ดังนั้นเราต้องหาตัวช่วยเสริม ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดูดความชื้น , เครื่องดูดควัน หรือ พัดลมดูดอากาศมาช่วยดูกกลิ่นอาหารประเภท กะปิ ที่เหม็นจริง ๆแต่อร่อยนะ น้ำปลาร้า ที่ใส่ในส้มตำ หรือจะเป็นการทานสุกี้บน หม้อสุกี้ ที่ส่งกลิ่นและควันโชยทั่วห้อง
หรือแม้แต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องน้ำ ชักโครก ที่เราไม่ได้ทำความสะอาดทุกวันย่อมส่งกลิ่นเหม็นอับได้เช่นกัน กลิ่นเหม็นเหล่านี้ส่วนใหญ่เราก็มักจะใช้ น้ำมันหอมระเหย หรือ น้ำหอมปรับอากาศ ช่วยให้ห้องหอม หรือ สเปรย์ดับกลิ่นห้องมาช่วยดับกลิ่นไปพราง ๆได้ก่อน
และตัวช่วยสำคัญหนีไม่พ้นพัดลมดูดอากาศ ที่จะมาช่วยถ่ายเทอากาศออกแล้วยังช่วยระบายอากาศกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ภายในห้องออกให้หมดไปได้
พัดลมดูดอากาศคืออะไร
พัดลมชนิดหนึ่งที่ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความเย็นเหมือนพัดลมประเภททั่วไป พัดลมดูดอากาศนิยมใช้ในห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ ที่มีประโยชน์มากมาย และไม่เพียงแต่ห้องที่ติดเครื่องปรับอากาศ หรือ เครื่องฟอกอากาศ เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ แต่บ้านไหน ๆ ก็สามารถติดพัดลมดูดอากาศไว้ในห้องต่าง ๆ ได้เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้เช่นกัน
พัดลมดูดอากาศเหมาะกับห้องใด
ห้องนอน
แนะนำให้เลือกติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถบังคับกระแสการหมุนเวียนของอากาศดีและเสียได้ตามต้องการ เช่นติดตั้งไว้บริเวณตรงข้ามกับบริเวณที่อากาศดีเข้า กับบริเวณที่อากาศเสียระบายออก เพื่อให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสุขอนามัยของสมาชิกในครอบครัว
ข้อควรระวัง – เมื่อติดตั้งพัดลมดูดอากาศภายในห้องนอนแล้วควรหาฟิลเตอร์หรือแผ่นกรองฝุ่นมาติดบริเวณช่องลมด้วย เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องฝุ่นละออง และความร้อนเข้ามารบกวนภายในห้องได้อีกด้วย
ห้องครัว
โดยทั่วไปแล้ว ภายในห้องครัวมักนิยมติดพัดลมดูดอากาศแบบติดผนัง ปัจจุบันมีให้เลือกหลายขนาดตามขนาดพื้นที่ของห้องครัว เช่น ห้องครัวขนาด 18 ตารางเมตร เหมาะสำหรับเครื่องดูดที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 นิ้วขึ้นไป
สำหรับห้องครัวขนาด 12 ตารางเมตร ควรใช้พัดลมดูดอากาศที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วขึ้นไปเพื่อให้ระบายอากาศและถ่ายเทได้สะดวก ลดความร้อน กลิ่นอับ ควันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ข้อควรระวัง – ควรคำนึงถึงจุดติดตั้ง คำนึงถึงขนาดพื้นที่ของห้องครัวว่าควรติดตั้งในรูปแบบใด และควรคำนึงถึงไลฟ์สไตล์การเข้าครัวว่าคุ้มค่าต่อการติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือไม่ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
