พาวเวอร์แบงค์คืออะไร
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ในสมัยก่อนนั้นเมื่อต้องการจะชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ จะต้องพกที่ชาร์จแบตไปด้วยทุกที่ แต่ในสมัยนี้นั้น ไม่ต้องมองหาปลั๊กไฟหรือต้องพกพา รางปลั๊กไฟ , สายชาร์จเร็ว หรือ หัวชาร์จเร็ว อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่มี Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรอง
ที่เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่บรรจุแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ไว้ในปริมาณมาก ซึ่งถูกออกแบบและผลิตขึ้นเพื่อให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น หูฟังไร้สาย , หูฟังครอบหู , smart watch , samsung watch , นาฬิกาออกกำลังกาย , ลำโพงบลูทูธ เป็นต้น ทำให้ชาร์จเร็วและง่ายขึ้น
ถ้าแปลตรงตัวคำว่า “Power” หมายถึงพลังงาน และคำว่า “Bank” ก็หมายถึงธนาคาร เมื่อแปลรวมกันแล้วก็จะได้ความหมายว่าธนาคารเก็บพลังงาน ซึ่งหมายถึงเครื่องใช้ที่มีการบรรจุแบตเตอรี่เพื่อรองรับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น พกพาง่าย
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวเองเหมาะกับ Power Bank ที่มีความจุกี่แอมป์ จึงเลือกซื้อโดยที่ไม่ได้คำนึงถึงคุณสมบัติใดๆ แนะนำให้พิจารณาจากความจุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ว่ามีกี่แอมป์ หากทราบว่าความจุเยอะมากน้อยแค่ไหนก็จะทำให้รู้ว่าต้องเลือก Power Bank กี่แอมป์
ความจุแบตเตอรี่ของ Power Bank ที่มากก็บ่งบอกถึงความสามารถในการชาร์จที่เพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ถ้าหากที่มีความจุน้อย เช่น 5000 mah จะมีน้ำหนักเบาและสามารถชาร์จได้ไม่นานเท่ากับที่มีความจุเยอะกว่า สำหรับความจุ 20000, 30000, 32000 และ 50000 mah จะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ และส่งผลให้น้ำหนักมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ข้อมูลที่ทุกคนควรทราบก็คือ แบตเตอรี่ที่นำมาผลิตเป็น Power Bank นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ Lithium Polymer และ Lithium Ion สำหรับ Lithium Polymer จะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ปลอดภัย คายประจุน้อยเมื่อไม่ได้ใช้งาน แต่จะมีราคาสูง
ส่วน Lithium Ion จะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ความปลอดภัยต่ำ คายประจุเมื่อไม่ได้ใช้งาน และราคาถูก ซึ่งสามารถสังเกตชนิดของแบตเตอรี่ได้จากรายละเอียดของสินค้า หรือเว็บไซต์ของผลิตภัณฑ์
ความจุของพาวเวอร์แบงค์ที่เป็นที่นิยม
1. 5000 mah
Power Bank ที่มีความจุ 5000 mah สามารถชาร์จเร็วเพราะมีความจุน้อย เหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องออกไปข้างนอก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการมีแบตเตอรี่สำรองเผื่อไว้ในระหว่างวัน และด้วยความที่มีความจุเพียง 5000 mah ทำให้ขนาดของแบตเตอรี่เล็กลงตามไปด้วย ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาและสะดวกต่อการพกพา
2. 10000 mah
Power Bank ที่มีความจุ 10000 mah เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกเดินทางไปเที่ยวหรือทำธุระนอกสถานที่อยู่บ่อยๆ เพราะความจุในระดับนี้ถือว่าเพิ่มจาก 5000 mah มา 1 เท่า สามารถชาร์จได้นานกว่า อาจใช้ชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ถึง 2 ครั้ง และยังสามารถชาร์จได้หลายอุปกรณ์อีกด้วย
3. 20000 mah
