิธีผิดๆ ก็จะทำให้สิวหายได้ช้ากว่าเดิม และโอกาสที่สิวไม่เกิดซ้ำอีกก็จะน้อยลงไปด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์รักษาสิวอย่างเจลแต้มสิวนั้นจะช่วยให้สิวยุบลงและลดรอยดำที่เกิดจากสิว มีให้เลือกใช้อย่างหลากหลายยี่ห้อ ดังนั้นควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและสิวที่เป็นอยู่ เพื่อช่วยรักษาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำให้สิวไม่เกิดซ้ำอีกครั้ง
เจ้าของร้านขายยาโดยเภสัชกรชั้นนำหลายสาขา ขายดีจ่ายยาแล้วคนไข้หายจนเป็นที่ยอมรับ การศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย มีความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับ สุขภาพ อาหารเสริม ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประสบการณ์ยาวนานมากกว่า 10 ปี
เจลแต้มสิว MizuMi
-ช่วยลดการอักเสบสิวภายใน 24 ชั่วโมง
-เนื้อเจลซึมเร็ว แห้งไว ไม่รบกวนการแต่งหน้า
เจลแต้มสิว Peurri
-ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
-ช่วยลดการเกิดสิวใหม่และผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
เจลแต้มสิว Kamedis
-ช่วยลดอักเสบ รอยแดง สมานผิว
-ช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิวหน้า
เจลแต้มสิว Puricas
-ช่วยให้สิวแห้งไวและยับยั้งแบคทีเรีย
-ช่วยลดความมันสาเหตุของการเกิดสิว
เจลแต้มสิว Smooth E
-ช่วยสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน ไม่ระคายเคืองผิวหนัง
-เนื้อฟิล์มบางๆ ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่ก่อให้เกิดความมัน
เจลแต้มสิว Plantnery
-สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย
-ช่วยลดการอักเสบของสิวและยังช่วยลดเลือนรอยดำจากสิว
เจลแต้มสิว Sasi
-เนื้อเจล ทาง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ
-ช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของสิว
เจลแต้มสิว NIVEA
-ช่วยควบตุมความมันและแอนตี้แบคทีเรีย
-ช่วยลดเลือนรอยสิวและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
เจลแต้มสิว Fyne
-ช่วยลดการอักเสบ บวม แดง ไม่ระคายเคืองผิว
-ปราศจากซิลิโคน แอลกอฮอล น้ำหอม พาราเบน
เจลแต้มสิว PROVAMED
-เหมาะสำหรับสิวอุดตัน สิวผด สิวผื่น
-ช่วยลดการอักเสบแพ้และระคายเคืองผิว