ห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นอีกหนึ่งห้องที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อระบายน้ำ จากโถส้วม อีกทั้งมีความชื้น ส่งผลให้เกิดเชื้อรา ทำให้ผนังในห้องน้ำที่ทาสีเกิดการหลุดออก หรือ รุนแรงกว่านั้นอาจทำให้ประตูหรือวงกบที่เป็นไม้เกิดการบวมขึ้นได้
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการระบายอากาศออก และดูดอากาศเสียออกด้วยพัดลมดูดอากาศส่วนมากนิยมติดตั้งบริเวณฝ้าเพดาน หรือผนัง โดยภายในห้องน้ำควรมีช่องว่งาใต้ประตู หรือช่องเกล็ดที่ช่วงล่างของบานประตู เพื่อช่วยให้อากาศภายนอกสามารถไหลเวียนเข้ามาได้สะดวก
นอกจากจะช่วยถ่ายเทอากาศแล้ว ยังช่วยลดสารปนเปื้อนในอากาศที่เกิดจากการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีความเป็นกรดสูง ส่งผลอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้
ข้อควรระวัง – ขณะเปิดพัดลมดูดอากาศ หากไม่จำเป็นไม่ควรเปิดหน้าต่างบานกระทุ้ง เพราะจะทำให้การทำงานของพัดลมดูดอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกลิ่นรบกวนขณะใช้งานในห้องน้ำได้
ประเภทของพัดลมดูดอากาศ
พัดลมดูดอากาศมีหน้าที่ให้อากาศภายในห้องดีขึ้น ไม่ได้มีผลทำให้ห้องเย็นลง บางกรณีก็มีส่วนช่วยลดอุณหภูมิห้องได้ ใบพัดขนาดเล็กหมุนตามแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.พัดลมดูดอากาศติดเพดาน
เป็นพัดลมดูดอากาศที่ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด มีลักษณะเป็นช่องตะแกรงภายในมีระบบดูดลม และเหนือขึ้นไปเป็นช่องระบายอากาศ
2.พัดลมดูดอากาศติดผนัง
เป็นพัดลมดูดอากาศที่นิยมใช้งานกันมาก ในการติดตั้งจะต้องเจาะผนังก่อน โดยห้องที่เจาะได้จะต้องมีพื้นที่ด้านนอก เป็นพื้นที่โล่งเพื่อระบายอากาศด้วย เหมาะสำหรับบ้านที่เจาะผนังได้ เช่นในห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องโถง
หรือห้องที่ติด แอร์อินเวอร์เตอร์ เพราะการทำงานของพัดลมดูดอากาศนี้จะดูดอากาศจากภายในไปสู่ภายนอกทันที ทำให้บริเวณภายในเกิดการหมุนเวียนของอากาศดีขึ้น ป้งอกันไม่ให้เกิดกลิ่นอับ เนื่องจากมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลาที่เปิดใช้งาน พัดลมประเภทนี้ไม่ค่อยเหมาะหากตัวอาคารอยู่ใกล้กับอาคารข้างเคียงมากเกินไป
3.พัดลมดูดอากาศติดกระจก
พัดลมดูดอากาศแบบนี้จะเฉพาะเจาะจงขึ้นมาสักหน่อย เพราะจะเหมาะกับการติดตั้งที่ผนังกระจก สามารถพบเห็นได้ตามร้านอาหาร หรือ ร้านเสริมสวยที่เป็นห้องแถวติด ๆ กัน หรือมีหน้าร้านเป็นกระจกทั้งแผง รวมถึงห้องอาหารที่ใช้วัสดุกระจกเป็นหลัก ด้านการทำงานไม่แตกต่างจากแบบอื่น ๆ มีเพียงในส่วนของวิธีการติดตั้งเท่านั้นที่เปลี่ยนจากผนังธรรมดาเป็นพื้นกระจก ที่มีความเปราะบางแตกได้ง่ายกว่า
4.พัดลมดูดอากาศแบบต่อท่อฝังฝ้า
พัดลมประเภทนี้ไม่จำเป็นที่ผนังจะต้องติดกับบริเวณภายนอกอาคาร เนื่องจากเป็นการติดตั้งพัดลมดูดควันบริเวณฝ้าแทนนั่นเอง อีกทั้งยังมีการต่อท่อเพื่อส่งควันหรืออากาศที่ดูดขึ้นมาไปทิ้งที่บริเวณข้างนอกอย่างสะดวกสบาย ซึ่งพาร์ทของการเดินท่อจะค่อนข้างสำคัญ หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงพัดลมดูดควันไก่ย่างที่ร้านรถเข็นทำกัน