พาวเวอร์แบงค์ที่มีความจุ 20000 mah มีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เนื่องจากปริมาณความจุเยอะ ทำให้ตัว Power Bank มีขนาดใหญ่และน้ำหนักเยอะ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นจะต้องชาร์จแบตอยู่บ่อยๆ และชาร์จได้หลายอุปกรณ์ อย่างไรก็ตามความจุ 20000 mah สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ไม่เกิน 2 ชิ้น
4. 30000 mah
Power Bank ที่มีความจุ 30000 mah มีขนาดใหญ่มากกว่า 20000 mah 1 เท่า สามารถชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ขนาด 1420 mah ได้ถึง 9-10 รอบ เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้แบตเตอรี่สำรองในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องออกไปข้างนอกหลายวัน หรือสายเกมเมอร์ที่ต้องใช้เล่นเกมทั้งวัน
5. 50000 mah
Power Bank ที่มีความจุ 50000 mah ถือเป็นแบตเตอรี่สำรองที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ใช้เวลาในการชาร์จไฟเข้าค่อนข้างนานพอสมควร เนื่องจากความจุในระดับ 50000 mah ถือว่าเยอะและใหญ่มากที่สุด และมีราคาสูง จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อื่นๆ หลายครั้ง หรือชาร์จ 2 เครื่องขึ้นไป
ประโยชน์ของพาวเวอร์แบงค์
1. ใช้ชาร์จแบตสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
Power Bank ไม่ใช่อุปกรณ์ที่สามารถชาร์จแบตสมาร์ตโฟนได้เท่านั้น แต่ยังสามารถนำมาใช้งานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ได้ด้วย เช่น คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ , แท็บเล็ต, ลำโพง , เครื่องเล่น MP3 , หูฟัง , กล้องดิจิตอล , เครื่องเกมแบบพกพา , พัดลมพกพา และหลอดไฟพกพาขนาดเล็ก เป็นต้น
2. ชาร์จแบตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างพร้อมกันได้
เนื่องจาก Power Bank ส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้มีพอร์ต USB หลายช่อง โดยส่วนมากจะมีพอร์ตจำนวน 2 ช่องขึ้นไป จะทำให้เราสามารถชาร์จแบตโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้มากกว่า 1 จำนวนขึ้นไป ช่วยให้เกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะมี Power Bank เพียงแค่เครื่องเดียวก็สามารถชาร์จแบตให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้มากกว่า 1 เครื่องแล้ว
3. ชาร์จแบตได้สะดวก ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น
โดยปกติแล้วการชาร์จแบตโทรศัพท์นั้นจะต้องอาศัยปลั๊กไฟเป็นหลัก ซึ่งถ้าหากอยู่ในสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวยก็จะไม่สามารถชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ ในหลายๆ ครั้งจึงทำให้มีปัญหาแบตเตอรี่หมดจนไม่สามารถใช้งานได้ ถ้าหากตกอยู่ในยามฉุกเฉินก็คงจะลำบากไม่น้อย แต่เมื่อมีพาวเวอร์แบงค์ก็จะช่วยให้เราชาร์จแบตได้ง่าย และสะดวกมากขึ้น แถมบางรุ่นยังมีเทคโนโลยีชาร์จเร็วอีกด้วย
4. พกพาได้สะดวก ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา
Power Bank เป็นแบตเตอรี่สำรองขนาดพกพา ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถชาร์จเร็วและง่ายขึ้น แถมยังพกพาได้สะดวกอีกด้วย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถชาร์จแบตโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด จึงสามารถพกพาติดตัวไปได้ในทุกสถานที่
5. ฟังก์ชั่นเสริมที่ช่วยอำนวยความสะดวก