ส่วนใหญ่ มักจะใช้วิธีนี้กับตึกอาคารใหญ่ ๆ รวมถึงคอนโด อพาร์ทเม้นต์ ห้องแถวที่ไม่มีพื้นที่บนฝ้ามากนัก หรือที่เห็นได้ชัดจะเป็นตามครัวร้านอาหาร ซึ่งท่อที่ทำการต่อออกไปส่วนใหญ่มักจะต่อระบายขึ้นไปที่ดาดฟ้าของตึกอาคารนั้น ๆ จะมีลักษณะเป็นท่อใหญ่ ๆ ซึ่งการเดินระบบจะต้องมีผู้ชำนาญในการออกแบบเข้ามาดูแลติดตั้งให้เป็นพิเศษ
5.พัดลมดูดอากาศแบบฝังฝ้า แบบไม่ต่อท่อ
พัดลมประเภทนี้คือจะเป็นการติดตั้งตัวพัดลมดูดอากาศที่ฝ้าของห้อง หรืออาคารนั้น ๆ ลักษณะการทำงานของพัดลมดูดอากาศแบบฝังฝ้านี้จะเป็นการดูดอากาศขึ้นไปไว้บนตัวฝ้าแทน แตกต่างจากแบบอื่น ๆ ที่จะถ่ายเทไปข้างนอกตัวเรือนหรือตัวอาคารอย่างเห็นได้ชัด
แต่ตามบริเวณบนฝ้านั้น หากมีพื้นที่มากพอก็เป็นอีกจุดที่สามารถเก็บความร้อนและกักอากาศได้ดีและเป็นจุดที่อากาศสามารถหมุนเวียนถ่ายเทได้ง่าย ทำให้พัดลมชนิดนี้เป็นอีกแบบที่ได้รับความนิยม
ซึ่งข้อควรระวังก่อนที่จะติดตั้งพัดลมดูดอากาศชนิดนี้จะต้องเช็คให้ดีก่อนว่าใต้หลังคา หรือบริเวณบนฝ้านั้นมีพื้นที่กว้างมากพอจริง ๆ ไม่เช่นนั้นอากาศ กลิ่น ควันที่ดูดออกไปอาจมีการเล็ดรอดกลับเข้ามาในห้องนั้นได้ รวมถึงก่อให้เกิดเป็นความชื้นเนื่องจากอากาศไม่ถ่ายเท ทำให้เพดานฝ้าเกิดเชื้อราได้
ระบบการทำงานของพัดลมดูดอากาศ
ระบบการทำงานแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ ระบบดูดเข้า-ออก และระบบดูดอากาศออกอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างกันในเรื่องฟังก์ชันการใช้งานทึ่ตอบโจทย์การทำงานไม่เหมือนกัน
ระบบดูดเข้า-ออก คือ การระบายอากาศ โดยการดูดอากาศจากในห้องออก และ ดูดอากาศจากด้านนอกเข้ามาในห้อง ในการช่วยระบายอากาศ หรือ ระบายความร้อน เหมาะสำหรับติดตั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องที่ปิดมิดชิด
หากเป็นห้องที่มีอากาศไหลเวียนอย่างห้องครัวก็จะเหมาะสำหรับการติดพัดลมดูดอากาศแบบดูดออกอย่างเดียว เพื่อดูดอากาศภายในห้องออกไปด้านนอก
วิธีเลือกซื้อพัดลมดูดอากาศ
หากใครกำลังมองหาพัดลมดูดอากาศ แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ดังนั้นเราจะมาเจาะลึกถึงเทคนิคการเลือกซื้อกันว่าควรสังเกตุจากอะไร เพื่อสามารถนำมาใช้งานกับบริเวณที่ตั้งใจได้จริง ๆ
1.คำนึงถึงบริเวณที่ต้องการติดตั้ง
แน่นอนว่าการเลือกซื้อพัดลมดูดอากาศนั้น จำเป็นต้องคำนึงถึงบริเวณที่ต้องการติดตั้งพัดลมดูดควันก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่เราจะได้เลือกมาใช้ได้อย่างเหมาะสม เช่นถ้าเป็นห้องอาหารในโรงแรมหรือบริเวณที่เราต้องการติดตั้งมีขนาดกว้างใหญ่ก็อาจจะต้องติดเพิ่มเป็นส่วนตัว หรือเพิ่มขนาดของพัดลมดูดควันให้ตัวใหญ่กว่าเดิม
2.วัสดุที่นำมาผลิตพัดลมดูดอากาศ
พัดลมดูดอากาศนั้นมีหลากหลายวัสดุที่นำมาผลิตใช้กัน ในส่วนของใบพัดแต่ละวัสดุจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป หลัก ๆ แล้วมี 3 วัสดุด้วยกันที่นิยมนำมาใช้นั่นคือ