Power Bank แต่ละรุ่นนั้นถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน ในบางรุ่นอาจมีฟังก์ชั่นเสริมที่สามารถชาร์จเร็วและช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ไฟฉายส่องสว่าง พ็อกเก็ตไวไฟ รวมไปถึงฟังก์ชั่นในการชาร์จแบตที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จด้วยโซล่าเซลล์ หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น
วิธีใช้พาวเวอร์แบงค์
1. Power Bank แบบพึ่งสายชาร์จ
- ชาร์จแบตพาวเวอร์แบงค์ เมื่อซื้อ Power Bank มาใหม่ต้องนำไปชาร์จทิ้งไว้ประมาณ 12-24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จ โดยทั่วไปแล้วจะแนะนำให้ชาร์จผ่านกระแสไฟต่ำ ความจุ 10,000 mah ควรชาร์จไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง หรือถ้าหากชาร์จด้วยกระแสไฟสูงหรือไฟบ้านก็ให้ชาร์จทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Power Bank ด้วยว่ามีความจุเยอะมากน้อยเพียงใด
- เตรียมสายชาร์จโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ขั้นตอนถัดมาให้ถอดสายชาร์จออกจากหัวชาร์จแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน และนำสายชาร์จมาเสียบในช่องพอร์ต USB ของพาวเวอร์แบงค์ ซึ่งการจะนำสายชาร์จมาเสียบตรงช่องพอร์ต USB นั้นจะต้องเป็นแบบที่เครื่องรองรับด้วย
- เมื่อนำสายชาร์จเสียบเข้าไปยังช่องพอร์ต USB แล้ว ก็ให้นำสายอีกข้างหนึ่งมาเสียบเข้ากับช่องเสียบชาร์จแบตโทรศัพท์ โดยจะต้องเป็นสายชาร์จของสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นๆ หรือจะเป็นสายชาร์จที่เป็นรุ่นรองรับการใช้งานแบบเดียวกันก็ได้
2. Power Bank แบบไร้สาย
- วางพาวเวอร์แบงค์ในตำแหน่งที่เหมาะสม Power Bank แบบไร้สายมักจะมีน้ำหนักเบา ขั้นตอนแรกให้ Power Bank แบบไร้สายวางบนพื้นผิวที่มีลักษณะราบเรียบ หรือวางไว้ในตำแหน่งที่มีการระบุและแนะนำไว้ จากนั้นนำสมาร์ทโฟนมาวางบน Power Bank โดยวางแบบหงายจอแสดงผลขึ้นข้างบน แนะนำให้วางในตำแหน่งกึ่งกลางจะดีที่สุด
- เริ่มต้นชาร์จแบบไร้สาย หลังจากที่วางสมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ บน Power Bank แล้ว จะต้องเริ่มต้นการชาร์จแบตเตอรี่ภายในระยะเวลา 2-3 วินาที ซึ่งสามารถสังเกตการทำงานของเครื่องได้จากแถบสัญลักษณ์ที่ปรากฏ โดยส่วนมากจะเป็นสัญญาณไฟที่แสดงสถานะการทำงานของอุปกรณ์
วิธีเลือกซื้อพาวเวอร์แบงค์
1. เลือกตามชนิด Power Bank
- แบบทั่วไป สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่น โดยจะมีพอร์ต USB-A และ Micro USB ที่ใช้เชื่อมต่อกับสายชาร์จของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต และสายชาร์จแบตเตอรี่สำหรับ Power Bank ถือเป็นชนิดที่มีคุณสมบัติอยู่ในระดับพื้นฐาน จึงมักจะมีราคาไม่แพงมาก เลือกซื้อหัวแปลงมาเสียบเองได้ แต่ก็ควรเลือกแบบคุณภาพดีเป็นหลัก
- แบบ Type-C หรือ Fast Charge เป็น Power Bank ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว ซึ่งจะรองรับสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีพอร์ตชาร์จเวอร์ชั่น Type-C ขึ้นไป ถือเป็น Power Bank ที่ชาร์จเร็ว ใช้เวลาในการชาร์จไม่นานนัก เมื่อเทียบกับแบบทั่วไปก็ถือว่าเร็วกว่าอยู่พอสมควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้ด้วย
- แบบไร้สาย ใช้ชาร์จแบตได้ง่ายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสายชาร์จใดๆ สามารถชาร์จได้โดยการวางประกบกันระหว่างโทรศัพท์และ Power Bank ถือเป็นแบตเตอรี่สำรองที่เหมาะกับผู้ที่ใช้งานโทรศัพท์บ่อยๆ อยู่เป็นประจำ เพราะสามารถพกพาได้สะดวก แต่อาจใช้เวลาชาร์จนานกว่าพาวเวอร์แบงค์แบบอื่นๆ ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่มีคุณภาพดีและคงทน
2. เลือกจากขนาดและความจุ
ขนาดและความจุเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กัน เพราะเป็นสิ่งที่จะบอกว่า Power Bank นั้นมีน้ำหนักเบามากน้อยแค่ไหน ผู้ใช้ควรเลือกที่มีขนาดและความจุให้เหมาะกับการใช้งานของตนเองเป็นหลัก เพราะจะสามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า หากเลือกที่มีความจุเยอะๆ ก็จะส่งผลให้มีขนาดและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งอาจทำให้เกะกะและไม่สะดวกในการพกพาได้
3. เลือกจากความเร็วในการชาร์จ
นอกจากขนาด ดีไซน์ และความจุของพาวเวอร์แบงค์แล้ว ความเร็วในการชาร์จก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ควรคำนึงถึง หากต้องการ Power Bank ที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็วและคุณภาพดีก็ควรเลือกแบบ Type-C หรือ Fast Charge หรือถ้าหากต้องการ Power Bank ที่ใช้เวลาชาร์จในระดับปานกลาง ไม่เน้นเร็วมาก ก็สามารถเลือกแบบทั่วไปก็ได้
4. เลือกจากน้ำหนักและการออกแบบ
Power Bank แต่ละรุ่นจะถูกออกแบบมาไม่เหมือนกัน เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการที่แตกต่าง หากมีน้ำหนักเบาก็จะมีความจุน้อย และถ้ามีน้ำหนักมากก็แสดงว่าความจุเยอะ ดังนั้นควรพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้ให้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะออกแบบมาเป็นทรงสี่เหลี่ยม อย่างไรก็ตามควรเลือกสินค้าที่มีคุณภาพดี
5. เลือกจากพอร์ตการเชื่อมต่อ
พอร์ตการเชื่อมต่อของพาวเวอร์แบงค์นั้นมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราสามารถใช้ชาร์จกับอะไรได้บ้าง และชาร์จได้มากน้อยแค่ไหน โดยปกติพอร์ตการเชื่อมต่อมักจะมี 2 ช่องขึ้นไป สำหรับใครที่อยากจะชาร์จโทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 1 จำนวนในเวลาเดียวกัน ควรเลือกแบบที่มีพอร์ต USB มากกว่า 2 ช่อง และเช็คดูด้วยว่ามีความจุกี่แอมป์
6. ตรวจสอบค่าแอมป์
การตรวจสอบว่า Power Bank ที่จะนำมาใช้มีกี่แอมป์ จะช่วยให้ผู้ใช้เลือก Power Bank ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น เพราะค่าแอมป์จะบ่งบอกถึงความจุพลังงานของ Power Bank ดังนั้นจึงต้องสังเกตค่าแอมป์จากช่องพอร์ตว่ามีความจุเยอะมากน้อยแค่ไหน ในกรณีที่ต้องการประหยัดเวลาและต้องการชาร์จเร็วๆ แนะนำให้เลือก 2.4A ขึ้นไป
7. เน้นพกพา
หากต้องการ Power Bank แบบพกพาง่ายๆ สะดวกใช้งานในทุกที่ แนะนำให้เลือกซื้อ Power Bank ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และคงทน ทั้งนี้ควรจะพิจารณาจากความเหมาะสมด้านอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะคุณสมบัติของพาวเวอร์แบงค์ ให้พิจารณาดูว่าเหมาะกับโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของเราหรือเปล่า และสำหรับใครที่ไม่สะดวกจะพกสายชาร์จไปด้วย แนะนำให้เลือกเป็นแบบไร้สาย
วิธีดูแลพาวเวอร์แบงค์ให้ใช้งานได้นาน
1. อย่าใช้ในพื้นที่ที่ความร้อนและความชื้นสูง
อุณหภูมิหรืออากาศที่ร้อนและเย็นผิดปกติ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้ประสิทธิภาพของ Power Bank ลดลงได้ เนื่องจาก Power Bank เป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่เหมาะกับการอยู่ในพื้นที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูงผิดปกติ เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีสภาพดังกล่าว ก็ควรหยุดพักการใช้งาน แนะนำให้ชาร์จ Power Bank ในอุณหภูมิระหว่าง 5-40 องศา