ใบพัด PVC
เป็นวัสดุที่ติดไฟยาก อีกทั้งยังทนต่อปฏิกริยาเคมีต่าง ๆ เหมาะกับการติดตั้งภายในห้องครัว ห้องอาหารที่มีการใช้ไฟ โรงงานอุตสาหกรรมที่มีสารเคมีอยู่มากมาย ไม่มีการขึ้นสนิม มีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับแบบอื่น ๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นวัสดุที่หากโดนความร้อนหรือแดดแล้วอาจมีการกรอบหรือผุกร่อนได้
ใบพัดพลาสติก ABS
ใบพัดชนิดนี้มีความแข็ง และเหนียว แตกต่างจากพลาสติกธรรมดา ช่วยทำให้คงทนต่อแรงเสียดสีที่เกิดขึ้น สามารถอยู่ได้ในอุณหภูมิตั้งแต่ -20 ถึง 80 องศาเซลเซียส แต่ถ้ามีแรงกระแทกก็สามารถแตกหักได้ง่าย ๆ ทำความสะอาดง่าย ๆต่อการดูแล
ใบพัดเหล็ก
ใบพัดชนิดนี้ต้องอยู่ที่ความแข็งแรงและคงทนกว่าแบบอื่น ๆ แต่ก็จะมีน้ำหนักสูง ส่วนใหญ่มักจะผลิตกับพัดลมดูดควันขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
3.ความเร็วรอบการหมุน และเสียงของพัดลมดูดอากาศ
อีกปัจจัยสำคัญในการเลือกพัดลมดูดอากาศคือความเร็วรอบการหมุน และเสียงเวลาทำงาน โดยปกติแล้วความเร็วมาตรฐานที่พัดลมดูดควันควรมีคือ 1500 รอบต่อนาทีขึ้นไป ตัวความเร็วรอบมีผลต่อการใช้งานโดยตรงด้วยการหมุนเวียนอากาศนั้นจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อตัวใบพัดหมุนอย่างรวดเร็ว พัดลมดูดอากาศอย่างดีต้องเสียงเงียบเวลาทำงาน
การถ่ายเทอากาศต่าง ๆ ก็เปรียบเสมือนการดูดอากาศจากภายในไปสู่ภายนอก หากมีรอบหมุนที่น้อยการใช้งานก็จะไม่เต็มประสิทธิภาพ และยิ่งมีรอบหมุนเร็วเท่าไหร่ก็แสดงให้เห็นว่ามอเตอร์ของตัวเครื่องทำงานหนักเท่านั้น จึงอาจทำให้เกิดเสียงรบกวนขึ้นได้
4.พัดลมดูดอากาศที่ขนาดพอเหมาะกับห้องที่ใช้งาน
ควรคำนึงถึงขนาดของพัดลมดูดอากาศด้วย ตัวอย่างการคำนวณหาขนาดที่เหมาะสม เช่น สถานที่นิยมในการติดตั้งพัดลมดูดอากาสมักจะเป็นห้องน้ำ ห้องครัว ซึ่งจะต้องมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 10-15 ตารางเมตรด้วยกัน
เราสามารถใช้พัดลมดูดอากาศขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วได้สบาย ๆ แต่หากห้องที่ต้องการติดมีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็ยังมีขนาดพัดลมดูดอากาศเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 – 12 นิ้วให้ได้เลือกใช้ตามความเหมาะสม
5.ต้องเป็นพัดลมดูดอากาศที่ได้รับมาตรฐานสากล
สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อพัดลมดูดอากาศคือต้องได้รับมาตรฐานทางสากลกำหนดไว้ในด้านความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งควรที่จะผ่านการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ด้านการผลิตที่โรงงานผู้ผลิตควรจะได้รับมาตรฐาน ISO9001 และ มาตรฐาน ISO 14001
รวมถึงต้องไม่มีสารต้องห้ามอันตรายถึง 6 ชนิดตามมาตรฐานที่ว่าด้วยเรื่องการใช้สารที่เป็นอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ คือตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ดครเมียม-6 โพลิโบรมิเนทไบฟินิล และ โพลิโบรมิเนทได้ฟินิลอีเทอร์
ประโยชน์ของพัดลมดูดอากาศ
1.ช่วยระบายความร้อน
ห้องที่ปิดมิดชิดไม่มีหน้าต่างมักจะมีความร้อนเกิดขึ้นได้ง่าย การเปิดพัดลมดูดอากาศจะช่วยระบายความร้อนได้อย่างดี โดยพัดลมจะระบายอากาศ และติดตั้งอยู่ทางด้านบนห้อง ด้วยทฤษฏีแล้วความร้อนจะลอยขึ้นจากพื้นอยู่ในอากาศ การติดพัดลมดูดอากาศไว้ที่ด้านบนจึงช่วยดูดความร้อนออกได้ดี
2.ช่วยลดฝุ่นละอองในห้อง
ฝุ่นละอองจะมีขนาดเล็ก และมักเกิดขึ้นได้แม้ในห้องที่ปิดมิดชิด การติดตั้งพัดลมดูดอากาศจึงช่วยดูดฝุ่นออกไปได้ ช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้หรือฝุ่นละอองที่สะสมในห้องได้ดี
3.ช่วยลดกลิ่นหรือคราบอาหารสะสม
บ้านสมัยใหม่มักมีครัวอยู่ในบ้าน ซึ่งจะมีกลิ่นอาหารที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศขณะทำอาหารได้เสมอ การติดตั้งพัดลมดูดอากาศเป็นทางเลือกที่ดี จะช่วยให้คราบอาหารหรือกลิ่นอาหารไม่ติดตามผ้าม่าน เสื้อผ้า โซฟา หรือ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นจนเกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์และเชื้อรา
4.ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้อง
หากภายในห้องที่มีกลิ่นน้ำหอม กลิ่นอับ กลิ่นอาหาร ก็สามารถเปิดพัดลมดูดอากาศเพื่อช่วยดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้องออกได้
5.ช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
พัดลมดูดอากาศมีหน้าที่คือ การระบายอากาศเพื่อช่วยให้อากาศในห้องนั้น ๆ มีการถ่ายเทที่สะดวก เช่นห้องนอน ที่มีการปิดประตูไว้มิดชิดทุกครั้ง ทำให้อากาศในห้องถ่ายเทได้ไม่สะดวก ดังนั้นก่อนเข้าห้องนอนควรเปิดพัดลมดูดอากาศก่อน
วิธีการทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศ
1.เตรียมกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าไว้ เพื่อสำหรับวงส่วนประกอบต่าง ๆ ของพัดลมดูดอากาศที่ถอดออกมา เพื่อป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ที่อาจจะเปื้อนได้
2.ถอดฝาปิดตัวใบพัด โดยหมุนตามเข็มนาฬิกา แล้วดึงใบพัดออกมา ควรสวมถุงมือป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ ระหว่างทำงาน
3.ถอดฝาครอบตัวนอกของเครื่องออก ใช้ไขควงขันจนเห็นตัวน็อตที่ยึดกับตัวฐานของพัดลมออก
4.จากนั้น ดึงตัวฐานพัดลมออกมาจากฝาครอบตัวด้านในออก
5.ให้ล้างทำความสะอาดตัวใบพัด ฐานพัดลมที่ถอดออกมาล้าง โดยใช้น้ำยาล้างจาน หรือผงซักฟอกผสมน้ำ ใช้ฟองน้ำนุ่ม ๆ เช็ดทำความสะอาด คราบสกปรกและคราบน้ำมัน แต่ต้องระวังวัสดุที่มีความคมเพราะจะทำให้เกิดรอยได้ จากนั้นเมื่อแห้งจึงประกอบเข้าที่ตามเดิม
เคล็ดลับง่าย ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งานพัดลมดูดอากาศ
- ควรเปิดใช้งานพัดลมดูดอากาศเมื่อจำเป็น
ไม่ควรเปิดพัดลมดูดอากาศทิ้งไว้เมื่อไม่ได้ใช้งาน และ ควรเลือกขนาดของพัดลมดูดอากาศพร้อมตั้งระดับการหมุนของพัดลมดูดอากาศให้เหมาะสม ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไปเพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าในบ้าน
- ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ขณะกำลังใช้งานพัดลมดูดอากาศได้สักระยะหนึ่ง มักจะเกิดฝุ่นละอองเกาะบนอุปกรณ์ทั้งลูกหมุนใบพัด ตะแกรง ท่อต่าง ๆ ซึ่งฝุ่นละอองเหล่านี้จะทำให้พัดลมดูดฝุ่นทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หากปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
- หมั่นตรวจสอบ และสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของอุปกรณ์อยู่เสมอ
อุปกรณ์ทุกชิ้นย่อมมีระยะเวลาในการใช้งานเสมอ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบด้วย หากเกิดการชำรุด ควรรีบแก้ไข หรือปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งส่วนมากแนะนำให้ตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อให้มั่นใจในการใช้งานได้ระยะยาว
สรุป
สุดท้ายนี้หากใครกำลังลังเลว่าจะซื้อพัดลมดูดอากาศมาติดตั้งดีหรือไม่ ต้องขอบอกเลยว่าพัดลมดูดอากาศเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องมีไว้ ยิ่งในยุคของฝุ่นควันพิษมากมาย เพื่อช่วยระบายอากาศออกจากห้องออกไปได้อย่างดี ไม่ต้องทนนั่งสูดดมอากาศเสีย ฝุ่นที่ลอยในบ้าน เชื้อโรค แบคทีเรียต่าง ๆ อีกต่อไป บอกได้เลยว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับราคาที่เสียไปจริง ๆ
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
พัดลมดูดอากาศ SUZUME
-กำลังไฟฟ้า 40วัตต์
-น้ำหนัก 0.8 กก.
-ระบบการทำงาน (ดูดออก)
พัดลมดูดอากาศ VENZ รุ่น IF-12A
-สามารถดูดควัน และดูดอากาศ
-ตัวโครงสร้างทำจากเหล็ก พ่นสีกันสนิม
-ประหยัดไฟแม้ใช้งานต่อเนื่อง
พัดลมดูดอากาศ HATARI รุ่น HT-VC15M2-M3
– ระบบตัดไฟอัตโนมัติ
– ขนาดใบพัด 6 นิ้ว
– กำลังไฟ 19 วัตต์
เครื่องดูดอากาศ MITSUBISHI รุ่น EX-25SSC7T
– ขนาดใบพัด 8 – 10 นิ้ว
– มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
พัดลมดูดอากาศ Vtronic
– น้ำหนักเบา
– ผลิตจากพลาสติกอย่างดี ไม่ติดไฟ
– ปรับระดับความแรงได้ สูง-ต่ำ
พัดลมดูดอากาศ LUCKY MISU รุ่น LM20A
– ขนาดใบพัด 8 นิ้ว
– ป้องกันกลิ่น และฝุ่นละอองย้อนกลับเข้าห้อง
– ดีไซน์เก๋ เข้าได้กับทุกห้อง
พัดลมดูดอากาศ MIRA รุ่น M-99G
– พร้อมบานเกล็ดทำจากพลาสติกคุณภาพดี
– มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
– กำลังไฟฟ้า 40 วัตต์
พัดลมดูดอากาศ Imarflex รุ่น IF-510
– ขนาดใบพัด 10 นิ้ว มี 5 ใบพัด
– ผลิตจากพลาสติกคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน
– มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ
– น้ำหนัก 2.8 กก.
พัดลมดูดอากาศ Panasonic รุ่น FV-20AYT
– ขนาดใบพัด 8 นิ้ว
– กำลังไฟ 15 วัตต์
– ขนาดช่องตัด 24×24 cm
พัดลมดูดอากาศ YUSHI รุ่น FBD25-4
– ขนาดใบพัด 10 นิ้ว
– ใบพัดถอดทำความสะอาดได้ง่าย
– ขนาดช่องตัด 33x24x33.5 (กว้าง x ยาว x สูง)