2. อย่าใช้โทรศัพท์มือถือขณะชาร์จ
หลายคนชอบใช้โทรศัพท์ขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์เสื่อมได้ง่ายแล้ว ยังส่งผลเสียต่อ Power Bank ที่ใช้งานอีกด้วย เนื่องจากการใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จแบตนั้น จะทำให้โทรศัพท์ทำงานหนักมากกว่าปกติ และส่งผลให้ Power Bank ร้อนขึ้นด้วย หากต้องการจะชาร์จเร็วๆ หรือใช้เวลาไม่นาน ก็ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมดังกล่าว
3. ใช้เป็นประจำ
การนำพาวเวอร์แบงค์มาใช้งานเป็นประจำจะช่วยคงประสิทธิภาพเอาไว้ได้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยที่ไม่นำมาชาร์จเป็นระยะเวลานานมากเกินไปก็อาจส่งผลให้เสื่อมสภาพลงได้ เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ หากไม่นำมาใช้งานเป็นเวลานานก็อาจทำให้เสียได้เร็วขึ้น ในกรณีที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน แนะนำให้ชาร์จแบตไว้อย่างน้อยเดือนละครั้ง
4. หลีกเลี่ยงการใช้สายชาร์จที่ไม่มีมาตรฐาน
ในปัจจุบันสายชาร์จแบตเตอรี่มีให้เลือกกันอย่างมากมาย หากจะซื้อมาใช้ก็ควรเลือกให้ดี เพราะถ้าหากนำสายชาร์จที่ไม่มีมาตรฐานมาใช้กับ Power Bank ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพของ Power Bank เสื่อมลงได้ แนะนำให้เลือกซื้อสายชาร์จในร้านที่ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ได้รับสินค้าคุณภาพดีมากขึ้น
5. หลีกเลี่ยงการทำตกหรือกระแทกบ่อยๆ
โดยส่วนใหญ่แล้วเซลล์แบตเตอรี่จะอ่อนไหวต่อการตกกระแทกค่อนข้างง่าย หากทำ Power Bank ตกกระแทกกับพื้นหรือสิ่งของที่มีสภาพแข็งอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้ได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของ Power Bank ลดลงด้วย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงและพยายามไม่ให้ Power Bank ตกกระแทกพื้นบ่อยๆ
คำถามที่พบบ่อยของพาวเวอร์แบงค์
1. พาวเวอร์แบงค์ควรใช้กี่แอมป์
หากถามว่าควรใช้ Power Bank กี่แอมป์ ต้องบอกว่าโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แต่ละรุ่นนั้นจะมีความจุแบตเตอรี่ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการจะใช้ Power Bank กี่แอมป์นั้น จะขึ้นอยู่กับโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เป็นหลัก ในกรณีที่ต้องการชาร์จได้มากกว่า 1 ครั้ง แนะนำให้เลือกใช้ Power Bank ที่มีความจุเยอะกว่า 10000 mah ขึ้นไป
2. พาวเวอร์แบงค์มีอายุการใช้งานกี่ปี
โดยส่วนใหญ่แล้ว Power Bank จะมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Power Bank ที่ใช้ด้วยว่ามีคุณภาพดีและคงทนหรือไม่ รวมถึงความถี่ในการใช้งาน และวิธีการดูแลรักษา หากนานๆ นำมาใช้ครั้งก็อาจช่วยยืดอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นได้ ในกรณีที่สังเกตเห็นว่า Power Bank มีสภาพภายนอกที่บวมยวบ นั่นแสดงว่า Power Bank ที่ใช้อยู่เริ่มมีอาการเสื่อมสภาพแล้ว ควรจะหยุดใช้ในทันที
3. พาวเวอร์แบงค์ควรชาร์จกี่ชั่วโมง
จริงๆ แล้วเราสามารถชาร์จ Power Bank ได้ตลอดเวลา และไม่ว่าจะชาร์จเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับความจุว่ามีกี่แอมป์ แต่ในครั้งแรกแนะนำให้ชาร์จด้วยกระแสไฟต่ำ เพราะจะช่วยกระตุ้นเซลล์เก็บประจุให้มีประสิทธิภาพและคงทนมากขึ้น ความจุ 10000 mah ชาร์จประมาณ 24 ชั่วโมง หรือถ้าชาร์จผ่านไฟบ้านโดยตรงก็ใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ซึ่งจะใช้เวลาชาร์จเร็วกว่ากระแสไฟต่ำ
4. พาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องได้ไหม ไม่เกินกี่แอมป์
การนำ Power Bank ขึ้นเครื่องบินนั้นสามารถทำได้ ทั้งนี้แต่ละสายการบินก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้วขนาดและความจุที่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบิน คือ ความจุน้อยกว่าหรือเท่ากับ 20000 mah (100 Wh) ไม่จำกัดจำนวน และความจุระหว่าง 20000 – 32000 mah (101-160 Wh) ไม่เกิน 2 ชิ้น ส่วนความจุเยอะกว่า 32,000 mah (160 Wh) จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ ทั้งนี้ไม่ควรใส่ Power Bank ไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่จะทำการโหลดใต้เครื่องอย่างเด็ดขาด เสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟค่อนข้างสูง
5. ควรเลือกพาวเวอร์แบงค์ขนาดเล็กหรือใหญ่
การเลือกขนาดของ Power Bank ควรพิจารณาจากความสะดวกในการพกพาและใช้งาน รวมถึงความจุของ Power Bank หากความจุน้อยก็จะมีน้ำหนักเบา แนะนำให้พิจารณาจากแบตเตอรี่ของโทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เป็นหลัก และบวกเพิ่มเข้าไปประมาณ 2 – 2.5 เท่า ก็จะได้ความจุขั้นต่ำที่เหมาะสม ถ้าหากความจุเยอะก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งนี้ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ควรมีความคงทนอยู่ในตัว
วิธีเลือกซื้อ พาวเวอร์แบงค์ Powerbank แบบง่าย ๆ
สรุป
พาวเวอร์แบงค์ หรือแบตเตอรี่สำรอง เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการชาร์จแบตมากยิ่งขึ้น ถูกออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก ไม่ว่าจะออกไปทำงาน ไปทำธุระ หรือไปเที่ยว ก็สามารถพกพา Power Bank ไปด้วยได้ในทุกที่ จะช่วยให้ผู้ใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ หมดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่ได้ อย่างไรก็ตามการจะนำ Power Bank มาใช้งานควรเลือกแบบคุณภาพดี และพิจารณาจากความจุแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ที่ใช้ด้วย
ควบคุมและดูแลการผลิตคอนเท้นส์ ชื่นชอบที่จะนำเสนอคอนเท้นส์ที่ดีๆ มีประโยชน์ให้กับท่านผู้อ่าน
พาวเวอร์แบงค์ iMI
-Output:USB-A,Type-C,ที่ชาร์จไร้สาย Input:Type-c
-แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ความจุ 20,000 mAh
พาวเวอร์แบงค์ Eloop รุ่น E12
-วัสดุผลิตจากพลาสติกผิวด้านทำสี สวยงาม ทนทาน
-ได้รับมาตราฐานสากล CE,FCC และ RoHS
พาวเวอร์แบงค์ Anker
-รองรับเทคโนโลยี QuickCharge3.0 และทั่วไป
-ควบคุมอุณหภูมิ,กระแสไฟ ควบคุมการลัวงจร
พาวเวอร์แบงค์ Acmic
-ผลิตจากวัสดุทนความร้อน ป้องกันการกระแทก
-หน้าจอแสดงปริมษรแบตเตอรี่แบบLED Display
พาวเวอร์แบงค์ Alpha X
-รองรับการรีชาร์จผ่าน Port USB และ Type – c
-มีหน้าจอแสดงสถานะการทำงานและเปอร์เซ็นต์แบต
พาวเวอร์แบงค์ REMAX
-มีจอแสดงผลบอกสถานะแบตป็นเปอร์เซ็นต์
-แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ ความจุ16000mAh
พาวเวอร์แบงค์ Veger รุ่น P5
-จ่ายไฟออก Port USB Type-c กระแสสูงสุด2.0A
-ผลิตจากพลาสติกทรความร้อน นำขึ้นเครื่องบินได้
พาวเวอร์แบงค์ Basike
-OutPut :USB พอร์ตคู่/InPut : USB Type-C
-2.1A FastCharg ชาร์จเร็วกว่าPowerBank 1A
พาวเวอร์แบงค์ AUKEY รุ่น PB-N83S
-ดีไซน์ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ง่ายต่อการพกพา
-Built-in Safeguard ไม่เกิดไฟช้อต ความร้อนเกิน
พาวเวอร์แบงค์ MOFIT รุ่น M10
-จ่ายไฟออกUSB 2 Port กำลังไฟสูงสุด 2.1A
-สามารถชาร์จได้2เครื่องพร้อมกัน มีไฟบอกสถานะ